ตอนที่ 218 สวี่ม่ายลี่ตกเลือด
หลินเจี้ยนเยี่ยรู้ว่ามันเป็นความผิดของเขาเอง แต่เมื่อหลิวเจาตี้ดูเหมือนไม่เข้าใจจริงๆ เขาก็อธิบายด้วยความใจเย็น “พี่สะใภ้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมออกตัวแรงไปหน่อย และถนนที่นี่ขับขี่ยาก คุณควรนั่งให้ดีๆ ด้วย”
เมื่อหลิวเจาตี้ได้ยินเช่นนี้ หล่อนจึงคว้าจับข้างเบาะเอาไว้แล้วพูดว่า “ได้สิ ได้”
หลังจากที่รถแล่นไปได้ระยะหนึ่ง หลิวเจาตี้เห็นว่าไม่มีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นอีก หล่อนจึงมีท่าทางมั่นใจขึ้นมา “เจี้ยนเยี่ย เมื่อครู่นายทำให้หน้าต่างเลื่อนลงมาได้ไง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยไม่คิดมากและตอบตามตรง “มีที่หมุนอยู่ใกล้ที่จับเปิดประตู คุณแค่หมุนก็ได้แล้วครับ”
หลิวเจาตี้หันไปสอดส่ายสายตามอง หลังจากหมุนเปิดหน้าต่างได้แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ “เฮ้ ป้าสะใภ้รอง คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ป้าสะใภ้รองที่เดินผ่านมายังไม่ทันฟื้นคืนสติ หล่อนก็เห็นหลิวเจาตี้เคลื่อนผ่านไปอย่างโก้เก๋แล้ว
หลิวเจาตี้รู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทักทายกลับ “เจี้ยนเยี่ยอย่าขับเร็วเกินไปสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ยรู้สึกได้ตั้งนานแล้วว่าหลิวเจาตี้กำลังอยากโอ้อวดเขาไปเสียทุกที่ แต่เขาไม่อยากถูกมองว่าเป็นลิง เขาจึงรีบไปให้ถึงประตูบ้านโดยเร็วที่สุด
หลิวเจาตี้รู้สึกผิดหวังที่โอ้อวดไม่สำเร็จ หล่อนลงจากรถด้วยท่าทางไม่มีความสุข แม่สวี่ที่กำลังเดินมาหาเห็นว่าหลิวเจาตี้ลงจากรถทหาร จึงถามด้วยความสงสัย “ภรรยาเจ้าใหญ่ เธอกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?”
เมื่อหลิวเจาตี้เห็นแม่สวี่ หล่อนก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและรีบพูดว่า “แม่คะ เจี้ยนเยี่ยมาอวยพรปีใหม่ให้แม่น่ะ”
แม่สวี่ได้ยินแล้วตกตะลึงทันที ต้องทราบก่อนว่าส่วนใหญ่แล้วช่วงปีหลังๆ สวี่ม่ายซุ่ยจะพาลูกๆ กลับมาเพียงลำพัง เนื่องจากหลินเจี้ยนเยี่ยมักจะต้องปฏิบัติหน้าที่หรือได้รับมอบหมายงาน และไม่ค่อยได้ออกจากเกาะเลย
ตอนนี้หลินเจี้ยนเยี่ยจอดรถเรียบร้อยแล้วเดินลงมา เขาทักทายแม่สวี่ก่อน แล้วค่อยเดินไปเปิดท้ายรถเพื่อหยิบของออกมา ซึ่งนอกเหนือจากของที่ซื้อมาแล้ว ยังมีอาหารขึ้นชื่ออีกสองชนิดที่รุ่นพี่นำมาให้ ได้แก่ เป็ดย่างและผลไม้เชื่อม
เมื่อแม่สวี่เห็นดังนั้น หล่อนก็รีบวางของไว้ในมือของหลิวเจาตี้แล้วก้าวไปข้างหน้าพลางเอ่ย “ถ้าเธอจะมาก็มาเลย ไม่ต้องซื้อของมาหรอก”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ต้องทำตามสมควรครับ” เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองก็มุ่งหน้าเดินเข้าบ้านพร้อมของขวัญเต็มไม้เต็มมือ
แม่สวี่ทำได้แค่รีบรับของเอาไว้ “ทำไมเธอมาคนเดียวล่ะ ม่ายซุ่ยกับลูกอยู่ไหน?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “พวกหล่อนอยู่บนเกาะครับ ผมเดินทางไปประชุมและผ่านมาเยี่ยมด้วยเลย”
คำตอบนี้ทำให้แม่สวี่เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว
“เธอไปประชุมที่ไหนเหรอ?” หลิวเจาตี้ที่ตามมาข้างหลังยังถามต่อ
เนื่องจากภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว การไปประชุมที่เมืองหลวงจึงไม่ใช่ความลับ เขาจึงตอบตามตรงว่า “ที่เมืองหลวง”
ดวงตาของหลิวเจาตี้เบิกกว้างทันที “งั้นของทั้งหมดนี้ซื้อมาจากเมืองหลวงเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “มีแค่เป็ดย่างกับผลไม้เชื่อม ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองหลวง พวกคุณลองชิมได้”
หลิวเจาตี้รีบพูด “ถ้างั้นต้องลองชิมแล้วล่ะ”
เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ พ่อสวี่ สวี่ม่ายเถียนและสวี่ม่ายเฉิงจึงอยู่บ้านกันหมด ซึ่งทุกคนมีความสุขมากๆ เมื่อได้เห็นหลินเจี้ยนเยี่ย แต่ละคนถือม้านั่งเข้ามาและมีความสุขกับการต้อนรับแขกจากแดนไกล
พ่อสวี่รีบเดินมาหาด้วยความดีใจ เขาผายมือบอกให้ลูกเขยนั่งลงแล้วถามว่า “ทำไมเธอมาคนเดียวล่ะ ม่ายซุ่ยไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
แต่คราวนี้ไม่รอให้เขาพูด หลิวเจาตี้ที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มอธิบายให้ฟังก่อน “เจี้ยนเยี่ยมาจากเมืองหลวง ทำให้ม่ายซุ่ยไม่ได้มาด้วย”
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเขามาจากเมืองหลวงก็พากันชื่นชมทันที อีกทั้งร่างกายยังเผลอนั่งตัวตรงโดยไม่รู้ตัว และถามหลินเจี้ยนเยี่ยเกี่ยวกับการเดินทางไปประชุมด้วยความห่วงใย
แม่สวี่เห็นพวกเขาคุยกันด้วยความเพลิดเพลิน นางก็พลอยมีความสุขไปด้วย ลากหลิวเจาตี้ออกไปพลางเอ่ย “เธอหยุดพูดมากได้แล้ว ออกไปช่วยฉันหน่อย”
หลังจากถูกลากออกไปแล้ว หลิวเจาตี้ยังถามด้วยความฉงน “จะให้ช่วยอะไรคะ?”
แม่สวี่พูดว่า “ทำอาหารไงล่ะ”
หลิวเจาตี้มองไปยังท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสของแม่สวี่แล้วกลับมามีสติอีกครั้ง ในเมื่อลูกเขยที่มีอนาคตไกลมากที่สุดในครอบครัวกลับมาแล้ว จะปล่อยให้เขาจากไปโดยไม่กินข้าวไม่ได้ หล่อนจึงรีบตอบรับ “ฉันจะไป ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้”
หล่อนวิ่งไปที่ประตูห้องครัวอย่างไร้สติ แต่ทันใดนั้นก็หันกลับมาถามแม่สวี่ด้วยสีหน้าสับสน “แม่ ดูเหมือนบ้านเราไม่มีปลาใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม่สวี่ก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ไม่มีเหรอ แต่ฉันจำได้ว่ามีในกะละมังตัวหนึ่งนะ”
หลิวเจาตี้มองแม่สามีและตอบด้วยความกระดากอาย “ฉันคิดว่าไม่ได้ใช้แล้ว ก็เลยเอาไปให้พ่อแม่แล้วค่ะ”
สีหน้าของแม่สวี่มืดมนขึ้นทันที “เธอไม่ได้คิดแบบนั้น เธอไม่เคยคิดถึงว่าน้องหญิงรองกับน้องหญิงสามกลับมาแล้วจะทำยังไง เพราะเธอมันคิดถึงแต่ตัวเองน่ะสิ”
หลิวเจาตี้อธิบาย “เพราะฉันเห็นหิมะตกหนักขนาดนี้ไงคะ จึงคิดว่าพวกหล่อน…”
แม่สวี่เห็นหล่อนแบบนี้ก็ยิ่งโมโห “เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว เธอรีบไปหยิบถุงเห็ดมาให้ฉัน”
หลิวเจาตี้ยังไม่หยุดถาม “แม่จะเอาเห็ดมาทำไมคะ”
แม่สวี่กลอกตาใส่แล้วตอบด้วยความหงุดหงิด “จะทำอะไรได้อีกล่ะ ก็เอาไปแลกปลาไง”
หลังจากได้ยินแล้ว หลิวเจาตี้ก็รีบวิ่งเข้าบ้านเพื่อหยิบเห็ดมาส่งให้ แม่สวี่ถือถุงเห็ดแล้วเดินออกไป หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจไปบ้านเพื่อนบ้านหลังข้างๆ และไม่นานก็ถือปลากลับมา
เมื่อนางกลับมา ก็บังเอิญพบกับญาติคนหนึ่งจากหมู่บ้านของสวี่ม่ายลี่ที่กลับมาเยี่ยมญาติเช่นกัน “อาสะใภ้”
แม่สวี่พยักหน้าเป็นการทักทายตอบ “กลับมาด้วยเหรอ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพาครอบครัวกลับมาด้วย หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง นางก็อดถามไม่ได้ “เซียงซิ่ว เธอเจอม่ายลี่ของบ้านฉันบ้างไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้แล้ว เซียงซิ่วก็ตัวแข็งทื่อทันที หลังจากลังเลอยู่นาน หล่อนก็ตัดสินใจบอกสิ่งที่รู้ว่า “อาสะใภ้ เราย้ายไปจากตรงนี้กันเถอะ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” พูดจบแล้วหล่อนก็ดึงแม่สวี่ออกไป
เมื่อแม่สวี่เดินตามหล่อนไปแล้ว ก็ได้ยินเซียงซิ่วพูดว่า “อาสะใภ้ ม่ายลี่ตกเลือดต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้าน ทำให้ช่วงนี้อาจจะไม่ได้เข้ามาอวยพรปีใหม่ค่ะ”
แม่สวี่ได้ยินแล้วตกตะลึงทันที “ว่าไงนะ”
เมื่อเห็นแม่สวี่ดูสับสนแบบนี้ เซียงซิ่วจึงเปลี่ยนมาถามว่า “คุณไม่รู้ว่าหล่อนท้องเหรอ?”
แม่สวี่ถามว่า “ท้องตั้งแต่เมื่อไร?”
เซียงซิ่ว “ก็ได้ห้าหกเดือนแล้วนะ”
แม่สวี่พูดต่อ “แม้ว่าหล่อนจะท้องบ่อย แต่หล่อนยังมีสุขภาพที่ดีเสมอนะ แล้วทำไมถึงตกเลือดได้ล่ะ?”
เซียงซิ่วเหลือบมองสามีของตน เมื่อหล่อนเห็นว่าเขาไม่ได้มองมาทางนี้ หล่อนจึงกระซิบว่า “ก็จะมีใครถ้าไม่ใช่แม่สามีของหล่อนสร้างปัญหาล่ะ หิมะตกหนักมากขนาดนี้ แต่หล่อนบอกว่าลูกชายสุขภาพไม่ดี เคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่ว หล่อนจึงบังคับให้ม่ายลี่ออกไปโกยหิมะ คุณคิดว่าหิมะหนาขนาดนั้น ร่างกายของม่ายลี่จะรับไหวเหรอ”
แม่สวี่ได้ยินเช่นนี้แล้วก็มีสีหน้ามืดครึ้ม “ยายแก่หนังเหนียวคนนี้ก็เป็นเพียงนางดอกบัวขาวกลับชาติมาเกิด แต่ม่ายลี่กลับตามืดบอดและมองไม่ออกซะได้”
เซียงซิ่วได้ยินแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ หล่อนก็ไม่เข้าใจว่าตระกูลสวี่เป็นครอบครัวที่ดี แต่ทำไมถึงให้กำเนิดลูกสาวสมองเลอะเลือนคนนี้ออกมาได้
“อาสะใภ้ ถ้าคุณมีเวลาก็ควรไปดูม่ายลี่หน่อยนะ ด้วยสภาพร่างกายปัจจุบันของหล่อน ถ้ายังถูกทรมานแบบนี้หล่อนจะทนไหวได้ไง”
แม่สวี่โกรธมากจนดุด่าออกมา “หล่อนก็สมควรได้รับแล้วล่ะ”
หลังจากดุด่าแล้ว หล่อนก็หันมาพูดกับเซียงซิ่วด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอบคุณนะเซียงซิ่ว”
เซียงซิ่วพูดว่า “เราทุกคนก็เป็นคนบ้านเดียวกัน อย่าเกรงใจเลยค่ะ อาสะใภ้ ถ้าหมดธุระแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะ”
แม่สวี่พูดว่า “เชิญ”
หลังจากที่ส่งพวกหล่อนออกไปแล้ว แม่สวี่ก็ถือปลากลับบ้าน แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ยิ่งนางคิดมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ นางจึงยัดปลาใส่มือหลิวเจาตี้แล้วพูดว่า “เธอทำอาหารที่บ้าน เดี๋ยวฉันจะไปบ้านม่ายลี่”
“นางแก่สารเลวนั่น ถ้าคราวนี้ฉันไม่ฉีกหน้าหล่อนออกเป็นชิ้นๆ ฉันจะยอมใช้แซ่ของหล่อน”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านสามีลูกสาวก่อเรื่องอีกแล้ว ส่วนลูกสาวก็ไม่ได้เรื่อง เหนื่อยใจแทนแม่สวี่จริงๆ ค่ะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION