ตอนที่ 223 ถอดกางเกงออกแล้วนอนลงตรงนั้น
หลินเจี้ยนเยี่ยสังเกตเห็นดวงตาที่ไม่เป็นมิตรของสวี่ม่ายซุ่ยแล้วตอบสนองทันที เขายืนขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของเธอและถามอย่างเอาใจ “คุณยังจัดของพวกนี้ไม่เสร็จเลย ให้ผมช่วยคุณจัดนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยกลอกตาใส่เขา ตอนนี้เธอเข้ามานั่งแทนที่หลินเจี้ยนเยี่ยและถามด้วยน้ำเสียงเนือย “แม่ของฉันไม่อยากหนุนหลังพี่หญิงรองอีกแล้วเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยจัดของพลางตอบ “เหมือนจะเป็นอย่างนั้น”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วถึงขั้นยกมือนวดหว่างคิ้วด้วยความหนักใจ มีบางครั้งที่เธออารมณ์ไม่ดีจนพาลโกรธพี่สาวคนรอง แต่สุดท้ายทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกันและจำเป็นต้องรักใคร่กลมเกลียวเข้าไว้
ขณะที่สวี่ม่ายซุ่ยกำลังกังวลอยู่นั้นก็มีเสียงดังจากข้างนอก หลินเจี้ยนเยี่ยตกใจมากจนทิ้งข้าวของในมือและวิ่งออกไปดูทันที สวี่ม่ายซุ่ยเห็นใบหน้ามืดครึ้มจนแทบจะกลั่นเม็ดฝนได้ของหลินเจี้ยนเยี่ย จึงรีบไล่ตามเขาออกไป
เธอจึงได้เห็นรถทหารที่หลินเจี้ยนเยี่ยขับกลับมาชนเข้ากับต้นไม้ใกล้ ๆ กระโปรงหน้ารถทหารยังมีควันลอยออกมาอยู่ หลินเจี้ยนเยี่ยรีบวิ่งเข้าไปแล้วกระชากประตูรถ จากนั้นดึงหลินฟานออกจากเบาะผู้โดยสาร แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าอีกเพื่อดึงหลินเซียวออกมาด้วย
จากนั้นสวี่ม่ายซุ่ยก็วิ่งเข้าไปหา ทว่า ก่อนที่จะได้สำรวจบาดแผลของเด็กทั้งสองโดยละเอียด หลินเจี้ยนเยี่ยก็ยกเท้าเตะแรง ๆ ที่ก้นหลินเซียว ทำให้หลินเซียวเซไปข้างหน้า
สวี่ม่ายซุ่ยตกใจจนรีบเข้ามาประคองลูกชายและตะโกนบอกหลินเจี้ยนเยี่ยว่า “คุณอย่าเพิ่งทำร้ายเขา มาดูกันก่อนว่าเขาบาดเจ็บแค่ไหนบ้าง”
หลินเจี้ยนเยี่ยยกมือเท้าสะเอวด้วยความโมโหและเดินไปอีกทาง ด้านสวี่ม่ายซุ่ยช่วยพยุงหลินเซียวให้ยืนดี ๆ แล้วก็เริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บตามร่างกายของเขา พบว่าศีรษะของเขาโขกกับพวงมาลัยรถ แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
หลังจากตรวจดูหลินเซียว สวี่ม่ายซุ่ยก็ไปดูหลินฟานอีกคน เนื่องจากหลินเซียวไม่ได้หมุนพวงมาลัย ทำให้พุ่งชนต้นไม้ตรง ๆ หลินฟานจึงตกใจกลัว แต่ไม่บาดเจ็บใด ๆ
หลังจากดูอาการบาดเจ็บของเด็กทั้งสองแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็อดไม่ได้ เธอคว้าเด็กแต่ละคนมาฟาดบั้นท้ายและก่นด่าด้วยความโมโห “ลูกสองคนนี่ จริง ๆ เลยนะ! ถ้าให้เครื่องบินแก่พวกลูก ทั้งคู่จะไม่ขับขึ้นฟ้าเลยเหรอ”
คราวนี้หลินเซียวเชื่อฟังและยืนอยู่ที่เดิมพร้อมสีหน้าเหงาหงอยไม่กล้าพูดสักคำ ตอนที่หลินเจี้ยนเยี่ยพาพวกเขาออกจากรถ ก็สังเกตเห็นแล้วว่าสองพี่น้องไม่ได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่สวี่ม่ายซุ่ยตรวจสอบละเอียดแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นชี้ไปที่เด็กทั้งสองคนแล้วขู่ว่า “รอพ่อมาจัดการพวกลูกทีหลัง”
หลังจากนั้นเขาก็ไปดูรถที่พ่นควันออกมา
เขาเปิดฝากระโปรงรถเพื่อตรวจสอบ พบว่าควันเกิดจากการเสียดสีระหว่างผ้าเบรกกับคาลิปเปอร์เบรก เขาจึงโล่งใจ จากนั้นก็สตาร์ตรถและถอยหลังออกไป
ในตอนนี้เฉินเยวี่ยก็ได้ยินเสียงและออกมาดู เมื่อเห็นพวกเขามีสีหน้ากังวล เขาจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “พวกเด็ก ๆ เล่นซนน่ะ”
เนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านกันมานาน เฉินเยวี่ยก็รู้ดีว่าหลินเซียวซนแค่ไหน เมื่อมองไปที่หลินเซียวซึ่งมีท่าทางหมองหม่น เขาจึงถามว่า “แล้วเด็กปลอดภัยไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ปลอดภัยดี”
เฉินเยวี่ยพูดว่า “แค่ตำหนิสักสองสามคำก็พอ อย่าไปจริงจังมากเลย”
หลินเจี้ยนเยี่ยจึงตอบว่า “อืม”
หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีปัญหาแล้ว เฉินเยวี่ยก็กลับบ้าน แต่ทันทีที่เขาเข้าบ้านแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็ตวาดใส่เด็กทั้งสองด้วยความโกรธ “ทำไมยังยืนอยู่ตรงนั้นอีก รีบมาตรงนี้สิ”
นี่เป็นครั้งแรกที่สวี่ม่ายซุ่ยเห็นหลินเจี้ยนเยี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เธอก็รู้สึกว่าสมควรแล้วที่เขาจะโกรธ เพราะลูกทั้งสองถูกเธอตามใจจนกล้าแตะต้องของทุกสิ่ง และยังกล้าลงมือเองโดยไม่มีการศึกษา เธอจึงผลักเด็กทั้งสองคนไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ทำไมพวกลูกไม่รีบไปล่ะ”
หลินเซียวได้ยินเช่นนี้ก็ร้องไห้ทันทีและตะโกนเรียกหาสวี่ม่ายซุ่ย “แม่ครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูด “คราวนี้ลูกสองคนทำผิดไปมากจริง ๆ แม่ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
เมื่อหลินเซียวเห็นว่าแม่ไม่ช่วยเหลือจริง ๆ เขาก็เดินไปหาหลินเจี้ยนเยี่ยด้วยความลังเลโดยมีหลินฟานเดินตามไปด้านหลัง
ทันทีที่พวกเขาเดินไปหาหลินเจี้ยนเยี่ยแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็พูดด้วยสีหน้ามืดมน “เข้าไป”
เด็กทั้งสองเดินคอตกเข้าบ้านช้า ๆ และทันทีที่เดินผ่านประตู พวกเขาก็เห็นพ่อเดินไปที่ห้องครัว ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมไม้เรียวเล็ก ๆ และถามหลินเซียวว่า “พวกลูกคนไหนเป็นคนต้นคิด?”
หลินเซียวเกือบร้องไห้เมื่อมองไม้เรียวในมือของพ่อ แต่เขาก็ยังตอบอย่างตรงไปตรงมา “ผมครับ”
หลินเจี้ยนเยี่ยถามต่อ “ลูกได้กุญแจรถมาจากไหน?”
หลินเซียวก้มหน้าลงพลางเอ่ย “ผมหยิบมันจากกระเป๋าของพ่อ ตอนที่พ่อกำลังคุยกับแม่ครับ”
เนื่องจากสวมเสื้อผ้าตัวหนา หลินเจี้ยนเยี่ยจึงถอดเสื้อคลุมออกเมื่อเข้าบ้าน โดยสวมเพียงเสื้อกั๊กผ้าฝ้าย
เมื่อเห็นว่าหลินเซียวพูดจบแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็หันไปถามหลินฟานต่อ “ลูกทำอะไรลงไปบ้าง?”
หลินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ผมคอยสนับสนุนพี่ชายครับ”
หลินเจี้ยนเยี่ยพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะ ลูกมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสองคน ถ้าโดนตีห้าครั้ง พวกลูกจะจดจำหรือเปล่า?”
หลินเซียวมองไปที่ไม้เรียวในมือพ่อ จากนั้นกัดฟันและพยักหน้า “ครับ”
หลินฟานก็เหลือบมองไม้เรียวในมือพ่อ แม้เขาจะรู้สึกกลัว แต่เขาก็พยักหน้ารับอย่างจริงใจ
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นว่าลูกชายทั้งสองมีจิตใจเข้มแข็งมาก ตอนนี้ความโกรธของเขาก็บรรเทาลงบ้างแล้ว แต่เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาทำผิดพลาดแบบนี้อีกในอนาคต หลินเจี้ยนเยี่ยจึงตัดสินใจสอนบทเรียนให้พวกเขา
“ถอดกางเกงออกแล้วนอนลงตรงนั้น”
หลินเซียวได้ยินก็ยกมือปิดก้นและขมวดคิ้วพูดทันที “ต้องถอดกางเกงด้วยเหรอครับ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบด้วยสีหน้ามืดมน “ลูกคิดว่าไงล่ะ”
เมื่อเห็นสายตาไร้ความอาทรของพ่อ หลินเซียวก็ไม่กล้าต่อรองอีก ถอดกางเกงออกแล้วนอนคว่ำลงที่ม้านั่ง
เห็นหลินเซียวนอนลงแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็ฟาดไม้เรียวลงไปอย่างไร้ความปรานี เพียงครั้งแรกก็ทำให้ดวงตาของหลินเซียวเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว
เมื่อถูกตีครั้งที่สอง หลินเซียวก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
เมื่อไม้ที่สามฟาดลงมา หลินเซียวก็อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกน “พ่อ พ่อ หยุดตีเถอะ ผมสำนึกผิดแล้วครับ”
เมื่อมองไปที่หลินเซียวซึ่งกำลังร้องโอดครวญ หลินเจี้ยนเยี่ยก็ดุเขาเสียงเฉียบ “ร้องไห้ทำไม เกิดเป็นลูกผู้ชายแท้ ๆ แม้เลือดไหลก็ห้ามหลั่งน้ำตา อดทนให้พ่อตีเดี๋ยวนี้”
หลินเซียวได้ยินคำพูดของพ่อแล้วก็ไม่กล้าร้องไห้อีก ทำเพียงกำหมัดกัดฟันทนเพื่อให้ผ่านพ้นไปได้
สวี่ม่ายซุ่ยมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยความรู้สึกใจสลาย หลังจากที่หลินเจี้ยนเยี่ยลงโทษเสร็จแล้ว เธอก็ไปช่วยลูกทันที
หลินฟานที่อยู่ด้านข้างก็หวาดกลัว ตอนที่เห็นพี่ชายโดนตีเสร็จแล้ว เขาก็หันหลังและเตรียมวิ่งหนี
ทว่าก่อนที่ขาสั้น ๆ ของเขาจะได้ก้าวออกไปมากกว่านี้ หลินเจี้ยนเยี่ยก็ดึงคอเสื้อด้านหลังของเขากลับมา
“ลูกจะถอดเองหรือให้พ่อถอด”
หลินฟานเงยหน้าขึ้นมองหลินเจี้ยนเยี่ยและถามด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน “พ่อครับ ไม่ตีไม่ได้เหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ลูกจะสำนึกผิดไหม?”
หลินฟานตอบว่า “สำนึกอีกนานเลยครับ”
ขณะที่เขาคิดว่าการขอความเมตตายังพอมีความหวัง ทันใดนั้นก็ได้ยินพ่อถามอย่างใจร้าย “พี่ชายของลูกถูกตีไปแล้ว ถ้าลูกไม่ถูกตีบ้าง พี่ชายลูกจะไม่ว่าพ่อลำเอียงเหรอ เร็วเข้า ถอดกางเกงออกได้แล้ว”
เมื่อหลินฟานเห็นว่าพ่อใจแข็งมากเพียงใด เขาจึงทำได้เพียงถอดกางเกงออกด้วยความผิดหวัง
เทียบกับหลินเซียวแล้ว หลินฟานโดนตีเบากว่ามาก แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็ยังส่งเสียงร้องไห้สะเทือนโลกาออกมา
หลังจากที่สองพี่น้องถูกลงโทษแล้ว หลินฟานกลับเป็นคนที่ร้องไห้แทบขาดใจตายจนหลินเจี้ยนเยี่ยต้องขมวดคิ้วมอง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โอ๊ย สองแสบนี่ก็ซนเกินไปแล้ว เกิดบาดเจ็บแขนขาหักคอหักขึ้นมาทำไงเนี่ย สมควรโดนตีแล้วค่ะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION