ตอนที่ 5 บังอาจ
องค์หญิงจัสมินยกมือขึ้นปิดทับผืนผ้าที่ใช้ปิดบังใบหน้าเพื่อสำรวจว่ามันยังอยู่ในสภาพเดิมรึเปล่า แต่เธอลืมไปอีกอย่างว่า การที่เธอยกมือขึ้นแบบนั้นจะทำให้ดวงตาคมกริบหลุบลงมองมือบาง และสังเกตเห็นแหวนเพชรวงเล็กๆ ที่เธอสวม
“ปล่อย” จัสมินดิ้นรนจะลงจากอ้อมแขนของไฮซาน แต่องครักษ์หนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เพียงแค่ได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลของเธอเขาก็คิดว่าต้องใช่องค์หญิงแสนซนอยู่แล้ว และยิ่งได้เห็นแหวนที่เธอสวมติดนิ้วอยู่ตลอดเวลาวงนี้อีก ไฮซานก็ยิ่งมั่นใจว่าคนชุดดำที่อยู่ในวงแขนของเขา ต้องใช่องค์หญิงจัสมิน น้องสาวแสนซนคนสวยของชีคจาฟาร์ วัย 22 ปี อย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นใคร และทำไมถึงกระโดดลงมาจากกำแพง” ไฮซานแกล้งถาม เขาแสร้งทำเป็นจำเธอไม่ได้
“ข้าไม่ได้กระโดด แต่ข้าตกลงมาต่างหากล่ะ” จัสมินบอกเสียงสูงอย่างลืมตัว
“ตกลงมางั้นเหรอ…แล้วเจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้นล่ะ”
“เจ้าปล่อยข้าลงก่อนสิ แล้วข้าจะบอก” จัสมินต่อรอง
องครักษ์หนุ่มรูปงามเกือบจะปล่อยร่างบางลงตามคำขอของเธอ แต่เรือนร่างนุ่มนิ่มและกลิ่นกายสาวที่แสนหอมนั้น ยั่วยวนจิตใจและกระชากความรู้สึกของเขาให้หลงลืมความเหมาะสมใดๆ ทั้งสิ้น ไฮซานมองสบดวงตากลมโตสีน้ำตาลที่เปล่งประกายแวววาวอย่างเอาเรื่องนั้นนิ่งๆ และกระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นให้เธอ
“ไม่…ถ้าข้าปล่อยเจ้าก็หนีน่ะสิ บอกข้ามาดีกว่า ว่าเจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้น หรือว่า…เจ้าแอบเข้าไปขโมยสิ่งใดออกมา”
“จะบ้าเหรอ ข้าไม่ใช่ขโมยนะ ข้าเป็น…”
“เป็นอะไร”
องค์หญิงจัสมินกัดริมฝีปากของตนแน่น เกือบไปแล้ว เธอเกือบหลุดปากบอกเขาไปแล้ว ถ้าเธอบอกว่าเป็นใคร หรือแสดงตัวออกไป ไฮซานคงต้องส่งตัวเธอกลับไปให้พี่ชายแน่ๆ
“ข้า…เป็นคนรับใช้ในวัง และ…เอ่อ…ข้าชอบปีนป่าย ก็เลยลองปีนกำแพงนี้ดู และพลาดตกลงมานี่ล่ะ” จัสมินโป้ปดชุดใหญ่ อย่างไม่น่าเชื่อเสียด้วยสิ แต่หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะปั้นแต่งเรื่องใดมาหลอกไฮซานได้อีก
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ หญิงรับใช้ที่ชอบปีนป่ายงั้นเหรอ น่าขันจริงๆ แล้วหญิงรับใช้ทำไมถึงสวมชุดดำปิดบังอำพรางซะขนาดนี้ เจ้าโกหก! อย่ามาหลอกข้าเสียให้ยากเลย เจ้าต้องเป็นหัวขโมยแน่ๆ ถึงต้องอำพรางตัวเองซะขนาดนี้ บอกมาว่าเจ้าเข้าไปขโมยอะไร”
“ข้าไม่ได้ขโมย”
“ข้าไม่เชื่อ ถ้างั้นข้าคงต้องตรวจค้นที่ตัวเจ้าซะหน่อยแล้ว เผื่อว่าเจ้าแอบซ่อนอะไรเอาไว้ข้างใน” ไฮซานบอกและวางร่างนุ่มนิ่มลงยืนบนพื้นทราย
“เจ้าอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ” จัสมินลืมตัวผลักอกกว้างเต็มแรง แต่ร่างสูงใหญ่ก็ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย
“ข้าไม่ได้ทำอะไรบ้าๆ แต่ข้าทำตามหน้าที่ ถ้าเจ้าแต่งตัวให้เหมือนคนทั่วไป และเดินเข้าออกมาทางประตู เจ้าก็คงไม่ต้องโดนตรวจค้น แต่นี่…เจ้ากลับปีนกำแพงเสี่ยงตายมาแบบนี้ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ”
“ไฮซาน!”
“โอ๊ะโอ…นี่เจ้ารู้จักชื่อข้าด้วยงั้นเหรอ” ไฮซานยังคงเล่นไปตามเกมที่จัสมินเริ่ม แต่ในใจของเขากำลังหัวเราะขำท่าทางที่จัสมินทำตัวราวกับผู้ชายอกสามศอก แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่า ชุดดำที่เธอใช้อำพรางตัวนั้นช่วยปกปิดเรือนร่างสะโอดสะองอ้อนแอ้นงดงามไม่ได้เลย
“เอ่อ…ขะ…ใครจะไม่รู้จักเจ้ากัน ก็ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าเป็นหญิงรับใช้ของท่านชีค ข้าก็ต้องรู้จักเจ้าดี ว่าเจ้าคือหัวหน้าองครักษ์ไฮซาน” จัสมินตอบ หญิงสาวกำลังหวาดหวั่นว่าจะถูกจับได้ เธอรู้ดีว่าไม่มีใครรอดพ้นสายตาคมกริบขององครักษ์หนุ่ม แต่เธอก็ยังคงต้องเสี่ยงต่อไป ไม่ใช่ว่าจัสมินกลัวว่าจะถูกจับส่งกลับไปให้ชีคจาฟาร์ผู้เป็นพี่ แต่หญิงสาวอยากจะหายตัวไปสักพักหนึ่ง เพื่อจะทำให้พี่ชายรู้ว่าอย่าได้ให้ใครมาดูตัวเธออีกเป็นอันขาด
“หึ…หึ แต่เจ้าคงไม่รู้อีกเรื่องหนึ่ง ว่าฐานะของหญิงรับใช้กับข้ามันต่างกันนัก และหญิงรับใช้ทุกคนไม่มีผู้ใดใช้สรรพนามเรียกข้าว่าเจ้า เหมือนอย่างที่เจ้ากำลังใช้เรียกข้าอยู่นี้”
จัสมินลืมไปเสียสนิทว่าไฮซานเป็นคนสนิทของพี่ชาย ทุกคนในวังจะเรียกเขาว่า “ท่านหัวหน้าองครักษ์” หรือ “ท่านไฮซาน” เหงื่อกาฬของจัสมินแตกพลั่ก เพราะหวาดหวั่นว่ากำลังจะถูกจับได้ หญิงสาวหมุนตัวหันหลังให้องครักษ์หนุ่มทันที
“เอ่อ…ข้า…”
“เจ้าบอกข้ามาดีกว่าว่าเจ้าเป็นใคร ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะต้องค้นตัวเจ้า”
เมื่อไม่มีทางออก จัสมินก็กวาดตาไปรอบๆ พลางใช้สมองครุ่นคิดหาหนทางรอดให้กับตัวเอง แต่จะต้องไม่ใช้ไฮซานรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นใคร หญิงสาววิ่งสุดชีวิตแม้จะไม่รู้ว่าทางที่เธอวิ่งมานั้นจะพาเธอไปเจอกับอะไร แต่หญิงสาวก็ต้องวิ่งเอาตัวรอดก่อน
“เฮ้…บ้าฉิบ องค์หญิงจัสมิน ทำไมท่านต้องวิ่งหนีข้าด้วย” ไฮซานพึมพำ ก่อนจะออกวิ่งตามร่างบางไป
จัสมินวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เธอจะไม่ยอมให้ไฮซานมาทำลายแผนการของเธอเป็นอันขาด แต่เนื่องจากองค์หญิงอย่างเธอไม่ชินกับการต้องวิ่งในทะเลทรายแบบนี้ แค่เดินเธอยังเหนื่อยแทบขาดใจ แต่นี่เธอกำลังวิ่งและเท้าบางๆ ของเธอก็เตะขอบทรายที่เป็นลอนเล็กๆ ขึ้นลงปรับเปลี่ยนทิศทางไปตามลมพายุที่โหมกระหน่ำเป็นครั้งคราว ร่างบางปลิวหวือถลาลงสู่พื้นทรายทันที
“ว้าย!”
ไฮซานเห็นร่างบางที่ล้มลง ก็เร่งฝีเท้าเข้าไปหาเธอ แต่หญิงสาวกลับรีบทรงตัวลุกขึ้นและตั้งท่าจะวิ่งหนีอีก องครักษ์หนุ่มจึงคว้าต้นแขนเรียวบางเอาไว้
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” จัสมินพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ไฮซานไม่ปล่อย เขากระตุกทีเดียวร่างบางก็ปลิวปะทะอกกว้างทันที
“องค์หญิงจัสมิน ทำไมท่านจะต้องหนีข้าด้วย”
“ไฮซาน…นี่เจ้ารู้แล้วเหรอ” จัสมินเบิกตากลมโตขึ้นกว้าง อย่างไม่คิดว่าองครักษ์หนุ่มจะรู้ได้รวดเร็วเพียงนี้
“ข้ารู้มาตั้งแต่ท่านอยู่ในอ้อมแขนของข้าแล้วล่ะ” ไฮซานตอบ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ดวงตาคมกริบวาววับจนจัสมินแทบไม่กล้าสบตาด้วย
“เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร แต่เจ้ายังบังอาจคิดจะตรวจค้นร่างกายของข้าอีกงั้นเหรอ” จัสมินตวาดเสียงสูง
“ข้าเพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น แต่ท่านต่างหากที่คิดอะไรพิเรนทร์ๆ ปีนป่ายกำแพงสูงขนาดนั้น ถ้าหากตกลงมาจะทำยังไง”
“มันเรื่องของข้าเจ้าไม่เกี่ยว ในเมื่อตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร เจ้าก็ควรปล่อยตัวข้าไปได้แล้ว” จัสมินสะบัดต้นแขนอีกครั้ง แต่ไฮซานก็ยังไม่ยอมปล่อยเหมือนเดิม
“ข้าคงปล่อยตัวท่านไม่ได้หรอก ท่านจะต้องกลับไปกับข้า” ไฮซานบอก และดึงร่างบางให้เดินตามไป แต่จัสมินก็ฝืนร่างเอาไว้ ทำให้ไฮซานเริ่มหนักใจ
ชายหนุ่มใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่าหลายเท่าตัวแบกร่างบางขึ้นพาดบ่า จัสมินดิ้นรนจะลงเต็มที่ มือบางทุบไปตามแผ่นหลังกว้างถี่ระรัว
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ไฮซาน”
“ไม่”
“ไม่ปล่อยใช่มั้ย ถ้างั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน” จบคำพูด จัสมินก็ดีดตัวขึ้นตรงตวัดผ้าปิดปากขึ้นและกัดเข้าที่ใบหูของไฮซานเต็มแรง จนรับรู้ถึงรสชาติความเค็มปร่าของเลือดสดๆ ที่ไหลซึมออกมาก
“โอ๊ย” องครักษ์หนุ่มร้องลั่น และปล่อยร่างบางลงสู่พื้น
“เป็นไงล่ะ ข้าเตือนเจ้าแล้วนะไฮซาน” จัสมินกระเด้งตัวไปยืนห่างชายหนุ่มทันที
“หนอย…องค์หญิงจัสมิน” ไฮซานคำรามลั่น ความรู้สึกเจ็บที่หูนั้นไม่เท่ากับเจ็บใจที่ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำร้ายเอาได้ง่ายๆ และเธอจะต้องโดนสั่งสอนให้รู้จักเข็ดหลาบเสียบ้าง จะได้จดจำเอาไว้ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับผู้ชายตัวโตๆ เช่นเขา
โดยที่จัสมินไม่ทันตั้งตัว ร่างบางก็ถูกรวบเข้าไปในอ้อมกอด มือหนากระตุกผ้าที่เธอใช้ปิดปากออก ก่อนจะบดขยี้เรียวปากนุ่มด้วยริมฝีปากของตัวเองเป็นการสั่งสอน จัสมินตัวชาวาบกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้จัก หญิงสาวถูกคลื่นความร้อนที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดพัดกระหน่ำจนรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะหลอมละลาย จนไฮซานเซออกไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากร้อนผ่าวผละออกจากริมฝีปากนุ่ม
“เพี๊ยะ” ตามมาด้วยเสียงฝ่ามือที่ฟาดกระทบผิวแก้มซีกซ้ายของไฮซานเต็มแรง แก้มสากขาวๆ ของไฮซานปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้าขึ้นทันที
“เจ้า…บังอาจมาก ข้าจะไปฟ้องท่านพี่ว่าเจ้าจูบข้า” ร่างบางกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ อย่างไม่พอใจและโกรธแค้น
ไฮซานตวัดตาคมกริบจ้องไปที่ใบหน้านวลเนียน ดวงตาคู่สวยวาวโรจน์ และริมฝีปากอิ่มที่แดงระเรื่อจากฝีมือของเขาเอง
“เอาสิ…เชิญท่านขี่ม้าสามศอกไปฟ้องท่านชีคได้เลย ข้าก็จะบอกท่านชีคเหมือนกัน ว่าท่านปีนกำแพงคิดจะหนีการดูตัวจากคนที่ท่านชีคเลือกสรรให้”
“กรี๊ด…ไฮซาน! เจ้าอย่าคิดนะว่าท่านพี่จะเข้าข้างเจ้า ในเมื่อข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ”
“ข้าไม่คิดว่าท่านชีคจะเข้าข้างข้าหรอก แต่ข้าจะบอกท่านชีคว่าข้าบังเอิญผ่านไปเห็นองค์หญิงกำลังตกลงมาจากกำแพงที่สูงลิบ และข้าก็เข้าไปช่วยท่านไว้ได้ทัน แต่ท่านกลับทำร้ายร่างกายข้า” ไฮซานบอก และยกปลายนิ้วเรียวใหญ่ชี้ที่ใบหูที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่ “นี่ไงหลักฐาน” และชี้ไปที่แก้มข้างซ้ายที่เป็นรอยนิ้วมือทั้งห้าของเธอ “และนี่ก็ด้วย”
จัสมินเม้มปากแน่นอย่างแค้นเคือง ‘สงสัยจะพูดกันดีๆ ไม่ได้แล้วกระมัง’ หญิงสาวคิด และหลับตาลง ก็จะร่ายมนตร์ใส่เขาแทน แต่เธอไม่รู้หรอกว่าเขาก็เรียนรู้มนตร์ขลังแห่งบาร์ยาเนียมาเหมือนกัน และอาจจะเยอะกว่าเธออีกด้วย
ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว และยืนซ้อนหลังหญิงสาวก่อนที่จัสมินจะลืมตาเพียงชั่วแว่บเดียว
“ท่านคิดว่าสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้มาจากท่านชีค ข้าจะไม่รู้ด้วยรึไง ในเมื่อข้าเป็นทั้งหัวหน้าองครักษ์และสหายคนสนิทของท่านชีค ท่านประเมินข้าผิดไปไกลแล้วองค์หญิง และต่อไปนี้ข้าจะให้ท่านรู้ว่านอกจากยศฐาบรรดาศักดิ์แล้ว ใครจะเหนือกว่าใคร” แล้วไฮซานก็ร่ายมนตร์ใส่องค์หญิงจัสมินแทน
แต่แทนที่จัสมินจะสลบไสลไม่ได้สติ กลับกลายเป็นหญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้ไฮซาน แถมมือบางยังวางบนอกกว้างของเขาอีกด้วย
“ไฮซาน…” จัสมินเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว ดวงตาคู่สวยจ้องมองที่เขาด้วยแววตาหยาดเยิ้มชวนฝัน
“องค์หญิงจัสมิน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า…ข้าร่ายมนตร์ผิด”
ไฮซานเริ่มปวดหัวหนึบเมื่อไม่รู้จะทำยังไงกับร่างบางตรงนี้ เขาใช้มนตร์แห่งเสน่หาจนติดปาก และเผลอร่ายมนตร์นี้ใส่หญิงสาวตรงหน้าเสียอีก ถ้าเป็นหญิงอื่น ไฮซานจะไม่ลำบากใจเลยแม้แต่น้อย แต่นี่…เธอเป็นถึงน้องสาวคนเดียวของท่านชีคผู้ปกครองนครบาร์ยาเนีย ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาคิดหาหนทางแก้ไข มีทางเดียวที่ทำให้จัสมินฟื้นคืนสติก็คือ ต้องอาบน้ำชำระร่างกาย และนอนแช่น้ำดับความร้อนในร่างกายอาจต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าเขาไม่ร่วมรักกับเธอ เขาก็ต้องพาเธออาบน้ำแทน
“ไฮซาน…ข้าร้อนจังเลย” จัสมินบอบเสียงกระเส่า มือบางปลดเข็มขัดคาดเอวออก
“อย่านะองค์หญิง!” เขาร้องห้ามเสียงหลง
“ข้าร้อนเหลือเกิน ข้าอยากถอดชุดพวกนี้ออก” จัสมินไม่ฟัง ตั้งท่าจะถอดเสื้อท่าเดียว
ไฮซานตัดสินใจอุ้มร่างบางขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินลิ่วๆ ตรงไปยังบ้านพักของตัวเองที่อยู่ใกล้ๆ กับวังของชีคจาฟาร์
องครักษ์หนุ่มรูปงามอุ้มร่างบางเลยเข้าไปในส่วนที่จัดไว้เป็นห้องน้ำ แต่ห้องน้ำของไฮซานไม่มีอ่างให้แช่ตัวเหมือนในวัง แต่มีฝักบัวทองเหลืองขนาดใหญ่แทน ไฮซานหมุนฝักบัวเปิดน้ำ และดันร่างบางให้เข้าไปยืนใต้สายน้ำ น้ำเย็นๆ นั้นน่าจะดับความร้อนจากร่างบางได้บ้าง
“ไฮซาน”
“องค์หญิง ท่านต้องอาบน้ำซะ ข้าจะออกไปรอข้างนอก” ร่างสูงบอกและหมุนตัวจะเดินออกไป แต่อ้อมแขนเรียวบางกลับรวบเอวหนาของเขาเอาไว้แน่น ใบหน้างามแสนสวยนั้นแนบไปกับแผ่นหลังกว้างของหัวหน้าองครักษ์หนุ่ม และถูไถไปมาอย่างยั่วยวน
ไฮซานยืนตัวแข็งกำหมัดแน่น และกดอารมณ์ใฝ่ต่ำที่กำลังพุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ ให้กลับลงไป แต่ดูเหมือนว่าจะทำได้ยากเย็นนัก เพราะร่างบางอรชรที่แนบไปกับลำตัวด้านหลังของเขานั้น ส่งผลให้ชายหนุ่มต้องขบกรามแน่น
“องค์หญิง อยู่ห่างๆ ข้าเอาไว้ ก่อนที่ข้าจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้” ไฮซานหมุนตัวกลับมาดันร่างบางออกห่างจนสุดช่วงแขน ก่อนจะบอกเสียงต่ำลอดไรฟันออกมา
“ไฮซาน ข้าร้อนจังเลย ข้าอยากถอดชุดนี้ออก” จัสมินไม่เพียงแต่บอกอย่างเดียว มือบางยังดึงรั้งผ้าสีดำออกจากเรือนร่าง
“อย่า…องค์หญิงจัสมิน”
“ไฮซาน ช่วยข้าด้วย ช่วยดับความร้อนในกายข้าที ข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว มันทรมานเหลือเกิน” จัสมินพร่ำบอกอย่างน่าสงสาร
ไฮซานยืนนิ่งเหมือนถูกสาป เมื่อจัสมินปลดผ้าที่รัดรึงออก ผิวเนื้อนวลเนียนขาวผ่องประจักษ์แก่สายตาของหัวหน้าองครักษ์รูปงาม “จัสมิน” ชายหนุ่มครางเสียงต่ำพร่าในลำคอ เขาอยากปฏิเสธเธอ อยากหนีเธอ แต่ร่างกายของเขาตอนนี้ก็เรียกร้องหาเธอ ไม่ต่างกับจัสมินเช่นกัน
ดวงตาคมกริบหรี่ลงมองความงามตรงหน้า จริงอยู่ว่าเขาไม่เคยเห็นจัสมินเป็นมากกว่าน้องสาวของชีคจาฟาร์เลย แต่คราวนี้หัวใจของเขากระตุก มันสั่นหวิวเหมือนคนเป็นโรคหัวใจ มือบางยื่นมาจับต้นแขนกำยำ และดึงร่างหนาเข้าหาตัวอย่างไม่อาย องค์หญิงจัสมินตอนนี้ไม่มีสติสัมปชัญญะ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไร เธอกำลังเล่นกับไฟ และไฟอย่างเขาก็มอดไหม้ไม่ได้ง่ายๆ เสียด้วย
ไฮซานปัดความคิดทั้งหมดออกจากหัว มือหนาประคองสองแก้มนุ่มของจัสมินเอาไว้ ก่อนจะกดริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากนุ่มเบาๆ และถอนออก
“องค์หญิง ถ้าข้าเริ่มแล้ว ข้าจะหยุดตัวเองไม่ได้นะ”
“ไฮซาน ช่วยข้าที”
องครักษ์หนุ่มหมดสิ้นความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ริมฝีปากหนาแนบชิดเรียวปากนุ่ม ปลายลิ้นอุ่นสากลากไล้ไปบนผิวเนื้อนุ่ม จนหญิงสาวเผยอริมฝีปากออกต้อนรับเรียวลิ้นอันช่ำชองเข้ามาทักทายเรียวลิ้นนุ่มของเธอแต่โดยดี มือหนาโอบร่างบางแนบชิดร่างหนามากยิ่งขึ้น ลูบไล้ผิวเนื้อนุ่มนวลเนียนของแผ่นหลังบอบบาง ปลายนิ้วเรียวยาวปลดตะขอเสื้อบราเซียสีหวานออก ก่อนจะใช้มือหนาห่อหุ้มทรวงงามเอาไว้แทนผ้าผืนน้อย
