ตอนที่ 256 ฝากลูก
สวี่ม่ายซุ่ยพลันสับสนอย่างสิ้นเชิง “ไปตงเป่ยทำไมคะ พวกเรามีญาติอยู่ที่นั่นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าสวี่ม่ายซุ่ยมัวแต่ยืนงง หลินเจี้ยนเยี่ยจึงเร่งว่า “มีธุระด่วนน่ะ ตอนนี้มันสายแล้ว คุณรีบไปเก็บสัมภาระก่อนเถอะ แล้วเราค่อยคุยกันระหว่างทาง”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังรีบจริงๆ สวี่ม่ายซุ่ยก็เดินเข้าบ้านเพื่อจัดสัมภาระและถามด้วยความเร่งรีบไม่ต่างกันว่า “เจี้ยนจวินไม่อยู่บ้าน เราสองคนก็ต้องเดินทางไกล แล้วจะทำยังไงกับหลินเซียวหลินฟานล่ะ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ผมบอกให้เหล่าจ้าวขอพี่สะใภ้มาดูแลแล้ว ถ้าไม่สะดวกจริงๆ ผมจะส่งพวกเขาไปให้แม่ของคุณ”
หลินเซียวกับหลินฟานที่ยืนชะเง้อมองสวี่ม่ายซุ่ยเก็บสัมภาระอยู่ข้างๆ ได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างแข็งขัน “พวกเราจะไปบ้านคุณยายครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปมองหลินเจี้ยนเยี่ยและถามว่า “จะมีเวลาไปส่งพวกเขาไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “ถ้าเสร็จเร็วก็ไปส่งทัน”
สวี่ม่ายซุ่ยรีบสั่ง “ถ้างั้นลูกสองคนก็รีบไปเก็บของซะ”
หลินเซียวหลินฟานได้ยินดังนั้นก็วิ่งเข้าห้องนอนของพวกเขาทันที
หลังจากที่หลินเจี้ยนเยี่ยเก็บสัมภาระของตนเสร็จแล้ว เขาก็หันมาถามสวี่ม่ายซุ่ยว่า “บ้านเรามีเงินเก็บเท่าไหร่?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “น่าจะสามถึงสี่พันได้นะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยนิ่งคิดสักครู่แล้วตอบว่า “เอาติดตัวไปด้วยสองพัน เผื่อจำเป็นต้องใช้”
นับตั้งแต่เธอกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเจี้ยนเยี่ยเอ่ยปากเรื่องเงินกับเธอ และสวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่ได้ถามมากความ เธอเดินไปที่ตู้แล้วหยิบถุงผ้าออกจากด้านล่างสุด แล้วหยิบเงินสองพันหยวนออกมา นอกจากนี้เธอยังหยิบคูปองอาหารทั่วประเทศอีกสองสามใบมาด้วย “คูปองอาหารเท่านี้พอไหม?”
คูปองอาหารทั่วประเทศของครอบครัวพวกเธอได้เตรียมไว้สำหรับหลินเจี้ยนจวิน เพราะเขาต้องเดินทางแทบจะทุกวัน
เนื่องจากหลินเจี้ยนจวินเป็นโสด เขาจึงถูกส่งไปทุกครั้งที่มีการเดินทางไกล แถมเขายังชอบชีวิตแบบนี้ด้วย การได้ออกไปเปิดหูเปิดตาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “เอามาเท่าที่คุณมีนั่นแหละ”
สวี่ม่ายซุ่ยคิดว่าต้องนำคูปองอาหารทั่วประเทศไปทั้งหมด จึงหยิบคูปองอาหารที่พกติดตัวออกมาด้วย แล้วใส่ลงในถุงใบเล็ก จากนั้นยื่นให้หลินเจี้ยนเยี่ยพลางเอ่ย “คุณพกไว้เถอะ”
หากพวกเธอต้องเดินทางไปตงเป่ยก็จะต้องนั่งรถไฟ ซึ่งมีคนจำนวนมากและเสียงดังวุ่นวาย พวกโจรล้วงกระเป๋าก็เยอะ สวี่ม่ายซุ่ยจึงไม่กล้าเก็บไว้เอง แต่ถ้าให้หลินเจี้ยนเยี่ยคนหน้าดำเก็บไว้จะวางใจได้มากกว่า
หลินเจี้ยนเยี่ยก็ไม่คัดค้าน เขารับมันมาแล้วใส่ลงในกระเป๋าเสื้อด้านในของตน
หลังจากเก็บคูปองอาหาร เอกสารกับเสื้อผ้าเสร็จแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็ฉุกคิดอยู่พักหนึ่งแล้วไปล้างมือที่ห้องครัว โชคดีที่ตอนนี้ใกล้จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ซึ่งช่วงเวลาว่างเธอก็ทำของว่างไว้มากมาย และตอนนี้ก็พกติดตัวไปด้วยได้
เธอแบ่งอาหารปรุงสุกทั้งหมดที่บ้านออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งถูกนำไปที่บ้านพ่อแม่ของเธอ และอีกส่วนหนึ่งถูกนำไปกินบนรถไฟ
ทันทีที่เธอเก็บสัมภาระเสร็จ หลินเซียวหลินฟานก็หอบหิ้วเสื้อผ้าของตัวเองออกมาด้วย สวี่ม่ายซุ่ยจึงก้าวไปตรวจสอบ แต่สุดท้ายก็ต้องโมโหแทบบ้า “ในฤดูหนาวแบบนี้ลูกจะเอาเสื้อแขนสั้นไปทำไม?”
หลินเซียวตอบด้วยความมั่นใจ “สวี่จวิ้นไม่เคยเห็นลูกฟุตบอล ผมจะเอาไปให้เขาดูครับ”
เสื้อแขนสั้นของหลินเซียวมีลายปักรูปลูกฟุตบอลฝีมือสวี่ม่ายซุ่ยอยู่ และปักให้แค่เสื้อของเขาเท่านั้น ในฤดูร้อนเขาจะแต่งตัวออกไปอวดทุกวัน และเขาก็ไม่ลืมที่จะอวดคนอื่นต่อให้เป็นฤดูหนาวด้วย
สวี่ม่ายซุ่ยถามว่า “แล้วเก็บครบหรือยัง?”
หลินเซียวตอบว่า “ครบแล้วครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดต่อ “เอาล่ะๆ รีบไปกันเถอะ”
ขณะที่พูดก็กระตุ้นให้พวกลูกๆ ออกไปข้างนอก ส่วนเธออยู่รั้งท้ายแล้วปิดประตูบ้าน
กระเป๋าสัมภาระของทุกคนถูกหลินเจี้ยนเยี่ยขนออกไปก่อนแล้ว เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยล็อกประตูและเดินมาสมทบ เธอก็เห็นชายทั้งสามคนนั่งรออยู่ในรถแล้ว
นับตั้งแต่ได้รถคันนี้กลับมาจากเมืองหลวง สวี่ม่ายซุ่ยก็แทบไม่เคยเห็นหลินเจี้ยนเยี่ยขับรถมาที่บ้านอีกเลย ตอนนี้จึงดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ
สวี่ม่ายซุ่ยเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารแล้วเข้าไปนั่งด้านใน และคิดว่าหลินเจี้ยนเยี่ยจะไปจอดรถทิ้งไว้ตรงท่าเรือ แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะขับรถขึ้นเรือไปด้วย สวี่ม่ายซุ่ยจึงมองเขาและถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “คุณจะขับรถไปตงเป่ยเลยเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “ไม่ใช่ เราจะนั่งรถไฟไป”
สวี่ม่ายซุ่ยจึงรู้สึกโล่งใจได้ เพราะถ้าขับรถไปที่นั่นจริงๆ แล้วจะต้องขับรถนานแค่ไหนกัน
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยมาถึงในเมือง เธอจึงได้รู้ว่าทำไมหลินเจี้ยนเยี่ยจึงขับรถมาที่นี่ เพราะว่ามันประหยัดเวลากว่าการขึ้นรถโดยสารและเดินเท้า เพียงเหยียบคันเร่งก็มาถึงในชั่วอึดใจแล้ว เมื่อมาถึงก็พบว่าหลิวเผิงอยู่ที่นั่นพอดี
เมื่อเขาเห็นพวกเธอ เขาก็หาที่ซ่อนโดยอัตโนมัติ เพราะในช่วงเวลานี้หลิวเผิงมักจะมาพบสวี่ม่ายลี่บ่อยๆ แต่สวี่ม่ายลี่ไม่เคยสนใจเขาเลย ทว่าหลิวเผิงก็ไม่ยอมแพ้
สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่สนใจเขาเช่นกันว่าเขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร เธอเปิดประตูลงจากรถ แล้วหยิบสัมภาระของลูกทั้งสองเดินเข้าไปในลานบ้านพลางตะโกนไปด้วยว่า “แม่คะ แม่”
แต่กลายเป็นว่าแม่สวี่ไม่ตอบรับ เพราะพ่อสวี่ออกมาแทน “พ่อ แล้วแม่อยู่ไหนเหรอคะ?” เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยเห็นพ่อสวี่แวบแรก เธอก็อดถามไม่ได้
พ่อสวี่ตอบว่า “แม่แกออกไปแลกเต้าหู้น่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินเช่นนี้จึงยื่นสัมภาระและของกินให้พ่อสวี่แล้วอธิบายว่า “ถ้างั้นฉันจะฝากพ่อไว้แล้วกันค่ะ เจี้ยนเยี่ยกับฉันกำลังจะเดินทางไกล เราน่าจะใช้เวลาประมาณเจ็ดแปดวันกว่าจะกลับค่ะ”
“ช่วงนี้ขอฝากหลินฟานหลินเซียวไว้กับพวกพ่อหน่อยนะคะ” พูดจบแล้วก็ตะโกนบอกเด็กทั้งสองว่า “ลูกสองคนอยู่ที่นี่แล้วต้องเชื่อฟังคุณตานะ”
หลินเซียวกับหลินฟานยืนพิงพ่อสวี่ และพวกเขาก็พยักหน้าเชื่อฟัง
สวี่ม่ายซุ่ยยังกำชับพวกเขาสั้นๆ อีกสองสามประโยคแล้วเดินออกไป พ่อสวี่ก็เดินตามมาด้วยท่าทางเป็นห่วง ซึ่งในเวลานี้หลินเจี้ยนเยี่ยก็จอดรถและเดินลงมาทักทายพ่อสวี่เหมือนกัน จากนั้นเขาก็เดินออกไปพร้อมสวี่ม่ายซุ่ย
พ่อสวี่มองตามแผ่นหลังของทั้งสองคนแล้วถามด้วยความกังวล “ทั้งสองคนกินข้าวแล้วค่อยไปดีไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ไม่ทันแล้วค่ะ พ่อกลับเข้าบ้านเถอะ”
พ่อสวี่ได้ยินดังนั้นก็ไม่รีบกลับเข้าบ้าน แต่ยืนอยู่ที่ประตูสักพัก รอจนกระทั่งรถออกไปแล้ว เขาจึงหันกลับไปหยุดสายตาทางหลิวเผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วถอนหายใจ พลางเอ่ยว่า “เลิกยืนอยู่ตรงนั้นแล้วรีบกลับไปซะ”
หลิวเผิงมองพ่อสวี่แล้วอ้อนวอน “พ่อ ให้ผมพบม่ายลี่สักครั้งเถอะครับ”
พ่อสวี่มองท่าทางของเขาแล้วตอบอย่างโกรธเคือง “ยังจะต้องพบอีกทำไมล่ะ แม่ของแกแนะนำให้รู้จักผู้หญิงอีกคนแล้วนี่”
หลิวเผิงพูดว่า “นั่นคือความคิดของแม่ผม แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลย”
พ่อสวี่เย้ยหยัน “แกจะคัดค้านแม่ได้เหรอ?”
หลิวเผิงได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปทันที พ่อสวี่เห็นท่าทางของเขาแล้วก็โบกมือด้วยความรังเกียจ “เอาล่ะ ต่อจากนี้อย่ามาที่นี่อีก ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานใหม่ ให้รีบมาทำเรื่องหย่ากับม่ายลี่ซะ”
หลิวเผิงได้ยินแล้วอดที่จะกำหมัดแน่นไม่ได้ “พ่อ ผมจะไม่หย่ากับม่ายลี่เด็ดขาด ผมจะต้องเกลี้ยกล่อมแม่ได้แน่ๆ” พูดจบแล้วเขาก็เดินกะโผลกกะเผลกกลับไป
พ่อสวี่มองตามแผ่นหลังของหลิวเผิงและถอนหายใจเบาๆ ตอนนี้เพิ่งรู้วิธีที่จะไม่ฟังนางแก่สารเลวนั่นเนี่ยนะ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่
หลังจากส่งหลินเซียวหลินฟานเสร็จแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็ไม่กังวลอีก เขารีบพาสวี่ม่ายซุ่ยไปที่สถานีรถไฟด้วยความเร่งรีบ
ทันทีที่รถจอด ก็มีนายทหารหนุ่มวิ่งเข้ามาโดยมีตั๋วโดยสารรถไฟสองใบอยู่ในมือด้วย
“หัวหน้าหลิน”
หลินเจี้ยนเยี่ยพยักหน้าให้อีกฝ่ายขณะหยิบกระเป๋าสัมภาระลงจากรถ
นายทหารหนุ่มเห็นเช่นนี้จึงรีบเข้ามาช่วย แต่พวกเขานำกระเป๋ามาเพียงสองใบเท่านั้น หลินเจี้ยนเยี่ยจึงจัดการทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง
“ฉันจะฝากกุญแจไว้กับนาย เมื่อเรากลับมาแล้วจะโทรหา แล้วนายค่อยนำรถมาส่ง”
นายทหารหนุ่มทำวันทยาหัตถ์ “รับทราบครับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยังจะมาอ้อนวอนอะไรเมียให้กลับไปอีกล่ะ สภาพ ตอนเมียอยู่ก็กดขี่ข่มเหงเขาสารพัด พอเมียไม่อยู่แล้วบ้านตัวเองลำบากค่อยมาขอร้องให้เขากลับ ผู้หญิงทุกคนก็มีพ่อมีแม่นะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION