บทที่ 4 ตอนที่ 5.2
「เอาล่ะ ข้าวก็กินกันเสร็จแล้ว จากนี้ไปจะทำอะไรต่อ?」
อาจารย์ปิดฝากล่องเบนโตะแล้วถามกับทุกคน
「อุมุ…..จะกลับบ้าน หรือว่าไปพักที่โรงแรมใกล้ๆ งั้นสินะ ถ้าคิดถึงแค่ประสิทธิภาพแล้ว ทางที่ดีที่สุดก็คงเป็นการพักที่โรงแรมใกล้ๆ แต่…..」
「มันคงต้องใช้เวลามากกว่า 1 หรือ 2 วันที่จะพิชิตเขาวงกตแห่งนี้น่ะสิ…..」
หากคำนึงถึงภาระทางจิตใจแล้ว ทางที่ดีที่สุดคงเป็นการกลับบ้านเพื่อพักผ่อนให้เพียงพอ ถึงแม้ว่าจะหมายถึงการเสียเวลาเพิ่มเล็กน้อยในการพิชิตเขาวงกตก็ตาม…..
แล้ว ขณะที่บรรยากาศกำลังหันเหไปทางให้กลับบ้าน
「ไม่ไม่ไม่ พูดอะไรกันอยู่ส์ค่ะ! มันแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องค้างที่โรงเรียนไปแบบนี้ต่างหากส์!」
อันนาส่งเสียงขึ้นพร้อมหางม้าสีแดงที่ส่ายไปมา
「อุตส่าห์เป็นโอกาศหายากที่จะได้ค้างคืนที่โรงเรียนส์เชียวน่ะ!? แล้วจะให้กลับไปบ้านหรือพักที่โรงแรมซะอย่างนั้นเนี่ย…..เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ!」
「เอ…..บอกว่าจะค้างคืนที่โรงเรียนงั้นเหรอ? เพื่อ? กับพื้นฝุ่นเครอะแบบนี้เนี่ยนะ?」
โอริเบะที่ถูกเลี้ยงมาอย่างลูกคุณหนูทำหน้ามุ่ย แต่อันนาก็ แน่นอน! ด้วยความหนักแน่น
「ของมันแน่อยู่แล้ว! ถ้าโรงเรียนเปิดเทอม มันก็จะไม่ค่อยมีโอกาศให้ค้างคืนที่โรงเรียนส์น่ะสิ!? ค่ายฝึกที่โรงเรียน! อ่าห์ ให้ความรู้สึกสมกับเป็นกิจกรรมชมรมส์จริงๆ!」
โอริเบะอึ้งให้กับคำพูดอันร้อนแรงของอันนา ขณะเดียวกันอาจารย์ก็ยิ้มแห้งๆให้ แต่…..ผมก็ชอบอันนาที่เป็นแบบนั้น
เมื่อมองไปรอบๆอีกครั้ง มันก็ให้ความรู้สึกพิเศษบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ของการอยู่โรงเรียนตอนกลางคืนอยู่
กลางคืนที่ถูกส่องแสงจากหลอดไฟ ห้องเรียนที่ดูแตกต่างไปจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้การจัดวางของโต๊ะและกระดานดำจะยังอยู่ที่เดิม แต่มันก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นแบบแปลกๆ
โถงทางเดินที่ปกติจะมีเสียงดังแต่ในตอนนี้กลับเงียบ ความมืดที่มีเพียงแสงจากไฟเครื่องส่งสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน ทำให้สถานที่ราวกับเป็นบ้านผีสิงไปโดยธรรมชาติ
แม้แต่เสียงเล็กๆน้อยๆของแมลงด้านนอก ในตอนนี้ก็กลายเป็น BGM ประกอบที่ดีที่สุดไปแล้ว
โรงเรียนที่คุ้นเคย ในตอนนี้ดูน่าดึงดูดมากกว่าโรงแรมหรูหราที่ไหนๆ
และมันแน่นอนว่า ณ ตอนนี้…..ถ้าหากพลาดช่วงเวลาที่ยังเป็นนักเรียนม.ปลายไป ต่อให้ต้องจ่ายเงินไปมากแค่ไหน ก็คงไม่สามารถค้างอยู่ที่นี่ได้อีก
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ที่ชมรมดูดาวถูกยุบไปแล้ว มันคือสิทธิพิเศษที่ถูกมอบให้กับชมรมนักผจญภัยเท่านั้น
รู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองจะโยนโอกาศดีๆเช่นนี้ทิ้งไปได้อย่างไม่แยแส
จริงๆเลยน้า…..อันนา คาโน่ ช่างเป็นอัจฉริยะในการมองหาช่วงเวลาสำคัญๆ แบบนี้ที่ตามปกติมักจะถูกมองข้ามไปได้จริงๆ
「ผมเห็นด้วยนะ ทั้ง 2 คนล่ะ?」
「นั่นสิน้า อุตส่าห์อยู่โรงเรียนแล้วทั้งทีก็ค้างกันเถอะ」
「ให้ตายสิ อันนาเนี่ย…..แล้ว ค้างคืนที่โรงเรียนก็ได้อยู่หรอก แต่เรื่องอาบน้ำล่ะจะเอายังไง? ถ้าไม่ได้อาบน้ำนี้คงไม่ไหวนะคะ」
「อืม ลองหาโรงอาบน้ำสาธารณะหรืออะไรแบบนั้นดูละกัน」
「อะ รอแป๊บนะ」
ขณะที่อันนากำลังลุกไปเอาสมาร์ทโฟนจากตู้ล็อคเกอร์ ก็ส่งเสียงหยุดเธอไว้
「อะไรเหรอคะ?」
ขณะที่อันนาเอียงคอสงสัย ผมก็บอก
「ถ้าเรื่องอาบน้ำล่ะก็ ผมเตรียมให้ได้นะ」
—-แต่ว่า ได้เฉพาะแค่ในเขาวงกตเท่านั้นนะ
『โอ้~!』
ชั้นที่ 11 สมาชิกชมรมนักผจญภัยพากันส่งเสียงดีใจเมื่อได้เห็นคฤหาสน์สไตล์ตะวันตกที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนทุ่งหญ้าตอนกลางคืนที่สายลมกำลังพัดผ่านอย่างสดชื่น
「นึกไม่ถึงว่ารุ่นพี่จะมีการ์ดประเภทต่างมิติด้วย…..ของรางวัลจากงานแข่งส์เหรอคะ?」
「อา」
「ฟุมุ แต่ไม่ใช่ว่าบอกว่าที่แลกเปลี่ยนมาเป็นมาโยยกะหรอกเหรอคะ?」
โอริเบะที่ได้ยินมาก่อนหน้าเรื่องที่ผมแลกเปลี่ยนจึงเอียงคอสงสัย
จริงอยู่ว่ามาโยยกะตามปกติจะมีรูปลักษณ์เป็นบ้านทรงญี่ปุ่นดั้งเดิม
ทว่าที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นเป็นบ้าน 3 ชั้นสไตล์ตะวันตกคลาสสิคโมเดิร์น
ไปแลกเป็นคฤหาสน์วินเชสเตอร์*แทนที่จะเป็นมาโยยกะงั้นเหรอ? โอริเบะเอียงคอแล้วผมก็หัวเราะเบาๆ
「น่า เรื่องนั้นเข้าไปข้างในก็จะรู้เองแหละ」
พูดจบผมก็เดินไปทางคฤหาสน์
พอผมมาถึงหน้าประตู ประตูบานคู่ที่ดูหนักก็เปิดออก
เมื่อพวกผมเข้าไป ก็มีเมดออกมากล่าวต้อนรับ
「ยินดีต้อนรับกลับค่ะ นายท่าน ทางด้านสหายก็ขอต้อนรับ ยินดีต้อนรับค่ะ」
ที่กำลังโค้งคำนับด้วยความเคารพก็คือหญิงสาวสวยที่มีอายุพอประมาณ
รูปลักษณ์ดูเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ดูสมบูรณ์แบบราวกับเป็นภูติ
ผมสีดำที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงตรงส่วนปลายถูกมัดไว้เป็นมวย ท่วงท่าของเธอที่สวมชุดสาวใช้ญี่ปุ่นดั้งเดิมชวนให้นึกถึงชุดเมดเมื่อสมัยยุคไทโช ดูไร้ที่ติ
เมื่อโอริเบะเห็นเข้า ก็พยักหน้าเข้าใจ
「นี่มัน…..งั้นเหรอ แรงค์อัพจากซิลกี้งั้นสินะคะ」
「ถูกต้อง」
ตัวตนที่แท้จริงของเมดนี้ก็คือ อดีตการ์ดซิลกี้เมดมาสเตอร์ ซึ่งได้แรงค์อัพมาเป็นมาโยยกะ
แต่ไหนแต่ไรแล้วมาโยยกะก็ไม่มีรูปลักษณ์ทางกายภาพ
ไม่สามารถมองเห็น แต่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีตัวตนอยู่…..นั่นล่ะคือธรรมชาติของสิ่งแปลกประหลาดที่ถูกเรียกว่ามาโยยกะ
ด้วยเหตุนี้ แกนกลางจึงโปร่งใสและไร้สี
ที่ปรากฏตัวออกมาได้เช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อแรงค์อัพมาจากการ์ดอื่นแล้วนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
สาเหตุที่ว่าทำไมมาโยยกะ ซึ่งตามปกติจะเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นกลายเป็นคฤหาสน์สไตล์ตะวันตก ส่วนใหญ่แล้วก็เพราะได้รับอิทธิพลมาจากร่างก่อนวิวัฒนาการของซิลกี้
อย่างไรก็ดี ในตอนที่เธอแรงค์อัพได้ตั้งชื่อให้ไปว่า ออดรีย์
ที่มาก็จากหนัง『My Fair Lady』ที่ซึ่งออดรีย์ เฮปเบิร์น รับบทเล่นเป็นเอลิซ่า
มีความรู้สึกว่าออดรีย์ยังสร้างความสัมพันธ์ได้ไม่มากพอสำหรับผมที่จะให้เธอยอมรับการตั้งชื่อให้ แต่พอถามถึงความต้องการของเธอ เธอกลับยอมรับง่ายๆอย่างน่าประลาดใจ
ส่วนสาเหตุนั้น ก็คงไม่ต้องให้บอกว่าไม่ใช่เพราะผม แต่เพราะเอลิซ่าที่เป็นเสมือนกับลูกศิษย์ของเธอ
เพราะแบบนั้น ผมจึงตั้งชื่อโดยที่ให้มีความเกี่ยวข้องกับเอลิซ่าไป
สเตตัสมีดังต่อไปนี้
【เผ่า】มาโยยกะ (ออดรีย์)
【พลังต่อสู้】420 (120 UP)
【ทักษะติดตัว】
– แม้จะอยู่ในบ้านของศัตรูก็ต้องทำน้ำลายสอ* : สามารถสร้างพื้นที่เอกลักษณ์รูปทรงบ้านซึ่งถูกเรียกว่ามาโยยกะออกมาได้, ปฏิเสธแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มอบการพักผ่อนและโชคลาภให้แก่ผู้ได้รับการต้อนรับ, ไม่มีผลต่อศัตรูที่มีสกิลต่างมิติอื่นๆ, มอบอาหารที่ให้โชคและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องแก่พรรคพวกที่อยู่ภายใน, ผลคงอยู่เป็นเวลา 24 ชม. แต่หากออกไปภายนอกผลจะลดลง
– ภูติประจำบ้านระดับสูง : แทนที่จะเป็นภูติประจำบ้าน ควรจะบอกว่าคือร่างอวตารของบ้านหรือเทพพิทักษ์บ้านเสียมากกว่า, ประกอบด้วย เมด, เวทมนตร์งานบ้านระดับสูง, ช่องเก็บของขั้นสูง
(ช่องเก็บของขั้นสูง : มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บสิ่งของภายในตัวเอง แบบขั้นสูงมีขนาดประมาณโรงยิม, ข้อควรระวัง สิ่งที่ถูกเก็บเอาไว้จะถูกดีดออกมาเมื่อกลับคืนสู่การ์ดหรือออกจากเขาวงกต)
– ซ่อนแอบ
【ทักษะเรียนรู้】
– เมดมาสเตอร์
– เชื่อฟัง
– เตรียมใจติเตียน
– เวทมนตร์สนับสนุนขั้นกลาง
– เวทมนตร์ฟื้นฟูขั้นกลาง
อาจจะเพราะไม่ได้ใช้งานมากจึงไม่มีสกิลติดตัวถูกโอนย้ายมาเลย แต่สกิลเรียนรู้หลักๆสามารถโอนย้ายมาได้อย่างไม่มีปัญหา
เนื่องจากว่าตัวมาโยยกะเป็นการ์ดที่เชี่ยวชาญด้านการบัพ จึงได้กลายเป็นหน่วยฟื้นฟูและสนับสนุนแบบเต็มตัว
ตัวสกิลต่างมิติ『แม้จะอยู่ในบ้านของศัตรูก็ต้องทำน้ำลายสอ』ก็ด้วย ไม่ได้เป็นประเภทที่เจาะจงดีบัพใส่ศัตรู เพราะงั้นการใช้งานหลักจึงเป็นการฟิ้นฟูหลังการต่อสู้
「ออดรีย์ อยากจะอาบน้ำซักหน่อยเพราะงั้นช่วยนำทางให้ที」
「เข้าใจแล้วค่ะ เชิญทางนี้」
ตามเธอไปบนโถงทางเดินที่ถูกปูไว้ด้วยพรมแดงและส่องสว่างด้วยเทียน
โถงทางเดินไร้ที่สิ้นสุด เห็นได้ชัดว่ามันทอดยาวและกว้างขวางกว่าที่เห็นได้จากภายนอก นั่นเพราะบ้านนี้ก็เปรียบเป็นโลกอีกใบหนึ่ง
แล้วในที่สุดก็ลงบันไดไปสู่ชั้นใต้ดินและมาถึงยังห้องอาบน้ำ ที่ซึ่งออดรีย์ได้เริ่มอธิบายเกี่ยวกับห้องอาบน้ำ
「ห้องอาบน้ำของทางเราประกอบด้วย ห้องอาบน้ำใหญ่ 1 ห้อง และห้องอาบน้ำส่วนตัว 3 ห้องค่ะ ห้องอาบน้ำส่วนตัวจะมีบ่อน้ำร้อนหิมะ มีสรรพคุณในการผ่อนคลายความเมื่อยล้าและความเครียด, บ่อน้ำร้อนดวงเดือน มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ, และบ่อน้ำร้อนบุปผา มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการหวัดและท้องผูก ปรับปรุงสภาพผิว ซึ่งทั้งนี้สามารถสัมผัสประสบการณ์สรรพคุณทั้งหมดได้ในห้องอาบน้ำใหญ่ แต่ถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่ดีกว่า ขอแนะนำเป็นห้องอาบน้ำส่วนตัวมากกว่าห้องอาบน้ำใหญ่ค่ะ」
『โฮ่~…..』
พอได้ฟังคำอธิบายของออดรีย์แล้ว ทุกคนก็พากันร้องอุทานและมีสีหน้าตื่นตาตื่นใจ
มาโยยกะนั้นสามารถปรับแต่งโครงสร้างภายในได้อย่างอิสระในระดับหนึ่ง ตราบเท่าที่พื้นที่สามารถอำนวยได้
เพราะแบบนั้น จึงทำการลดจำนวนห้องพัก ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้ใช้งานมาก แล้วเพิ่มห้องอาบน้ำ 3 ห้องจากเดิมที่มีเพียงห้องอาบน้ำใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังได้พยายามกระจายและเน้นสรรพคุณแล้วสร้างเป็น บ่อน้ำร้อนหิมะ, บ่อน้ำร้อนดวงเดือน, บ่อน้ำร้อนบุปผา
「ห้องอาบน้ำ 4 ห้อง…..ทุ่มเทให้กับการอาบน้ำเยอะน่าดูเลยส์นะคะ รุ่นพี่」
「ก็นะ…..มาโยยกะมีไว้เพื่อใช้งานภายในเขาวงกต ก็เลยพยายามเน้นความสะดวกสบายเป็นหลักน่ะ」
ได้มาโยยกะมาไว้ในมือก็เพื่อเตรียมการสำหรับการพิชิตเขาวงกตแรงค์ C ขึ้นไปที่ใช้เวลานาน
เนื่องจากสิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังที่สุดในตอนที่กำลังพิชิตเขาวงกตเป็นเวลานานๆ นั่นก็คือความผิดพลาดที่เกิดมาจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องการผ่อนคลายทางจิตใจ
ท่ามกลางของรางวัลที่สามารถแลกได้นั้นมีคฤหาสน์วินเชสเตอร์แรงค์ D ที่สามารถโจมตีศัตรูได้ด้วย แต่สาเหตุที่เลือกมาโยยกะก็เพราะเชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูและสนับสนุน
「ยังไงก็ดี กู๊ตจ๊อบค่ะ! สามารถเพลิดเพลินไปกับน้ำพุร้อนในเขาวงกตได้มากเท่าที่ต้องการเนี่ย เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่น่ายินดีค่ะ!」
「หิมะ ดวงเดือน บุฟผา…..ตัดสินใจจะไปอันไหนไม่ถูกเลย」
「เพราะว่ามีทั้งผู้ชายผู้หญิงอยู่กัน งั้นมาตัดสินใจกันก่อนว่าใครจะใช้ห้องอาบน้ำไหนเถอะ」
「เห็นด้วยส์ค่ะ งั้นเจ้าของบ้านอย่างรุ่นพี่ได้โปรดเลือกก่อนเลย」
「อืม ขอบใจนะ…..นั่นสิน้า วันนี้รู้สึกเหนื่อยๆ เอาบ่อน้ำร้อนหิมะล่ะกัน」
「งั้นชั้นเป็นบ่อน้ำร้อนดวงเดือน พักนี้ไหล่ชักจะตึงๆแล้วด้วย」
อันนาพูดพร้อมกับหมุนไหล่…..มันก็จริงที่น่าจะปวดไหล่แหละนะ
「ดึงดูดความสนใจที่หน้าอกใหญ่แบบฉับพลันเนี่ย…..ชั้นอันไหนก็ได้แหละ รุ่นพี่คันนาซูกิเอายังไงคะ?」
「อืม นั่นสิน้า อุตส่าห์มาที่นี่แล้วทั้งทีก็คงต้องใช้ห้องอาบน้ำใหญ่ไปเลย ไม่ใช่บ่อยๆหรอกนะที่จะได้ใช้ห้องอาบน้ำใหญ่ๆแบบนี้คนเดียว」
「เข้าใจแล้วค่ะ งั้นชั้นเอาเป็นบ่อน้ำร้อนบุปผา」
เมื่อแต่ละคนต่างตัดสินใจที่จะไปห้องอาบน้ำไหนกันได้อย่างราบรื่นแล้ว อันนาก็หันมาทางนี้
「อะ จะว่าไปแล้วพวกแชมพูอะไรพวกนี้มีรึเปล่าคะ? ถ้าไม่มีล่ะก็จะได้ไปซื้อที่ดันเจี้ยนมาร์ทมา」
「อา ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็มีเซ็ทเดินทางอยู่ เป็นอะไรที่หยิบมาจากดันเจี้ยนมาร์ทน่ะ แต่ถ้ามีของที่อยากใช้เป็นพิเศษล่ะก็ คราวหน้าก็เอามาเองก็แล้วกัน」
「อย่าแอบดูกันนะคะ~?」
พอรับเอาแชมพูเซ็ทเดินทางถุงเล็กๆไป อันนาก็พูดหยอกมา
แล้วผมก็『ไม่ดูหรอกน่า』หัวเราะและตอบกลับไป จากนั้นก็เข้าห้องเปลี่ยนชุดบ้าง แล้วจู่ๆก็เกิดความคิด
…..ตอนนี้ พวกสาวๆกำลังเปลือยกายอยู่ที่ห้องข้างๆ
เพียงแค่คิดก็ทำเอาหัวใจเต้นตึกตัก
แล้วยังสาวๆของพวกเรายังมีเลเวลค่อนข้างสูงอีก…..
ก็นะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแอบดูซักหน่อย
มันก็จริงอยู่ว่าอยากจะแอบดู แต่คงต้องพลาดแน่ๆ แล้วไหนจะความเสี่ยงที่ถูกจับได้อีก—-!
ในตอนนั้นเอง ประกายแสงแห่งความชั่วร้ายก็แล่นผ่านภายในตัวของผม
—-ถ้าหากว่า ลิงค์กับออดรีย์ก็สามารถแอบดูได้โดยไม่ถูกเจอตัวรึเปล่า…..?
ไม่ไม่ไม่ หยุดเลย อย่าไปคิดมัน ต่อให้จะไม่ถูกจับได้ก็ไม่มีทางจะทำอะไรแบบนั้นหรอก
จิตสำนึกภายในตัวผมติดเบรคเอาไว้ แต่…..
—-ไม่เป็นไรหรอก ตราบเท่าที่ไม่ถูกจับได้ก็ไม่มีปัญหา ไม่รู้เหรอ? อาชญากรรมน่ะถ้าไม่ถูกจับได้ก้ไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมหรอกรู้ไหม?
เจ้าปีศาจทำการกระซิบล่อลวงอย่างต่อเนื่อง
ม-มันก็จริงถ้าไม่ถูกจับได้…..ไม่! ถ้าคิดดูดีๆแล้วพวกอันนาเองก็เป็นนักผจญภัย ไม่มีทางที่จะไม่รู้ถึงการใช้ลิงค์ในทางที่ผิดหรอก ยิ่งไปกว่านั้น พวกนั้นเชื่อใจผม จะไปทรยศไม่ได้หรอก!
—-นาย ยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า? ต่อให้ที่รออยู่หลังจากนั้นคือนรกก็ตาม ผู้ชายมันก็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเรือนร่างของผู้หญิงสิ! ไปซะ! แอบดูเลย! จงได้รับแล้วก็สูญเสียทุกอย่างไป!
อ-โอ้วววววว! หุบปากซะะะะะ! …..เดี๋-!
「ทำอะไรอยู่เนี่ย เร็นกะ!」
ผมตบมุขใส่เร็นกะที่ทำตัวเป็นปีศาจมาล่อลวงผมมาได้ซักพัก
「ชิ! ได้สติกลับมาแล้วเรอะ」
เร็นกะเบ้ปากด้วยความเบื่อหน่าย
「นี่หล่อน ต้องการอะไรเนี่ย…..ถึงกับใช้ลิงค์เพื่อทำเป็นเหมือนความคิดของตัวผมเองเชียว」
นี่เกือบจะหลงไปกับการล่อลวงแล้ว
「ก็ไม่อะไร แค่คิดว่าถ้าไปแอบดูจริงๆเข้า จะได้มีของไว้ใช้ข่มขู่กับนายซักพักก็เท่านั้นเอง」
「ไม่ตลกเลยนะ」
อีกอย่าง จะข่มขู่ผมไปเพื่ออะไร ทุกวันนี้ก็ยอมทำตามคำขอทั้งขนมแล้วก็เกมอยู่แล้ว…..
พอนึกไปถึงคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของเร็นกะที่อาจจะขอมาตอนที่กำความได้เปรียบของผมเอาไว้ ก็ทำเอาขนลุกตั้งชันทีเดียว
…..หลังจากนั้น เมื่อออกจากห้องอาบน้ำ เอลฟ์ของอันนา(ทาเนีย) ก็มาตรวจสอบผมด้วยสกิลจับเท็จที่เธอมีอยู่อย่างลับๆ แล้วผมก็โล่งใจสุดๆที่ไม่ได้ยอมต่อการล่อลวงของปีศาจไป
「จริงด้วย รุ่นพี่ ไหนๆก็อยู่ที่นี่แล้ว อยากจะให้ช่วยอะไรบางอย่างหน่อยค่ะ แต่…..」
เมื่อจัดเตียงกันเสร็จแล้วกำลังจะเข้านอน โอริเบะก็พูดขึ้นมา
「อะไรเหรอ?」
「รุ่นพี่รู้รึเปล่าค่ะ ว่าที่หอดูดาวแห่งนี้ เคยมีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน?」
「เอ๋…..อะไรล่ะนั่น ไม่รู้เรื่องเลย」
ที่ตอบกลับไปไม่ใช่ผมแต่เป็นอันนาที่ใบหน้าเริ่มซีด
「อาเร๊ะ? เรื่องนั้นนึกว่าเสียชีวิตที่ห้องน้ำซะอีก?」
แล้วอาจารย์ก็เอียงคอตอบสนอง ซึ่งผมก็ประหลาดใจที่รู้เรื่องถึงขนาดนั้นเมื่อคิดจากที่ว่าอาจารย์เพิ่งจะย้ายโรงเรียนมาไม่นาน
คงจะรู้เรื่องมาจากผู้หญิงที่ชอบเรื่องซุบซิบแน่ๆ
「อา…..ก็นะ เคยได้เรื่องเรื่องแบบนั้นมาอยู่บ้างแหละ」
「ร-รุ่นพี่ก็เป็นไปด้วย…..ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ」
อันนาค่อยๆหน้าซีดมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่พูด
「ฟุมุ….อันนาไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ งั้นจะเล่าให้ฟังเอง」
「เอ๋ ไม่ล่ะ ไม่ได้อยากจะรู้เลย…..」
ด้วยการเมินอันนาที่ส่ายหน้า-ฟุ่บฟุ่บ-อยู่ โอริเบะก็เริ่มทำการเล่า
ก็นะ เรื่องราวของมันก็เป็นอะไรที่ธรรมดาๆ
สมาชิกชมรมดาราศาสตร์ล้วนเต็มไปด้วยสมาชิกผี แล้วหอดูดาวก็กลายเป็นที่รวมตัวของพวกเด็กนักเลง นักเรียนหญิงที่น่าสงสารตกเป็นเป้าหมายของพวกนั้น และในหอดูดาวที่เหล่าอาจารย์ไม่มาถึง การกลั่นแกล้งที่ร้ายแรงได้เกิดขึ้น…..
「…..อ้างอิงจากนักเรียนที่มีพี่ชายหรือพี่สาวที่จบไปแล้ว ดูเหมือนว่าการกลั่นแกล้งจะรุนแรงมาก เมื่อไม่สามารถทนการกลั่นแกล้งได้ไหว เธอจึงทำการจบชีวิตตัวเองลง อันที่จริง มีเรื่องราวถึงขนาดว่าการกลั่นแกล้งทวีความรุนแรงมากขึ้น จนถึงขั้นที่ทำให้เหยื่อเสียชีวิตแล้วไปทำให้ดูเหมือนกับว่าฆ่าตัวตายค่ะ」
โอริเบะพูดราวกับว่ามันเป็นเหตุการณ์จริง แต่ว่ากันตามตรง ผมยังกังขาถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อยู่
ดูเหมือนจะจริงอยู่ว่าชมรมดาราศาสตร์จะเต็มไปด้วยเด็กนักเลง และไม่กี่ปีก่อนก็มีนักเรียนหญิงถูกกลั่นแกล้งที่นั่น แต่พอได้ไปลองค้นหาแบบผ่านๆดู ก็ไม่เจอพาดหัวข่าวอะไรเลยว่ามีใครฆ่าตัวตายที่โรงเรียน
ต่อให้เป็นนักเรียนฆ่าตัวตายในโรงเรียน มันก็ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่พอตัวระดับประเทศแน่ และเรื่องจำพวกนี้ก็จะถูกเอามาพูดคุยกันต่ออีกหลายปี
บางทีแล้วมันน่าจะเป็นนักเรียนในช่วงเวลานั้นแต่งเรื่องผีขึ้นมาสนุกๆ โดยเชื่อมต่อเข้ากับการยุบชมรมดาราศาสตร์ รวมเข้ากับการหายตัวไปของนีกเรียนหญิงที่ถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งอาจจะเพราะว่าลาออกหรือทำการย้ายโรงเรียนไป…..ก็เป็นสิ่งที่ผมคิด
「แล้ว ที่เรื่องที่อยากให้ช่วยคืออะไรเหรอ?」
ผมถามโอริเบะขณะที่มองดูอันนาที่กำลังตัวสั่นราวกับเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ
「อุมุ ดูเหมือนว่าวิญญาณของนักเรียนหญิงจะปรากฏตัวขึ้นในหอดูดาวที่เธอได้ทำการฆ่าตัวตาย และก็ภายในห้องน้ำที่การกลั่นแกล้งเกิดขึ้นเป็นประจำ ดังนั้นก็เลยอยากจะให้รุ่นพี่ใช้ความสามารถทางจิตเพื่อยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ค่ะ」
「เอ๋ มาโร่มองเห็นพวกวิญญาณได้งั้นเหรอ?」
อาจารย์มองมาทางนี้ด้วยความตกใจ ซึ่งผมก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
「ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้มีพลังจิตหรืออะไรซักหน่อย」
「แต่ว่าในตอนที่สืบคดีผู้ใช้หมาล่าเนื้อ ก็สามารถมองเห็นวิญญาณได้อย่างชัดแจ๋วเลยนี่ค่ะ」
「เห~! เป็นงั้นหรอกเหรอ…..」
「ไม่ล่ะ นั่นมันเกิดขึ้นแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว…..」
ความสามารถของผมในการมองเห็นความนึกคิดที่หลงเหลืออยู่ที่เกิดตอนการสืบสวน ได้หายไปในตอนที่ชุบชีวิตเร็นกะแล้ว
บางที อาจจะเป็นการแทรกแทรงบางอย่างจากเร็นกะที่อยู่ในสภาพโซลการ์ด
ก็นะ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะมองเห็นอะไรพวกนั้นซักเท่าไหร่ ที่หายไปได้ก็ดีแล้วล่ะ…..
「ที่หมายถึงก็คือ ตลอดเวลาที่ผมอยู่โรงเรียนนี้มา ก็ไม่เคยเห็นอะไรพวกนั้นเลย…..」
「ไม่ใช่ว่ากลางวันกับกลางคืนมีความแตกต่างกันเหรอคะ?」
「ตอนที่ออกมาจากเขาวงกตก็เป็นกลางคืนแล้วใช่ไหมล่ะ?」
พอผมพูดบอกไป โอริเบะก็ทำหน้าผิดหวังแต่ก็ดูจะเข้าใจอยู่
「อุมุ…..มันก็ นั่นสินะ…..」
「ข-ข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือส์ใช่ไหมล่ะ?」
ในทางกลับกัน สีหน้าของอันนาก็สดใสขึ้น
「ก็นะ ผมเองก็ค้นคว้ามาอยู่บ้างนิดหน่อย เรื่องการกลั่นแกล้งกันน่ะเป็นเรื่องจริง แต่ไม่เจอข่าวเรื่องที่มีการฆ่าตัวตายเลย」
「อะไรกัน…..ได้ค้นคว้ามาแล้วเรียบร้อยนี่เอง ก็ว่าอยู่ทำไมถึงไม่ค่อยจะสนใจเลย」
พอโอริเบะหมดความสนใจต่อเรื่องผี ก็กลับเข้าไปในเต็นท์ด้วยหน้าตาดูเบื่อหน่าย
…..อย่างไรก็ดี สาเหตุที่ต้องมาลำบากตั้งเต็นท์กันภายในห้องเรียนก็เพราะพื้นมันฝุ่นเครอะมาก
อันนามีเถียงอยู่ว่าเต็นท์มันไร้เสน่ห์ ทว่าห้องเรียนได้สะสมฝุ่นมากเกินกว่าที่คาด เนื่องจากนักเรียนหยุดทำความสะอาดไปช่วงวันหยุดหน้าร้อน มันจึงไม่อยู่ในสภาพที่จะสามารถนอนหลับโดยใช้ถุงนอนได้
ตรงจุดนั้น เต็นท์นักผจญภัยของพวกเราประกอบไปด้วยเครื่องปรับอากาศ และอุปกรณ์เวทสังเคราะห์สำหรับทำความสะอาดแบบอัตโนมัติ ซึ่งมันทำให้สะดวกสบายกว่าการไปพักในที่พักราคาถูกๆเสียอีก
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นด้วยกับอันนาว่ามันขาดเสน่ห์ แต่ด้วยภารกิจที่จะมาในวันถัดไปจึงทำให้ไม่สามารถให้ความสำคัญกับเรื่องเสน่ห์ได้
「ถ้างั้น พรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้า…..งั้นเข้านอนกันเลยเถอะ」
「ราตรีสวัสดิ์~」
「เจอกันพรุ่งนี้」
แสงไฟในห้องเรียนถูกปิดลง แล้วพวกเราก็เข้านอนกันภายในเต็นท์
「…..พี่ รุ่นพี่」
「หืม…..?」
ผมถูกใครบางคนเขย่า ทำให้ลืมตาตื่นขึ้น
เมื่อได้ลืมตาที่กำลังง่วง ก็เจอกับใบหน้าของอันนาท่ามกลางความมืด
「อะไรกัน…..? เช้าแล้วเหรอ…..? ยังมืดอยู่เลยนี่นา」
「ข-ขอโทษค่ะ…..คือว่า ช่วยไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยจะได้รึเปล่าคะ?」
「หา?」
พูดอะไรเนี่ยยัยนี่
ต่อสายตาชวนสงสัยของผม อันนาก็หน้าแดงซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่ในความมืด
「นี่เธอ กับเรื่องอะไรแบบนี้แทนที่จะเป็นเด็กผู้ชายควรจะไปขอซาโยะมากกว่านะ…..」
「เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่ แต่…..! กับซาโยะแล้วอาจจะทำให้กลัวมากกว่าไม่ใช่เหรอส์ค่ะ」
「อา…..」
เข้าใจได้ มันก็จริง โอริเบะดูแล้วเป็นคนที่น่าจะทำอะไรแบบนั้นอยู่ด้วย
「แล้วอาจารย์ล่ะ? ดูน่าจะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าผมอีก」
「เรื่องนั้นก็เห็นด้วยอยู่หรอกแต่….. ในเวลาแบบนี้ พลังจิตสื่อวิญญาณน่าจะพึ่งพาได้มากกว่า ค่ะ」
「ก็บอกแล้วไงว่าพลังจิตสื่อวิญญาณมัน…..อา เอาเถอะ ก็ได้ จะไปด้วยก็แล้วกัน」
ผมเหนื่อยที่จะอธิบาย ทำการลุกขึ้น
อันนาก็-โฮ่-ทำหน้าโล่งอก
「ขอโทษค่ะ แล้วก็ขอบคุณ」
「อืม~」
ตอบไปแบบพอเป็นพิธี แล้วเราทั้งคู่ก็มุ่งไปห้องน้ำ
…..แต่
『หยุดก่อน มาโร่』
ขณะที่กำลังจะเข้าห้องน้ำ จู่ๆเร็นกะก็ห้ามเอาไว้
ผมหยุดขาไปโดยไม่ทันคิด
「ป-เป็นอะไรไปเหรอค่ะ รุ่นพี่?」
ผมที่จู่ๆก็หยุดเดินไป อันนาจึงหันหน้ามาพร้อมสีหน้าเป็นห่วง
「ไม่หรอก รอแป๊ปนะ」
พอพูดไปแล้ว ก็ทำการถามเร็นกะ
『มีอะไรรึ?』
『อย่าได้เข้าไปในห้องน้ำนั่นเชียว』
『…..ทำไมกันล่ะ?』
『แค่อย่าก็พอ』
เร็นกะดูแข็งกร้าวมากกว่าปกติ ทำเอาผม-อึก-กลืนน้ำลายลงอย่างแรง
อ-โอ่ยโอ่ย มันอะไรกัน…..ถ้าพูดซะอย่างนั้นก็ทำเอาผมรู้สึกกลัวไปด้วยแล้วเนี่ย
แล้วผมก็ตัดสินใจเชื่อฟังคำแนะนำของเร็นกะอย่างว่าง่าย
「…..อย่าใช้ห้องน้ำนี่จะดีกว่านะ」
「เอ๋ ท-ท-ท-…..ทำไมเหรอคะ?」
ผมลังเลที่จะตอบกลับไป
「แค่อย่าก็พอ」
แล้วก็ตัดสินใจฝืนตอบไปตามเร็นกะ
เห็นเป็นแบบนั้นแล้ว ผมก็นำไดซุเร็นออกมาจากโฮลเดอร์
อันนาตกใจที่จู่ๆเห็นผมนำอาวุธออกมา
「อ-อ-อ-เอาอาวุธออกมาทำไมเหรอคะ…..?」
「ก็นะ ปลอดภัยไว้ก่อนเท่านั้นแหละ…..」
ในหมู่พลังเทวะที่ไดซุเร็นมอบให้แก่ผู้ถือครองก็คือความสามารถในการชำระล้างวิญญาณ
ผมที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถดึงศักยภาพของไดซุเร็นออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ตัดสินใจทำเผื่อเอาไว้โดยหวังว่ามันจะพอช่วยชำระล้างวิญญาณได้บ้าง
อันนาดูเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะตามมาเงียบๆ
แล้วเราทั้งคู่ก็มุ่งไปยังห้องน้ำที่อยู่ชั้น 1
「ฮ่า…..ฮ่า…..!」
เสียงหายใจแรงของอันนาดังก้องอยู่ในโถงทางเดินมืดๆ ที่ถูกส่องสว่างด้วยเพียงแค่แสงไฟจากสมาร์ทโฟน
มันไม่ได้เกิดจากความเหนื่อยล้า แต่มาจากความกลัวไม่ผิดแน่ การหายใจอันหวาดกลัวของหญิงสาวทำให้ตัวผมยิ่งเกร็งมากขึ้นไปอีก
สัมผัสทั้ง 5 ถูกลับคมขึ้นราวกับว่าอยู่ภายในเขาวงกต สามารถบอกได้ถึงผิวที่ประสาทสัมผัสไวมากจนสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบๆได้
ไม่ได้รู้สึกเกร็งขนาดนี้มาได้ซักพักแล้วหลังจากที่เป็นนักผจญภัยมา
พอรู้ตัวอีกทีพวกเราก็จับมือกันแน่นขณะที่เดินหน้าไป
ความอบอุ่นของคนอื่นนอกจากตัวเองที่อยู่ตรงฝ่ามือ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยท่ามกลางความกลัวที่ไม่รู้จักนี้
…..มือของยัยนี่ ทั้งเล็กแล้วก็อ่อนนุ่มน่าดู
ขณะที่ผมกำลังมีความคิดออกนอกลู่นอกทางนั้นเอง
—-ปัง!
「!?」「ฮี๊…..」
จู่ๆ หน้าต่างก็สั่นราวกับว่าถูกกระแทก
「อ-อ-อ…..อะไร น่ะ?」
「…..คงจะเป็นลมที่มากระแทกหน้าต่างน่ะ」
「อ-อา…..ลมส์เองเหรอ อะไรล่ะนั่น」
「……………」
ผมเหลือบไปมองใบไม้ที่อยู่บนต้นไม้ที่เห็นได้ผ่านทางหน้าต่าง ซึ่งมันไม่ได้เคลื่อนไหวเลย แล้วจูงมืออันนามุ่งหน้าต่อไป
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงห้องน้ำของชั้น 1
「อ-อาโน คือว่า ช่วยรอตรงนี้ก่อนนะคะ」
「อา」
ผมตอบขณะหันหน้าไปทางอื่น
「…..แบบว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยปิดหูไว้หน่อย」
「ก็แค่เปิดเพลงจากสมาร์ทโฟนไปแทนก็ได้…..」
「อ-อา…..นั่นส์สินะ」
อันนาหัวเราะแห้งๆแล้วเอาสมาร์ทโฟนออกมา จากนั้นก็เข้าไปในห้องน้ำ
…..แล้วไม่ทันไรก็กลับออกมา
「…..เป็นอะไรไป?」
「ค-ค-คือว่า…..พื้นห้องน้ำมันน้ำนองไปหมดเลย」
「เอ๋…..?」
ห้องน้ำของโรงเรียนกลางวันหยุดหน้าร้อนเนี่ยนะ…..? ไม่น่าเป็นไปได้ น้ำรั่วงั้นเหรอ?
ผมเดินเข้าห้องน้ำด้วยความระมัดระวัง
「…..ไม่เห็นมีอะไรเปียกเลย」
「เอ๋!? อะไรกัน!」
อันนาที่หลบอยู่ข้างหลังผมพร้อมหลับตาปี๋ ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
แต่ว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นเพียงภาพของห้องน้ำธรรมดาๆเท่านั้น
กับอันนาที่กำลังตกใจจึงได้ถามไป
「จะเอายังไง…..?」
「…..ไม่ค่ะ ถ้าเป็นไปได้ขอไปห้องน้ำอื่นดีกว่า…..」
「เข้าใจแล้ว」
คราวนี้มุ่งไปยังชั้น 3
…..อันนาบิดตัวขยุกขยิกไปมา
ดูเธอจะลังเลที่จะเรียกผม แล้วยังที่ต้องอั้นเอาไว้ถึง 2 รอบ การเดินที่เป็นไปอย่างล่าช้า ดูเหมือนว่าใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
แล้วพอได้มาถึงห้องน้ำของชั้น 3 จู่ๆอันนาก็พูดขึ้น
「…..จะว่าไปแล้ว รุ่นพี่ เด็กนักเรียนที่ถูกแกล้งนี่เรียนอยู่ชั้นปีอะไรเหรอคะ?」
「นั่นมัน…..」
ผมเหลือบ…..ไปยังห้องน้ำของชั้น 3 ของนักเรียนปี 3
ผมอันนาเห็นแบบนั้น ก็ทรุดตัวลงกึ่งๆหัวเราะ
「จบสิ้นแล้ว…..」
「ม-ไม่หรอก ยังเหลือห้องน้ำของอาจารย์อยู่นะ」
「นั่นน่ะอยู่ชั้น 1 ใช่รึเปล่าส์คะ? …..ไม่รอดถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ」
เอาจริงดิ
ผมแหงนหน้ามองบน แล้วจู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้
「ใช่แล้ว ห้องน้ำของดันเจี้ยนมาร์ทล่ะ?」
「ไม่ไม่ไม่! นั่นน่ะไม่ไหวที่สุดเลยส์!」
「ไม่สิ แต่ดันเจี้ยนมาร์ทเองเป็นของใหม่ไม่ใช่เหรอ?」
「นั่นมัน…..ก็จริงส์อยู่แต่」
อันนาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในท้ายที่สุด ศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงก็ชนะ จึงตัดสินใจมุ่งไปที่ดาดฟ้า
ขึ้นบันไดไปอย่างระมัดระวัง เปิดประตูของชั้นดาดฟ้า
ท้องฟ้าเปิดโล่งเต็มไปด้วยดวงดาว ทำเอาพวกเราลืมเรื่องความกลัวไปครู่หนึ่ง
「งั้น ขอไปดูซักหน่อย」
พอพวกเราเข้าไปใกล้ ไฟของดันเจี้ยนมาร์ทก็เปิดขึ้น อันนาที่ในที่สุดก็เป็นอิสระจากความกลัวทุกอย่าง วิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยสีหน้าโล่งอก
ขณะที่มองส่ง ผมก็ส่งเสียงเรียกไปในความว่างเปล่า
『เป็นเธอ ใช่ไหม…..?』
คำตอบกลับมาในทันที
『ท-โทษที…..มันควบคุมสัญชาตญาณของซาชิกิวาราชิไม่ได้น่ะ บอกตามตรง สนุกสุดๆไปเลย』
ว่าแล้วเชียว!
ผมถอนหายใจยาว
ในตอนที่ห้องน้ำของชั้น 1 มีน้ำนอง ผมก็พอรู้สึกตัวแล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นการแกล้งของเร็นกะ
เมื่ออันนามองดูจะเป็นน้ำนอง แต่พอผมมองดูน้ำกลับหายไป ถ้าหากว่าไม่ใช่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติของแท้แล้วล่ะก็ ก็ต้องเกิดจากเวทมนตร์
ซึ่งด้วยความน่าจะเป็นแล้ว อย่างหลังจะมีสูงกว่า
『นี่หล่อน…..ไม่ตลกเลยนะ นี่น่ะ…..』
『…..แต่ว่า มันก็มีที่ดีอยู่บ้างนิดหน่อยใช่ไหมล่ะ?』
เร็นกะพูดโดยไม่มีความรู้สึกผิดซักนิด ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออกไปอยู่ครู่หนึ่ง…..
『ก็นะ นิดหน่อยแหละ…..』
แล้วตอบไปแบบนั้น
—-ส่วนเสริมในภายหลัง เช้าวันถัดมาพอโอริเบะได้ยินเรื่องนี้เข้า เธอก็กระทืบเท้ารัวๆด้วยความโกรธ แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมา อันนาก็ไม่ขอให้ค้างคืนที่โรงเรียนอีกเลย
【TIPS】ยกโทษให้ด้วยไฮยาซิน
มุขที่โผล่มาในมังงะชีวิตประจำวันเรื่องหนึ่ง ดูแว่บแรกอาจจะเหมือนว่าเป็นแค่มุขเอาฮา แต่ในความเป็นจริง ภาษาดอกไม้ของดอกไฮยาซินสีม่วงคือ「ขอโทษ」「ยกโทษให้ด้วย」 มันถูกค้นพบในภายหลังว่ามันคือมุขขั้นสูงที่จำเป็นต้องมีการศึกษาอยู่ในระดับหนึ่ง ทำให้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรง
ข้อมูลเพิ่มเติม
คฤหาสน์วินเชสเตอร์ / Winchester Mystery House
บ้านผีสิงที่มีอยู่จริงในอเมริกา และเคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ในปี 2018
https://www.silpa-mag.com/culture/article_142120
แม้จะอยู่ในบ้านของศัตรูก็ต้องทำน้ำลายสอ / 敵の家でも口を濡らせ
สำนวนของญี่ปุ่น หมายถึง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม มารยาทก็ควรเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะเป็นในบ้านของศัตรู หากถูกเสนออาหารหรือเครื่องดื่มให้ ก็จำเป็นต้องรับไปกินเป็นมารยาท
https://proverb-encyclopedia.com/katakinoiedemokutiwonurase/
MANGA DISCUSSION