ตอนที่ 253 ความครึกครื้นที่บ้านแม่
“ฉันคิดว่าครอบครัวของพวกเขาไม่อยากเสียเงินและไม่อยากเหนื่อยมากกว่า ไม่อย่างนั้นทำไมทุกอย่างถึงประจวบเหมาะไปหมด พอม่ายลี่ออกเดือนแล้วก็รีบมารับทันที คงอยากจะได้หลานชายไปเปล่าๆ น่ะสิ”
“แม่สามีคนนี้ดูเป็นคนไม่มีปากมีเสียงก็จริง แต่จริงๆ แล้วเจ้าเล่ห์มากนะ ตอนที่ทั้งสองแต่งงานกัน หล่อนไม่ให้สินสอดสักเหมา หลังจากแต่งงานกันแล้วก็ใช้ม่ายลี่ทำงานทั้งหมดในบ้านโดยที่หล่อนไม่ยื่นมือไปช่วยเลย”
เนื่องจากเพื่อนบ้านของตระกูลสวี่มีความสัมพันธ์อันดีกับแม่สวี่ จึงรู้ข้อมูลมากมาย ทำให้คนส่วนใหญ่ได้ยินคำบอกเล่านี้แล้วก็เชื่อทันที และสายตาของทุกคนก็มองไปที่แม่เฒ่าหลิวด้วยความเคลือบแคลงใจ
“แม่เฒ่าหลิว ทางบ้านแม่ของสะใภ้พูดถูกแล้วนะ คุณจะให้คนอื่นจ่ายค่าคลอดลูกคงไม่เหมาะสม คุณควรคืนเงินให้พวกเขาก่อนนะ”
เดิมทีแม่เฒ่าหลิวคิดว่าตราบใดที่ตนคุกเข่าลง สวี่ม่ายลี่จะต้องกลับไปด้วยแน่นอน แต่ใครจะคิดว่าสวี่ม่ายซุ่ยกลับพลิกสถานการณ์ได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ
เมื่อถูกคนจำนวนมากจ้องมอง แม่เฒ่าหลิวที่ต่อให้หน้าด้านสักแค่ไหนก็ไม่สามารถรักษาสีหน้าไว้ได้อีกต่อไป นางทำตาเหลือก ยกมือกุมหน้าอกแล้วถอยกลับไป แม่สวี่เห็นดังนั้นก็รีบตะโกนว่า “ม่ายเฉิง ไปช่วยบ้านพี่เขยของแกเถอะ อย่ามาปล่อยให้เป็นลมเป็นแล้งที่บ้านเรา บ้านเรารับผิดชอบไม่ไหวหรอก”
สวี่ม่ายเฉิงรีบทิ้งจอบในมือลง พุ่งมาข้างหน้าพลางเอ่ย “พี่เขย ฉันจะช่วยพี่เองนะ” พูดจบแล้วเขาก็ช่วยประคองแม่เฒ่ามาไว้ในรถเข็น
พ่อสวี่มองไปที่สองแม่ลูกซึ่งไม่มีพ่อและสามีแล้ว จึงพูดกับสวี่ม่ายเฉิงว่า “ม่ายเฉิง ช่วยพี่เขยของแกส่งแม่เฒ่ากลับไปเถอะ”
ทันทีที่เขาพูดจบ แม่สวี่ก็กลอกตาใช้ความคิดแล้วพูดว่า “ส่งกลับบ้านแล้ว ก็อย่าลืมรับเงินคืนพี่สามของแกมาด้วยล่ะ”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแบบนี้ก็รีบพูดว่า “สามร้อยห้าสิบหยวน พี่เขยรองของนายต้องจ่ายคืนมาเท่านี้”
สวี่ม่ายเฉิงรับคำด้วยความหนักแน่น “วางใจได้ ผมจะไม่ลืมเด็ดขาด”
เขาหันกลับไปพูดกับหลิวเผิงด้วยความกระตือรือร้น “ไปกันเถอะพี่เขย”
ตอนนี้หลิวเผิงรู้สึกเหมือนตัวเองกินอุจจาระเข้าไป เขาเดินตามสวี่ม่ายเฉิงออกไปด้วยใบหน้าน่าเกลียดสุดขีด
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปที่สองพี่น้องซึ่งยังยืนอยู่ข้างๆ เหมือนเสาเข็ม และถามเสียงเย็นชา “สองคนนี้ไม่ไปด้วยเหรอ?”
หลิวซินกับหลิวหย่งไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน ทั้งสองตอบรับด้วยเสียงประชดแล้วรีบไล่ตามออกไป
เมื่อพวกหลิวไซว่เห็นว่าหลิวซินกับหลิวหย่งจากไปแล้ว พวกเขาก็อยากจะตามไปด้วย แต่น้าหญิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ทั้งสามคนอยากจะกลับไปด้วยไหม?”
หลิวไซว่ตอบด้วยใบหน้าขมขื่น “กลับบ้านเหรอครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ทั้งสามคนไม่จำเป็นต้องกลับไปนะ อยู่กินข้าวที่นี่ได้”
“หลินเซียวพาพี่ชายน้องชายไปเล่นด้วยกันสิ”
หลินเซียวได้ยินแล้วจึงหยุดขวางประตูและวิ่งเข้ามาหาทันที “ไป ไปเล่นกันเถอะ”
หลังจากที่พวกเด็กๆ จากไปแล้ว หลิวเจาตี้ก็วิ่งไปหยิบไก่ที่แม่เฒ่าหลิวนำมาแล้วถามว่า “แม่ เย็นนี้พวกเรามากินไก่กันดีไหม?”
แม่สวี่ตอบว่า “กินสิ ฆ่าเป็ดตัวนั้นด้วยเลยนะ”
หลิวเจาตี้ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น “ได้เลยค่ะ ฉันจะเชือดพวกมันให้หมด”
ขณะที่หลิวเจาตี้ยุ่งอยู่กับการเชือดไก่และเป็ด ด้านสวี่ม่ายเฉิงก็ไม่ได้ละเลยหน้าที่ เพราะหลังจากส่งคนถึงบ้านแล้ว เขาก็เริ่มจ้องมองเขม็งเป็นเจ้าหนี้
หลิวเผิงผู้ยึดมั่นในปิตาธิปไตยกลัวการเสียหน้าเป็นที่สุด เมื่อโดนสวี่ม่ายเฉิงจับจ้องเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกไม่สบายกายสบายใจ สะกิดแม่เฒ่าหลิวพลางเอ่ย “แม่รีบให้เงินเขาไปเถอะ”
แม่เฒ่าหลิวรู้สึกไม่เต็มใจนับหมื่นประการ แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมของหลิวเผิงแล้ว นางจึงหยิบเงินออกมามอบให้อย่างอึดอัดใจ
สวี่ม่ายเฉิงได้รับเงินแล้วก็หันหลังจะเดินจากไป แต่แม่เฒ่าหลิวเห็นแล้วรีบรั้งไว้ “ฉันให้เงินเธอไปแล้ว ม่ายลี่จะกลับมาเมื่อไหร่?”
สวี่ม่ายเฉิงตอบว่า “เงินนี้เป็นของพี่สาม ไม่เกี่ยวกับพี่รองซะหน่อย ดังนั้นหล่อนอยากจะกลับมาตอนไหนหล่อนก็กลับมาเองแหละ”
แม่เฒ่าหลิวได้ยินคำตอบแล้วก็ตัวแข็งทื่อ ส่วนสวี่ม่ายเฉิงยิ้มอย่างดูแคลนแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
รอให้สวี่ม่ายเฉิงเดินไปไกลได้สักระยะแล้ว จึงได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสมเพชของแม่เฒ่าหลิว
“ให้ตายเถอะสวรรค์ นั่นมันเงินของฉันนะ”
หลิวเผิงนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้ามืดมนพลางเฝ้าดูแม่โวยวายไม่หยุด
เมื่อสวี่ม่ายเฉิงกลับถึงบ้านก็มอบเงินให้สวี่ม่ายซุ่ย ซึ่งสวี่ม่ายซุ่ยไม่รับไว้แต่พูดต่อหน้าสวี่ม่ายลี่ว่า “เอาให้พี่รองของนายเถอะ”
สวี่ม่ายลี่ก็ปฏิเสธทันที “เธอจะให้เงินฉันทำไมเนี่ย”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “เงินของบ้านพี่ ไม่ให้พี่แล้วจะให้ใครล่ะ ถ้าพี่หย่ากับหลิวเผิง นี่จะกลายเป็นเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินของพี่”
เธอยังพูดเสริมอีกว่า “พี่อย่าพยายามจะปฏิเสธฉันด้วย”
สวี่ม่ายลี่จึงรับเงินจากสวี่ม่ายเฉิงโดยไม่ขัดข้องอีก และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอรวยมากขนาดนี้ ฉันจะปฏิเสธเธอได้ไงล่ะ”
เมื่อถึงเวลากินข้าว เนื่องจากตอนนี้ที่บ้านมีสมาชิกเพิ่มขึ้น จึงจัดไว้สองโต๊ะ โดยโต๊ะหนึ่งสำหรับเด็ก และอีกโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่
สวี่ม่ายเฉิงมองไปที่สวี่ม่ายซุ่ยกับสวี่ม่ายลี่ จากนั้นก็ยกจอกเหล้าขึ้นมาด้วยท่าทางเหมือนคนเมาและพูดด้วยความสุขว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็คงจะดีสินะ”
แม้ว่าเขาจะพูดงึมงำไม่ชัดเจน แต่ทุกคนก็เข้าใจได้ และทันทีที่เขาพูดจบ ตะเกียบของแม่สวี่ก็ตามมาสั่งสอนเขา “พูดเหลวไหลไปใหญ่แล้วนะ แกอยากให้พี่เขยสามคิดยังไงล่ะ”
สวี่ม่ายเฉิงพูดว่า “พี่เขยสามของผมไม่คิดมากหรอกครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ใช่ พี่เขยของนายเป็นคนใจกว้างมากๆ เขาจะไม่เก็บเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มาใส่ใจ”
ทั้งครอบครัวกินข้าวเสร็จอย่างมีความสุข และเมื่อกำลังล้างจานกันนั้น แม่สวี่ก็พูดกับสวี่ม่ายซุ่ยว่า “วันนี้สายเกินไปแล้ว พวกแกอย่าเพิ่งกลับเลยนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ได้ค่ะ เพราะฉันก็ไม่ตั้งใจจะกลับไปตอนนี้อยู่แล้ว”
พ่อสวี่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วมีความสุขสุดๆ “ไม่กลับแน่นะ?”
“แกไม่ได้อยู่บ้านเรานานแล้ว ฉันจะไปดูว่ามีหนูมาติดในห้องแกบ้างไหม”
สวี่ม่ายซุ่ยมองตามแผ่นหลังของพ่อสวี่และหันมาพูดกับแม่สวี่ว่า “อย่าบอกว่าห้องของฉันมีกับดักหนูวางไว้ตลอดนะคะ”
แม่สวี่แค่นเสียงพูดด้วยความเย็นชา “พ่อแกน่ะเป็นคนจิตใจดีและเหมือนจะไม่คิดอะไรมากนะ ฉันเพิ่งบอกเรื่องนี้ไปเมื่อตอนบ่ายเอง แต่เขาลงมือไวมาก”
สวี่ม่ายซุ่ยระเบิดหัวเราะออกมาทันที “ฉันก็สงสัยว่าทำไมอยู่ๆ พ่อถึงอยากจับหนู ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง”
แม่สวี่พูดว่า “ปล่อยเขาไปเถอะ”
หลังจากที่สวี่ม่ายซุ่ยช่วยแม่สวี่เก็บจานเสร็จแล้ว เธอก็ไปที่ห้องของสวี่ม่ายลี่ และตอนที่เธอมาถึง สองแม่ลูกสวี่ม่ายลี่กำลังเล่นหยอกล้อกันอยู่ เมื่อเห็นสวี่ม่ายซุ่ยเข้ามาแล้ว สวี่ม่ายลี่จึงผละออกจากลูกน้อยแล้วพูดว่า
“เธอมาเกลี้ยกล่อมฉันอีกแล้วใช่ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ยเดินไปนั่งข้างเตียงพลางหยอกล้อกับหลานและตอบอย่างไม่ใส่ใจ “พี่คิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้ขยันโน้มน้าวพี่ขนาดนั้นหรอก”
สวี่ม่ายลี่ยิ้มเอ่ย “เธอไม่ต้องห่วง เพราะยังไงฉันก็จะไม่กลับไปหาเขาอีก”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “อืม พี่ก็อยู่ที่นี่กับแม่เถอะ แต่ถ้ารู้สึกไม่สบายใจเพราะพี่สะใภ้ใหญ่ พี่ก็ไปอยู่ที่บ้านเก่าเหมือนเดิม แต่ต้องให้พี่ใหญ่ซ่อมแซมก่อน”
สวี่ม่ายลี่พูดว่า “รอเธอกลับบ้านแล้ว ฉันจะไปอยู่บ้านหลังเก่า เพราะฉันจะรบกวนแม่ตลอดเวลาไม่ได้หรอก ยังไงพี่ใหญ่ก็แต่งงานแล้วด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ยถามต่อ “ก็ดีนะ แล้วพี่วางแผนจะรับพวกเด็กๆ มาอยู่ด้วยกี่คน?”
สวี่ม่ายลี่ตอบว่า “ก็ตามใจพวกเขาเลย ถ้าเจ้าใหญ่กับเจ้ารองอยากมาก็มาได้ เพราะยังไงแล้วฉันก็คลอดพวกเขามาเอง จึงทำใจปล่อยไปไม่ได้หรอก”
“ก็จริง แต่นิสัยของเจ้าใหญ่กับเจ้ารองค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ถ้าควบคุมไม่ไหวจริงๆ ก็ปล่อยพวกเขาไปตามทางนั่นแหละ”
“อืม ฉันเข้าใจ”
“ถ้าหลิวเผิงมารบกวนพี่อีก ให้รีบบอกฉันได้เลยนะ ถ้าเขาไม่ยอมหย่ากับพี่ ยังไงก็บอกฉันได้ เพราะฉันจะได้หาทางช่วยพี่ไงล่ะ”
สวี่ม่ายลี่จ้องมองสวี่ม่ายซุ่ยอีกเป็นเวลานาน สุดท้ายก็ยิ้มเอ่ย “ดูเธอสิ ถ้าคนที่ไม่รู้จัก คงคิดว่าเธอเป็นพี่สาวของฉันมากกว่านะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ก็เพราะพี่น่ะโง่เกินไป ทำให้ฉันต้องกังวลมากไม่ใช่เหรอ เอาล่ะ ฉันจะออกไปแล้วนะ”
สวี่ม่ายลี่ “ไปเถอะ””
หลังจากที่สวี่ม่ายซุ่ยออกจากห้องของสวี่ม่ายลี่แล้ว เธอก็กลับไปที่ห้องเดิมของตัวเอง แต่เมื่อเธอเดินเข้าไป ก็เห็นเด็กๆ หกเจ็ดคนอัดแน่นอยู่บนเตียงและกำลังฝึกทำท่าหกสูงกันอยู่
สวี่ม่ายซุ่ยได้แต่พูดไม่ออก “…”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กระอักเลยไหมล่ะ จ่ายเงินไปสามร้อยห้าสิบหยวน ได้กินแกลบกันทั้งบ้านแล้วล่ะมั้ง
หลินเซียวสอนอะไรพวกน้องๆ น่ะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION