ตอนที่ 147 ตระกูลเช่า
จางฉุ้ยเหลียนรู้ดีว่ามีเพียงแค่การทะเลาะกับเช่าหวาเท่านั้น ถึงจะทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้ ดูจากท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของเช่าหวา เธอก็รู้แล้วว่าหล่อนอยากจะให้เธอแต่งงานกับกู้จื้อเฉิง
ตกดึกคนในตระกูลเซี่ยต่างก็มานั่งจับเข่าคุยกัน พวกเขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเช่าหวากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่พวกเขาก็รู้จักวิธีการที่จะรับมือกับหล่อนแล้ว เรื่องต่อจากนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
วันที่สองหลังจากวันเลี้ยงฉลองปีใหม่ ลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนไปก็ต้องกลับมาเยี่ยมบ้านของตัวเอง ตงลี่หวาไม่อยากให้จางฉุ้ยเหลียนไปเลยแม้แต่น้อย แต่เช่าหวาก็ยืนกรานว่าหล่อนจะต้องเอาจางฉุ้ยเหลียนกลับไปด้วยให้ได้
จางฉุ้ยเหลียนเองก็ไม่ได้โง่ ทำไมเธอจะต้องกลับไปให้ผู้หญิงฝูงหนึ่งมารุมต่อว่าเธอด้วยล่ะ ไม่ว่าเช่าหวาจะทำตัวอ่อนโยนหรือเศร้าสร้อยมากขนาดไหน ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ยอมไป
เมื่อไม่มีทางเลือกเช่าหวาจึงทำได้เพียงแค่แบกของกองโตที่ตัวเองซื้อมากลับไปเยี่ยมแม่ของตัวเองคนเดียว ในช่วงเวลานี้หล่อนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกคนอื่นนินทาเรื่องที่หล่อนไม่สามารถควบคุมลูกชายของตัวเองได้ และสาเหตุมันก็เป็นเพราะจางฉุ้ยจวินโดนจับนั่นแหละ เธอเลยต้องโดนเหล่าบรรดาญาติพี่น้องในตระกูลรุมด่าแบบนี้
“แกยังมีหน้ากลับมาที่บ้านอีกหรือ ? เข้าบ้านมาก็ทำหน้าตาประจบสอพอ แต่ฉันไม่มีหน้าไปต้อนรับแกหรอกนะ” แม่ของเช่าหวาไม่มองของมากมายที่ลูกสาวหอบมาเลยสักนิด พอเจอหน้าเช่าหวา หล่อนก็เอ่ยปากพูดถากถางทันที
“แม่ แม่เป็นอะไรอีกล่ะ” ต่อหน้าผู้เป็นแม่ เช่าหวาก็ไม่กล้าทำตัววางอำนาจเลยสักนิด หล่อนนั่งตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้ เพราะกลัวจะโดนแม่ดุว่าตัวเองทำตัวไม่เหมาะสม
“แกลองดูตัวเองสิว่า แกยังมีสมองอยู่อีกไหม ห๊ะ ? ” แม่เฒ่าเช่าหมุนแหวนทองตรงนิ้วชี้ที่ลูกชายคนโตของหล่อนซื้อให้ แล้วเหล่ตามองไปที่ลูกสาวด้วยหางตา
“มีลูกชายก็ไม่ให้เรียนหนังสือ แต่กลับเอาเงินไปให้ยัยเด็กเหลือขอนั่นเรียน ถ้าฉันคอยสั่งสอนแกอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่ตอนแรกก็คงจะดีไปแล้ว แล้วก็ยัยเด็กเหลือขอจางฉุ้ยเหลียนที่ไม่รู้รากเหง้าของตัวเองนั่นอีก แกว่าแกดุด่าหล่อนพอไหมล่ะ ? ” หลังจากพูดจบหล่อนก็เปลี่ยนน้ำเสียง มาเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาแทน “ได้ยินพี่สะใภ้ของแกบอกว่าจางฉุ้ยจวินโดนจับ นี่มันเรื่องอะไรกัน ห๊ะ ? ”
ตอนนี้เช่าหวาก็เอาแต่ก้มหัวจนจะถึงเอวอยู่แล้ว หล่อนตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่ซีดเซียวว่า “มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกแม่ ที่จริงมันก็เป็นเพราะหัวหน้าใหญ่ของเขาเป็นคนสร้างเรื่อง เสี่ยวจวินก็แค่ดวงซวยเท่านั้น”
แม่เฒ่าเช่าเบะปาก “เหอะ ! พอเถอะ แกคิดว่าฉันไม่รู้จักนิสัยของแกรึไง หึ ! ไม่มีปัญญาสั่งสอนลูก เด็กน้อยอายุยังไม่ถึง 20 ปีก็ได้เข้าไปอยู่ในคุกซะแล้ว ถ้ามันเป็นอย่างที่แกพูด แล้ววันนี้ทำไมเขาถึงไม่มาที่นี่ล่ะ ? ”
จางฉุ้ยจวินเองก็ไม่ชอบคุณยายคนนี้ เพราะหล่อนดูถูกบ้านของเขายิ่งกว่าอะไรดี ปีนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น และมันก็ทำให้เกิดระเบิดขึ้นระหว่างญาติที่พี่น้องแบบนี้ อีกอย่างเขาเองก็ไม่เหตุผลที่จะต้องตามแม่ไปที่บ้านของคุณยายด้วย ดังนั้นวันนี้เลยมีแค่เช่าหวาคนเดียวเท่านั้นที่กลับมา
“แล้วลูกสาวคนโตของแกเมื่อไหร่จะแต่งงาน ? ” จู่ ๆ แม่เฒ่าเช่าก็พูดถึงจางฉุ้ยเหลียนคนที่หล่อนเกลียดขี้หน้าที่สุดขึ้นมา
เช่าหวาจึงตกใจทันที “หล่อนยังเรียนไม่จบเลย ไม่รีบหรอกแม่”
“โตเป็นสาวอายุ 20 ปีแล้ว ยังไม่รีบแต่งงานอีกหรือ ? แกดูบ้านของพี่ชายแกสิ เด็ก ๆ วิ่งกันได้หมดแล้ว” แม่เฒ่าหัวร้อนขึ้นมาทันที หล่อนเปิดปากตะคอกเสียงดังลั่น
“ทางวิทยาลัยไม่ให้นักศึกษาแต่งงาน และตอนนี้ก็ยังไม่มีคนที่เหมาะสมด้วย หนูกับพ่อของหล่อนก็กำลังคิดถึงเรื่องนี้กันอยู่ รอให้มีงานการที่มั่นคงแล้วค่อยหาคนรักให้หล่อน” เช่าหวาไม่กล้าพูดเรื่องตระกูลกู้ออกไป หากพูดออกไปแล้วไม่ได้แต่งขึ้นมาหล่อนจะโดนด่าอีกยก
และดูจากคำพูดของผู้เป็นแม่แล้ว หล่อนคงมีแผนบางอย่างอยู่ในใจแน่ ๆ และก็เป็นไปตามคาด แม่เฒ่าเช่ากระแอมขึ้นมาเบา ๆ ลูบแหวนทองวงนั้นของลูกชายคนโต แล้วพูดด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มว่า “หล่อนไม่รีบ แต่แกเองก็ต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ พอลูกสาวโตแล้วก็จะเอาใจออกนอก ถ้าหล่อนไปทำอะไรกับคนรักข้างนอก แล้วก่อเรื่องขึ้นมามันก็จะน่าขายหน้ามากขนาดไหน”
พอเช่าหวาได้ยินน้ำเสียงอันอ่อนโยนของแม่ หล่อนก็นั่งไม่ติดยิ่งกว่าเดิม “แม่ แม่มีคนที่เหมาะสมอยู่แล้วหรือ ? ”
แม่เฒ่าเช่าพยักหน้าอย่างพอใจ นี่สิถึงจะเหมือนกับนิสัยของเช่าหวา หล่อนพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “หลานชายของพี่สะใภ้สองของแก ปีนี้เขาก็อายุได้ 29 ปีแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนรักที่เหมาะสักคน ฉันว่าฉุ้ยเหลียนเหมาะกับเขาดี ผู้ชายโตหน่อยถึงจะรู้จักเอาอกเอาใจผู้หญิง”
อีกนิดเดียวเช่าหวาก็เกือบจะตกเก้าอี้แล้ว หล่อนคิดถึงหลานชายไม่กี่คนของพี่สะใภ้ หลังจากที่คิดไปคิดมาแล้ว ดวงตาของหล่อนก็เป็นประกายขึ้นมา “หลานชายคนไหน ? ต้าสี่ก็แต่งงานแล้ว งั้นก็ต้องเป็นเอ้อสี่หรือไม่ก็ซื่อสี่สิ ? ”
แม่เฒ่าเช่าแกล้งทำเป็นอารมณ์เสีย “เอ้อสี่หมั้นแล้ว เดี๋ยวก็ต้องแต่งงาน ซื่อสี่เด็กกว่าฉุ้ยเหลียนอีก ฉันพูดถึงซานสี่ต่างหากล่ะ”
“แม่ แต่ซานสี่ตาบอดนะ” เฉินซานสี่สายตาสั้นมาตั้งแต่กำเนิด ว่ากันว่าช่วงที่เป็นวัยรุ่นเจ้าเด็กคนนี้ก็สายตาสั้นเป็นพันกว่าแล้ว มีครั้งหนึ่งเขาไปให้อาหารหมู แล้วโดนหมูกระแทกที่เอว ทำให้แว่นตาตกอยู่ในคอกหมู เขาคลำหาอยู่นานสองนานแต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ หากไม่ได้เป็นเพราะว่ามีคนเห็นเขาไม่อยู่บ้าน แล้วคนทั้งบ้านไม่ออกไปตามหา ก็คงไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่คอกหมู คนแบบนี้จะมาคู่ควรกับจางฉุ้ยเหลียนได้ยังไง
พอเห็นลูกสาวทำหน้าตาไม่ชอบใจ แม่เฒ่าเช่าก็ขึ้นเสียง “ทำไมแกรังเกียจที่เขาสายตาสั้นอย่างนั้นหรือ ? แกก็ไม่คิดบ้างหรือว่าบ้านเขามีเงินมากขนาดไหน พี่สะใภ้ของแกเป็นแม่สื่อ หล่อนจะหลอกแกรึไง ? พี่สะใภ้ของแกบอกแล้วว่า เขาจะให้เงินค่าสินสอดทองหมั้น 4,000 หยวน พอฉุ้ยเหลียนแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้แล้ว พวกเขาก็จะสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กให้หล่อน จากนั้นก็เปิดร้านค้าเล็ก ๆ ให้ซานสี่ สองสามีภรรยาหาเงินทั้งคู่ ตอนนี้เสี่ยวจวินของพวกแกก็ไม่มีงานทำไม่ใช่หรือ บ้านเขาพูดแล้วว่าจะให้เสี่ยวจวินไปทำงานที่โกดังข้าวของพวกเขาได้”
หน้าของเช่าหวากระตุกยิก ๆ ทันที นี่ก็คือข้อดีที่แม่ของหล่อนพูดถึงอย่างนั้นหรือ ? จางฉุ้ยจวินลูกชายของหล่อนก็กำลังจะได้เป็นเถ้าแก่ ทำไมจะต้องไปเป็นคนงานในโกดังข้าวเล็ก ๆ แบบนั้นด้วยล่ะ? บ้านของฟู่ซินให้สินสอดได้มากเท่าไหร่ ถ้าเรียกไป 10,000 หยวนเขาก็คงเอาออกมาให้ได้เลย แล้วคนตาบอดคิดจะแต่งงานกับนักศึกษาวิทยาลัยงั้นหรือ ? ถ้าตกต่ำสุด ๆ ลูกสาวของหล่อนก็ต้องเป็นครูที่โรงเรียนประถมในตัวเมือง แล้วทำไมถึงต้องไปเลี้ยงเด็กอยู่ในชนบทแบบนี้ด้วยล่ะ
แม่เฒ่าเช่ามองออกว่าเช่าหวาไม่ชอบใจ แต่พอคิดถึงเรื่องที่ลูกสะใภ้พูด หล่อนก็ลูบแหวนทองบนนิ้วอีกครั้ง และอดที่จะพูดแนะนำออกไปไม่ได้ว่า “ลูกสาวของแกก็ไม่ได้เชื่อฟัง ถึงจะหาคนเก่งขนาดไหนแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ ? ถ้าแกไม่อยากได้จริง ๆ งั้นฉันจะไปพูดกับพี่สะใภ้ของแกว่าต้องการสินสอดมากกว่านี้ พอแต่งงานได้สินสอดแล้ว แกถึงจะรู้ว่าการไม่ได้ให้ลูกสาวเกิดมาอย่างเปล่าประโยชน์มันคืออะไร”
เช่าหวาด่าแม่ตัวเองว่าไร้สมองจริง ๆ และด่าพี่สะใภ้ว่าจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่กล้าที่จะตอบตกลงและก็ไม่กล้าที่จะพูดปฏิเสธ เพียงแต่อ้างว่าต้องไปปรึกษากับจางกว่างฝูก่อน หลังจากนั้นสองวันจะมาให้คำตอบกับพี่สะใภ้ การอ้างคราวนี้ทำให้แม่เฒ่าเช่าหน้าชาเลยทีเดียว
“หึ ! บ้านของแกยังต้องการความเห็นจากเขาอีกอย่างนั้นหรือ ? ตกลงก็ตกลงสิ ถ้าไม่ตกลงแกก็ไปบอกพี่สะใภ้แกโน้น ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ได้ แกอย่ามาถ่วงอนาคตของเฉินซานสี่ไปด้วยได้ไหม” พูดอย่างกับจางฉุ้ยเหลียนทำให้เขาเสียเวลามากจนอายุจะสามสิบ และก็ยังหาภรรยาไม่ได้สักคนอย่างนั้นแหละ
เช่าหวาอธิบายอย่างกระอักกระอ่วนใจออกไปว่า “แม่ หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น จางฉุ้ยเหลียนก็มีตระกูลเซี่ยเป็นพ่อแม่บุญธรรมด้วยไม่ใช่หรือ เรื่องการแต่งงานของหล่อนไม่ใช่เรื่องที่หนูจะตัดสินใจได้แค่คนเดียว มันไม่ได้ง่ายอย่างที่แม่คิดซะหน่อย”
แม่เฒ่าเช่าเองก็ไม่ทำให้ลูกสาวต้องลำบากใจ หล่อนเพียงแค่เสียดายหากงานแต่งนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะเงินก้อนนั้นก็จะมลายหายไป
จางฉุ้ยเหลียนยังไม่รู้ว่าบ้านของคุณยายเริ่มเล็งเป้ามาที่เธอแล้วในเวลานี้ เพราะตอนนี้เธอก็กำลังไปเยี่ยมผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้านตระกูลกู้
กู้จื้อเฉิงบอกกับเธอทางโทรศัพท์ว่า เขาอธิบายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้พ่อเขาฟังหมดแล้ว เล่าเรื่องพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดและพ่อแม่บุญธรรมของจางฉุ้ยเหลียน เรื่องชีวิตในวิทยาลัยตั้งแต่เขียนนิยายไปจนถึงการออกแบบเสื้อผ้าให้กับติงเขอ และเรื่องที่เช่าหวาอยากได้ฟู่ซินมาเป็นลูกเขยเลยไปก่อเรื่องที่บ้านของเขาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งสองคนก็ยังรักมั่นกันเหมือนเดิม
กู้เต๋อไห่รู้สึกพอใจจางฉุ้ยเหลียนเป็นอย่างมาก คิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตคู่ก็คือ ทั้งสองจะต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน จางฉุ้ยเหลียนทั้งเก่งและมีความสามารถ สามารถยืนหยัดรักเดียวใจเดียวได้ถึง 3 ปี และยังทนต่อความเหงาได้ ผู้หญิงแบบนี้เหมาะที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของกู้จื้อเฉิงมากจริง ๆ
เขาคิดว่าไม่เลว อีกอย่างกู้จื้อเฉิงก็ได้รับการอนุมัติจากกองทัพแล้ว ส่วนทางด้านอันหลงถึงจะไม่เต็มใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เพื่อที่จะทำให้กู้จื้อเฉิงมีความสุขมากขึ้น จางฉุ้ยเหลียนจึงให้เกียรติอันหลงเป็นอย่างมาก
เธอหอบข้าวของพะรุงพะรังมาเยี่ยมบ้านตระกูลกู้ หลังจากที่อันหลงทำตัวเป็นแม่สามีจนพอใจแล้ว หล่อนถึงยอมปล่อยให้เธอกลับบ้าน
“แม่ แม่ทำเกินไปหน่อยรึเปล่า ถ้าหนูไม่รู้จักแม่ หนูก็คงคิดว่าแม่เป็นซูสีไทเฮาไปแล้วล่ะ ทำไมต้องไปรังแกพี่เขาขนาดนั้นด้วย” กู้จื้อชิวไม่ชอบใจที่แม่ของหล่อนไปทำกับจางฉุ้ยเหลียนแบบนั้น แต่ที่หล่อนทนเห็นไม่ได้เลยก็คือการที่จางฉุ้ยเหลียนทำตัวเหมือนเป็นลูกสะใภ้ที่น่ารัก
