เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 27 [บทที่ 5 มิไร] คำขอโทษ
- Home
- เมื่อกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนสมัยเด็ก จึงตัดสินใจกระโดดตึกกับสาวสวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 27 [บทที่ 5 มิไร] คำขอโทษ
“…ฮะ? ฉันไม่มีทางให้อภัยเธอได้หรอก”
นัตสึกิพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจและพึมพำออกมา
“…ผมไม่ได้ต้องการให้เธอให้อภัยหรอก
แต่แค่อยากให้เธอรู้ว่า
โทวะกำลังสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำไป”
อิโอริเดินเข้าไปหานัตสึกิ
พร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“แล้วไงล่ะ? จะทำอะไรก็เรื่องของยัยนั่นสิ”
“ผมอยากให้เธอลองฟังดู
อิโอริไม่ได้มายืนตรงนี้ต่อหน้าเธอ
ด้วยความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ หรอกนะ”
ผมพูดแทรกนัตสึกิ
“ชิ”
นัตสึกิจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะพูดต่อ
“ก็ได้ เพื่อเห็นแก่นาย ฉันจะฟังก็แล้วกัน”
หลังพูดจบ นัตสึกิก็เร่งอิโอริ
ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนออกคำสั่ง
“พูดมาสิ เร็วๆ หน่อย”
อิโอริไม่ได้ดูโกรธเคืองกับน้ำเสียงของเธอ
เธอสูดหายใจลึกๆ สองสามครั้งก่อนจะเริ่มพูด
“อะไร? แค่จะมาคุยกับคนที่ถูกเธอแกล้ง
แต่ทำไมถึงทำตัวแปลกๆ แบบนี้?
มีอะไรผิดปกติเหรอ?
ทำไมไม่หัวเราะเหมือนเคยล่ะ?
ทำตัวหยิ่งยโสมองฉันต่ำเหมือนที่เคยทำ
ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้แล้วเหรอ?
…ถ้าไม่มีกลุ่มเพื่อน เธอก็คงทำอะไรไม่ได้เลย
ใช่ไหม?”
อิโอริเงียบไป
นัตสึกิยังคงเย้ยหยันและยั่วยุอิโอริ
ด้วยความโกรธและความแค้นที่สะสมมานาน
มันก็ไม่แปลกที่เธอจะเป็นแบบนี้ แต่…
…ความดื้อรั้นและความแข็งกระด้างเกินไป
อาจกลายเป็นจุดอ่อนของนัตสึกิ
ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ต่อไป
เธอคงลำบากหากไม่มีคนรอบตัวที่เข้าใจเธอ
“…ใช่ เธอพูดถูก โทวะทำอะไรไม่ได้เลย”
อิโอริฟังคำพูดของนัตสึกิด้วยสีหน้าจริงจัง
“โทวะไม่มีความมั่นใจอะไรเลย
นอกจากความน่ารักของตัวเอง
แล้วก็ไม่ได้ฉลาดนัก เพราะขาดความมั่นใจ
โทวะเลยยอมทำสิ่งที่รู้ว่ามันผิด
เพียงเพราะคนรอบข้างสนับสนุนให้ทำ…”
“อ้อ งั้นเธอจะบอกว่าคนรอบตัวเธอเป็นต้นเหตุ
ให้เธอแกล้งฉัน แล้ว ‘โทวะคนแสนน่ารัก’
ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยใช่ไหม?
อ่อๆ เข้าใจแล้ว โทวะจังที่น่ารักที่สุด
ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยใช่ไหม?”
“ไม่ใช่หรอก นัตสึกิ…
นัตสึกิ มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น
การที่ฉันแกล้งเธอมันเป็นเพราะว่า…
ฉันรำคาญเธอต่างหาก”
“หึ? ฉันทำอะไรให้เธอ?”
“ทำสิ”
อิโอริตอบคำพูดของนัตสึกิอย่างหนักแน่น
“จริงๆ แล้วโทวะอยากเป็นเพื่อนกับนัตสึกิ
อยากฟังเรื่องราวเกี่ยวกับโตเกียวจากเธอ
อยากเรียนรู้และศึกษาอะไรจากเธอ
แถมเธอก็ดูสวยมาก
โทวะคิดว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยด้วยซ้ำ
นั่นแหละที่ทำให้โทวะเข้าหาเธอ
ตอนที่เธอเริ่มถูกคนอื่นตีตัวออกห่าง!”
“ฉันไม่เห็นรู้เรื่องพวกนั้นเลย”
“…อะไรนะ?
เธอหมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่รู้?!
ตอนที่พวกผู้หญิงในห้องพากันพูดเรื่องแย่ๆ
เกี่ยวกับเธอ โทวะบอกกับนัตสึกิว่า
[อย่าไปสนใจพวกนั้นจะดีกว่า]
หรืออะไรทำนองนั้น
แล้วเธอก็มาพูดจาดูถูกฉันกลับว่า
[หุบปากไปซะ เธอไม่มีสิทธิ์มาสงสารฉัน
ยัยบ้านนอก!]
นั่นแหละที่ทำให้ฉันช็อกและ…โกรธมาก!
เลยไปรวมหัวกับริการิโนะแกล้งเธอ”
“อ้อ ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว
มันอาจจะเคยเกิดขึ้นจริง
แต่สุดท้ายเธอก็พูดอะไรบางอย่างทำนองนี้ว่า
[มิไรจังเองก็มีข้อเสียเหมือนกันนะ
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอลองคิดถึงความรู้สึก
ของคนอื่นมากขึ้นอีกหน่อย]
เธอทำตัวน่าหมั่นไส้ ภูมิใจในตัวเอง
แล้วยังมองฉันต่ำอีก
แถมยังล้อเลียนฉันใช่ไหม?”
อิโอริอาจจะไม่ได้ตั้งใจพูดในเชิงประชดประชัน
แต่เป็นนัตสึกิเองที่คิดไปแบบนั้น
เพราะในตอนนั้นนัตสึกิ
ได้สูญเสียความไว้วางใจในคนรอบตัวไปแล้ว
“อะไรนะ?! เธอพูดเรื่องอะไร?
ไม่ใช่เลย…มันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง!
โทวะไม่ได้คิดแบบนั้น…
ขนาดอากิเชื่อในตัวฉัน!
ทำไมเธอถึงไม่เชื่อฉันบ้าง?”
นัตสึกิฟังสิ่งที่อิโอริพูด
แล้วหันมามองผมแวบหนึ่ง
ผมเคยคุยกับอิโอริเล็กน้อย
เกี่ยวกับเรื่องที่เราพยายามจะปรับความเข้าใจ
แต่แน่นอนว่าผมไม่ได้บอกนัตสึกิ
เธอคงสงสัยอยู่
ผมพยายามจะอธิบาย
แต่ก่อนที่ผมจะทันพูดอะไร
อิโอริก็พูดต่อ
“ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เราคุยกันอยู่ตอนนี้
ฉันแค่อยากขอโทษนัตสึกิ”
อิโอริพูด พร้อมมองนัตสึกิตรงๆ
“ฉันขอโทษสำหรับสิ่งเลวร้ายทั้งหมด
ที่ฉันเคยทำกับเธอฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว
ไม่ใช่แค่กับเธอ แต่กับใครก็ตาม
ฉันขอโทษจริงๆ”
อิโอริพูดและก้มศีรษะลงต่อหน้านัตสึกิ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
นัตสึกิกัดริมฝีปากแล้วถอนหายใจ
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแล้ว
ฉันเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ฉันไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว
เรามาดีกันจากนี้ไปเถอะ”
นัตสึกิพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ และยิ้ม
เมื่อเห็นสีหน้าของนัตสึกิ อิโอริก็พูดว่า
“โกหก”
อิโอริแสดงความเสียใจ
แต่ก็สื่อถึงความตั้งใจของตัวเองอย่างชัดเจน
“โทวะน่ะ ต่อให้เธอพูดอะไร มันก็ไม่เป็นไร
ต่อให้การแก้แค้นจะรุนแรงแค่ไหน
จากสิ่งที่เคยทำมาทั้งหมด
มันก็เข้าใจได้ว่ามันช่วยไม่ได้…
เอาออกมาให้หมดเลย
ทุกอย่างที่เธอเก็บกดเอาไว้”
เมื่อได้ยินคำพูดของอิโอริ
นัตสึกิพึมพำเบาๆ ด้วยอาการงุนงง
“หา?”
เธอดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
แต่ในความเป็นจริง
เธอกำลังพยายามซ่อนความโกรธของตัวเอง
อย่างสุดความสามารถ
นัตสึกิมองมาที่ผม
ราวกับต้องการให้ช่วยอะไรสักอย่าง
ผมจ้องกลับไปเงียบๆ
ผมคิดว่าคงดีกว่า
ถ้าเธอพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาตรงนี้
จากนั้นนัตสึกิแสดงสีหน้าที่ดูเศร้าขึ้นเล็กน้อย
และพูดว่า
“ให้พูดออกมาหมดงั้นเหรอ?
นั่นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
ต่อให้มีเวลามากแค่ไหน
มันก็ไม่พอที่จะพูดออกมาให้หมด!”
นัตสึกิพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือฃ