ตอนที่136 : จะทำหรือไม่ทำ (1)
ผมปิดประตูอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง
ขณะเงี่ยหูฟังเสียงร้องคาราโอเกะที่ดังมาจากชั้นล่างฝั่งตรงข้ามของทางเดิน ผมก็นึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องเมื่อกี้
บางที ผมเองก็คงมีสิทธิ์ที่จะโกรธหรือดูแคลนเธอ
แต่ผมเลือกที่จะไม่ใช้สิทธินั้น เพราะในใจลึกๆยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธออยู่บ้าง
ไม่ว่าจะมีเจตนาร้ายหรือไม่ แต่แสงสว่างที่รุนแรงเกินไปก็สามารถแผดเผาจิตใจและร่างกายของคนใกล้ตัวได้เช่นกัน
ความหลงใหลที่มีต่ออาซาฮิ ฮิคารุ… เมื่อแปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉาหรือความรู้สึกด้อยค่า มันยิ่งรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อเป็นเพศเดียวกัน
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอพยายามจะทำนั้น ยังไงก็ผิด
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฮิคารุ ผมก็คงไม่อาจให้อภัยได้เหมือนกัน
แต่ถ้าไม่มีใครได้รับผลกระทบจากเรื่องนั้น แบบนี้ก็คงดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง
ถึงเธอจะยังไม่ได้หลุดพ้นจากสิ่งที่อยู่เหนือจิตใจอย่างสมบูรณ์ แต่ผมเชื่อว่าเธอก็คงตระหนักถึงความผิดของตัวเองแล้ว
ผมถอนหายใจเบาๆออกมาพร้อมความรู้สึกหลากหลายก่อนจะเริ่มก้าวเดินไปตามทางเดิน
…ก่อนอื่น กลับไปหาทุกคนก่อนเถอะ
ความตื่นเต้นและความประหม่าเกี่ยวกับการได้อยู่กับฮิคารุตามลำพังเมื่อครู่นี้ สลายหายไปหมดแล้ว
ผมเดินไปตามทางเดิน พร้อมกับซ้อมบทบาทว่าให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพอจะเลี้ยวตรงหัวมุมก็――
“หวา! ตกใจหมดเลย… เอ๊ะ เรย์ยะคุงเหรอ?”
“ฮิ ฮิคารุ…!?”
ผมเจอกับฮิคารุที่เดินมาจากอีกฝั่งในจังหวะเดียวกันเป๊ะ
“ทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมถึงอยู่บนชั้นสองล่ะ?”
“เอ๊ะ? อะ เอ่อ… ก็แค่เดินเล่นนิดหน่อย… แค่อยากรู้ว่าโครงสร้างของตึกนี้จะเหมือนฝั่งโน้นรึเปล่าน่ะ… อ๊ะ แน่นอนว่าไม่ได้เข้าไปในห้องหรอกนะ…”
ถึงตัวเองก็รู้ดีว่าโกหกไม่เนียนเลย แต่ก็ยังพยายามพูดกลบเกลื่อนไปก่อน
“อือ… งั้นเหรอ”
“ว่าแต่ฮิคารุล่ะ มาทำอะไรที่ชั้นสอง?”
เห็นได้ชัดว่าเธอเริ่มสงสัย ผมเลยพยายามเบนความสนใจกลับไปที่เธอแทน
“ฉันเหรอ? ฉันถูกมิยาโกะชวนมาน่ะ… บอกว่ามีเรื่องจะคุย รออยู่ที่ห้องด้านใน”
ฮิคารุพูดพลางมองเลยไหล่ผมไปยังห้องด้านใน
อย่างนี้นี่เอง…
ถ้าผมปฏิเสธไม่ลงเมื่อครู่ ก็คงเจอกับนรกเข้าให้แล้ว
ถึงมันจะไม่น่าเป็นไปได้ แต่แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
“อะ ว่าจะว่าไป… มีข้อความฝากมาจากซากุระมิยะซังด้วย…”
“ข้อความ?”
“ซากุระมิยะซังดูเหมือนจะรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ…”
“เอ๊ะ จริงเหรอ?”
“อืม… ก็เลยจะขอพักหน่อย แล้วเรื่องที่ว่าจะคุย ไว้ทีหลัง… เธอฝากผมมาบอกฮิคารุน่ะ ตอนที่เจอกันโดยบังเอิญเมื่อกี้… อะไรประมาณนั้น…”
ผมโกหกแบบงูๆปลาๆอย่างสุดความสามารถเพื่อกลบเกลื่อนสถานการณ์
“เอ๋… งั้นเหรอ เป็นอะไรมากไหมนะ…”
ฮิคารุพูดอย่างเป็นห่วงจริงๆโดยไม่แสดงท่าทีสงสัยแม้แต่น้อย
เธอก้าวเท้าเล็กน้อยในทิศทางของห้องด้านใน
จากมุมมองของเธอ ถ้าเพื่อนบอกว่าไม่สบาย ก็ย่อมอยากไปดูอาการให้แน่ใจ――
“อะ เอ่อ… แต่เธอบอกว่าอยากอยู่คนเดียวน่ะ เพราะงั้น… ไปตอนนี้อาจจะไม่ดีมั้ง”
ผมจึงโกหกซ้ำอีกครั้งเพื่อหยุดเธอไว้
แม้จะรู้สึกผิดที่หลอก แต่ให้สองคนนั้นเจอกันตอนนี้คงไม่ดีแน่ ๆ สำหรับทั้งสองฝ่าย
“แต่ถ้าไม่สบายจริงๆก็ควรมีใครอยู่ด้วยน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ?”
“อะ… นั่นก็…”
คำพูดที่อ่อนโยนและมีเหตุผลเกินไป ทำให้ผมพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
“แบบว่า… อาการไม่ถึงกับแย่น่ะ… น่าจะเป็นแค่ความเหนื่อยล้าทางใจมากกว่าล่ะมั้ง? ต้องเป็นเพราะแบกรับความกดดันในฐานะเจ้าภาพ ที่อยากให้ทุกคนสนุกกัน…”
ผมพูดโกหกจนจบจนได้ แม้จะไม่มั่นใจนัก
ฮิคารุจ้องตาผมอยู่ไม่กี่วินาที จากนั้น――
“อา… งั้นเหรอ ก็จริงเนอะ ถ้างั้น ไว้ฉันส่ง PINE ไปขอบคุณก็พอแล้วกัน”
ไม่รู้ว่าเธอเชื่อคำโกหกของผมหรือจับสังเกตอะไรได้บ้าง
แต่สุดท้าย เธอก็ยอมละความตั้งใจที่จะไปหาซากุระมิยะซัง
“งั้น เรากลับไปข้างล่างกันเถอะ! ทุกคนยังดูสนุกอยู่เลย!”
ฮิคารุยื่นมือมาหาผมด้วยรอยยิ้มประจำตัว
ผมจับมือนั้นไว้ และกำลังจะเดินไปยังบันไดเพื่อกลับสู่ความปกติ…
แต่แล้ว――
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน…”
ความรู้สึกที่น่าจะหายไปแล้วจากเหตุการณ์เมื่อครู่ กลับดึงรั้งผมไว้
“หืม? ไม่ไปเหรอ?”
ฮิคารุถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นผมหยุดเดิน
“คือว่านะ… ไหนๆก็มาแล้ว ถ้าไม่รังเกียจ… ไปดูวิวกลางคืนด้วยกันไหม…?”
*****
เมื่อออกไปที่ระเบียงชั้นสอง ทัศนียภาพเบื้องหน้าก็เผยให้เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“ว้าว…! สวยจังเลย…!”
ฮิคารุแสดงความประทับใจอย่างเต็มที่กับภาพที่ไม่สามารถเห็นได้ในชีวิตประจำวัน
“ดูสิๆ! ทะเลก็ดูสวยมากเลยนะ!”
เธอดึงมือผมไปยังราวระเบียง และทะเลที่เล่นกันในตอนกลางวันก็เผยให้เห็นจากตรงนั้น
แม้จะแตกต่างจากเวลากลางวันโดยสิ้นเชิง แต่มหาสมุทรที่ดำสนิทก็กระจายประกายราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนอีกแห่งหนึ่ง ด้วยการสะท้อนแสงจันทร์และดาว
“สวยมากเลยเนอะ…”
“อืม สวยจริงๆ ถึงจะเห็นทะเลจนชินแล้วก็เถอะ แต่นี่มันพิเศษมากจริงๆ”
การได้ครอบครองภาพอันงดงามด้วยกันแค่สองคน ทำให้รู้สึกเหมือนได้รับของขวัญเล็ก ๆ อย่างหรูหรา
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอย่างแท้จริงว่า “ดีแล้วที่มาวันนี้”
เรายืนชมวิวอยู่นานโดยยังจับมือกันไว้
“วันนี้สนุกมากเลยล่ะ ถึงจะฝืนมานิดหน่อย แต่ก็คุ้มแล้วล่ะ”
“ว่าไป… เธอเคลียร์ตารางซ้อมเพื่อมานี่ใช่มั้ย?”
“อืม ก็เลยโดนแม่บ่นนิดหน่อยแหละ”
เธอพูดพลางยิ้มเจื่อนๆ
“พรุ่งนี้ต้องกลับแต่เช้าใช่ไหม?”
“อืม กลับไปว่าจะจับไม้แร็กเก็ตซ้อมนิดหน่อยน่ะ ถ้าหยุดไปสองวันเต็มๆคงเริ่มรู้สึกแปลกๆแล้ว”
“เธอนี่เก่งจังเลยนะ…”
“ก็เหนื่อยนิดหน่อยแหละ แต่ทำเพราะรักนี่นา แถมวันนี้ก็ได้เติมพลังมาเต็มที่เลย!”
“เติมพลัง… ปกติเขาน่าจะเหนื่อยจนอยากพักกันมากกว่านะ…”
“เหรอ? สำหรับฉัน พอได้เที่ยวแล้ว วันรุ่งขึ้นก็ยิ่งมีแรงอยากฝึกเลยล่ะ”
ดูเหมือนว่าพลังไร้ขีดจำกัดของเธอจะวัดด้วยมาตรฐานคนธรรมดาอย่างผมไม่ได้จริงๆ
“โดยเฉพาะ… ถ้าได้ใช้เวลากับเรย์ยะคุง…น่ะ”
มือที่จับอยู่แน่นขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อน
ในความมืดที่บางเบา ดวงตาของเธอยังเปล่งประกายเจิดจ้า และสายตาของเราก็ประสานกันโดยไม่รู้ตัว
อา… นี่มันมาในทิศทางนั้นสินะ… ผมคิดอยู่ในใจ และ――
“อืม…”
แล้วเธอก็โน้มตัวมาแนบจูบเบาๆที่ริมฝีปากของผมตามคาด…
ก่อนนอน ฮิคารุน่าจะทาลิปมันไว้เพื่อป้องกันริมฝีปากแห้ง ทำให้มันชุ่มชื้นและนุ่มนิ่มนิดๆ
“เอเฮะเฮ ได้จูบแรกของวันนี้มาจนได้น้า♪”
ฮิคารุยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยความรู้สึกเหมือนเล่นแกล้งสำเร็จ
“คอนเซปต์อะไรเนี่ย…”
ทั้งที่จริงๆก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นจูบครั้งแรกในรอบนานจนอดรู้สึกเขินไม่ได้
“พอคิดดูแล้ว วันนี้ยังไม่ได้จุ๊บกันเลยนี่นา~ เลยจัดซะหน่อย”
“ก็วันนี้อยู่กับทุกคนตลอดเลยนี่นา…”
“แต่ฉันน่ะ จูบกันต่อหน้าทุกคนก็ไม่มีปัญหานะ!”
“สำหรับฉัน มันน่าอายไปหน่อยนะ…ว่าแต่ พอพูดงี้ หมายความว่าอยากให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสินะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว~ ฉันจะให้ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก็คงเขินเกินไปอ่ะ…”
“อะไรเนี่ย…”
เราคุยหยอกกันแบบขำๆก่อนจะหัวเราะพร้อมกัน
เสน่ห์ของเธอที่ดึงดูดผู้คนก็ทำให้ผมหึงอยู่บ้าง ความสามารถแต่กำเนิดของเธอก็ทำให้ผมรู้สึกด้อยค่าก็จริง
ดังนั้นผมถึงเข้าใจสิ่งที่ซากุระมิยะซังรู้สึก และไม่ได้โกหกที่พูดแบบนั้น
แต่พอได้เห็นรอยยิ้มของฮิคารุใกล้ๆแบบนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกแน่ชัดขึ้นไปอีก…ว่าผมรักเธอมากแค่ไหน
“อืม~ แต่วันนี้สนุกมากเลยน้า~…”
ฮิคารุเหยียดยืดแขนพลางมองทิวทัศน์ยามค่ำคืน
“ปีหน้า แล้วก็ปีถัดๆไป…จะได้มากับเรย์ยะคุงแบบนี้อีกก็คงดีเนอะ”
“ก็คงงั้นล่ะ…แต่อาจจะยากหน่อยในแง่การเงินของฉันน่ะนะ”
“ก็แค่…ไปขอมิยาโกะให้ช่วยอีกไงล่ะ~!”
“รอบหน้าคงยากแล้วล่ะ…พอเปิดบริการเต็มรูปแบบ คนคงเยอะมากแน่ๆ…”
“เอ๋— งั้นก็ต้องไปที่อื่นน่ะสิ…ทั้งที่ที่นี่ออกจะดีเลยแท้ๆ…”
ฮิคารุฟุบหน้าลงกับราวระเบียงแล้วพองแก้มเหมือนเด็กๆ
…และผมก็รู้สึกว่าท่าทางแบบนั้นก็น่ารักเหลือเกิน
“ก็…ถ้าเป็นกับฮิคารุแล้ว ต่อให้เป็นที่ไหนก็คงสนุกแหละ…”
เลยเผลอพูดอะไรไม่ถนัดปากออกมา
“นั่นน่ะ ฉันก็เหมือนกันแหละ~ ถ้าได้อยู่กับเรย์ยะคุง ที่ไหนก็สนุกทั้งนั้นเลย!”
ฮิคารุพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา พร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้
“อะ…ว่าแต่ว่า…คราวนี้ไม่ได้ชวนฮิโนะซังเหรอ? หรือว่าเธอติดเรียนเสริมช่วงฤดูร้อน?”
อยู่ๆก็รู้สึกเขินเลยเปลี่ยนเรื่อง
“หืม? อ๋อ…ฉันชวนอายะกะว่า ‘ไปทะเลกันเถอะ! ฉันจะเลือกชุดว่ายน้ำที่เหมาะกับอายะกะให้เอง!’ แล้วก็โดนตอบกลับมาว่า ‘ชุดว่ายน้ำ? ไม่มีทางยอมใส่เด็ดขาด’ เลยโดนปฏิเสธจ้า~”
“อ่า…ก็คาดไว้อยู่แล้วล่ะนะ…”
จากนั้นเราก็คุยเรื่องอื่นกันต่อไปเรื่อยๆ
ทั้งเรื่องความทรงจำในวันนี้ หรือเรื่องของเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆที่มางานนี้ซึ่งผมไม่ค่อยรู้จักมาก่อน
ระหว่างนั้นฮิคารุก็ยังพูดถึงทุกคนด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง
“งั้น…เรากลับไปกันเถอะ ถ้าหายไปนานเดี๋ยวทุกคนเป็นห่วง”
ผมพูดพลางหันหลังจะเดินกลับ แต่――
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน~!”
ฮิคารุหยุดเดินแล้วหยิบมือถือขึ้นมา
“ไหนๆก็มาทั้งทีแล้ว ถ่ายรูปคู่กับวิวกลางคืนเป็นที่ระลึกหน่อยเถอะ?”
“อ่า…อืม ก็ได้…”
“งั้นเขยิบเข้ามาอีกนิดสิ? เอาแบบให้หน้าชิดกันเลยน้า~”
ผมขยับตัวเข้าไปจนไหล่แตะกัน แล้วฮิคารุก็เอาใบหน้าเข้ามาชิดจนแก้มสัมผัสกัน
“พร้อมนะ~ แชะ!”
ทันทีที่ผมพยายามเก๊กหน้ามองกล้องอินคาเมร่า เสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้น
เธอเปลี่ยนมุมบ้าง เปลี่ยนสีหน้าบ้าง ถ่ายอีกหลายรูปติดกัน
พอถ่ายเสร็จ ฮิคารุก็ดูรูปด้วยท่าทางพึงพอใจ ผมเลยกำลังจะพูดชวนกลับ――
“งั้นทีนี้ ถ่ายด้วยมือถือเรย์ยะคุงบ้างนะ! เดี๋ยวฉันถ่ายให้เอง!”
“เอาจริงดิ? รูปเมื่อกี้เดี๋ยวส่งมาให้ก็พอไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ได้~! มือถือคนละเครื่อง มุมมองก็อาจต่างกันได้นะ~!”
“ก็…งั้นก็ได้มั้ง”
ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะปฏิเสธเลยยื่นมือไปหยิบมือถือจากในกระเป๋า
แต่――เพราะผมเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแสนสุขกับฮิคารุจนลืมสนิทไปว่ามีสิ่งอันตรายอยู่ในกระเป๋านั้นด้วย
“อึ่ก…!”
ตอนหยิบมือถือออกมา ของบางอย่างก็หลุดร่วงตามออกมา ผมพยายามคว้ากลางอากาศแต่พลาด
มันหล่นลงพื้นระเบียงแล้วกลิ้งไปใต้แสงจันทร์
‘0.01mm’
บนซองที่มีลักษณะเป็นวงแหวน มีข้อความนั้นปรากฏเด่นชัดในแสงจันทร์…
MANGA DISCUSSION