ตอนที่ 196 ซื้อบ้าน
หลังจากที่จางฉุ้ยเหลียนเปิดร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ ก็มีคนคิดจะมาฉวยโอกาสที่ร้านของเธอเสมอ แต่เธอก็ทำหน้าขึงขังและพูดปฏิเสธออกไปเสมอเช่นกัน เธอบอกเพียงแค่ว่าคนที่เป็นเจ้าของร้านไม่ใช่ตัวเอง และก่อนเปิดกิจการก็ทำข้อตกลงเอาไว้แล้ว ว่าจะไม่อนุญาตเปิดไฟเขียวให้ญาติหรือเพื่อนของตัวเอง
เมื่อมีเวลาว่างเธอก็เริ่มออกไปสำรวจดูบ้านไปทั่ว บ้านในสมัยนี้ราคาถูกมาก แต่แน่นอนว่าเธอต้องยึดตามพื้นที่ที่ราคาจะไม่ตกในภายภาคหน้า จางฉุ้ยเหลียนจำได้ว่าตอนที่กู้จื้อชิวซื้อบ้านขนาด 67.8 ตารางเมตร ในปี 1999 มันขายในราคาตารางเมตรละ 800 หยวนเพียงเท่านั้น บ้านหลังหนึ่งใช้เงินซื้อไม่ถึง 60,000 หยวนเลยด้วยซ้ำ และหนึ่งในนั้นยังได้เงินค่าทำความร้อนคืนด้วย ถือว่าเป็นอะไรที่ถูกสุด ๆ
และหลังจากนี้อีก 6 ปี การที่เธอซื้อในตอนนี้จะถูกกว่าอีกนิดหน่อย และไม่มีสิ่งที่เรียกว่าบ้านในเขตพื้นที่การศึกษาด้วย มีเพียงสิ่งก่อสร้างของชุมชนหรือย่านการค้าเท่านั้น
จางฉุ้ยเหลียนไปดูบ้านมาทั่วทุกที่แล้ว สถานที่ตั้งหลักจะอยู่ในเขตการศึกษา เวลาคังคังเริ่มเข้าโรงเรียนจะได้ไม่ต้องเสียค่าที่พักในเขตการศึกษามากนัก ใครจะไปรู้ว่าสถานการณ์ในครอบครัวตอนนั้นจะเป็นยังไง ถ้าเขาเข้าโรงเรียนสองภาษาได้ ของพวกนี้ก็จะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป แต่มันก็ขายได้ง่ายในอนาคต การซื้อบ้านของผู้คนหากไม่ใช่เพราะแต่งงานก็ต้องเป็นเพราะเด็ก ๆ เข้าโรงเรียน
จางฉุ้ยเหลียนเห็นว่ามีหมู่บ้านใหม่ อีกทั้งมันยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้องหม้อน้ำ เพราะอย่างนั้นแล้วมันต้องไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนแน่นอน ตอนนี้ยังไม่มีความร้อนจากใต้ดิน ดังนั้นเครื่องทำความร้อนทั้งหมดยังเป็นเตาเหล็กแบบโบราณ โครงสร้างบ้านก็ง่ายมากเพียงแค่หนึ่งห้องนอนสองห้องโถง ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยสักนิด
อาคารหนึ่งหลังมี 8 ชั้น ชั้นสามชั้นสี่จะมีราคาเท่ากัน ส่วนชั้นหนึ่งกับชั้นแปดก็จะมีราคาเท่ากัน ส่วนชั้นสอง หก และเจ็ดก็เป็นอีกราคาหนึ่ง จางฉุ้ยเหลียนมาช้า ในตอนนี้ชั้นสามชั้นสี่ถูกจองไปหมดแล้ว
เธออยากซื้อห้องที่ชั้นสอง แต่หลังจากที่ตงลี่หวาลองมาดูแล้ว หล่อนกลับบอกว่าไม่ชอบโครงสร้างของมัน จากนั้นพวกเธอก็ไปดูตึกหลังข้าง ๆ และแล้วพวกเธอก็ชอบห้องของชั้นห้า พอเข้าไปก็เป็นห้องรับแขก ขวามือของห้องนั่งเล่นมีประตูอยู่หนึ่งบาน หลังจากที่เดินเข้าไปก็จะเจอกับห้องครัวและห้องรับประทานอาหารพอดี ตรงสุดทางเดินมีห้องอยู่ 3 ห้อง ห้องนอนขนาบข้างซ้ายขาและมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง
จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าบ้านหลังนี้อยู่สูงเกินไป ไม่เหมาะกับคนแก่สองคน ถ้าชั้นแรกชั้นสองยังพอว่า เลยได้แต่บอกว่าเราดูไว้ก่อน จากนั้นก็จดที่อยู่ลงในสมุดบันทึก
ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็เดินต่อมาเรื่อย ๆ จนเดินมาถึงเขตที่อยู่อาศัยตรงทะเลสาบด้านหลังร้านซ่อมรถ จางฉุ้ยเหลียนรู้สึกเหมือนที่นี่จะได้เป็นที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ในอนาคต แต่ตอนนี้มันกลับดูรกร้างพอสมควร
เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หรือจะซื้อบ้านที่นี่สักหลังดี ? ความคิดนี้ยังไม่ทันจะได้ออกมา ตงลี่หวาก็จับมือของจางฉุ้ยเหลียนแล้ววิ่งออกไปตามทางด้วยความตื่นเต้น
ที่แท้หล่อนก็เห็นว่ามีบ้านหลังหนึ่งติดประกาศขายบ้านเอาไว้ พอตงลี่หวาเข้าไปสอบถาม หญิงชราคนหนึ่งก็ออกมาแนะนำด้วยรอยยิ้ม ที่แท้เสองสามีภรรยาคู่นี้จะย้ายไปอยู่กับลูกที่ทางใต้ หล่อนเลยไม่ต้องการบ้านหลังนี้อีกแล้ว
พวกเขากำลังรอให้ขายบ้านเสร็จก็จะย้ายไปอยู่ที่โน้นเลยและจะไม่กลับมาที่นี่อีก ดูจากรอยยิ้มที่แจ่มใสของหญิงชรา ลูกของหล่อนจะต้องกตัญญูมากแน่นอน
หลังจากที่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว ตงลี่หวาก็เดินดูรอบ ๆ พักหนึ่ง ส่วนคุณยายก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “บ้านหลังนี้ไม่เก่ามาก ฉันได้มันมาจากงานของลูกชาย เดิมทีได้มาแค่ 50 ตารางเมตรกว่า ๆ แต่พวกเราเพิ่มเงินซื้อเป็นบ้าน 80 ตารางเมตร ในบ้านมีสวนผักตรงประตู บ้านเรามีพื้นที่ให้ปลูกผักด้วยนะ เธอคิดดูสิว่ามันสะดวกสบายมากแค่ไหน ! ”
ตงลี่หวาเดินตามคุณยายมาที่ระเบียงห้องครัว หล่อนเห็นแปลงผักเล็ก ๆ ที่คุณยายพูดถึงจริง ๆ พวกมันมีสีเขียวชอุ่มต้นอวบอุดมสมบูรณ์ หล่อนหลงรักพวกมันในทันทีที่เห็น
แต่ทันใดนั้นเองก็บังเอิญมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินออกมา ขณะมองการแต่งตัวของตงลี่หวาและจางฉุ้ยเหลียน หล่อนก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกเธอต้องมาดูบ้าน หล่อนจึงพูดออกไปด้วยใบหน้าอิจฉาว่า “ป้าลู่ ดูป้าสิแค่ติดกระดาษตรงหน้าต่างก็มีคนมาดูบ้านแล้ว บ้านของฉันอยู่ติดทางทิศเหนือ ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบสักคน”
คุณยายพูดกับผู้หญิงคนนั้นออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “การที่พวกเธอมาดูบ้านฉัน ก็เห็นบ้านของเธอด้วยไม่ใช่รึไง ? บ้านของเราสองคนแปะประกาศแค่แผ่นเดียวก็พอ ไม่ว่าจะชอบหลังไหนก็มีค่าเท่ากันไม่ใช่หรือ”
ที่แท้เพื่อนบ้านคนนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมงานของลูกชายของคุณยาย ทั้งสองคนโดนย้ายไปทำงานทางใต้เหมือนกันทั้งคู่ หน้าที่การงานฝั่งนั้นเป็นไปได้ด้วยดี เลยคิดจะย้ายครอบครัวไปอยู่ที่นั่น
จางฉุ้ยเหลียนอยากซื้อบ้านสองหลังนี้ไว้ในคราวเดียว แต่ปัญหาก็คือเธอไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น
บ้านของคุณยายดีว่าหน่อย มีหน้าต่างอยู่ทั้งทางทิศเหนือและทิศใต้ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบาย ตงลี่หวาเองก็คิดว่าไม่เลว ประเด็นสำคัญคือแปลงผักได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
