งานกีฬาสีของโรงเรียนมัธยมปลายสึวาบุกิจบลงแล้ว ทิ้งไว้เพียงรอยถลอกกับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อให้ผม
ภาพของเหล่าเชียร์ลีดเดอร์มากหน้าหลายตา, การวิ่งสุดชีวิตของอากิชิโอะ, การแสดงของชิราทามะ, แล้วก็ข้าวกล่องสุดพิเศษฝีมือคาจู──
ความทรงจำเหล่านั้นได้เปลี่ยนเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าทีมขาวหรือทีมแดงฝ่ายไหนเป็นผู้ชนะ ก็เริ่มจะเลือนหายไปจากความทรงจำอย่างรวดเร็ว
[ ใกล้ได้เวลาแล้วสินะ… ]
ผมเหลือบมองตัวเลขดิจิทัลบนนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง ก่อนจะเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงอย่างเลื่อนลอย
──ตอนนี้ผมอยู่บนสะพานข้ามสระน้ำที่มุไกยามะโออิเกะ ใช้เวลาปั่นจักรยานจากโรงเรียนสึวะบุกิมาประมาณ 15 นาที
ครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ก็เมื่อครึ่งปีก่อน นับตั้งแต่ตอนที่เทียร่าซังเรียกตัวมาเพื่อเก็บโดจินวายฉบับคนจริงที่รุ่นพี่สึคิโนกิเขียนเอาไว้
เมื่อเทียบกับตอนนั้นแล้ว ช่วงเวลากลางวันยาวนานขึ้นเยอะเลย
ท้องฟ้ายามเย็นที่เริ่มย้อมจากสีฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม ทำให้รู้สึกใจคอไม่สงบ คล้ายกับความรู้สึกไม่สบายใจและความปรารถนาที่ผสมปนเปกัน
มีบางสิ่งกำลังจะผ่านพ้นไป แต่กลับไม่รู้ว่ามันคืออะไร เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับความร้อนรนในใจ
── เพิ่งจะอายุ 16 แต่ก็อยู่ปี2 แล้ว
ถ้อยคำที่ไม่ขัดแย้งกันแต่กลับตรงกันข้าม ผุดขึ้นมาในหัวแล้วก็หายไป
แต่ว่า ทำไมถึงนัดเจอกันที่นี่ แทนที่จะเป็นโต๊ะที่สวนหย่อมกลางโรงเรียนล่ะ
ตามที่เทียร่าซังว่าไว้ สวนหย่อมกลางโรงเรียนเหมาะกับการคุยความลับที่สุดเพราะเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงคนรอบข้าง
นั่นหมายความว่าการเลือกสถานที่แห่งนี้──คือสิ่งที่ต้องปิดบังไม่ใช่การได้ยิน แต่เป็นการมองเห็น
แปลว่ามีบางอย่างที่ไม่อยากให้ใครเห็นสินะ
หัวข้อการแข่งวิ่งยืมของคงเป็นแค่เรื่องหลอก ส่วนเป้าหมายที่แท้จริงก็คือ──
[ …สินค้าอนิเมะสินะ ]
เกือบลืมไปเลยเพราะเจอเรื่องน่าตกใจหลายอย่างถาโถมเข้ามา แต่เดิมทีสาเหตุที่ผมช่วยเทียร่าซังก็เพราะของจิกะเปียวนี่นา คงตั้งใจจะเอาของนั่นมาให้ผมแน่ๆ
จริงอยู่ที่การแลกเปลี่ยนสินค้าอนิเมะในโรงเรียนคงจะรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เห็นต้องเรียกมาถึงที่นี่เลยนี่นา
ขณะที่ผมกำลังมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น เด็กผู้หญิงในชุดเครื่องแบบของโรงเรียนสึวะบุกิก็เดินเข้ามาใกล้จากอีกฟากของสะพานยาวที่ทอดข้ามสระน้ำ เทียร่าซังนั่นเอง
บริเวณที่ผมอยู่บนสะพานค่อนข้างกว้างและมีม้านั่งตั้งอยู่ด้วย คราวก่อนผมเป็นฝ่ายเดินมาหาคุณเทียร่าซังที่รออยู่ตรงนี้สินะ…
ขณะที่กำลังนึกถึงเรื่องเก่าๆ อย่างคิดถึง เธอก็คงสังเกตเห็นว่าผมมองอยู่ เทียร่าซังจึงรีบวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา
[ ขอโทษที่ให้รอค่ะ พอดีงานมันยืดเยื้อนิดหน่อย ]
เทียร่าซังในชุดเครื่องแบบเอ่ยพลางใช้มือกดปอยผมที่หลุดลุ่ยลง แล้วก้มศีรษะเล็กน้อย
[ ไม่เป็นไร ผมก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ]
เมื่อผมแกล้งพูดโกหกไปเล็กน้อย เทียร่าซังก็ยิ้มบางๆ แล้วกวักมือเรียกผม
[ นี่ ดูนั่นสิคะ นุคุมิซึซัง มีครอบครัวเป็ดอยู่ด้วยค่ะ ]
[ น่าจะเป็นเป็ดน้ำลายจุดนะ ช่วงนี้เป็นฤดูผสมพันธุ์ของมันพอดี ]
ทำไมเทียร่าซังวันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษจังแฮะ
เทียร่าซังพิงตัวกับราวสะพานแล้วชี้ไปยังครอบครัวเป็ด
[ เป็ดตัวใหญ่น่าจะเป็นแม่เป็ดนะคะ แล้วพ่อเป็ดไปไหนกันนะ ]
[ คงไม่อยู่แถวนี้หรอก เป็ดน้ำลายจุดตัวผู้พอตัวเมียวางไข่เสร็จก็จะหายตัวไปเลยน่ะ ]
[ อ๊ะ อย่างนั้นเหรอคะ… ]
อารมณ์ของเธอดร็อปลงไปเล็กน้อย เอ๊ะ หรือว่าผมเลือกหัวข้อสนทนาผิด…?
เทียร่าซังมองครอบครัวเป็ดที่กำลังว่ายน้ำอยู่บนผืนน้ำอย่างอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด
เอ… แล้วเมื่อไหร่จะได้ของจิกะเปียวล่ะเนี่ย
ขณะที่ยืนเหม่อมองเป็ดอยู่ข้างๆ กัน เสียงของเทียร่าซังก็ดังขึ้นมา
[ เรื่องตอนปราศัยสนับสนุน──จำเรื่องตอนที่เจอกันครั้งแรกได้ด้วยสินะคะ ]
[ ก็โดนดุตั้งแต่แรกครั้งแรกที่เจอกันแบบนั้น ลืมไม่ลงหรอกน่า ]
ตอนที่ผมไปส่งเอกสารที่ห้องสภานักเรียน เทียร่าซังก็เข้ามาต่อว่าผมทันทีที่เห็นป้ายชื่อ
เทียร่าซังยกมือขึ้นปิดปากพลางหัวเราะคิกคัก
[ ตอนนั้นต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนั้นฉันคิดว่าชมรมวรรณกรรมเป็นแหล่งรวมคนประหลาดๆ น่ะค่ะ ]
[ อืม จะว่าไปมันก็ไม่ผิดซะทีเดียวนะ ]
[ โธ่ อุตส่าห์ช่วยพูดแก้ต่างให้แล้วแท้ๆ ทำเสียเรื่องหมดเลยนะคะ ]
เทียร่าซังหัวเราะออกมาโดยไม่คิดจะกลั้นไว้
[ ว่าไปแล้ว ก็เคยมีเรื่องที่เอาโดจินที่ไม่เหมาะสมเข้ามาในโรงเรียนด้วยสินะคะ ]
[ คนที่เอาเข้ามาไม่ใช่ผม แต่เป็นรุ่นพี่สึคิโนกิต่างหาก ]
[ อ๊ะ อย่างนั้นเหรอคะ ]
ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กับการแสดงสีหน้าล้อเลียนของเทียร่าซัง
[ เทียร่าซังเองก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนนะ พูดเก่งขึ้นเยอะเลย ]
ผมพูดออกไปแล้วรอให้เทียร่าซังตบมุกกลับมา
…
………เอ๊ะ? ไม่ตบมุกเหรอ?
เทียร่าซังท้าวข้อศอกทั้งสองข้างลงบนราวสะพานแล้วเงยหน้ามองผม
[ มีอะไรรึเปล่าคะ ? ขอโทษทีค่ะ พอดีไม่ได้ค่อยได้ฟัง ]
[ อ๊ะ เปล่า──แค่คิดว่าเทียร่าซังวันนี้ไม่โกรธเลยนะ ]
[ ถ้าไม่ทำเรื่องที่น่าโกรธ ฉันก็ไม่โกรธหรอกค่ะ ]
นั่นสินะ เป็นเหตุผลที่ถูกต้องที่สุด
หมายความว่าที่เทียร่าซังโกรธอยู่เสมอ เป็นเพราะผมพูดอะไรที่ทำให้เธอโกรธสินะ…
[ ไม่สิ แต่ว่า ถ้าไม่โดนเกลียดนิดๆหน่อยๆ มันก็รู้สึกไม่คุ้มค่าน่ะสิ ]
[ ที่แท้ก็แกล้งฉันมาตลอดเลยสินะคะ?! ]
แย่ล่ะ เผลอหลุดปากไปจนได้
เทียร่าซังทำแก้มป่องท่าทางโกรธเล็กน้อยแล้วเขยิบเข้ามาใกล้ผม
[ จุดนี้นี่แหละค่ะ! แกล้งกันแบบนี้อยู่เรื่อยเลย แถมยังไม่เคยตั้งใจฟังเรื่องของฉันเลยใช่มั้ยล่ะคะ ]
[ ไม่ๆ ไม่ได้แกล้งเทียร่าซังซะหน่อย ]
[ ก็บอกว่าอย่าเรียกด้วยชื่อจริงไงคะ! ]
เอาล่ะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
เทียร่าซังถอนหายใจอย่างระอา
[ ทั้งที่อุตส่าห์ตั้งใจจะมาขอบคุณเรื่องที่ผ่านมาแท้ๆ พังหมดเลยค่ะ ]
[ เอ๋ งั้น จะไม่ขอบคุณแล้วเหรอ ? ]
[ ค่ะ น่าเสียดายนะคะ ]
ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นบูดบึ้งนั้นอยู่ได้ไม่นาน
เทียร่าซังกลับไปวางข้อศอกทั้งสองข้างบนราวสะพานอีกครั้งโดยไม่คิดจะปิดซ่อนริมฝีปากที่เริ่มคลี่ยิ้ม
[ …ที่จริงแล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณนุคุมิซึซังจริงๆ นะคะ ยอมทนกับความเอาแต่ใจของฉันแบบนี้ แถมยังช่วยสู้ศึกเลือกตั้งประธานนักเรียนด้วยกันอีก ]
[ แต่สุดท้าย คนที่ได้ซีนดีๆ ไปก็คือรุ่นพี่ชิกิยะนี่นะ ]
[ ค่ะ เรื่องนั้นฉันก็ตกใจเหมือนกัน ]
ความรู้สึกห่วงใยที่เทียร่าซังมีต่อรุ่นพี่ชิกิยะ
คนคนนั้นคงจะเป็นคนที่ไม่ถนัดในการแสดงออกพอๆ กับเทียร่าซังแน่ๆ
เพราะอย่างนั้น ถึงได้แสดงความรู้สึกออกมาในรูปแบบนั้นสินะ──
ขณะที่ผมกำลังครุ่นคิด เทียร่าซังก็ท้าวคางจ้องมองมา
[ …กำลังคิดถึงเรื่องรุ่นพี่ชิกิยะอยู่เหรอคะ? ]
[ เอ๊ะ? ก็เมื่อกี้เพิ่งพูดถึงนี่นา ]
[ คิดถึงเรื่องของรุ่นพี่มากกว่าฉันที่อยู่ตรงนี้สินะคะ ]
เทียร่าซังหันหน้าหนีไปทางอื่นท่าทางงอนๆ
…ทำไมจู่ๆ ถึงทำตัวเหมือนแฟนสาวน่ารำคาญแบบนี้ล่ะเนี่ย
ผมท้าวข้อศอกลงบนราวระเบียงแบบเดียวกับเธอที่อยู่ข้างๆ แล้วเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง
[ ที่สภานักเรียน ซากุราไรคุง จะมาเป็นรองประธานสินะ ]
[ ค่ะ เขารับตำแหน่งแล้วค่ะ แต่ก็อยากได้คนมาช่วยงานเพิ่มอีกสักคนนะคะ? ]
เทียร่าซังส่งสายตามีนัยมาให้ผม
[ เอ่อ ผมคงจะยากหน่อยล่ะมั้ง เพราะเป็นประธานชมรมวรรณกรรมแล้ว…นี่ไงล่ะ มันติดเรื่องข้อบังคับน่ะนะ? ]
[ อาระ , รู้จักศัพท์ยากๆ ด้วยสินะคะ ]
[ ก็แน่สิ หรือว่าไม่ต้องให้สอนวิชาภาษาญี่ปุ่นแล้วเหรอ? ]
พอผมแกล้งพูดใจร้ายเล็กน้อย เทียร่าซังก็โชว์ฟันขาวให้เห็นแล้วหัวเราะออกมา
[ ค่ะ ไม่เป็นไรเลย กลับกันฉันจะเป็นคนสอนให้เอง ]
[ งั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ]
เราคุยเรื่องไร้สาระกัน แล้วก็หัวเราะออกมานิดหน่อย
ผมเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า แม้จะทำแค่นั้นแต่กลับรู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด
ช่วงเวลาที่สายตาของเราสองคนสบกันเริ่มมีมากขึ้น และคำพูดก็น้อยลงตามส่วน
ผมรู้สึกจั๊กจี้คล้ายกับความกระอักกระอ่วนใจ จึงผละตัวออกจากราวสะพาน
[ เอ่อ…ลมเริ่มเย็นแล้วนะ ]
[ นั่นสินะคะ อากาศเย็นลงนิดหน่อยแล้ว ]
เอาล่ะ กลับก่อนที่ฟ้าจะมืดดีกว่า
ขณะที่ผมกำลังจะออกเดิน เทียร่าซังก็เรียกผมไว้โดยไม่ทันตั้งตัว
[ ขอโทษค่ะ ฉันลืมไปเลย ]
อ๊ะ ใช่แล้วสิ ลืมเรื่องสำคัญไปเลย…!
[ ของจิกะเปียว── ]
[ หัวข้อการแข่งวิ่งยืมของ สัญญากันไว้ว่าจะเดี๋ยวจะบอกให้สินะคะ ]
…เอ๊ะ? เรื่องนั้นผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่หรอกนะ
เทียร่าซังยื่นเศษกระดาษแผ่นเล็กๆ มาให้ผมที่กำลังงุนงง
[ เชิญค่ะ ]
[ เอ๊ะ อ๊ะ ขอบคุณ ]
ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปฏิเสธนี่นา
คงเพราะไม่สามารถพูดขอบคุณออกมาได้ตรงๆ ถึงได้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการเรียกตัวมา
ผมมองกระดาษแผ่นนั้นด้วยความรู้สึกสบายๆ แต่แล้วถ้อยคำที่เขียนอยู่บนนั้นก็ทำให้ผม──แทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
…
………
………………นี่มันหัวข้อการแข่งวิ่งยืมของใช่มั้ย
คำที่เขียนอยู่บนกระดาษคือ──คนที่ชอบ
เอ่อ การที่สุ่มได้หัวข้อนี้ แล้วเทียร่าซังมาพาตัวผมไป หมายความว่า…?
ดวงตาของเทียร่าซังจ้องมองมาที่ผมซึ่งสับสนไปหมดแล้ว
เทียร่าซังประสานนิ้วมือไว้ตรงหน้าอก ด้วยสายตาเหมือนกำลังอธิษฐาน
และแล้ว ราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เธอก็เปิดปากพูด
[ ชอบนะคะ นุคุมิซึซัง ]
เป็นการสารภาพรักที่กะทันหันและไม่ทันให้ตั้งตัว
[ เอ๊ะ เอ่อ… ]
เดี๋ยวก่อนสิ จะด่วนสรุปว่าเป็นการสารภาพรักยังเร็วไป
ในพล็อตเลิฟคอมเมดี้ นี่มันคืออีเวนต์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด──
[ แน่นอนว่าในความหมายเชิงความรักค่ะ ช่วยคบกับฉันได้มั้ยคะ? ]
ไม่ นี่มันคือการสารภาพรัก
ไม่ใช่ความเข้าใจผิด หรือได้ยินผิดเพี้ยนไป
ผม──กำลังโดนสารภาพรัก
เหตุการณ์ที่เคยเห็นแต่ในไลท์โนเวลกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ในฐานะที่ผมเป็นตัวละครในนั้น
จะ…เป็นผมจริงๆ เหรอ?
เทียร่าซังเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสนุก หน้าตาก็น่ารัก
ไม่ว่าจะคิดยังไง เธอก็เป็นคนที่ดูดีเกินไปสำหรับผม
แค่ตอบว่า [ ครับ ] เพียงคำเดียว ผู้หญิงที่เคยมีตัวตนอยู่แค่ในจินตนาการก็จะมาเป็นของผม──
[ เอ่อ…เอ่อ… ]
ในที่สุดผมก็ขยับริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง
[ คือว่า …. ผมน่ะ คิดว่าบาโซริซังเป็นเพื่อนมาตลอดน่ะครับ ]
…หา?