“ถ้าหนูเจอแม่สามีแบบแม่ หนูไม่มีทางเป็นแบบพี่ฉุ้ยเหลียนเด็ดขาด ก้มหน้าก้มตาทำตัวเชื่อฟัง ทำสามคล้อยตามสี่คุณธรรมได้ครบรสจริง ๆ แม่กับพี่ฉุ้ยเหลียนเป็นอะไรไป ห๊ะ ? เป็นอะไรไปกันหมด” กู้จื้อชิวคิดว่าพวกเธอสองคนทำเกินไป นี่เราไม่ได้อยู่ในยุคสมัยที่ลูกสะใภ้จะต้องดูแลแม่สามีทุกเช้าเย็นสักหน่อย ไอ้หยา นี่มันยุคไหนกันแล้ว ทั้งสองคนยังเล่นแบบนี้กันอีก
ตั้งแต่กลับมาจากเมืองหลวงครั้งนั้น แม่ของหล่อนก็ได้รับสายจากคุณย่าของหล่อน หลังจากที่แม่ของหล่อนโดนด่ายับแล้ว แม่ก็เริ่มพูดพล่ามออกมาว่าจะไปเป็นทาสจะได้ร้องรำทำเพลงไปวัน ๆ
ภาพฝันแม่สามีที่ดี ไม่ทำให้ภรรยาของลูกชายลำบากใจ ก็มีแต่ในความฝันเท่านั้น ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย พอแม่ของหล่อนเห็นว่า จางฉุ้ยเหลียนก้มหน้าทำตัวว่าง่าย แม่ของหล่อนก็อดที่จะทำตัววางอำนาจไม่ได้
จางฉุ้ยเหลียนเองก็เล่นด้วย แม่ของหล่อนอยากเป็นหวงไท่โฮ่ว เธอก็รับบทเป็นสาวใช้ ทั้งสองคนร้องเล่นประสานเสียงกัน ดึงภาพแม่สามีลูกสะใภ้ในสมัยโบราณออกมาอย่างหมดจด
ตอนกินข้าวร่วมกันเมื่อกี้ กู้จื้อชิวคิดว่าขอแค่อันหลงทำเสียงดุขึ้นมา จางฉุ้ยเหลียนก็จะรีบลงไปนั่งกับพื้นทันที แล้วพับแขนเสื้อจากนั้นก็เริ่มปรนนิบัติแม่ของหล่อน
“หึ ! ลูกจะไปเข้าใจอะไร เธออยากแต่งกับพี่ชายของลูก ไม่อย่างนั้นลูกคิดหรือว่าเธอจะทำตัวดีแบบนี้ ห๊ะ ? ” อันหลงยังไม่เดินออกมาจากบทคุณหญิงผู้สูงศักดิ์ หล่อนนั่งจิบชาบนโซฟาอย่างสง่างาม มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย รูปลักษณ์อันเย่อหยิ่งทำให้กู้จื้อชิวอยากจะบ้าคลั่งในทันที
“ต่อไปถ้าหนูจะหาคนรัก หนูจะไม่กลายเป็นแบบนี้เด็ดขาด หึ ! กล้าชักสีหน้าใส่หนูงั้นหรือหนูก็จะชักสีหน้ากลับ อย่าได้คิดจะให้หนูก้มหัวให้เลย เหอะ ! ” กู้จื้อชิวเบะปากแล้วสะบัดหน้าหนี น้ำเสียงเหมือนตัวร้ายที่พร้อมรับมือกับแม่สามีตลอดเวลา
อันหลงยิ้มให้ลูกสาว “ลูกจะไปเหมือนเธอได้ยังไง ? ถึงเธอจะดีกว่าพี่ชายของลูกทุก ๆ ด้าน แต่พื้นฐานทางครอบครัวก็แย่เกินไป แม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็เป็นตัวหายนะ ไม่รู้ว่าต่อไปจะก่อเรื่องยุ่งอะไรให้พี่ชายของลูกอีก”
กู้จื้อชิวบุ้ยปาก พี่ชายของหล่อนนับว่าเป็นหนุ่มหล่อเก่งกาจเทพบุตรอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่เล็กจนโตหล่อนก็อยู่กับคนแบบนี้มาโดยตลอด ลูกหลานส่วนใหญ่ในเครือญาติล้วนเป็นทหารกันทั้งนั้น ในสายตาของหล่อนพวกร้อยโทอะไรนั่น ก็มีเกลื่อนถนนเต็มไปหมด และหล่อนก็ไม่อยากได้เลยสักนิด
แต่เด็กสาวที่มีความทะเยอทะยาน อุดมคติ ความสามารถ และยังมีเสน่ห์แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นอย่างจางฉุ้ยเหลียน กลับตกหลุมรักพี่ชายของหล่อนที่ไม่มีแม้แต่เงินทอง อีกทั้งยังไม่ดีพร้อม และก็มีอนาคตกลาง ๆ ทิ้งความสามารถไปเปล่า ๆ และยังต้องไปอยู่ในกรมทหารที่ห่างไกลขนาดนั้นอีกเนี่ยนะ
“ผู้หญิงหนอผู้หญิง ทำไมถึงได้หลุดพ้นจากคำว่ารักไม่ได้นะ ? ”
MANGA DISCUSSION