***………………..***
“สเตฟจังง!”
“คะแม่? อุ๊ป-”
สาวใหญ่หางอ้วนสีแดงสดเข้าโผกอดสาวน้อย
สเตฟหายใจติดขัดกับก้อนเนื้อใหญ่สองลูกที่อุดเข้าเบ้าหน้าเขาอย่างจัง
จำต้องผลักสองก้อนนั้นออกแม้ว่าจะดูชอบใจนิดหน่อยในตอนแรก
“อ เอาเป็นว่าเราไปทานอาหารเย็นได้รึยังคะ?…”
“เอ๋? แต่สเตฟเพิ่งมาถึงเองนะะ”
“ฮึก- ต้องพลัดพรากจากสเตฟจังไปตั้งแต่ยังเป็นไข่…”
“สักวันสเตฟคงจะเข้าใจ-”
“ค่าๆ ไม่มีวันนั้นหรอกนะคะ…”
ดูว่าอิคนิลจะไม่ค่อยสนใจระยะห่างระหว่างช่วงวัยของนางกับลูกเท่าไหร่
ใช้วิธีการเข้าหาแบบเพื่อนมากกว่าจะเคร่งแบบแม่ทั่วไป
ตอนนี้สเตฟอยู่ภายในคฤหาสน์ของรอสซึ่งรับพระราชทานยศเป็นรางวัลจากการออกรบจนสำเร็จกันมาได้
ยศที่ได้เห็นจะเป็นเพียงเอิร์ล แต่ก็เป็นเอิร์ลที่แทบจะมีอำนาจมากกว่าระดับสูงกว่านี้ซะด้วยซ้ำ
ภายในห้องอาหาร
บนโต๊ะยังว่างเปล่าจากความที่ต้องรอสมาชิกในครอบครัวมาพร้อมหน้าพร้อมตา
ไม่นานนักเมดก็เข้ามาคอจัดการอะไรให้เรียบร้อย
อุปกรณ์รับประทานอาหารที่มีทั้ง มีด ส้อม ช้อน และตะเกียบ? ที่รอสสั่งทำขึ้นเองจากความถนัดส่วนตัว
อาหารเย็นวันนี้จัดแบบฟูลคอร์สตามปกติจากที่พ่อครัวได้เข้ามาอธิบายระหว่างสาวๆ ทั้งสองคนนั่งรอชายหนุ่มเพียงคนเดียว
แล้วถามว่ามิลาด้าอยู่ไหนงั้นเหรอ?
นางคอยดูแลบ้านไม้ตากอากาศนั้นอยู่กับไพโอเนียร์และแกมมอน
แม้ว่าก่อนออกจากบ้านนั้นจะร้องห่มร้องไห้อยากจะมาด้วยใจจะขาดก็ตามเถอะ
ไม่เคยเห็นคุณยายเป็นอย่างนั้นเลยแฮะ
พอนึกไปก็คิดบันเทิงได้เล็กน้อย-
แอ๊ด-
เสียงประตูดังขึ้น ชายหนุ่มร่างสมส่วนเดินเข้ามาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย
ชุดดูเต็มยศอย่างบอกไม่ถูก เข็มยศอะไรติดซะเต็มตัวจนแทบไม่รู้ว่ามีเพิ่มได้อีกหรือไม่
“ท่านอิคนิลและสเตฟคงจะรอกันนานเลยใช่ไหมครับ”
“ขออภัยในความล่าช้า…”
แล้วก็ก้มโค้งลงตามแบบฉบับชายวัยทำงาน
ว่าแต่ว่ารอสเป็นคนสุภาพขนาดนั้นเชียวเหรอ?
จะว่าไปก็เคยเห็นหมอนั่นพูดปากไพเราะกับหัวหน้าอยู่นี่เนอะ…
อิคนิลรับการขอโทษนั้นอย่างใจจริง และบอกกล่าวให้นั่งทานอาหารกัน
รอสกวักมือคล้ายจะเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง จากนั้นเหล่าเมดทั้งหลายก็ออกห้องกันไปเข็นรถนำอาหารมาเรียงกันละลานตาบนโต๊ะนั้น
ไก่บ้าง ซุปบ้าง ขนมปังบ้าง หลายอย่างมารวมกันจนไม่รู้จะหยิบอะไรก่อนดี
อิคนิลหันมามองยังสเตฟที่จ้องอาหารเหล่านั้นไม่ละสายตา หัวเราะออกมาเล็กน้อยกับความเซ่อนั้นก่อนจะย้ายเก้าอี้เข้ามาใกล้ๆ เขา
“อะดูนี่นะ-”
นางสอนมารยาทต่างๆ ให้สเตฟที่ไม่เคยบนโต๊ะแบบนี้ (เอาจริงก็เคยตอนก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่นาน)
“อื้มๆ จับอย่างนั้นแหละ”
ท่าทางทะมัดทะแมงดูไม่มั่นใจก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
จะว่ามีพรสวรรค์ก็ไม่อยากจะยอมรับกับเรื่องมารยาท จะว่าคนสอนดีก็คงจะใช่ไม่อาจเถียง
รอสเองก็นั่งดูสองคนนี้มีความสัมพันธ์ราวครอบครัวตามที่เขาจินตนาการภาพเอาไว้
ยิ้มเบาออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็หุบรอยยิ้มนั้นไปแทบจะทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องสมัยก่อน
เขานึกกับตัวเอง เรามีความสุขแบบนี้มันดีแล้วจริงน่ะเหรอ?
ฮินาตะ… ขอโทษที่เห็นแก่ตัวแบบนี้นะ…
แล้วเขาก็ทานอาหารตามทั้งคู่ด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ ที่กดเอาไว้
จะว่าไปรอสไม่คิดจะเข้ามาคุยกับลูกสาวตัวเองสักหน่อยรึไง?
สเตฟคิดด้วยความฉุนเล็กน้อย แม้จะรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่จะยังไงเขาก็เป็นลูกสาวของเขาในตอนนี้
ตัวตนที่เคยเป็นของสเตฟนั้นไม่รู้ว่าจะเก็บเอาไว้นานถึงเมื่อไหร่
แต่หากเขาพอเห็นโอกาสที่จะสามารถพูดมันออกมาได้เขาก็อยากจะเจอกับเขาอีกครั้งในฐานะเพื่อนสนิทคนเดิม
ไม่ใช่ลูกสาว….
หลังทานอาหารกันเสร็จก็ถึงเวลากิจกรรมยามเย็นเล็กน้อย
อิคนิลชวนสเตฟไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่ท่านเอิร์ลคนใหม่ได้มอบหมายพื้นที่มา
หมู่บ้านเกษตรนาม แพลิลเสส ซึ่งทั่วทั้งพื้นที่ในช่วงนี้เต็มไปด้วยรวงข้าวสาลีสีทองอร่ามในช่วงฝนตกนี้
ดูอุดมสมบูรณ์ดี ทั้งนี้วันนี้ก็ยังมีเทศกาลเฉลิมฉลองก่อนเก็บเกี่ยวที่จะจัดกันทุกปีอีกด้วย
หมู่บ้านสว่างไสวผิดภาพจากปกติ แสงเทียนแสงไฟแสงเวทมนตร์ล้วนเต็มสองข้างทาง
เพิงขายของกินเล่น ร้านเกมงาน ร้านของชำร่วยที่ระลึก ล้วนแล้วแต่ช่วยสร้างสีสันขึ้นมาทั้งนั้น
สเตฟเดินต้อยๆ ตามอิคนิล จับชายเดรสดูอายสายตา ใครมองก็เห็นเป็นเพียงเด็กน้อย
ใจจริงก็แค่เนิร์ดอินโทรเวิร์ตคนหนึ่งที่ไม่ชินกับสายตามองเข้ามารอบๆ
“สายัณสวัสดิ์ค่ะท่านอิคนิล”
“ท่านอิคนิลเหรอ!”
“ทุกคนท่านอิคนิล”
“ท่านอิคนิล…”
จู่ๆ ก็ถูกชาวบ้านรุมล้อม…
“เมื่อวันก่อนต้องขอบคุณมากเลยนะคะที่ไล่กาให้พวกเรา”
“กระผมก็ขอบคุณท่านที่จุดไฟเผาเหล็กตีดาบให้ผมด้วยนะครับ!”
“…–”
“อ๊ะ- ท่านรอสก็มาด้วยพวกเรา!”
ดูเหมือนว่าอิคนิลและรอสจะเป็นที่นิยมกว่าที่คิด ไม่รู้ว่าทำอะไรมากมายให้หมู่บ้าน แต่ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องดี
“ลูกสาวของท่านอิคนิลเหรอคะ?”
““อ๊ายย! น่ารักน่าเอ็นดู””
เหล่าป้าๆ ในหมู่บ้านต่างหวีดเข้าหาสเตฟอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เขายิ่งเขินสายตาเข้าไปใหญ่
แต่การทำเช่นนั้นก็ราดน้ำมันเข้ากองไฟชัดๆ
ความน่ารักจากอาการอายสาตามันยิ่งทวีคูณความรุนแรง จังหวะนี้ใครจะล้มก็ล้มไปเป็นเบือแล้ว
“ฮะฮะ- พวกเธอนี่ก็เวอร์ไปแล้วจ่ะ…”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันก่อนนะ”
“ไปดีมาดีนะคะท่านอิคนิล”
“ไว้มาแวะหมู่บ้านได้ทุกเมื่อเลยนะครับ!”
แล้วทั้งสามคนเป็นครอบครัวเดินออกจากสถานที่ที่คนมุงพวกเขาไปรับชมงานเทศกาลได้
มีทักทายกันบ้างประปรายแต่ก็ไม่ถึงกับก่อนหน้านี้
ไฮไลท์จึงมาถึงบริเวณลานกลางหมู่บ้าน
มีต้นไม้เก่าแก่อยู่ตรงกลางลานวงกลมนั้น ถูกประดับไปด้วยโคมเทียนที่ทำขึ้นอย่างประณีตห้อยอยู่ตามกิ่งก้านใบทั่วไปบนต้น
ต้นไม้ลุกสว่างไม่ต่างจากพื้นที่รอบข้าง ภายใต้ร่มนั้นก็มีวงดนตรีเล็กๆ คอยบรรเลงจังหวะให้เสนาะหู ฝีเท้าของชาวบ้านหลายคนก็ขยับตามจังหวะนั้น
ว่ากันว่าหากได้เข้าคู่เข้าขากันภายในงานนี้และเป็นวันจันทร์เต็มดวง คู่รักที่เข้าร่วมงานจะได้คู่ครองไปตลอดกาล
ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน…
สเตฟนั่งรออยู่ข้างๆ บริเวณงานคอยสังเกตไปยังอิคนิลและรอสที่ดูชื่นมื่นกับงานนี้
ทั้งสองเข้าขากันได้อย่างเพอร์เฟ็คไม่มีที่ติ ราวกับเป็นคู่ที่ไม่อาจแยกจากกันได้
น่าอิจฉาเจ้านั่นเหมือนกันนะ…
ใครเล่าจะไม่รู้สึกเช่นนั้น เพื่อนสนิททั้งคนค่อยหายไปจากชีวิตด้วยความรัก ถึงจะหวังให้เพื่อนไดดี แต่ก็แอบเหงาที่จะไม่มีคู่ขาคอยอยู่ข้างเคียงกัน
กลับกันทางรอสก็ค่อยๆ ลืมเรื่องต่างๆ ในอดีตอันเจ็บปวดไป
ภาพนั้นค่อยเลือนหายจากความทรงจำเขาทีละน้อย
ภาพมือของเขาที่จับร่างนั้น
เสียงตะคอกที่ส่งให้ร่างนั้น
ความเจ็บใจมันกัดกินเขามานานแล้ว
ถึงเวลาที่จะปล่อยวางกันบ้าง…
รอสเริ่มที่จะปล่อยวางอดีต คอยใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดแทนที่ฮินาตะเพื่อนสนิทคนนั้น
แม้จะรู้สึกเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่ดวงไฟชีวิตยังไม่ดับถึงฆาต ก็จงใช้มันต่อไปให้หมด
ทั้งที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนสนิทคนนั้นก็นั่งจ้องตัวของเขาอยู่
ทำไมรู้สึกถึงสายตาที่มันคุ้นๆ ยังไงชอบกลมองเราอยู่กันนะ…?
***………………..***
กลับมากันจนได้นะครับท่านผู้อ่านที่เคารพ
อาจจะเป็นเรื่องไม่ค่อยดีแต่ก็ขอประกาศว่านิยายเรื่องนี้จะลงประมาณ 3 วันต่อ 1 ตอนครับ
แหม… ก็ให้เด็กหอได้ใช้ชีวิตกันบ้างสิ!
MANGA DISCUSSION