บทที่ 200 งานเลี้ยงหงเหมิน*[1]
มีคำพูดที่มักพูดกันเสมอว่า ร่างกายและผิวพรรณได้รับมาจากพ่อแม่ รูปลักษณ์ภายนอกที่เราไม่สามารถกำหนดเองได้นั้นไม่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริง ทุกคนล้วนมีความรักสวยรักงาม หน้าตาที่สวยงามมักนำมาซึ่งสิทธิพิเศษบางอย่าง เช่น ได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพมากขึ้น และมิตรภาพที่ดี
แน่นอนว่าก็มีข้อเสียเช่นกัน ความสำเร็จใด ๆ มักถูกโยงไปที่รูปร่างหน้าตา แทนที่จะเป็นความพยายามและการทุ่มเทอย่างหนัก
หานสาวเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าไปที่ไหนผู้คนจะสุภาพกับเธอ แต่เธอก็มักได้ยินคนนินทาลับหลัง หรือแม้แต่ด่าทออย่างเปิดเผยในเว่ยป๋อ บอกว่าเธอได้ตำแหน่งเพราะหน้าตา รวมถึงข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับการมีพ่อคอยช่วยเหลือ ซึ่งไม่เคยหยุดเลย
ภายนอกเธอดูเหมือนไม่สนใจ แม้จะถูกถามตรง ๆ เธอก็เพียงยิ้มน้อย ๆ และหลีกเลี่ยงที่จะตอบ แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่า ความพยายามแต่ไม่ได้รับการยอมรับนั้นขมขื่นเพียงใด ได้แต่เก็บกดไว้ในใจ
ดังนั้นเธอจึงชอบดื่มเหล้า ดื่มจนเมาทุกครั้ง ใช้แอลกอฮอล์ทำให้ตัวเองมึนเมา เมื่อหมดสติ ก็จะลืมความขมขื่นในใจได้ชั่วคราว
“หวังเหมย ทำไมเธอไม่ดื่มล่ะ? อีกแก้วสิ ฉันยังไม่เมาเลย”
หวังเหมยเคยฝึกการต่อสู้มาก่อน ร่างกายแข็งแรงกว่า ทนต่อแอลกอฮอล์ได้ดีกว่า ยังพอรักษาสติได้บ้าง จึงพูดว่า “ไม่ดื่มแล้ว พวกเราต้องไปแล้ว”
เฝิงซือรุ่ยถือแก้วเหล้าเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม “จะไปไหนกันล่ะ วันนี้จัดงานเลี้ยงฉลองให้หานสาวโดยเฉพาะ คนสำคัญอย่างเธอจะไปได้ยังไง มา ชนแก้วกันอีกหน่อย!”
แก้วทรงสูงสองใบชนกัน หานสาวเงยหน้าดื่มหมดในรวดเดียว เฝิงซือรุ่ยปรบมือชมว่า “สมแล้วที่เป็นหานสาว เก่งจริง ๆ หยางเฟิงเติมเหล้าให้เต็มแก้ว”
หยางเฟิงอุ้มขวดเหล้าวิ่งมาอย่างกระตือรือร้น เติมเหล้าจนเต็มแก้ว ยิ้มพูดว่า “หานสาว ตอนนี้เธอเป็นดาราดังระดับท็อปแล้ว ฉันขอดื่มอวยพรให้เธอสักแก้วนะ เผื่อวันหลังได้เล่าให้คนอื่นฟัง ฉันจะได้มีหน้ามีตาบ้าง”
หานสาวถูกใจ อารมณ์ดีขึ้น จึงไม่ปฏิเสธ เงยหน้าดื่มอีกแก้ว
เฝิงซือรุ่ยส่งสัญญาณให้หลิวเฉินที่อยู่ไม่ไกล อีกฝ่ายรีบวิ่งเข้ามา พูดประจบอีกสักพัก สุดท้ายก็ไม่ลืมที่จะดื่มอีกแก้ว
หวังเหมยที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วแน่น เธอเริ่มรู้สึกผิดแล้ว เมื่อวานเฝิงซือรุ่ยมาหาเธอ บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้หานสาว
ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะรายการครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของหานสาวเพิ่มขึ้นมาก การฉลองก็เป็นเรื่องปกติ
ตอนแรกทุกอย่างดูปกติดี แม้หานสาวจะไม่ชอบหน้าเฝิงซือรุ่ย แต่เขามีน้ำใจจัดงานเลี้ยงฉลองให้ เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธ
แต่พอดื่มไปเรื่อย ๆ บรรยากาศก็เริ่มแปลกไป คนพวกนี้ชัดเจนว่านัดแนะกันมาก่อน คอยมาชวนดื่มบ่อย ๆ เห็นหานสาวดื่มจนต้องวิ่งไปอ้วกในห้องน้ำแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“อย่าชวนอีกเลย หานสาวดื่มไม่ไหวแล้ว!” หวังเหมยวิ่งไปยืนขวางหน้าหานสาว จ้องหลิวเฉินที่กำลังจะรินเหล้าอย่างโกรธเกรี้ยว ตวาดว่า “ไม่เห็นหรือไงว่าเธอเมาแล้ว ยังจะชวนดื่มอีก คิดจะทำอะไร!”
หลิวเฉินถูกหวังเหมยตีตอนไปโรงเรียน เขากลัวเธอมาตลอด ตอนนี้เขารู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย จึงมองไปทางเฝิงซือรุ่ยเพื่อขอความช่วยเหลือ
เฝิงซือรุ่ยส่งสายตาให้กำลังใจเขา แล้วเดินเข้ามาพูดเสียงเบา “เราค่อย ๆ คุยกันได้ไหม”
หวังเหมยจ้องเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง พูดอย่างไม่เป็นมิตร “มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ”
เฝิงซือรุ่ยชำเลืองมองหานสาวที่กำลังเมา แน่ใจว่าเธอไม่ได้ยินคำพูดของตน จึงพูดอย่างสบายใจว่า “เรามาทำข้อตกลงกันไหม?”
“ข้อตกลง?”
“ฉันรู้ว่าเธอชอบเหอเจ๋อ เขาทั้งหล่อ ฐานะก็ดี เป็นสามีในฝันเลย…”
หวังเหมยขัดจังหวะคำพูดของเขาอย่างไม่ไว้หน้า พูดเสียงเย็นว่า “ฉันชอบเหอเจ๋อเพราะเขาช่วยฉันออกมาจากเหวลึก ฉันอยากอยู่เคียงข้างและดูแลเขาไปตลอดชีวิต ไม่ใช่เพราะหน้าตาหรือฐานะ”
เฝิงซือรุ่ยยักไหล่พูดว่า “แต่ตอนนี้เธอไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ฉันได้ยินพ่อของหานสาวบอกว่า เตรียมจะพบเหอเจ๋อในอีกไม่กี่วัน ความหมายของเรื่องนี้ไม่ต้องให้ฉันพูดเธอก็น่าจะเข้าใจนะ”
สีหน้าของหวังเหมยซีดลง เธอฝืนยิ้มพูด “แล้วยังไงล่ะ? แค่เขาได้คู่ครองที่ดีก็พอแล้ว…”
“หวังเหมย…” เฝิงซือรุ่ยเรียกชื่อเธอ แล้วพูดเย้ยหยันว่า “เธออย่าหลอกตัวเองเลย เห็นคนที่ตัวเองรักอยู่กับคนอื่น ในใจเธอจะรู้สึกยังไง”
หวังเหมยเงียบลง ความรักเป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว ยิ่งเธอเป็นคนใจแคบด้วย
เฝิงซือรุ่ยถอนหายใจ พูดอย่างจริงจัง “ดังนั้นเรามาทำข้อตกลงกัน ทำให้เรื่องสำเร็จไปด้วยกัน”
“หมายความว่าจะฉวยโอกาสตอนเมาเหรอ?”
“ใช่ หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นหานสาวหรือเหอเจ๋อ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ก็คงไม่กล้าประกาศให้ใครรู้ ตอนนั้นหานสาวจะเป็นของฉัน ส่วนเหอเจ๋อจะเป็นของเธอ”
มุมปากของหวังเหมยยกยิ้มขึ้น “แต่หานสาวไม่ได้รักนาย อยู่กับนายเธอจะทุกข์ไปทั้งชีวิต”
“รัก?” เฝิงซือรุ่ยหัวเราะ พูดอย่างดูถูกว่า “เธอไม่รู้สึกว่าคำนี้มันน่าขำเหรอ”
เขามองไปที่หานสาวด้วยสายตาลึกซึ้ง พูดว่า “หลายปีมานี้ ฉันไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ทรัพย์สินทั้งหมดหลังแต่งงานก็จะเขียนชื่อหานสาวทั้งหมด ฉันรับรองว่าอยู่กับฉันเธอจะมีความสุข”
หวังเหมยลังเล ในสังคมที่วุ่นวายนี้ ผู้ชายที่ทำได้ขนาดนี้หาได้ยากจริง ๆ
เฝิงซือรุ่ยเห็นว่าเธอเริ่มสนใจ จึงรีบพูดต่อว่า “ทุกอย่างที่ฉันพูดเป็นความจริง เราสามารถทำสัญญากันได้นะ เธอวางใจได้”
หวังเหมยกำลังจะพยักหน้าตกลง แต่ไม่คาดคิดว่าหานสาวที่เมามายจะพูดขึ้นมา ช่วงนี้เธอดื่มบ่อย ความทนต่อแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นไม่น้อย ดูภายนอกเหมือนเมาหนัก แต่จริง ๆ แล้วยังพอมีสติอยู่บ้าง เธอพูดติด ๆ ขัด ๆ ว่า “ฉันเกลียดไอ้หมอนี่ ไม่อยากแต่งงานด้วย…”
ใบหน้าของเฝิงซือรุ่ยดูมืดครึ้มทันที
หวังเหมยยักไหล่อย่างช่วยอะไรไม่ได้ “ในเมื่อคนที่เกี่ยวข้องพูดออกมาขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้ก็ยุติเถอะ”
“ยุติ?” เฝิงซือรุ่ยขมวดคิ้วพลางหัวเราะเยาะ “จะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง หยางเฟิง!”
หยางเฟิงที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ปรบมือ ทันใดนั้นก็มีบอดี้การ์ดชุดดำจำนวนมากเข้ามา ล้อมพวกเธอสองคนไว้
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอย่างกะทันหัน แขกในงานเลี้ยงต่างตกตะลึง พากันซุบซิบ
[1] งานเลี้ยงหงเหมิน เป็นคำพูดติดปากของคนจีนเพื่อเตือนให้ระวังการทรยศหักหลัง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์จีน เมื่อเซี่ยงอวี่หรือฌ้อปาอ๋องได้ส่งเทียบเชิญให้หลิวปังไปร่วมงานเลี้ยงเพื่อหลอกสังหารกลางงานเลี้ยง
MANGA DISCUSSION