ไฮซานตวัดเรียวลิ้นเกี่ยวพันดูดดื่มความหวานในโพรงปากนุ่มอย่างหลงใหล กวาดไล้ไปทั่วกระพุ้งแก้มนุ่ม ไรฟันซี่เล็กๆ ขาวสะอาด และตวัดทักทายเรียวลิ้นนุ่มอีกครั้ง
จัสมินลูบไล้มือน้อยๆ ไปทั่วร่างหนา เข็มขัดที่คาดเอวหนาถูกปลดด้วยมือบาง ก่อนจะถูกโยนทิ้งไปไม่รู้ทิศรู้ทาง นิ้วเรียวสวยไล่ปลดกระดุมเสื้อออกจนหมดแถว สอดแทรกฝ่ามือนุ่มนิ่มเข้าไปสัมผัสอกกว้างที่ประดับด้วยไรขนอ่อนนุ่มมือ ตุ่มไตเม็ดเล็กๆ สีเข้มที่อยู่บนทรวงอกกว้าง ถูกมือน้อยลูบไล้ และหยอกล้อด้วยปลายนิ้วอย่างแสนซน
“อา…องค์หญิง” ไฮซานต้องถอนริมฝีปากออก เพื่อจะปล่อยเสียงครางแผ่วๆ ออกมา ความอยากรู้อยากลองที่แสนจะเงอะงะของจัสมินทำให้ไฮซานแทบคลั่ง ร่างหนาเบียดร่างบางให้ถอยหลังพิงผนังห้อง สายน้ำไหลลงมากระทบร่างสองร่างที่เคล้าเคลียกันไม่ห่าง ความเย็นจากสายน้ำไม่ทำให้ไฟในกายมอดลง แต่กลับเปลี่ยนสายน้ำที่เย็นเฉียบให้เป็นสายน้ำที่เดือดพล่านไปด้วยไฟเสน่หา
ต้นขาแข็งแรงข้างหนึ่งของไฮซาน แทรกเข้าระหว่างต้นขาเรียวงาม องครักษ์หนุ่มก้มตัวลงดูดกลืนยอดถันสีทับทิมเข้าปาก ปลายลิ้นสากตวัดไปมาอย่างหยอกเย้า มือหนาเคล้นคลึงดันเต้าทรวงขึ้น เพื่อให้ปากได้ทำงานอย่างถนัดถนี่
“ไฮซาน…” จัสมินครวญครางเรียกชื่อชายหนุ่ม ถ้าเป็นเวลาที่หญิงสาวมีสติเต็มที่ และครางเรียกชื่อเขาเสียงกระเส่าแบบนี้ ไฮซานคงรู้สึกยินดีมาก ทว่าขณะนี้…แม้จะไม่น่ายินดีเท่าที่ควร แต่ชายหนุ่มก็หยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
มือหนาดึงรั้งกางเกงสีดำที่จัสมินสวมลงจนสุดปลายเท้า ซึ่งหญิงสาวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วเรือนร่างงดงามระหง เธอสวยเขารู้มานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าองค์หญิงที่เขาเห็นเธอมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย จะสวยสดงดงามมากขนาดนี้ พระเจ้าต้องกลั่นแกล้งเขาแน่ ที่ดลบันดาลให้เขาเพิ่งจะได้เห็นความงามตรงหน้า พร้อมกับทำให้เขาหัวใจกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ได้โอบกอดเธอในตอนนี้ ทั้งที่ไฮซานตามหารักแท้มาเนิ่นนานถึง 32 ปี
เมื่อร่างบางเริ่มสั่นสะท้านเพราะเหน็บหนาวจากสายน้ำที่กระทบกายอยู่ตลอดเวลา ไฮซานอุ้มร่างบางไปวางบนเตียงนุ่ม ร่างที่เปียกชื้นของจัสมินทำให้ที่นอนของเขาเปียกตามไปด้วย แต่ไฮซานไม่สนใจ ตอนนี้เขาสนใจแต่เพียงร่างบางที่แสนงดงามตรงหน้าเท่านั้น
จัสมินบิดกายไปมาอย่างเร่าร้อน เมื่อไฮซานทอดทิ้งเธอไว้ให้เดียวดายอยู่บนเตียงนุ่ม ชายหนุ่มกระตุกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะปลดเสื้อผ้าที่เหลือออกจากร่างตน ดวงตาคมมองสบดวงตาคู่สวยที่หรี่ปรือลงเพราะไฟเสน่หา ก่อนจะลดลงมองส่วนกลางร่างสาวที่จีสตริงตัวน้อยนั้นปกปิดอะไรไม่ได้เลย มือหนาจับต้นขาเรียวงามดันออกแยกจากกันจนกว้าง เขานั่งคุกเข่าที่ปลายเท้าบาง และก้มตัวลงสูดดมกลิ่นกายสาวเข้าปอด เธอช่างหอมหวานนัก
ไฮซานกดปลายจมูกลงบนส่วนกลางลำตัวสาว เคล้าคลึงปลายจมูกโด่งกับเกสรงามที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าผืนน้อย ร่างบางแอ่นรับขึ้นทันทีอย่างเสียวซ่าน
“ไฮซาน…”
เสียงครวญครางขององค์หญิงแสนสวยทำให้ไฮซานยิ่งฮึกเหิม เขาใช้ปลายนิ้วเกี่ยวขอบจีสตริงลงช้าๆ จนหลุดออก ความงามของเนินสวาทที่ปกคลุมด้วยเส้นไหมนุ่มบางเบา ยั่วใจให้ชายหนุ่มต้องก้มลงตวัดปลายลิ้นบนเกสรสาวที่ขยายนูนเพราะความต้องการ
จัสมินครวญครางไม่ขาดปาก น้ำเสียงหวานๆ นั้นกระเส่าราวกับคนเจ็บปวด หากจัสมินกำลังเจ็บปวดเพราะยังไม่ได้ปลดปล่อยนั่นเอง
องครักษ์หนุ่มปรนเปรอสวาท ด้วยการกรีดปลายลิ้นไปตามรอยแยกของกลีบกุหลาบ เนื้อในนุ่มนิ่มแดงสดเพราะยังไม่เคยถูกสิ่งใดรุกราน ปลายลิ้นร้ายกาจไล้ไปมาสร้างความเสียวกระสันให้เกิดแก่หญิงสาว จนต้องส่ายสะโพกไปมา มือหนายึดสะโพกงอนงามเอาไว้ เพื่อปลายลิ้นสากจะได้ทำงานได้ถนัดขึ้น
น้ำหวานเริ่มซึมออกมาจากเกสรสาว ไฮซานดื่มด่ำทุกหยาดหยดอย่างหลงใหล ก่อนจะถอนริมฝีปากออก และแทนที่เรียวลิ้นสากด้วยปลายนิ้วเรียว ไฮซานค่อยๆ สอดปลายนิ้วเข้าไป และต้องพบกับสิ่งกีดขวางบางเบา
“ไฮซานช่วยด้วย” อีกครั้งที่เสียงกระเส่าของจัสมินเรียกร้องให้ชายหนุ่มช่วยคลายความต้องการที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย
องครักษ์หนุ่มจึงตอบสนองด้วยการขยับปลายนิ้วเข้าออกเบาๆ จนร่างงามกระตุก แต่ไฮซานรู้ว่ามันยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของจัสมิน ชายหนุ่มถอดถอนปลายนิ้วออก และขยับร่างเข้าหา มือหนายกต้นขาเรียวและผลักดันไปข้างหน้า ก่อนจรดความแข็งแกร่งเคล้าคลึงกุหลาบดอกงามไปมา และค่อยๆ กดลึกเข้าไปในความอบอุ่นช้าๆ
“ไฮซาน…” จัสมินกรีดเสียงร้องเจ็บปวดที่ใจกลางร่างสาว น้ำตาไหลออกมาเป็นทางที่หางตา
“ข้าขอโทษที่ต้องทำให้ท่านเจ็บ แต่ข้ารับรองว่ามันจะหายเจ็บในไม่ช้า” ไฮซานพร่ำพูดปลอบใจหญิงสาว ก่อนจะผลักดันร่างแกร่งเข้าไปสุดทางรัก
ไฮซานก้มลงประกบริมฝีปากหนากับเรียวปากนุ่มปิดกั้นเสียงร้อง และดึงความสนใจจากหญิงสาว เขาแช่ร่างแกร่งในความอบอุ่นนิ่งๆ เพื่อให้จัสมินได้ปรับตัว ก่อนจะค่อยๆ ขยับร่างเข้าออก ความคับแน่นทำให้ชายหนุ่มต้องกัดฟัน เหงื่อกาฬซึมออกมาจากร่างของทั้งคู่
องครักษ์หนุ่มถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากนุ่ม พรมจูบไปทั่วดวงหน้างดงาม เร่งความเร็วที่ส่วนกลางลำตัว ก่อนที่ความอบอุ่นนุ่มนิ่มจะตอดรัดจนเขาไม่อาจทานทนไหว และก่อนวินาทีสุดท้าย ไฮซานก็ถอนตัวออกจากร่างสาว สายธารรักถูกขับออกมาบนหน้าท้องแบนราบของจัสมิน เขาอยากจะปลดปล่อยในร่างเธอ แต่หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้ไฮซานต้องควบคุมตัวเองเอาไว้ก่อน
ไฮซานคำรามลั่น ก่อนจะทรุดตัวลงทาบทับร่างบางเอาไว้ทั้งตัว หญิงสาวหลับตาพริ้ม แต่มือบางยังคงลูบไล้แผ่นหลังกว้างไปมา
“ไฮซาน” จัสมินเรียกชายหนุ่มอีกครั้ง ทำให้ร่างสูงที่เพิ่งจะพักเอาแรงไปได้เพียงชั่วครู่เดียว ต้องผงกหัวขึ้นมองสบตาฉ่ำหวานเรียกร้องของหญิงสาว
