ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 419 งานเลี้ยง
บทที่ 419
งานเลี้ยง
แต่ทว่าถ้าหากเย่เย่ไม่ตาย แผนการน้อยๆของพวกเขานี้ก็คงไม่สามารถที่จะเป็นจริงได้ ดังนั้นในตอนที่เย่เย่กำลังจะไปที่งานเลี้ยงนั้น เหล่าผู้นำตระกูลใหญ่ต่างก็ทุ่มพลังไปที่การซุ่มโจมตีเย่เย่บ้านสกุลเซียว
แล้วเย่เย่ก็ได้มาปรากฏตัวที่บ้านสกุลเซียวในคืนนี้ และผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ก็ได้มาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านสกุลเซียวเพื่อต้อนรับเขาด้วยตัวเอง แม้แต่จางเทียนอวี้ที่ทำหน้าที่คอยจับตาดูจวนเจ้าเมืองนั้น ก็ยังนำพาคนมาซุ่มรออยู่รอบๆบ้านสกุลเซียวเพื่อคอยช่วยเหลือหากมีอะไรขึ้น
“ขอยินดีต้อนรับท่านเจ้าเมืองสู่บ้านของผู้น้อย! การที่ท่านให้เกียรติมาที่บ้านสกุลเซียวช่างรู้สึกถือเกียรติอย่างยิ่ง! ในนามของคนในบ้านสกุลเซียวทั้งหมด ข้าเซียวหลิงใคร่ขอขอบพระคุณท่านเจ้าเมืองที่อุตส่าห์สละเวลามาที่บ้านของผู้น้อยในยามที่ท่านกำลังยุ่งๆอยู่!”
หลังจากที่เซียวหลิงเห็นเย่เย่ เขาก็ได้รีบออกไปต้อนรับ เย่เย่และกล่าวให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
ถึงแม้ว่าหวังอวิ๋นกับพรรคพวกจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาของพวกเขาก็ได้มองไปที่เย่เย่อย่างตื่นเต้นเช่นกัน เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นเพราะเย่เย่ไว้หน้าของพวกเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่าเย่เย่นั้นจะตายที่นี่คืนนี้ จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถอดกลั้นความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ได้
“ผู้อาวุโสเซียวสุภาพเกินไปแล้ว! 4 ตระกูลใหญ่อุตส่าห์เชิญข้ามาทั้งที เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของเมืองหลงเจียงแล้ว ข้าเย่เย่จะไม่มาได้เช่นไร?”
เย่เย่ที่เหมือนจะไม่รู้อีโหน่อีเหน่นั้นก็ได้ยิ้มออกมาและคารวะให้เซียวหลิงกับพรรคพวก
หลังจากที่ได้พูดคุยกันนิดหน่อย เซียวหลิงก็ได้พาเย่เย่เข้าไปในบ้านสกิลเซียวและนั่งลงตรงห้องรับรองแขกที่ใหญ่ที่สุดของบ้านสกุลหลิง
ในเวลานี้มีโต๊ะกลมตั้งอยู่ที่ห้องนั้นและบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารต่างๆทั้งที่ทำมาจากวัตถุดิบบนภูเขาและทะเล และการตกแต่งในห้องนั้นก็เรียกได้ว่าพิถีพิถันมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายทันทีที่เข้าไปในห้องนั้นราวกับสามารถลืมปัญหาที่รุมเร้ามาทั้งวันได้
เพื่อที่จะทำให้เย่เย่นั้นคลายความระวังตัวลง พวก เซียวหลิงก็ได้ทุ่มเทตรงส่วนนี้อย่างมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาจะดื่มอวยพรให้เย่เย่อยู่บ่อยครั้งแล้ว แต่พวกเขาก็ได้จัดหาสาวงามมาคอยเคียงข้างปรนนิบัติเย่เย่ และคอยเอาอกเอาใจเย่เย่ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
หลังจากที่รายงานเย่เย่เรื่องของการเตรียมงานประลองเสร็จ เซียวหลิงกับพรรคพวกก็ไม่รอช้าที่จะชื่นชมเย่เย่ และกล่าวยินดีต้อนรับเย่เย่สู่เมืองหลงเจียงในฐานะเจ้าเมืองอย่างเป็นทางการอีกหน หลังจากที่ดื่มเหล้ากันไปได้ 3 จอก เซียวหลิงกับพรรคพวกก็คิดว่าน่าจะได้เวลาแล้ว จึงได้หันมามองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็ได้กล่าวกับเย่เย่ด้วยน้ำเสียงที่มีเลศนัย “ว่ากันตามตรงเลย ที่พวกเราเชิญท่านเจ้าเมืองมาที่นี่วันนี้ เพราะพวกเรามีอีกจุดประสงค์หนึ่ง นั่นคือแนะนำท่านให้ได้รู้จักกับแขกผู้มีเกียรติของพวกเราอีกคน!”
เย่เย่ที่ได้ยินที่เซียวหลิงกล่าว ก็รู้ว่าพวกเขาเริ่มที่จะลงมือแล้ว จึงได้มองไปที่เซียวหลิงแล้วแกล้งทำเป็นสงสัยแล้วถาม “งั้นเหรอ ใครกันนะที่ทำให้พวกท่านผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ยังต้องให้เกียรติ? รีบไปเชิญเขามาสิ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้เซียวหลิงก็ได้พลันยกมือขึ้นมาแล้วบอกให้ทุกคนในห้องนั้นนอกจากเย่เย่กับ 4 ผู้นำตระกูลออกไปข้างนอก แล้วเดินไปเปิดประตูอีกห้องด้วยตัวเองแล้วกล่าวกับหม่าเจาที่กำลังเดินเข้ามาในห้องด้วยความเคารพ “คุณชายจะขอแนะนำนะ ท่านผู้นี้ก็คือเย่เย่เจ้าเมืองหลงเจียงของพวกเรา!”
คู่
หม่าเจาก็ได้เดินเข้ามาในห้องรับรองแขกภายใต้การนำของเซียวหลิงและมุ่งตรงมาหาเย่เย่ ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ในขณะเดียวกันทั้งคู่กลับรู้สึกได้ถึงความอันตรายอย่างมากของอีกฝ่ายที่แผ่ออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้เซียวหลิงก็ได้รีบแนะนำกับเย่เย่ “ท่านเจ้าเมือง ท่านผู้นี้คือคุณชายหม่าเจาเป็นศิษย์ของสำนักแก้วหลากสี! ซึ่งจริงๆแล้วเป็นคุณชายหม่าเจาที่ตั้งใจเชิญคุณชายมาที่บ้านของผู้น้อยในวันนี้!”
หลังจากที่พูดจบ เซียวหลิงก็ได้ถือโอกาสถอยห่างออกมายืนอยู่ข้างหลังหม่าเจากับหวังอวิ๋นและพรรคพวก และยืนอยู่เงียบๆราวกับเป็นข้ารับใช้ของหม่าเจา
แล้วบรรยากาศในห้องนั่งเล่นนั้นก็ได้พลันเปลี่ยนไปจากผ่อนคลายกลายเป็นหนักอึ้งขึ้นมาทันที สีหน้าของเย่เย่ก็ได้ค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นมา และเขาก็ได้หันเหความสนใจของเขาไปที่ เซียวหลิงและพรรคพวกที่อยู่ข้างหลังหม่าเจา
จากที่เซียวหลิงพูดมาเมื่อสักครู่ ก็จะเห็นได้ชัดว่า เซียวหลิงกับพรรคพวกนั้นไม่ได้สนใจกับความผิดของตัวเองที่หลอกลวงเย่เย่แม้แต่น้อย ชะตากรรมของทั้ง 4 ตระกูลนั้นได้ฝากฝังเอาไว้ที่หม่าเจาแล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เย่ก็ได้เลิกสนใจพวกเขาอีก แล้วก็ได้จ้องมองไปที่หม่าเจาที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเงียบๆ ราวกับว่าเย่เย่กำลังสงสัยในตัวเขา
จริงๆแล้วหลังจากที่เย่เย่ได้รับการติดต่อมาจาก จางเทียนอวี้นั้น เขาก็ได้ให้คนไปตามสืบหาประวัติของหม่าเจามาแล้ว และพบว่าในเวลานี้นั้นหม่าเจานั้นอยู่ในสถานะที่ยากลำบากมากในสำนักแก้วหลากสี เขาจึงได้พอจะรู้ว่าจะจัดการกับหม่าเจาเช่นไร เมื่อเห็นหม่าเจาได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว เย่เย่จึงได้ถือโอกาสพูดกับหม่าเจาขึ้นมาก่อนโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดก่อน “ท่านคือหม่าเจา อดีตศิษย์เอกของสำนักแก้วหลากสีสินะ? ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมาเป็นเวลานานแล้ว!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา เซียวหลิงกับพรรคพวกก็ไม่ได้มีท่าทีใดๆ แต่หม่าเจ้ากลับรู้สึกได้ว่าเย่เย่นั้นเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะปรากฏตัว ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่มีอาการตกใจในน้ำเสียงของเขาแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังรอเขาอยู่นานแล้ว
แต่หม่าเจาก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาได้รีบฝังการคาดเดาของเขาไว้ในใจ แล้วก็ได้รีบไปนั่งตรงหน้าของเย่เย่แล้วตอบกับ เย่เย่ “ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านเจ้าเมืองเป็นมาเวลานานแล้วเช่นกัน การที่ได้มาพบกันเช่นนี้ช่างถือเป็นโชคดีของข้าเสียจริงๆ!”
หลังจากที่หม่าเจาพูดจบ เขาก็ได้หยิบเอาขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็ได้วางลงพื้นอย่างแรง แล้วจับจ้องไปที่เย่เย่และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แต่ช่างน่าเสียดายยิ่งนั้นที่วันนี้ข้าไม่ได้มาร่ำสุรากับท่านแต่อย่างใด!”
“อย่างนั้นเหรอ? หากว่าท่านหม่าเจามีอะไรที่อยากจะพูดก็พูดมาได้เลย ข้าเย่เย่ยินดีรับฟัง!”
เย่เย่ก็ได้จงใจทำเป็นสงสัย ถึงแม้ว่าหม่าเจานั้นจะเผยถึงความเป็นปรปักษ์ออกมาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด
ในตอนที่เซียวหลิงกับพรรคพวกที่ยืนดูอยู่เห็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกชื่นชมในความเยือกเย็นของเย่เย่ แต่ทว่าพวกเขานั้นเชื่อมั่นในพลังของหม่าเจามากกว่า โดยเฉพาะในยามที่ เย่เย่จะต้องเผชิญกับสัตว์ขี่ของหม่าเจาแรดเขามังกรด้วยแล้ว ในเวลานี้สีหน้าของพวกเซียวหลิงจึงยังคงใจเย็นอยู่เช่นกัน
มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่พวกเขาเป็นกังวลก็คือเซียวอวิ่นที่ควรจะมาปรากฏตัวตามแผนแล้วนั้นยังไม่ได้กลับมา และแรดเขามังกรของหม่าเจาก็ยังหายไปอีกด้วย
ในห้องรับรองแขก หลังจากที่เห็นท่าทีของเย่เย่แล้ว หม่าเจาก็ได้ระแวดระวังเย่เย่มากขึ้นไปอีก แต่ทว่าก่อนที่เขาจะโผล่ออกมานั้นเขาก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเย่เย่นั้นไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆนัก จึงได้ไม่มีสีหน้าประหลาดใจอะไรบนใบหน้าของเขา หลังจากที่ได้ยินคำถามของเย่เย่แล้ว เขาจึงได้กล่าวกับเขาต่อ “ท่านเจ้าเมืองเย่ก็คงจะรู้อยู่แล้วถึงความบาดหมางของเมืองหลงเจียงกับเมืองโม่ไห่ มันเป็นไปไม่ได้ที่เมืองนี้จะไปหลอมรวมอยู่กับสมาพันธ์โม่ไห่ของท่านได้ ด้วยเหตุนี้ท่านเจ้าเมืองเย่ก็ควรที่จะปล่อยวางเสีย แล้วพาคนของท่านออกจากเมืองหลงเจียงไปเสียแต่โดยดี แล้วด้วยเหตุนี้แล้วไม่เพียงแต่เมืองหลงเจียงจะได้อิสรภาพกลับคืนมา แต่ยังหลีกเลี่ยงการสูญเสียของเหล่ายอดฝีมือของสมาพันธ์โม่ไห่ในอนาคตได้ด้วย ท่านเจ้าเมืองเย่ไม่คิดเช่นนั้นบ้างเหรอ?”
ถึงแม้จะรู้ดีว่าโอกาสที่เย่เย่จะตอบตกลงนั้นจะต่ำมาก แต่หม่าเจาก็ยังไม่ยอมละทิ้งกับแผนการเจรจาก่อนแล้วจึงใช้กำลังทีหลัง เขาได้บ่งบอกให้เย่เย่ได้รู้ถึงความต้องการของเขากับ 4 ตระกูลใหญ่ก่อน ซึ่งถ้าหากว่าเย่เย่ปฏิเสธแล้วทั้งสองฝ่ายก็คงจะต้องเปิดไพ่ในมือกันออกมากันทันที แต่ถ้าหากว่ายังสามารถเจรจากันได้ หม่าเจาก็จะค่อยๆกัดกร่อนรากฐานของสมาพันธ์ โม่ไห่อย่างช้าๆ จนในที่สุดเย่เย่กับพรรคพวกก็จะพ่ายแพ้ในที่สุด
หลังจากที่เขาพูดจบ บรรยากาศในห้องนั้นก็ได้หนักอึ้งอย่างสุดๆขึ้นมา เซียวหลิงกับพรรคพวกก็ได้จ้องมองไปที่เย่เย่ แม้ว่าพวกเขานั้นจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเย่เย่จะตอบเช่นไร แต่พวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคาดหวังอยู่ดี
หลังจากที่ได้ยินคำถามของหม่าเจาแล้ว เย่เย่ก็ได้ตกใจไปชั่วขณะ แล้วจากนั้นก็ได้เผยรอยยิ้มที่เบิกบานแก่หม่าเจาแล้วถาม “ถ้าหากว่าข้าบอกไปว่าข้ายินดีที่จะถอนตัวออกจากเมืองหลงเจียงพร้อมกับคนของข้า แล้วขอให้ท่านปล่อยตัวข้าไป ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ปราศจากซึ่งความกลัวของเย่เย่แล้ว หม่าเจาก็รู้ดีว่าเจรจากันต่อไปก็ไร้ผล เขาจึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวกับเย่เย่ “คำพูดของท่านเจ้าเมืองนั้นหาได้มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย! ถ้าเช่นนั้นแล้วก็อย่าคิดว่าวันนี้จะได้มีชีวิตรอดกลับออกไปจากบ้านสกุลเซียวเลย!”
หลังจากที่เขาพูดจบ หม่าเจาก็ได้เผยแรงกดดันในระดับสูงสุดราชันย์เทพออกมาทันที
ตูม!
ทันใดนั้นท้องฟ้าเหนือบ้านสกุลเซียวนั้นก็ได้เต็มไปด้วยแรงกดดันที่รุนแรง ราวกับจะทำให้ผู้คนนั้นเลิกคิดที่จะต้านทานไปได้เลย
เดิมทีในเวลานี้เซียวอวิ่นก็ควรที่จะมาปรากฏในทันทีพร้อมกับแรดเขามังกร และมาช่วยหม่าเจาสังหารเย่เย่ แต่ หม่าเจาที่อยู่ในห้องนี้ก็ได้เฝ้ารออยู่นานแล้ว แต่ก็พบว่ายังไม่มีการเคลื่อนไหวจากภายนอกเลยแม้แต่น้อย
เซียวหลิงกับพรรคพวกที่ยืนดูอยู่นั้นก็ได้มีชั้นเหงื่อบางๆปรากฏขึ้นที่หน้าผากของพวกเขา ตัวเซียวหลิงเองก็ได้เดินออกจากห้องรับรองไปเพื่อตรวจดูสถานการณ์ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะบ้านสกุลเซียวยังคงเหมือนเดิมก่อนที่หม่าเจาจะปรากฏตัว เซียวอวิ่นที่น่าจะปรากฏตัวมาพร้อมกับแรดเขามังกรนั้นก็ยังไม่โผล่มา ไพ่ตายทึ่เซียวหลิงกับพรรคพวกใช้ลอบโจมตีเย่เย่นั้นได้หายไปแล้ว
พวกเจ้ากำลังรอแรดเขามังกรมาปรากฏตัวกันอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
ในเวลานี้เอง เย่เย่ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมนั้นก็ได้พูดขึ้นมา แล้วหม่าเจากับพรรคพวกนั้นก็ได้มีสีหน้าไม่ดีอย่างสุดๆขึ้นมาทันที
พวกเขาต่างก็มองไปที่เย่เย่ด้วยความตกใจ และไม่คาดคิดว่าเย่เย่นั้นจะรู้ถึงแผนการของพวกเขาได้ แล้วหม่าเจาก็ได้พลันเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ขึงได้มองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่หนาวเย็นแล้วถาม “เจ้าทำอะไรกับแรดเขามังกร? ถ้าหากว่าเจ้าทำมันบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!”
ไม่รู้ว่าเพราะหม่าเจานั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับแรดเขามังกรหรือว่ามีเหตุผลอื่นอีกก็ไม่อาจทราบได้ แต่หม่าเจาก็ได้ให้ค่ากับแรดเขามังกรมากเกินกว่าที่จะนำมาใช้ลอบโจมตี เย่เย่อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ดวงตาของเย่เย่ก็ได้ปรากฏซึ่งความประหลาดใจขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้กลัวต่อการขู่ของเย่เย่เลยแม้แต่น้อย เขาได้ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับหม่าเจาอย่างเย็นชา “จะไม่ไว้ชีวิตข้างั้นเหรอ? ลำพังตัวท่านคนเดียวเนี่ยนะ?”
ทันทีที่สิ้นเสียง เย่เย่ก็ได้ปล่อยพลังกดดันของเขาเองออกมาทันที
ตูม!
ทันใดนั้นพลังที่น่ากลัวกว่าเมื่อสักครู่ก็ได้แผ่ออกมาห้อมล้อมทั่วทั้งบ้านสกุลเซียวขึ้นมาทันที ลำพังแค่พลังกดดันอย่างเดียว ความแข็งแกร่งของเย่เย่ก็เหนือกว่าหม่าเจาที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
แล้วยิ่งหม่าเจาสูญเสียการช่วยเหลือจากสัตว์ขี่ของเขาเช่นนี้แล้ว อย่าว่าแต่เย่เย่จะออกไปจากบ้านสกุลเซียวเลย ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะรอดจากเงื้อมมือของเย่เย่ไปได้ แล้วในชั่วขณะนั้นเองหม่าเจา, เซียวหลิงและคนอื่นๆก็ได้มีความสิ้นหวังปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
เมื่อเห็นว่าเย่เย่นั้นไม่คิดที่จะลงมือทำอะไรแล้ว หม่าเจาก็พอจะเดาได้ว่าเป้าหมายของเย่เย่ในวันนี้ไม่ใช่สังหารพวกเขาทั้งหมด จึงได้ถามเย่เย่ออกไปอย่างหมดหนทาง
เซียวหลิงกับพรรคพวกก็ได้เผยสีหน้าที่สิ้นหวังออกมาบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขานั้นรู้ดีอย่างมากถึงผลที่จะตามมาเมื่อแผนการในวันนี้ล้มเหลว จึงไม่มีแววตาใดๆปรากฏอยู่ในดวงตาของพวกเขาเลย
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเย่เย่ก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าของเขา แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวกับหม่าเจาและคนอื่นๆด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “ไม่ต้องกังวลไป นั่งลงก่อนแล้วค่อยพูดค่อยจากัน! ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก!”
หลังจากที่เขาพูดจบ ก็ได้นั่งลงอีกครั้งแล้วมองไปที่ หม่าเจากับพรรคพวกด้วยสายตาที่เล่ห์เหลี่ยมในดวงตาของเขา เดิมทีงานเลี้ยงนี้จัดโดยพวกเซียวหลิง แต่ในเวลานี้เหมือนกับว่าเย่เย่กลายเป็นเจ้าบ้านแทนไปแล้ว และพวกเซียวหลิงที่เป็นคนเชิญเย่เย่มาที่บ้านสกุลเซียวนั้น ในเวลานี้พวกเขานั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรองอะไรกับเย่เย่เลยแม้แต่น้อย