บทที่ 207 โจวอู่หัง
“ยาหวงฉีนั้นทำร้ายทั้งผู้อื่นและตัวเอง มีพิษร้ายแรง มันถูกสั่งห้ามมานานแล้ว แต่ที่นี่กลับมีการผลิตอย่างลับ ๆ เธอยังกล้าบอกว่าไม่ได้ทำผิดอีกเหรอ”
เมื่อเห็นเหอเจ๋อพูดอย่างเด็ดขาด เด็กสาวก็เม้มริมฝีปากแล้วแก้ตัวว่า “ฉันแค่มาเที่ยวเล่นที่นี่เท่านั้น ไม่รู้จักยาพิษหวงฉีอะไรนั่นหรอก คุณอย่าใส่ร้ายคนดีสิ”
เหอเจ๋อแค่นเสียงอย่างหงุดหงิด “พูดคุยกันแค่นี้ก็จะใช้ยาสลบแล้ว ยังจะบอกว่าไม่เกี่ยวอีก เธอคิดว่าฉันโง่หรือไง”
สีหน้าของเด็กสาวฉายแววตกใจ แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มกริ่มพูดว่า “ไม่คิดว่าคุณจะรู้เรื่องยาด้วย น่าเสียดายที่สายไปแล้ว ตอนคุณเข้ามาฉันก็ใช้ยาสลบไปแล้ว ผ่านมานานขนาดนี้มันคงซึมเข้าไปในร่างกายคุณหมดแล้ว รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แค่ฉันนับหนึ่งถึงสาม คุณก็หมดสติแล้ว”
“หนึ่ง!”
“สอง!”
เด็กสาวเบิกตากว้าง มองดูเหอเจ๋อที่ยังดูปกติดี ไม่มีทีท่าจะสลบเลยสักนิด เธอจึงลดเสียงลงพึมพำ “สองจุดห้า ทำไมยังไม่สลบอีก…”
เหอเจ๋อหัวเราะเบา ๆ พูดว่า “เธอไม่ต้องเสียแรงเปล่าหรอก ต่อให้นับถึงร้อยฉันก็ไม่มีทางสลบ”
“เป็นไปไม่ได้!” เด็กสาวทำหน้าไม่เชื่อ “ยาสลบนี้ว่ากันว่าแม้แต่เทพเจ้าก็ยังสลบได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผลกับคุณ”
เหอเจ๋อยิ้มพูดว่า “อาจารย์ของเธอไม่เคยบอกเหรอว่า เวลาเจอยาสลบ แค่กลั้นหายใจไม่ใช้จมูกหายใจ ก็แทบจะไม่เป็นอันตรายแล้ว”
ดวงตากลมโตของเด็กสาวเต็มไปด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้เรื่องพวกนี้
เหอเจ๋อยักไหล่ สีหน้าจริงจังขึ้นมา พูดว่า “ดังนั้นฉันขอแนะนำว่าอย่าเล่นลูกไม้ตื้น ๆ นี้อีก บอกฉันมาตามตรงว่าเธอเป็นใครกันแน่ ไม่งั้นฉันจะส่งเธอไปสถานีตำรวจ”
เด็กสาวเริ่มร้องไห้ เธอพูดอย่างน้อยใจว่า “ฉันไม่อยากถูกจับ ในคุกมันมืดและน่ากลัวมาก”
เหอเจ๋อหน้าดำ น้ำตาผู้หญิงเป็นอาวุธที่เขากลัวที่สุด เขาพูดอย่างอึดอัด “ถ้าไม่อยากเข้าคุก ก็บอกมาตามตรง เธอชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน พ่อแม่เป็นใคร ทำไมถึงมียาสลบ?”
“ฉันชื่อโจวอู่หัง ฉันไม่มีบ้าน และไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร ฉันโตมากับอาจารย์ ยาสลบนี้ อาจารย์ให้ไว้ป้องกันตัว”
“แล้วอาจารย์ของเธอล่ะ?”
“ตายแล้ว”
เหอเจ๋อมองอย่างไม่เชื่อ ถามอย่างสงสัย “แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ฉันก็เป็นคนนะ ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน” โจวอู่หังทำหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘นายโง่หรือไง’ แล้วพูดว่า “ดังนั้นเมื่อพวกนั้นมาหาฉันให้มาเป็นนักปรุงยา ฉันก็ตอบตกลงสิ”
“งั้นยาหวงฉีก็เป็นเธอที่ปรุงสินะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก อย่างไรฉันก็เป็นคนมีความรู้ เป็นคนมีจิตสำนึก จะไปทำอะไรแบบนั้นที่เป็นอันตรายต่อคนอื่นได้ยังไง ฉันรับผิดชอบแค่การผสมวัตถุดิบบางอย่างเท่านั้น” โจวอู่หังเบ้ปาก พูดอวดตัวเองว่า “อ้อ ฉันยังแอบใส่สมุนไพรถอนพิษลงไปด้วยนะ ไม่เชื่อคุณไปดูเองก็ได้”
เหอเจ๋อไม่สงสัยในเรื่องนี้ ตอนแรกที่เขาเห็นก็ยังสงสัยอยู่ ที่แท้ก็เป็นฝีมือของเธอนี่เอง
พูดแบบนี้แล้ว โจวอู่หังก็ไม่ใช่คนเลวร้าย เธอก็แค่จำเป็นต้องทำมาหากินจึงหลงผิดไปชั่วครู่เท่านั้น
คิดสักครู่ เขาก็ถามอีกว่า “งั้นเธอแค่อธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจนก็พอแล้ว ทำไมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วยล่ะ”
โจวอู่หังพูดว่า “ฉันเห็นตำรวจก็กลัวน่ะสิ เลยต้องหลบไปอยู่หลังตู้หนังสือ”
เหอเจ๋อกลอกตา ถามว่า “แล้วเธอรู้ไหมว่าคนที่อยู่เบื้องหลังที่นี่คือใคร?”
โจวอู่หังส่ายหน้า “ไม่รู้หรอก ปกติคนที่ออกคำสั่งก็คือไอ้หมอนั่นที่ชื่อหยางเฟิง เงินอะไรก็เป็นเขาที่จ่าย”
เหอเจ๋อเห็นว่าถามไม่ได้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์ จึงยอมแพ้ พูดว่า “ที่นี่เป็นสถานที่อันตราย เธอควรรีบออกไปจะดีกว่า”
“แต่ฉันไม่รู้จะไปไหน” โจวอู่หังพูดอย่างกังวล “ฉันคงไม่ต้องไปเร่ร่อนตามท้องถนนหรอกนะ ฉันสวยขนาดนี้ ต้องมีพวกคนไม่ดีอย่างคุณมาลวนลามฉันแน่ ๆ…”
“ฉันหล่อขนาดนี้ ยังต้องไปทำเรื่องต่ำทรามแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ก็ไม่แน่นะ บางทีคุณอาจจะมีรสนิยมแปลก ๆ เช่น ชอบเด็กอะไรแบบนั้น น่ารำคาญที่สุดเลย”
เหอเจ๋อ “…”
พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนี้เร่ร่อนอยู่ข้างนอก ก็อาจจะเจออันตรายได้ง่าย การที่หลุดเข้ามาในโรงงานยาก็เป็นบทเรียนแล้ว ถ้าปล่อยให้เธอเดินเพ่นพ่านอยู่ข้างนอกคนเดียว อาจจะก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีกก็ได้
“งั้นแบบนี้ดีไหม ฉันเห็นว่าเธอก็รู้เรื่องการแพทย์อยู่บ้าง เธอตามฉันกลับบ้านก่อน อีกสองสามวันฉันจะช่วยหางานให้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องหรอก”
โจวอู่หังจ้องเขาตาเขียว พึมพำอย่างสงสัย “คุณคงไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับฉันหรอกนะ”
เหอเจ๋อเบ้ปาก พูดว่า “ฉันไม่สนใจพวกไม่มีเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงอย่างเธอหรอก”
โจวอู่หังโกรธ พูดอย่างโมโหว่า “ไอ้บ้านี่ ใครไม่มีเสน่ห์ความเป็นผู้หญิงกัน!”
เหอเจ๋อเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง ทำให้เธอโกรธจนกระทืบเท้าแรง ๆ อยู่กับที่ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็วิ่งตามไป
หวังเหมยเห็นเหอเจ๋อกลับมา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม กำลังจะพูดอะไร จู่ ๆ ก็เห็นโจวอู่หังที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาวิ่งตามหลังเขามา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ถามอย่างสงสัยว่า “เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?”
“เก็บมาน่ะ เธอไร้บ้านน่าสงสาร ฉันเลยพาเธอกลับมา”
‘เฮอะ ที่แท้ก็แค่หลงเสน่ห์ความสวยของฉัน อยากจะทำอะไรไม่ดีกับฉันสินะ’ โจวอู่หังบ่นอยู่ในใจ แต่พอเห็นสาวสวยสองคนแล้ว แม้ปากจะไม่พูดอะไร แต่ในใจก็รู้สึกละอายอยู่บ้าง
“อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” หวังเหมยถอนหายใจโล่งอก มองสำรวจโจวอู่หังตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักจังเลย”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่คุยกัน เราไปกันก่อนเถอะ”
“ฉันปลุกหานสาวก่อนนะ”
“ไม่ต้องหรอก เธอเพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องการพักผ่อน ปล่อยให้เธอนอนเถอะ”
เหอเจ๋อเดินไปอุ้มหานสาวขึ้นมา ในความงัวเงียนั้น เธอรู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยและอบอุ่น จึงโน้มศีรษะเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ซุกไซ้เหมือนสัตว์ตัวน้อย ทำเอาเขาทั้งขำทั้งสงสาร
เขาขับรถพาหานสาวและหวังเหมยไปส่งที่โรงแรมก่อน จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยขับรถกลับบ้าน
วุ่นวายจนถึงตอนนี้ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว การเดินทางที่ยาวนานทำให้โจวอู่หังง่วงมาก เหอเจ๋อจึงหาห้องรับรองให้เธอพักสักห้อง ให้เธอเข้าไปอยู่ เรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากัน
MANGA DISCUSSION