[ เพราะมันกะทันหันไปเลยตกใจน่ะ เรื่องนั้น ]
…ผมกำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย
เทียร่าซังเป็นคนดีแล้วก็น่ารัก อยู่ด้วยกันก็สนุก
ตอนแรกอาจจะดูเข้าถึงยากไปหน่อย แต่พอได้รู้จักกันมากขึ้น รอยยิ้มของเธอก็ช่างดูไร้เดียงสาเหลือเกิน
[ เพิ่งเคยมีคนมาพูดอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก สงสัยเลยกำลังสับสนอยู่ล่ะมั้ง ]
เวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็รู้สึกสบายใจ
ถ้าได้คบกันล่ะก็คงจะ──สนุกแน่ๆ
ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเลยสักนิด เพราะฉะนั้นผมแค่พูดคำว่า [ ครับ ] ออกไปคำเดียวก็พอ
แค่เพียงเท่านั้น ก็จะได้คบกับเทียร่าซังแล้ว──
[ เอ่อ ผมน่ะ ]
ผมเอ่ยค้างไว้แค่นั้น ก่อนจะเงียบไปเพราะหาคำพูดที่จะพูดต่อไม่เจอ
…ทำบ้าอะไรของผมอยู่เนี่ย โอกาสแบบนี้อาจจะไม่มีครั้งที่สองแล้วก็ได้นะ
ขณะที่ผมกำลังจะเค้นคำพูดอะไรบางอย่างออกไปนั้นเอง
[ เดี๋ยวก่อนค่ะ! ]
เทียร่าซังก็พูดขัดขึ้นมา
[ เอ่อ คือว่า ]
[ กะทันหันเกินไปสินะคะ! ไม่สิ ที่จริงฉันเองก็เหมือนยังไม่ได้เตรียมใจเท่าไหร่ คิดว่าถ้าสารภาพรักออกไปแล้วจะทำใจได้ แต่เอาเข้าจริงก็รับไม่ค่อยไหวเหมือนกันค่ะ── ]
เทียร่าซังยกมือกุมหน้าอก แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆ กับพื้น
[ เป็นอะไรรึเปล่า? ]
[ ….ค่ะ เอ่อ นุคุมิซึซัง ]
เทียร่าซังที่กำลังนั่งยองๆ สูดหายใจลึกๆ อยู่ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
[ ──เรามาเริ่มจากการเป็นเพื่อนกันก่อนมั้ยคะ? ]
เธอพูดยังงั้นแล้วยื่นมือมาหาผม
[ เป็นเพื่อนเหรอ…ผมว่าตอนนี้พวกเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่นะ ]
[ ดีใจนะคะที่นุคุมิซึซังคิดว่าฉันเป็นเพื่อน แต่ว่า ]
เทียร่าซังจับมือผมไว้ แล้วลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ
[ อยากจะให้เราคุยกันสบายๆ มากขึ้น หรือไปเที่ยวด้วยกันได้ ถ้าทำแบบนั้นได้ฉันจะดีใจมากเลยค่ะ ]
[ หา แค่นั้นเองเหรอครับ ]
เมื่อผมตอบกลับไปอย่างหมดแรง เทียร่าซังก็ส่งยิ้มที่อ่อนโยนมาให้
[ และก็…ถ้าวันหนึ่ง มาชอบฉันได้ก็คงจะดีนะคะ ]
── เหมือนโดนโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว
คงไม่มีคำไหนจะเหมาะไปกว่านี้
รอยยิ้มของเทียร่าซังที่รอคอยอยู่ปลายทางของการเลื่อนคำตอบออกไป
รอยยิ้มนั้นมันเจิดจ้าเกินไปสำหรับผม
ผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอก
ต่อหน้าผมที่กำลังหลงทางอยู่ในความรู้สึกของตัวเอง เทียร่าซังก็ใช้ฝ่ามือพัดใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองไปมา
[ เพิ่งจะมาตื่นเต้นเอาตอนนี้เองค่ะ หวา ฉันนี่พูดอะไรที่บ้าๆออกไปสินะคะเนี่ย ! ]
ผมมองภาพนั้นพลางเกาแก้มอย่างกระอักกระอ่วน
[ เอ่อ เรื่องที่สารภาพรักน่ะ ผมดีใจมากเลย เพราะงั้น จะเอาไปคิดจริงจังดูนะ… ]
พอผมเค้นคำพูดออกมาได้เท่านั้น เทียร่าซังก็เผยอยิ้มอย่างเขินอาย
[ ค่ะ จะรอฟังข่าวดีนะคะ แต่ว่า ฉันเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เพราะงั้น ]
เทียร่าซังประสานนิ้วไว้ด้านหลัง ก่อนจะเงยหน้ามองผมแล้วพูดต่อว่า
[ ── รีบมาชอบฉันเร็วๆ จะดีกว่านะคะ? ]
MANGA DISCUSSION