เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 68 ค่ายฝึก วันที่ 1 (อย่างไม่เป็นทางการ) - 2
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 68 ค่ายฝึก วันที่ 1 (อย่างไม่เป็นทางการ) - 2
บทที่ 3 ตอนที่ 9.2
「ถ้าปล่อยให้อันนาชนะไปคนเดียวก็คงจะไม่สนุก งั้นมาเดิมพันลูกอมกัน 1 เม็ดก็แล้วกันค่ะ」
ในตอนที่กำลังจะอัญเชิญการ์ดออกมาแล้วชิงความได้เปรียบก่อน โอริเบะก็พูดขึ้น
พอมาคิดดูแล้ว มันจำเป็นต้องเดิมพันลูกอมก่อนที่เริ่มสู้นี่นะ…..จำกติกาขึ้นมาได้
ลืมไปเลย จริงอยู่ว่าถ้าเดิมพันไปทั้งหมดตอนนี้ คนที่จะดีใจก็มีแค่อันนาคนเดียว…..
ผมพยักหน้าแล้วใช้ฟังก์ชั่นสื่อสารของเข็มกลัดเพื่อบอกกับอาจารย์ถึงตัวเลือกเป็นดูเอล และเดิมพันด้วยลูกอม 1 เม็ด
และแล้ว…..
『มาโร่ เดิมพันลูกอม 1 เม็ด, โอริเบะซัง เดิมพันลูกอม 3 เม็ด มาโร่ได้อัญเชิญการ์ด 3 ใบ, โอริเบะซังได้อัญเชิญการ์ด 4 ใบ』
「ห๊ะ!?」
ตกตะลึงแล้วหันไปมองโอริเบะ ซึ่งตัวเธอก็หัวเราะคิกคักอย่างชั่วร้าย
「โอ่ยโอ่ย นี่เป็นการจำลองการแข่งขันนะคะ? ต่อให้รุ่นน้องจะน่ารักขนาดไหน ก็จำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องพวกนี้เอาไว้ด้วยค่ะ」
โธ่เว้ย โดนเข้าจนได้ แต่ว่า โอริเบะพูดถูกแล้ว การจำลองการแข่งขันมีไว้ก็เพื่อทำให้แน่ใจว่าในการแข่งขันจริงๆจะไม่เกิดเรื่องอะไรเช่นนี้ขึ้นมา
…..แต่ก็นะ ถึงอย่างนั้นมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกเหมือนโดนหลอกเลย
「เอาเถอะค่ะ ก็แค่อยากจะให้รู้เอาไว้ว่าของแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ที่ต้องการรู้ความแข็งแกร่งของรุ่นพี่นั้นก็เป็นเรื่องจริง ดังนั้นชั้นเองก็จะใช้การ์ด 3 ใบด้วย แล้วก็ อยากจะให้คิดให้ดีๆถึงเรื่องที่ว่าทำไมต้องเดิมพัน 3 เม็ดแทนที่จะเป็น 2 เม็ดค่ะ」
พอได้เห็นผมกำลังขมวดคิ้วกับสิ่งที่พูด โอริเบะก็อัญเชิญการ์ด 3 ใบออกมา
ใบแรก เป็นดูลาฮานที่ผมมีเหมือนกัน การ์ดที่ระดับมืออาชีพจำเป็นต้องมี และในฐานะแฟนหนังสยองขวัญ จึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะเลือกสะสมการ์ดนี้
ใบที่สอง เป็นหญิงสาวดูมีอายุผมสีขาว สวมชุดกิโมโนต้นตำรับของญี่ปุ่น นี่มันคือการ์ดอะไรหว่า? ยูกิอนนะ…..มันก็ดูจะมีบรรยากาศเย้ายวนอยู่ ด้วยกิโมโนที่ดูจะเปิดเผยให้เห็นร่องอก ทำให้นึกไปถึงพวกนักเที่ยวราตรีสมัยเอโดะ
ขณะที่ผมกำลังจ้องเขม็งไปที่การ์ดใบที่สอง เธอก็อมยิ้มแล้วหันมาทางนี้
「ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คิทากาว่าโดโน」
「หืม?…..หรือว่า สึจิงุโมะงั้นเหรอ!?」
จากวิธีการพูดแบบโบราณและความจริงที่ว่าไม่ได้เจอกันนานทำให้ผมนึกออก จึงได้ส่งเสียงดังขึ้นมา
「งี้นี่เอง แรงค์อัพเป็นโจโรงุโมะ*แล้วสินะ!」
「ถูกต้องแล้วค่ะ สมแล้วจริงๆ ที่มีความรอบรู้เรื่องการ์ดสาวมอน」
นั่นมัน หรือว่าจะโดนถากถางอยู่รึเปล่า…..?
แต่ว่า…..ใครมันจะไปคิดว่าสึจิงุโมะที่น่าขนลุกแบบนั้น พอแรงค์อัพแล้วจะสามารถเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้…..
ก็นะ ให้เดาว่ารูปลักษณ์ที่เห็นในตอนนี้คงจะเป็นการจำแลงเพื่อล่อลวงผู้ชายนั่นแหละ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงทำการมองไปทางการ์ดใบสุดท้าย
การ์ดใบที่สาม ก็เป็นการ์ดตามรสนิยมของโอริเบะอีกเช่นกัน
กลุ่มก้อนควันสีดำที่มีรูปร่างมนุษย์…..บางทีอาจจะเป็นสายฟ้าทั้งแปดที่สถิตย์อยูภายในเมฆฝน
「โฮโนอิคาซึจิโนโอคามิ*งั้นเหรอ หรือว่าทางนี้จะเป็นโยมตสึชิโคเมะที่แรงค์อัพ?」
「นี่ก็ถูกต้องอีกเช่นกัน」
แต่ว่า โจโรงุโมะกับโฮโนอิคาซึจิโนโอคามิสินะ…..
ผมเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดมาก ก็แค่ว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นการ์ดที่แข็งแกร่งและมีสกิลอัญเชิญวงศ์วาน
…..นี่มันชักจะตึงมือขึ้นมาหน่อยซะแล้ว โอริเบะดูจะเป็นปาร์ตี้ขยายจำนวน
โดยเฉพาะโฮโนอิคาซึจิโนโอคามิที่ใช้สกิลสายฟ้าอันทรงพลัง แม้แต่ในแรงค์ C เองก็นับว่าเป็นการ์ดที่อยู่ในระดับสุดยอด ขนาดที่ไม่ใช่การ์ดสาวมอนก็ยังมีราคาเกือบ 100 ล้าน แค่นี้ก็พอจะเดาๆได้ว่าเก่งขนาดไหน
คงจะเป็นเรื่องลำบากแน่ ถ้าหากว่าเสริมพลังป้องกันด้วยดูลลาฮานแล้วคอยอัญเชิญวงศ์วานไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น
เพื่อที่จะทะลวงฝ่าไป จะต้องใช้การโจมตีอันว่องไว….. หรือไม่งั้นก็รับมือด้วยการอัญเชิญวงศ์วานของเราเอง
หลังจากการครุ่นคิด การ์ดที่ผมจะอัญเชิญก็คือ เอลิซ่า, เร็นกะ, …..แล้วก็อาเธน่า
ทันทีที่ได้เห็นเข้า โอริเบะก็มีสีหน้าตกใจขึ้นมา
「อ-อาเธ…..น่า!? ได้, ยังไงกัน…..!?」
「ฮี่ฮี่ ความจริงแล้ว…..ได้มาจากแพ็คของกิลล์น่ะ」
「หรือว่า เจ้าแพ็คสุดบ้า 1 แพ็คราคา 10 ล้านงั้นเหรอ? นี่ซื้อไปมากแค่ไหนกันคะเนี่ย?」
「อะฮะฮะ…..ส-สี่ร้อยล้าน」
พอได้ยินเข้า โอริเบะก็โซเซ ทำท่าราวกับเวียนหัว
「รุ่นพี่…..อย่างที่คิดว่า ออกจะเกินไปหน่อยนะคะ…..」
「………………..」
「แต่ว่า งี้นี่เอง แพ็คของกิลล์ แล้วกับการที่นำออกมาในช่วงเวลาแบบนี้…..รูปลักษณ์นั่น….. อย่างงี้นี่เอง」
อุ แบบว่ารู้สึกเหมือนจะโดนอ่านออกแล้วว่าอาเธน่าไม่สามารถใช้สกิลได้อย่างเต็มที่
ถ้าหากให้เวลาคิดมากเกินไปกว่านี้จะยิ่งแย่เอาได้
「อาเธน่า อัญเชิญไนกีออกมาเลย」
「อู…..จ-จะต่อสู้งั้นเหรอ…..」
ด้วยคำพูดของผม อาเธน่าจึงมีสีหน้าร้อนรนจ้องกลับไปกลับมาระหว่างใบหน้าผมกับการ์ดของโอริเบะ ตัวเธอที่เป็นแบบนั้น ผมจึงพูดกับเธออย่างนุ่มนวล
「…..อาเธน่าไม่จำเป็นต้องต่อสู้หรอก แค่อัญเชิญไนกีออกมาเท่านี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ」
「ข-เข้าใจแล้วน่า! ไม่ใช่ว่ากลัวหรือว่าอะไรซักหน่อย! อุทามาโร่เอ๋ย หากว่าจะต้องทำแล้วล่ะก็ ก็ต้องเอาชัยชนะมามอบให้แก่อาเธน่าผู้นี้ให้ได้! เข้าใจแล้วนะ!?」
บางทีคำพูดของผมคงจะไปสะกิดศักดิ์ศรีของเธอในฐานะเทพีแห่งสงคราม ถึงแม้ว่าจะหน้าแดงก่ำแต่เธอก็อัญเชิญไนกีออกมา
พอเห็นทางนี้อัญเชิญไนกี โอริเบะเองก็เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วเช่นกัน สวมใส่ดูลลาฮาน, เว้นระยะห่าง, สั่งการให้โจโรงุโมะกับโฮโนอิคาซึจิโนโอคามิอัญเชิญวงศ์วาน
โจโรงุโมะกลายร่างเป็นแมงมุมยักษ์ที่มีความยาวเกือบ 5 ม. ให้กำเนิดลูกแมงมุมออกมาจำนวนมาก ซึ่งขยายขนาดขึ้น 2 – 3 เท่าในทันที กลายเป็นแมงมุมยักษ์ที่มีขนาดเกือบ 3 ม.
อีกด้านหนึ่ง โฮโนอิคาซึจิโนโอคามิได้อัญเชิญโยมตสึชิโคเมะมา 5 ตัว แล้วเหล่าโยมตสึชิโคเมะก็ทำการอัญเชิญกองทัพยมโลกขึ้นมาอีกจำนวนมาก
แค่พริบตาเดียว แมงมุมยักษ์และกองทัพนักรบคนตายก็ได้ปรากฏขึ้นมาในพื้นที่ลานเล็กๆ
กลับกันแล้ว ที่ได้อัญเชิญมาของทางนี้คือหน่วยรถถังของเหล่าวิญญาณวีรชน ถึงแม้ว่าจะอัญเชิญออกมาได้แค่ 4 ตัวต่อครั้ง แต่คุณภาพเมื่อเทียบกับแมงมุมหรือกองทัพยมโลกแล้ว น่าจะมีสูงกว่าถึง 1 ต่อ 100 เลย
กองทัพอันเดดและหน่วยรถถังเข้าปะทะกัน แล้วจากทางด้านหลังของแต่ละกองทัพ การโจมตีและการสนับสนุนด้วยเวทมนตร์ของเหล่าการ์ดก็ลอยว่อนไปทั่ว ทำให้มันดูเหมือนสงครามมากกว่าการต่อสู้ปกติ
หน่วยรถถังเร่งความเร็วทะยานไปทั่วสนามรบ ทำการสังหารศัตรูอยู่ฝ่ายเดียว ทว่ากองทัพอันเดดก็เติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จำนวนไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด
แต่ถึงจะสามารถเพิ่มจำนวนได้ไม่สิ้นสุด มันก็มีขีดจำกัดของพื้นที่ว่างที่มีอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ที่จะเอามาวัดกันก็คือความแตกต่างด้านคุณภาพ
ในขณะที่กองทัพอันเดดเพิ่มจำนวนด้วยความเร็วมหาศาล และจำนวนของทางเราที่น้อยกว่า อัตราการถูกจัดการโดยศัตรูนั้นถือว่าช้า
โอกาศในการโต้กลับ จะมาถึงในตอนที่กองืัพของอีกฝ่ายถึงจุดอิ่มตัวภายในพื้นที่ แล้วจากจุดนั้นจึงค่อยให้พวกเร็นกะเพิ่มพลังทำลาย ค่อยๆทำลายศัตรูเข้าไป และเพิ่มควมหนักหน่วงของหน่วยรถถังฝั่งเรา
หากไปถึงจุดนั้นได้ ก็เท่ากับเป็นชัยชนะของผม แต่
「…..ฟุมุ ได้เวลาแล้วล่ะ」
ไม่มีทางที่โอริเบะจะยอมดูอยู่เฉยๆ ให้แผนการของผมลุล่วงไปได้อย่างไม่ติดขัด
จู่ๆ ก็มีกลุ่มไอน้ำสีดำพวยพุ่งขึ้นจากตรงจุดที่เธออยู่ แล้วในพริบตาก็ได้มีเมฆฝนปกคลุมท้องฟ้าเหนือพวกเรา สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนวิ่งไหลผ่านเมฆฝน ก่อให้เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
นี่มัน…..! เมื่อทำการมองไปที่เธอ ก็ไม่เห็นตัวโฮโนอิคาซึจิโนโอคามิอยู่เลย
ถ้าเป็นงั้นล่ะก็ นี่ก็คือ…..! แย่แล้ว! ด้านล่างมีแอ่งน้ำอยู่! โดนจัดการแน่!
ผมรีบให้เร็นกะดึงตัวผมขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วใช้การ์ดเวทโพรเทคชั่นกับเหล่าการ์ด
ขณะเดียวกันนั้นเอง พายุสายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้า—–แต่ลงกับแค่ศัตรูเท่านั้น
「อะ-ไรกัน…..?」
ขณะที่กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์จากการที่สายฟ้าฟาดลงมาโดนลอยมาแตะจมูกก็ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จะพึมพำออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งผมและก็เหล่าการ์ดเอง ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านมาทางน้ำทะเลเลย
ในทางกลับกัน เหล่ากองทัพยมโลกที่ถูกสายฟ้าฟาดใส่ มีร่างกายที่ดำไหม้เกรียม อีกทั้งมีกระแสไฟฟ้าสถิตย์อยู่ในร่างกาย
ทำลายตัวเอง…..? ไม่ใช่ ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ไม่มีทางที่โอริเบะจะทำอะไรไร้ความหมายเช่นนั้น
และราวกับว่าจะพิสูจน์สิ่งนั้น เหล่านักรบผู้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ก็เข้าจู่โจมรถถังต่อราวกับว่าไม่ได้รับรู้ถึงความเสียหายที่เกิดจากสายฟ้าฟาดเลย
เร็ว…..! ราวกับว่าพวกมันได้กลายสภาพเป็นดั่งสายฟ้าเอง
นอกจากนี้ รถถังที่เข้าปะทะกับกองทัพยมโลกยังโดนกระแสไฟฟ้าแรงสูงซ็อตใส่ ได้รับความเสียหายรุนแรงราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาด จาก 2 เป็น 3 แล้วก็มากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนของรถถังที่แข็งแกร่งถูกลดลงอย่างรวดเร็ว
「นี่มัน…..! สกิลที่เปลี่ยนกองทัพยมโลกให้เป็นระเบิดไฟฟ้างั้นเหรอ!」
หลังจากการโจมตีพลีชีพ กองทัพยมโลกก็กลับคืนสู่ผืนดินราวกับว่าได้ทำภารกิจลุล่วงแล้ว แต่ว่าพวกเขานั้นเป็นแค่ทหารเดินเท้าธรรมดาอยู่แล้วตั้งแต่แรก ไม่ถือว่าเป็นความเสียหายเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับหน่วยรถถังของฝ่ายเรา
แผนการที่ใช้พลังของจำนวนเพื่อเพิ่มคุณภาพของการโจมตีด้วยการทำลายตัวเอง จิตสังหารของโอริเบะนี่มันรุนแรงจริงๆ…..!
『ได้ยินรึเปล่าคะ รุ่นพี่』
ในตอนนั้นเอง เสียงของโอริเบะก็ดังผ่านมาทางเข็มกลัด
ต้องตั้งใจฟังอย่างช่วยไม่ได้
『สายฟ้าทั้ง 8 ของโฮโนอิคาซึจิโนโอคามินั้น แต่ละสายฟ้าถือเป็นตัวแทนของปรากฏการณ์ที่เกิดจากสายฟ้า
โออิคาซึจิโนคามิ(大雷神) เป็นตัวแทนของสายฟ้าฟาดอันทรงพลัง, คาอิคาซึจิโนคามิ(火雷神)เป็นตัวแทนของไฟที่เกิดจากสายฟ้าฟาด, คุโรอิคาซึจิโนคามิ(黒雷神) เป็นตัวแทนของความมืดจากเมฆฝน, ซาคุอิคาซึจิโนคามิ(咲雷神) เป็นตัวแทนของภาพที่สายฟ้าฟาดฉีกต้นไม้ใหญ่, วากะอิคาซึจิโนคามิ(若雷神) เป็นตัวแทนของการอำนวยพรบนผืนดินหลังสายฟ้าฟาด, ซีจิอิคาซึจิโนคามิ(土雷神) เป็นตัวแทนของภาพที่สายฟ้าไหลกลับสู่ผืนดิน, นารุอิคาซึจิโนคามิ(鳴雷神) เป็นตัวแทนของเสียงฟ้าร้อง, ฟูซุอิคาซึจิโนคามิ(伏雷神) เป็นตัวแทนของภาพที่สายฟ้าหลบซ่อนอยู่ภายในเมฆฝน
ด้วยสกิลของโฮโนอิคาซึจิโนโอคามิ ทำให้สามารถสร้างสกิลของเทพสายฟ้าทั้ง 8 ขึ้นมาใหม่ได้ เอาล่ะ พอจะเดาออกไหมคะว่าอันไหนเป็นผลของเทพสายฟ้าองค์ไหน?』
『…..เมฆฝนในตอนแรกคือ คุโรอิคาซึจิโนคามิ
สายฟ้าที่สถิตย์อยู่ในตัวเหล่ากองทัพยมโลกคือ ฟูซุอิคาซึจิโนคามิ
ความเร็วดั่งสายฟ้าคือ นารุอิคาซึจิโนคามิ
หน่วยรถถังที่สัมผัสกับกองทัพยมโลกแล้วถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อตคือ ซาคุอิคาซึจิโนคามิ
พลังอันรุนแรงนั่นคือ โออิคาซึจิโนคามิกับคาอิคาซึจิโนคามิ
หลังจากการโจมตีพลีชีพสำเร็จ กองทัพยมโลกกลับสู่ผืนดินคือ วากะอิคาซึจิโนคามิกับซีจิอิคาซึจิโนคามิ ซึ่งน่าจะเป็นข้อเสียของสกิล』
『ฟุฟุ เกือบจะถูกทั้งหมดค่ะ ที่ต้องเสริมอีกหน่อยคือ ถึงแม้จะเป็นความจริงที่การกลับคืนสู่ผืนดินจะเป็นผลสะท้อนกลับจากสกิล แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียแต่อย่างใด หลังจากที่กลับสู่ผืนดินแล้ว ก็จะได้รับผลการฟื้นฟูจากโฮโนอิคาซึจิโนโอคามิด้วยวากะอิคาซึจิโนคามิค่ะ』
อย่างงี้นี่เอง เป็นวัฐจักรของการเปลี่ยนวงศ์วานที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดให้เป็นระเบิด, แล้วยังช่วยฟื้นฟูตัวเอง ดูออกจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแต่…..แข็งแกร่งจนแทบจะขี้โกงเลย
『ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 8 เทพสายฟ้าก็คือ ความจริงแล้วมันไม่ใช่สกิลสนับสนุนแต่เป็นสกิลคำสาป ก่อนอื่นต้องสาปวงศ์วานของตัวเองแล้วจึงค่อยส่งผ่านคำสาปไปสู่ศัตรู …..จะว่าไปแล้ว รุ่นพี่รู้เกี่ยวกับสกิลของสึจิงุโมะรึเปล่าคะ?』
สกิลของสึจิงุโมะ? ไม่รู้เลย…..เพราะมันไม่ใช่การ์ดที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษอะไร แล้วก็ไม่คิดจะเอามาใช้เองด้วย
พอผมไม่สามารถตอบได้ โอริเบะก็บอกคำตอบมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
『…..ดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องสกิลที่รุ่นน้องผู้น่ารักมีอยู่ เพราะงั้นจะบอกให้ก็แล้วกัน สกิลหลักของสึจิงุโมะคือ เมื่อกินยาพิษเข้าไปแล้วก็กินให้ถึงจาน* เป็นสกิลที่รวบรวมและบีบอัดคำสาปที่อยู่รอบๆมาที่ตัวเอง ฟุฟุฟุ ตอนที่แรงค์อัพสามารถสืบทอดมาได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ』
…..หรือว่า!
ผมจ้องไปที่โจโรงุโมะอดีตสึจิงุโมะที่ยืนอยู่ห่างออกไป หมอกสีดำกำลังห้อมล้อมตัวเธอ ก่อตัวเป็นรูปหัวกะโหลก
『สกิลนี้ทรงพลังก็จริง แต่ใช้เวลามาก ที่อุตส่าห์เป็นเพื่อนคุยเพื่อฆ่าเวลา ต้องขอบคุณมากค่ะ』
『……………』
『เอาล่ะ ไม่เหลือหน่วยรถถังแม้แต่คันเดียว ส่วนทางนี้มีหน่วยพลีชีพเหลืออยู่อีกครึ่ง ถ้าหากว่าใช้สกิลคำสาปที่สะสมมาถึงขั้นนี้ แม้แต่การ์ดของรุ่นพี่เองก็คงรับไม่ไหว —-รุกฆาตค่ะ』
โอริเบะแนะนำให้ยอมแพ้ ผมจึง…..
『ฟุ ฟุฟุฟุ…..』
『…..มีอะไรน่าขำเหรอคะ?』
พอผมเริ่มหัวเราะออกมา โอริเบะจึงส่งเสียงสงสัย
『ก็แหม ไม่นึกว่าแม้แต่ซาโยะเอง”ก็ด้วย”ที่กำลังถ่วงเวลา พวกเราที่ต่างฝ่ายต่างก็คิดใช้คำพูดใส่กันเองมันดูแล้วก็น่าตลกดียังไงล่ะ
「—-รุกฆาต」』
『อะไรกัน!?』
คำพูดสุดท้ายไม่ได้ถูกบอกผ่านทางเข็มกลัด แต่เป็นจากเร็นกะที่พูดจากด้านหลังของเธอ
โอริเบะหันหลังกลับด้วยความตกใจ และได้เห็นเร็นกะที่ใช้หวนคืนจิตวิญญาณแล้วกลับคืนเป็นคิชโชเต็ง จากนั้นจึงหันกลับมาทางนี้แล้วจ้องเร็นกะที่อยู่ข้างๆผม
ทันใดนั้น เร็นกะทางด้านนี้…..รวมไปถึงเอลิซ่าก็หายไปราวกับหมอกควัน และที่ปรากฏขึ้นมาแทนที่ตรงนั้นก็คือปีศาจสาวผมสีแดง
「ฟู่~…..กะแล้วเชียวว่าเปลี่ยนร่างเป็นคน 2 คนในเวลาเดียวกันมันเหนื่อยน่าดูจริงๆน้า」
-ฟู่- ซูซุกะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเข้ามาพิงตัวผม
พอได้เห็นตัวเธอ โอริเบะก็เดอะลิ้น
『…..อย่างงี้นี่เอง โดยหลอกมาตั้งแต่แรกเริ่มเลยสินะ นี่มันโดนเข้าให้ซะแล้วล่ะค่ะ』
『ถ้าเป็นการโจมตีของเร็นกะที่กลายร่างเป็นคิชโชเต็งแล้วล่ะก็ สามารถทะลวงการป้องกันของดูลลาฮานและสร้างความเสียหายมหาศาลแก่มาสเตอร์ได้แน่ ยอมแพ้ซะเถอะ』
『ฟุมุ…..ช่วยไม่ได้ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้—-ที่จะชนะอย่างตรงไปตรงมาซะแล้วล่ะค่ะ』
『อะไรนะ?』
ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผมกำลังเอียงคอสงสัย ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกเบาๆที่ทางด้านหลัง มันเป็นการโจมตีที่เบาเสียจนอุปกรณ์เวทชนิดป้องกันที่ติดตั้งบนเข็มกลัดไม่ตอบสนอง ทว่ามันนับว่าเป็นการโจมตีโดยตรงใส่ผมแน่ๆ
เมื่อหันกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ที่ตรงนั้นก็มีกลุ่มหมอกสีดำ มอนสเตอร์แรงค์ E ไนท์แมร์ล่ะ
『ถึงจะแทบไร้ความเสียหาย แต่นี่เองก็นับเป็นการโจมตีโดยตรง ชั้นชนะแล้วค่ะ』
『นะ…..ใบที่สี่!? ผิดกติกา…..ไม่สิ หรือว่า โธ่เว้ย! โดนเล่นเข้าให้แล้ว!』
『ฟุฟุ ใช่แล้ว ไม่ได้ผิดกติกาอะไรเลย ตัวชั้นสามารถอัญเชิญการ์ดได้ถึง 4 ใบ ถึงแม้ว่าจะได้ทำการอัญเชิญออกมาไว้แล้วก่อนหน้าที่รุ่นพี่จะก้าวเท้ามาถึงที่นี่ค่ะ』
『โดนหลอกเข้าเต็มๆเลย…..หมายความว่าผมพ่ายแพ้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ』
『ก็นะ นี่หมายความว่าของแบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ยังไม่รู้ว่ากติกาจะถูกใช้ยังไงในการแข่งขันจริง แต่ว่าการต้องให้ทำการเรียกกลับมาทั้งหมดก่อนแล้วจึงค่อยอัญเชิญออกมาคงไม่น่าจะใช่ นั่นเพราะระหว่างการต่อสู้ สามารถคิดเอาไว้ได้เลยว่าคงถูกขัดขวางจากมอนสเตอร์แน่ๆ บางทีแล้วรูปแบบมันอาจจะเป็น ให้เรียกกลับการ์ดที่เกินมาจากผลของการเดิมพัน เป็นแบบนี้แล้วก็คงจะมีพวกที่แอบซ่อนวงศ์วานของการ์ดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่ม ซึ่งถ้ามันยังอยู่ในจำนวนของการ์ดที่สามารถอัญเชิญออกมาได้ ก็ไม่ถือว่าผิดกติกาค่ะ』
『ได้เรียนรู้อะไรขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ…..』
『ทางนี้ก็คาดไม่ถึงว่าจะถูกไล่ต้อนมากจนถูกพลิกกลับมาได้หรอก ก็นะ ถ้ายึดตามกติกาก็เป็นชั้นที่ชนะ กรุณารออยู่ที่นี่เป็นเวลา 1 ชม.ด้วยนะคะ』
พอพูดเช่นนั้น โอริเบะก็ส่งยิ้มแล้วเดินทางไปออกไปจากที่แห่งนี้
หลังจากมองส่ง ผมก็ทิ้งตัวลงไปนอนหงายบนแอ่งน้ำทะเล
「ฮ่า~ แพ้แล้ว! แพ้แล้ว!」
ขณะที่กำลังลอยตัวก็ระบายความหงุดหงิดออกมา
น้ำทะเลเย็นสบายช่วยให้ความร้อนในสมองและหัวใจมันเย็นลง
…..พักนี้ออกจะได้ใจมากไปหน่อยเพราะว่าชนะมาอย่างต่อเนื่อง
ในการเผชิญหน้ากับโอริเบะ ถึงแม้ว่าจะเอาคืนในตอนสุดท้ายได้ แต่ก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูป
มาถึงขั้นนี้แล้ว ยัยอันนาเองก็คงต้องแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเก่าแน่
ค่ายฝึกนี่ คงจะได้อะไรกลับไปมากกว่าที่คิดเป็นแน่
และแล้ว หลังจากที่ต้องเสียเวลาไป 1 ชม. ก็เป็นที่แน่นอนว่าผมได้ที่โหล่ในการแข่งขัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
โจโรงุโมะ / Jorogumo / 女郎蜘蛛
จากตำนานญี่ปุ่น, ปีศาจแมงมุมที่สามารถแปลงกายเป็นหญิงสาวได้
https://en.wikipedia.org/wiki/Jor%C5%8Dgumo
โฮโนอิคาซึจิโนโอคามิ / 火雷大神
จากตำนานญี่ปุ่น, 8 เทพสายฟ้าที่สถิตย์ภายในร่างศพของเทพอิซานามิ
https://d-museum.kokugakuin.ac.jp/eos/detail/id=9730
https://en.wikipedia.org/wiki/Yakusanoikazuchi
https://zh.wikipedia.org/zh-hans/八雷神
เมื่อกินยาพิษเข้าไปแล้วก็กินให้ถึงจาน / 毒食らわば皿まで
สำนวนญี่ปุ่น, หมายถึงถ้าหากว่าทำอะไรที่เป็นเรื่องเลวๆไปแล้ว ก็ทำให้มันถึงที่สุดไปเลย
https://www.quora.com/What-is-the-meaning-of-the-Japanese-saying-毒食わば皿まで