เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 248 นายไม่คู่ควรจะตรวจ DNA ด้วยซ้ำไป
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 248 นายไม่คู่ควรจะตรวจ DNA ด้วยซ้ำไป
ตอนที่ 248 นายไม่คู่ควรจะตรวจ DNA ด้วยซ้ำไป!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อที่กำลังลิงโลดอยู่นั้น ใบหน้าไม่สู้ดีทันที!
ส่วนบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างนั้นเอง ได้ยินก็งุนงงไปทันที
พ่อของลูก?
พ่อของลูกอะไรที่ไหน?
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่อยากให้คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องล่วงรู้ความลับของพวกเขาจึงยื่นมือมาแล้วกล่าว “เข้าไปข้างในเถอะ ไม่ต้องเอาของขวัญมาแล้ว พวกเราไม่ขาดแคลนอะไรพวกนี้หรอก”
แล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็เป็นคนผลักเปิดประตูก่อน
เย่เฉินเองก็รีบเดินตามเข้าไป
ห้องพักผู้ป่วย VIP มีขนาดใหญ่เอาการ อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ค่อนข้างครบครัน
ตอนที่หลิ่วอวี่เจ๋อกับเย่เฉินเดินเข้ามาภายในห้อง หวังเจียเหยาเองกำลังนั่งอยู่ที่ข้างเตียง เล่นกับคู่แฝดที่นอนอยู่บนเตียงเด็กทารก
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาหวังเจียเหยาก็ยิ้มทันที “ลูกรัก พ่อของพวกหนูมาหาแล้ว”
พ่อ!
เมื่อเย่เฉินได้ยินคำนี้ ความรู้สึกอบอุ่นพลันวาบเข้ามาในใจ!
เป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะเป็นความจริงเท่าไหร่!
ตนเองได้เป็นพ่อคนแล้วจริงๆ เหรอ?
เขาเดินเข้าไปอย่างดีอกดีใจ แต่เมื่อพบว่าหลิ่วอวี่เจ๋อชิงเดินเข้าไปหาหวังเจียเหยาและลูกๆ ก่อน
หลังจากที่หลิ่วอวี่เจ๋อเดินเข้าไปหาพวกเขาแล้ว หวังเจียเหยาก็กล่าวกับเด็กๆ ว่า “ลูกรัก ดูพ่อของพวกลูกสิ คิดถึงพ่อหรือยังจ้ะ?”
เย่เฉินตัวชาวาบ คำว่า ‘พ่อ’ ของหวังเจียเหยาไม่ได้หมายถึงตนเอง! แต่หมายถึงหลิ่วอวี่เจ๋อ!
“บ้าชิบ!”
ทันใดนั้นเองความรู้สึกริษยาพลันแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ เขาเดินตรงไปแล้วผลักหลิ่วอวี่เจ๋ออย่างแรง จนอีกฝ่ายล้มลงบนพื้น “ผมต่างหากที่เป็นพ่อของพวกเขา!”
หวังเจียเหยาตำหนิเย่เฉินทันที “นายทำอะไรน่ะ ถ้าลูกตกใจจะทำยังไง?”
ทว่าเด็กที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกเพียงหนึ่งสัปดาห์คู่นี้ เห็นเย่เฉินผลักหลิ่วอวี่เจ๋อ เห็นเย่เฉินระเบิดอารมณ์กลับไม่ร้องไห้ และไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด
พวกเขาเอาแต่จ้องเย่เฉิน ในแววตานั้นยังเต็มไปด้วยความรักใคร่!
เสี้ยววินาทีนั้นเอง เย่เฉินพลันรู้สึกว่าแววตาคู่นี้ช่างแสนคุ้นเคย เหมือนกับแววตาที่ลูกสาวเจ้าของร้านกาแฟสือเฉินที่แสนลึกลับคนนั้นใช้มองมาที่เขาเช่นกัน
หลังจากที่เย่เฉินเห็นแววตาของเด็กๆ แล้วเขาก็ใจอ่อนยวบยาบ
ใบหน้าของเขาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มในทันที ขณะมองไปที่เด็กน้อยสองคน “ลูกรัก…พ่อครับมาหาพวกหนูแล้ว”
คราวนี้กลายเป็นหวังเจียเหยาที่ดูไม่มีความสุขขึ้นมา!
หลิ่วอวี่เจ๋อชันตัวลุกขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ฉันว่าเราต้องคุยกันเรื่องใครจะเป็นพ่อของเด็กๆ ให้ชัดเจนแล้วล่ะ!”
เย่เฉินย่อมอยากจะคุยกับพวกเขาอยู่แล้ว เขามาก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้!
หลิ่วอวี่เจ๋อล็อคประตูจากด้านใน เพื่อไม่ให้ใครเข้ามาแล้วเดินมาหาเย่เฉิน “คุณปู่ของฉันชอบเด็กสองคนนี้มาก อีกทั้งยังตั้งชื่อให้พวกเขาแล้วด้วย”
“เด็กผู้หญิงชื่อเจียอิน เด็กผู้ชายชื่อเจียเยว่ คนหนึ่งชื่ออินอีกคนชื่อเยว่ รวมกันเป็นอินเยว่ที่แปลว่าบทดนตรี”
เย่เฉินมองเด็กทารกสองคนแล้สพึมพำ “เย่เจียอิน เย่เจียเยว่ อืม ชื่อนี้ผมชอบนะ”
หลิ่วอวี่เจ๋อตบโต๊ะทันที “เย่เจียอิน เย่เจียเยว่อะไร! หลิ่วเจียอิน กับหลิ่วเจียเยว่ต่างหาก!”
แต่หวังเจียเหยากลับโพล่งออกมา “หวังเจียอิน หวังเจียเหยว่ถึงจะน่าฟัง!”
คิดไม่ถึงว่าทั้งสามคนจะเพียรพยายามยัดเยียดแซ่ให้คู่แฝด!
หลิ่วอวี่เจ๋อเองกลับเป็นฝ่ายพูดกับหวังเจียเหยาก่อน “เจียเหยาตอนนี้คุณเป็นสะใภ้ตระกูลหลิ่ว ตระกูลเราเป็นตระกูลใหญ่ ถ้าให้ลูกแซ่เดียวกับแม่จะไม่ดีเท่าไหร่ ผมว่าให้เด็กๆ แซ่หลิ่วเถอะนะ”
แต่หวังเจียเหยารู้สึกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้รักตัวเองมากขนาดนั้น แถมไม่พอพวกเขาก็ไม่ใช่ลูกของหลิ่วอวี่เจ๋อ อนาคตก็อาจจะไม่ได้สืบทอดทรัพย์สมบัติของตระกูลหลิ่ว ดังนั้นถึงได้อยากให้เด็กๆ แซ่เดียวกับตนเอง
หวังเจียเหยาจึงประนีประนอม “ให้ลูกผู้ชายใช้แซ่หลิ่วของพวกคุณก็ได้ แต่ลูกสาวต้องแซ่หวังเหมือนฉัน อีกทั้งคุณต้องรับประกันกับฉันว่าลูกชายของฉันจะต้องได้สืบทอดมรดกของตระกูลหลิ่วด้วย”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ได้สิ ให้เด็กผู้ชายแซ่หลิ่ว ส่วนเด็กผู้หญิงแซ่หวังก็ได้”
หวังเจียเหยาพยักหน้ารับ “ได้”
ได้กับผีสิ!
เย่เฉินที่ฟังอยู่ด้านข้างโมโหจนอยากจะถล่มโต๊ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าลูกๆ ของเขาอยู่ด้วย เขาคงระเบิดโทสะไปนานแล้ว!
เย่เฉินกล่าวด้วยโทสะ “พวกเขาเป็นลูกผม พวกคุณมาตกลงแซ่หลิ่วแซ่หวัง แล้วผมล่ะ?”
หวังเจียเหยาดูถูกเย่เฉินอย่างยิ่ง “เย่เฉิน นายอย่าลืมสิ นายเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านเรานะ นายไปลองหาข่าวดูสิว่ามีลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงคนไหนบ้างที่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ลูกใช้แซ่ตัวเอง? ใครๆก็ให้ใช้แซ่ตามแม่ทั้งนั้นเข้าใจไหม?”
หลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเจ้าเล่ห์ “นั่นสิ”
เย่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจ “ผมแต่งเข้าตระกูลหวังมาสามปี ถ้านับจากตอนที่เราแต่งงานกัน คุณมีลูกกับผม แล้วจะให้ลูกๆ ใช้แซ่ของคุณผมก็ไม่มีความเห็นอะไร! แต่ในสามปีนั้น คุณไม่ยอมให้ผมแตะเนื้อต้องตัวด้วยซ้ำไป พวกเราก็ไม่ได้มีลูกกันเสียหน่อย แต่ตอนที่เราสองคนอยากมีลูกกันจริงๆ นั้นเป็นตอนที่ผมบอกคุณเรื่องที่ผมเป็นทายาทตระกูลเย่ ตอนนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในบ้านทั้งบ้าน รถรวมไปถึงเรื่องต่างๆ ของที่บ้านคุณ ล้วนแต่เป็นเงินผม ผมเป็นคนเลี้ยงพวกคุณ! ตอนนั้นผมไม่ใช่เขยที่แต่งเข้าบ้านพวกคุณอีกต่อไปแล้ว! ดังนั้นผมย่อมมีสิทธิ์เรียกร้องให้ลูกๆ ใช้แซ่เดียวกับผม!”
เย่เฉินรู้ว่าถ้าหากเขาไม่ปิดบังเรื่องตัวตนของเขา วันนี้เรื่องแซ่ของลูกๆ คงจะไม่เป็นประเด็นให้หวังเจียเหยาต้องมาทะเลาะกับเขาแบบนี้
หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินไม่มีเงิน ดังนั้นถึงได้อยากให้เด็กๆ ใช้แซ่ของตนเอง
หวังเจียเหยากล่าวว่า “ใช่ นายมีสิทธิ์เรียกร้อง แต่ว่าพวกเราก็หย่ากันแล้ว แล้วพวกเราต่างก็มีคนรักใหม่ ถ้าให้เด็กๆ แซ่เดียวกับนาย ถ้าอย่างนั้