พอกลับมาถึงบ้านพวกเธอก็เล่าให้เซี่ยจวินฟัง หลังจากที่เซี่ยจวินได้มาดูบ้านแล้ว เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย จางฉุ้ยเหลียนเลยควักเงินออกมา 40,000 หยวน เพื่อจัดการโอนและซื้อบ้านหลังนี้
บ้านมือสองที่ไม่ต้องเสียค่ารีโนเวทใหม่ ขอแค่ทำความสะอาดนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว หน้าต่างที่เป็นกระจกยังไม่ได้รับความนิยมในยุคสมัยนี้ เพดานบ้านทำจากปูน บ้านทั้งหลังถูกปรับแต่งด้วยอทาทามิสติ๊กเกอร์สีเหลือง ถึงจางฉุ้ยเหลียนจะรู้สึกว่ามันเชยมาก แต่ตงลี่หวากลับเห็นมันว่าเป็นของใหม่ที่แปลกตา
หลังจัดการบ้านได้สองวัน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างก็โดนย้ายออกไปจากบ้าน จางฉุ้ยเหลียนเองก็ไม่อยากเก็บไว้สักชิ้นเหมือนกัน แต่ตงลี่หวากลับคิดว่าโต๊ะตัวนั้นของบ้านเขาดูไม่เลว เก้าอี้ตัวนี้ก็ดูดีใช้ได้
หลังจากที่ตงลี่หวาทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่เสร็จแล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็ซื้อเตียงสองหลังแล้วย้ายเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็ซื้อโซฟา โต๊ะรับแขก ชั้นวางโทรทัศน์ เก้าอี้เดี่ยว ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร และของใช้ทั่วไป
ด้วยความที่จางฉุ้ยเหลียนเป็นตัวแทนขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เธอเลยให้ร้านส่งตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า และพัดลมมาที่บ้าน จากนั้นก็ไปร้านรับตัดผ้าม่าน และสั่งทำผ้าห่มใหม่มาอีก 2 ผืน ส่วนตงลี่หวาก็รับหน้าที่จัดการเรื่องบ้านเช่า และย้ายของที่ยังใช้ประโยชน์ได้ออกมาให้หมด
ในเดือนสิงหาคม หลังจากที่พวกเขาย้ายมาอยู่ในบ้านใหม่แล้ว พวกเขาก็เชิญตระกูลกู้ ฟู่ซินและภรรยามากินข้าวที่บ้าน
ขณะเดินดูบ้านหลังใหม่ อันหลงก็คิดในใจว่ามันค่อนข้างมีรสนิยมอยู่เหมือนกัน เลยถามจางฉุ้ยเหลียนว่าเธอซื้อมาเท่าไหร่ จางฉุ้ยเหลียนเองก็ไม่ได้ปิดบังหล่อนแต่อย่างใด “หนูซื้อบ้านให้พ่อแม่ในราคา 40,000 หยวน และเครื่องใช้ในบ้านทั้งหมดหนูก็เป็นคนออกเงินเองค่ะ ! ”
“เธอนี่รวยจริง ๆ เลยนะ อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อ เธอได้ปรึกษากับเสี่ยวเฉิงแล้วรึยังล่ะ ? ” อันหลงถามออกไปด้วยความไม่พอใจ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเธอไม่ปรึกษากับพวกเราก่อน ห๊ะ ? ”
จางฉุ้ยเหลียนไม่เห็นด้วย “เรื่องที่หนูคิดจะซื้อบ้านให้พ่อกับแม่ กู้จื้อเฉิงรู้มาตั้งนานแล้วล่ะค่ะ และพ่อแม่หนูก็ไม่มีบ้านอยู่จริง ๆ พวกเขาดีกับหนูขนาดนี้ หนูซื้อบ้านให้ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
อันหลงรู้ดีว่าไม่ควรใส่ใจ แต่ว่ายัยลูกสะใภ้คนนี้ชอบตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองทำให้หล่อนรู้สึกโมโหอยู่เสมอ เงิน 40,000 หยวนคิดจะใช้ก็ใช้ แม้แต่บอกกันสักคำก็ไม่มี
ตอนนี้เธอหาเงินได้เยอะกว่าลูกชายของหล่อน แต่เงินนี่มันก็ไม่ใช่เงินของลูกชายของหล่อนรึไง ? ทำไมจางฉุ้ยเหลียนไม่บอกว่าจะซื้อบ้านให้หล่อน และให้หล่อนได้อยู่ในบ้านที่ลูกสะใภ้เป็นคนซื้อให้บ้างล่ะ
ตงลี่หวาคิดว่าจางฉุ้ยเหลียนจะปิดบังบ้านสามี แต่หล่อนกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะพูดออกมาหมด หล่อนเลยกังวลว่าพอกลับไปที่บ้านแล้ว ลูกสาวของหล่อนจะต้องทะเลาะกับคนที่บ้านสามีอย่างแน่นอน เพราะอย่างนั้นหล่อนเลยมองไปที่อันหลงตลอด เพราะกลัวว่าอันหลงจะรู้สึกไม่ดี อีกทั้งยังกลัวว่าหล่อนจะคิดเล็กคิดน้อย
“ไอ้หยา ฉุ้ยเหลียนนี่เธอมีเงินอยู่ในมือเท่าไหร่เนี่ย ? เมื่อไม่นานมานี้เธอก็ลงทุนซื้อของเข้าร้านไปแล้วแสนหนึ่ง แถมเธอยังจ่ายเงินซื้อบ้านด้วยเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้อีก” แววตาของเฉียนเหมยเซียเต็มไปด้วยความอิจฉา หล่อนถามออกมาด้วยเสียงสูงลิบ
หัวใจของอันหลงตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที นี่เป็นคำถามที่หล่อนอยากจะถามมาโดยตลอดว่า จางฉุ้ยเหลียนมีเงินอยู่ในมือเท่าไหร่ ? และเธอหาเงินมาได้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง ตอนนี้อันหลงก็คิดจนสับสนวุ่นวายไปหมด
จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มออกมา “มีเงินอยู่แค่นี้แหละ ที่จริงก็ใช้จนหมดแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอจะไม่กลับสุ่ยหยวนแล้วหรือ ? เธอจะอยู่ที่นี่ถาวรหรือ ? ” เฉียนเหมยเซียเริ่มร้อนใจขึ้นมาทันที ถึงจะรู้ว่าระหว่างสามีของหล่อนและอีกฝ่ายบริสุทธิ์ใจต่อกัน แต่พอคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีดีกว่าตัวเองขนาดนี้ หล่อนก็รู้สึกกังวลและไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“ต้องกลับไปอยู่แล้ว สามีของฉันอยู่ไหน ฉันก็อยู่ที่นั่นแหละ รอให้กิจการร้านที่สองดีขึ้นหน่อย ฉันก็จะกลับไปแล้ว” จางฉุ้ยเหลียนพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เฉียนเหมยเซียถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ขอแค่จางฉุ้ยเหลียนกลับไปอยู่ข้างกายสามีของเธอ ต่อไปฟู่ซินอยากทำอะไรหล่อนก็จะปล่อยให้เขาทำตามใจ และจะไม่พูดขัดเขาสักคำแน่นอน
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ฟู่ซินก็เป็นห่วงร้านเลยขอตัวกลับก่อน เมื่อคนนอกออกไปแล้ว เซี่ยจวินก็ส่งสายตาบอกตงลี่หวาว่าตัวเองจะออกไปทำงานแล้ว
ตงลี่หวาเอาสมุดบัญชีเงินฝากออกมายื่นให้จางฉุ้ยเหลียนต่อหน้าอันหลง แล้วพูดกับเธอว่า “พ่อกับแม่รู้ว่าลูกกตัญญู แต่จะให้ลูกออกเงินซื้อบ้านหลังนี้คนเดียวมันก็ไม่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกับของใช้อื่น ๆ แม่จะไม่ให้ แต่เงิน 40,000 หยวนนี่ ไม่ว่ายังไงแม่ก็ต้องคืนให้ลูก”
จางฉุ้ยเหลียนขมวดคิ้ว เธอเข้าใจว่าตงลี่หวาทำแบบนี้เพื่อที่จะให้อันหลงเห็น เลยแสร้งทำเป็นพูดออกไปว่า “ไอ้หยา ไม่ต้องหรอกค่ะแม่ เงินของหนูก็ไม่ใช่เงินของแม่รึไงกัน เกรงใจกับลูกสาวแบบนี้ได้ยังไง ! ”
อันหลงขมวดคิ้วแน่น หล่อนรู้สึกขยะแขยงกับคำพูดของจางฉุ้ยเหลียนสุด ๆ อะไรคือเงินของหล่อนก็คือเงินของตงลี่หวา ? งั้นลูกชายของหล่อนล่ะ แล้วยังเงินของหล่อนอีก ทำไมไม่เห็นว่าหล่อนจะได้บ้านแบบนี้บ้างเลย ?
ตงลี่หวาเห็นอันหลงหน้าดำเป็นก้มหม้อ เลยรีบหัวเราะออกมาแห้ง ๆ “นั่นมันก็ใช่อยู่หรอก แต่เงินของพวกเราสองสามีภรรยาก็ไม่ใช่เงินของลูกรึไง ร้านซ่อมรถของพ่อ ลูกก็ไม่ได้เป็นคนเปิดให้หรือ วันหน้าพอเขาทำไม่ไหวแล้วก็ต้องยกให้ลูกอยู่ดี ส่วนลุกก็ไม่ต้องซ่อมรถเอง เพราะมีคนงานอยู่แล้ว”
หลังจากที่อันหลงเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ ความรู้สึกในใจของหล่อนก็เปลี่ยนไปทันที ทันใดนั้นเองหล่อนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นั่นมันก็จริง ถึงเซี่ยจวินและตงลี่หวาจะไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของจางฉุ้ยเหลียน แต่หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขาดีต่อจางฉุ้ยเหลียนมากแค่ไหน ตอนที่จางฉุ้ยเหลียนคลอดหลานของหล่อนออกมา หล่อนก็ได้เห็นแล้วไม่ใช่หรือ แล้วการที่ตงลี่หวาไปดูแลหลานของหล่อนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ มันก็เป็นความซื่อสัตย์ที่จริงใจเสมอมา
จางฉุ้ยเหลียนซื้อใจสองสามีภรรยาคู่นี้ด้วยบ้านราคา 40,000 หยวน แต่เธอก็แลกกลับมาด้วยกำไรมหาศาลของร้านซ่อมรถเช่นกัน
นั่นมันเงินก้อนใหญ่หรือเล็ก อันหลงย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ทันใดนั้นเองหล่อนก็ช่วยจางฉุ้ยเหลียนดันสมุดบัญชีเงินฝากเล่มนั้นกลับไปทันที พร้อมพูดออกไปด้วยใบหน้าแห่งความขุ่นเคืองว่า “ยายคังคัง จะทำแบบนี้ไปทำไม จางฉุ้ยเหลียนไม่ควรกตัญญูกับเธออย่างนั้นหรือ ? ยังไม่ต้องไปมองที่อื่น มองแค่เรื่องที่เธอช่วยดูแลคังคังนานขนาดนั้น จางฉุ้ยเหลียนก็ควรซื้อบ้านให้พวกเธอแล้ว”
หลังจากพูดจบอันหลงก็หันมาอธิบายให้จางฉุ้ยเหลียนฟังว่า “ฉันไม่ได้อิจฉาที่เห็นเธอซื้อบ้านใหม่ให้พ่อแม่บุธรรมของเธอ ฉันก็แค่ไม่ชอบยัยเด็กคนนี้ที่ชอบทำอะไรโดยที่ไม่ปรึกษากับผู้ใหญ่ก่อน” อันหลงยังคงสาปแช่งพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเธอบอกฉันก่อน ฉันจะห้ามเธอไม่ให้ซื้ออย่างนั้นหรือ ? ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะว่า ฉันยังสามารถหาคนมาช่วยประหยัดเงินภาษีให้เธอได้ด้วย ยัยตัวแสบนี่ ! ”
จางฉุ้ยเหลียนโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างคนสำนึกผิด แล้วทำตัวออดอ้อนอันหลง กู้จื้อชิวยืนอุ้มคังคังมองดูสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ หล่อนแอบถอนหายใจออกมา หล่อนคิดว่าการแต่งงานนี่มันยุ่งยากมากจริง ๆ ความสัมพันธ์แม่สามีกับลูกสะใภ้ซับซ้อนเป็นบ้า ไม่แต่งงานคงจะดีกว่า……
เช้าวันรุ่งขึ้นอันหลงก็หยิบสมุดบัญชีเงินฝากออกมา แล้วยื่นมันไปให้กับจางฉุ้ยเหลียน “ฉันเห็นว่าในมือของเธอมีเงินไม่พอใช้แล้ว นี่เป็นเงินในบ้าน ถ้าเธอจะเอาไปทำธุรกิจก็ได้ แต่ถ้าเธอไม่เอาไปทำธุรกิจก็เก็บไว้ใช้”
จางฉุ้ยเหลียนรู้ดีว่า อันหลงติดใจรสชาติเงินอันหอมหวานที่ได้เมื่อครั้งก่อน หลังจากได้ลิ้นรสมันแล้ว หล่อนก็เลยอยากได้เงินแบบคราวก่อนอีก
MANGA DISCUSSION