“จะไม่ให้พักเลยรึไงทูนหัว” เขาแสร้งบ่น แต่ก็ทรงตัวขึ้น และเริ่มเล้าโลมร่างบางอีกครั้ง
บทรักของไฮซานและองค์หญิงแสนซนกว่าจะจบลงได้ ก็เล่นเอาไฮซานหมดแรง สลบเหมือดไปหลายชั่วโมง พร้อมกับหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยเช่นกัน
องค์หญิงจัสมินรู้สึกตัวในอีก 3 ชั่วโมงต่อมา ดวงตาคู่สวยเปิดกว้างขึ้นมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหยุดลงที่ใบหน้าคมคายของคนที่นอนกอดเธอแนบแน่นอยู่ หญิงสาวมองเขาอย่างงงๆ และสมองก็เริ่มทบทวนความทรงจำของตัวเอง ก่อนที่ผุดลุกขึ้นนั่ง
“อ๊าย…ไฮซาน เจ้าทำอะไรข้า” จัสมินทุบตีร่างสูงไม่หยุด จนไฮซานต้องลุกขึ้น และรวบข้อมือบางเอาไว้ ก่อนจะกดร่างบางลงกับที่นอนนุ่มอีกครั้ง โดยชูมือบางขึ้นเหนือศีรษะ
“ไฮซาน เจ้าทำแบบนี้กับข้าได้ยังไง ข้าจะไปฟ้องท่านพี่ ให้ฆ่าเจ้าทิ้งซะ คนสารเลว เจ้ามันชั่วช้าหาที่เปรียบมิได้ คอยดูนะ ข้าจะให้ท่านพี่ฆ่าเจ้าทิ้ง”
“ท่านจะฆ่าข้าได้ลงคอเชียวเหรอ ข้าเป็นสามีของท่านแล้วนะองค์หญิง”
“คนเลว เจ้า…” จัสมินร่ำไห้ออกมาอย่างอดสู เธอจำได้รางเลือนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ไม่เอาน่ะที่รัก อย่าร้องไห้ แม้ว่าข้าจะเป็นคนไม่ดี รังแกท่าน แต่ข้าจะรับผิดชอบท่านเอง ข้าสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งท่าน”
“เจ้าไม่มีวันได้ดูแลข้าหรอก เพราะท่านพี่จะต้องฆ่าเจ้าแน่นอน”
“ข้าไม่เคยกลัวความตาย ชีวิตของข้าแขวนอยู่บนเส้นด้ายมาตลอด แล้วท่านต้องการให้ข้าตายจริงๆ น่ะเหรอ” แววตาของไฮซานนั้นฉายแววเสียใจออกมาจนหัวใจของจัสมินกระตุกวาบ เธอไม่เคยรังเกียจเขา แต่เธอยอมรับเขาไม่ได้ หญิงสาวไม่อยากมีคู่ครอง ไม่อยากแต่งงาน ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น เธอหนีทุกครั้งที่ทำได้เมื่อมีคนมาดูตัว แต่แล้วเธอกลับต้องเสียพรหมจรรย์ที่อุตส่าห์รักษาเอาไว้ ให้หัวหน้าองครักษ์ที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เยาว์วัย
“ไม่รู้ล่ะ ข้าจะบอกท่านพี่แน่ๆ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” จัสมินสะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุม และผลักร่างหนาเต็มแรง ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่ปนเปกันอยู่บนพื้น ขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว แม้ผ้าจะเปียกชื้น แต่เธอก็ยังต้องสวม เพราะไม่มีชุดอื่นให้เปลี่ยน
“องค์หญิง ข้าขอโทษ ข้าไม่มีอะไรจะแก้ตัว นอกจากจะบอกว่าข้าเริ่มชอบท่าน ถ้าเราปรับตัวเข้าหากัน เราคงจะรักกันได้ไม่ยาก แต่…ถ้าท่านอยากให้ข้าตาย ข้าก็จะไม่ห้ามและจะน้อมรับแต่โดยดี” ไฮซานบอก
องค์หญิงจัสมินหยุดมององครักษ์หนุ่มที่เป็นเจ้าของร่างกายเธอนิ่ง แววตาคู่สวยนั้นทั้งเจ็บปวด และโกรธแค้น
“เจ้าได้ตายแน่นอน ไฮซาน” จัสมินบอก และเดินแกมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ไฮซานต้องมองตามอย่างเสียใจ เห็นทีเขาคงต้องจบชีวิตด้วยวัยเพียง 32 ปีแล้วแน่แท้
MANGA DISCUSSION