ตอนที่ 216 ฉลองปีใหม่
หลังจากที่หลินเซียวดึงศีรษะของตนออกมาจากหิมะได้แล้ว เขาก็คุกเข่ากับพื้นและจัดหมวกด้วยสีหน้าสงบพลางตอบไปด้วยว่า “ผมรู้ครับ”
พูดจบแล้วเขาก็รีบลุกขึ้นจากพื้น “แม่รังแกผม งั้นผมจะรังแกลูกชายคนเล็กของแม่แทน”
พูดแบบนั้นแล้วเขาก็กระโดดเข้าหาหลินฟานด้วยรอยยิ้ม
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปที่ลูกชายซึ่งกำลังกลิ้งเป็นลูกบอล เธออดกลอกตาแบบช่วยไม่ได้และยังคงใช้พลั่วตักหิมะออกไปไว้ทั้งสองด้าน
ทันใดนั้น ลูกชายคนโตของผู้บัญชาการเฉินก็วิ่งเข้ามาและตะโกนว่า “สมาชิกในลานบ้านพักทั้งหลาย หากมีสมาชิกที่บ้านอายุเกินสิบหกปี กรุณามากับผมด้วย”
พี่สะใภ้ซุนได้ยินแล้วก็หยุดมือและถามว่า “ซินเจ๋อ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เจิ้งซินเจ๋อตอบว่า “มีบ้านเรือนหลายหลังถล่มลงมา พวกเราต้องไปช่วยเหลือชาวบ้านครับ”
พี่สะใภ้ซุนได้ยินเช่นนี้ก็รีบพูดว่า “ทำไมต้องมีอายุมากกว่าสิบหกล่ะ ให้พวกเราไปด้วยก็ได้นะ”
เจิ้งซินเจ๋อรีบปฏิเสธโดยพูดว่า “อาสะใภ้ พวกเราไปกันหมดไม่ได้หรอก เพราะยังต้องเปิดเส้นทาง มิฉะนั้นต่อให้ช่วยคนได้ก็จะส่งออกไปไม่ได้อยู่ดี”
พี่สะใภ้ซุนได้ทราบเหตุผลก็สงบลง ฝ่ายสวี่ม่ายซุ่ยเหลือบมองหลินเจี้ยนจวินแล้วพูดว่า “เจี้ยนจวินไปช่วยทางนั้นหน่อยนะ”
หลินเจี้ยนจวินได้ยินแล้วก็เดินตามเจิ้งซินเจ๋อไปโดยไม่ปฏิเสธ
จากนั้นคนที่เหลืออยู่บนถนนก็มีแค่ผู้หญิงและเด็ก สวี่ม่ายซุ่ยมองไปยังถนนอันไร้ที่สิ้นสุดตรงเบื้องหน้าแล้วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นตะโกนบอกทุกคนว่า “พี่สะใภ้ทั้งหลาย พวกเรามาลองวิธีอื่นกันดีกว่า ถนนยังไม่ควรกว้างมากนัก งั้นในขั้นแรกพวกเราก็ทำทางเล็กๆ ให้พวกเขาเดินออกไปได้ก่อนเถอะ”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มทำตามที่สวี่ม่ายซุ่ยเสนอแนะ ต่อมาสวี่ม่ายซุ่ยเห็นว่าทุกคนกำลังกวาดหิมะไปกองทั้งสองข้างถนน เธอจึงจัดพี่สะใภ้สองสามคนให้ทำหน้าที่ดันหิมะออกไปให้ได้มากที่สุด ทันใดนั้นจากที่เดิมทีทุกคนตั้งใจว่าจะกวาดหิมะแค่หน้าประตูบ้านตัวเอง กลายเป็นค่อยๆ ได้รับการจัดวางหน้าที่และยุ่งอยู่กับงานส่วนร่วม
พี่สะใภ้ซุนมองสวี่ม่ายซุ่ยที่ทำงานและคอยกำกับอยู่ด้วย ทำให้หล่อนรู้สึกพอใจมากขึ้นเช่นกัน เพราะการมีเพื่อนบ้านใจกว้างแบบนี้นับเป็นเรื่องดี ซึ่งต่างจากบ้านหลังข้างๆ ที่แม้ว่าทุกคนกำลังยุ่งมาก ก็ไม่โผล่หน้าออกมามองด้วยซ้ำ
เมื่อพวกสวี่ม่ายซุ่ยกำลังจัดการทางเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ พวกหลินเจี้ยนจวินก็ได้ช่วยเหลือชาวบ้านหนึ่งคนสองคนตามลำดับ จากนั้นก็ส่งมอบให้ชายหนุ่มอีกกลุ่มช่วยพาไปยังศูนย์อนามัยด้วยความแข็งขัน
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นภาพนั้นแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง เมื่อมองความวุ่นวายของพวกเขาเหล่านั้น ก็มีแต่การสนับสนุนให้ก้าวผ่านทางได้ด้วยความมั่นคงเท่านั้น
ซึ่งหลังจากทุกคนทำงานหนักมาทั้งวันโดยไม่ได้กินหรือดื่ม สุดท้ายก็เปิดทางสำหรับให้ออกจากบริเวณนั้นได้ และเมื่อทุกคนคิดว่าสถานการณ์เรียบร้อยดี ทันใดนั้นหิมะก็เริ่มตกหนักอีกครั้ง ทำให้ทุกคนมองดูหิมะโดยไม่มีใครมีความสุขเลย
ในตอนกลางคืน สวี่ม่ายซุ่ยกับหลินเจี้ยนจวินออกไปกวาดหิมะบนหลังคาอีกครั้งแล้วค่อยเข้านอนด้วยความสบายใจ
เมื่อตื่นนอนขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น หิมะก็ท่วมถึงต้นขาแล้ว แต่โชคดีที่มันหยุดตกแล้ว และดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีหิมะตกลงมาอีก ทำให้สวี่ม่ายซุ่ยไม่มีเวลาห่วงเรื่องทำอาหาร เธอออกไปตักหิมะกับหลินเจี้ยนจวิน หลังจากขุดทางออกจากบ้านได้แล้ว หลินเจี้ยนจวินก็ออกไปช่วยข้างนอก ส่วนสวี่ม่ายซุ่ยกลับไปทำอาหารที่บ้าน
สิ่งแรกที่หลินเซียวทำหลังจากตื่นนอนขึ้นคือถามสวี่ม่ายซุ่ยว่า “แม่ครับ ยังจะฉลองปีใหม่อยู่ไหม?”
ทันใดนั้นสวี่ม่ายซุ่ยก็จำได้ว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้วนั่นเอง
“ฉลองสิ”
หลังมื้ออาหาร สวี่ม่ายซุ่ยก็พาพวกหลินเซียวมานั่งตัดกลอนคู่ หลังจากทำงานเสร็จแล้วก็นำออกไปติดหน้าประตู เมื่อออกไปแล้วจึงได้เห็นบ้านทุกหลังมีกลอนคู่ติดไว้ที่ประตูเช่นกัน ทำให้พื้นสีขาวโพลนอันกว้างใหญ่ยิ่งส่งเสริมให้กลอนคู่สีแดงเด่นชัดยิ่งขึ้น
เทียบกับเมื่อวานแล้ววันนี้นับว่าดีขึ้นมาก เพราะอย่างน้อยก็ไม่มีบ้านถล่มอีก ทำให้สมาชิกในลานบ้านพักตกลงกันโดยปริยายว่าจะช่วยกันเปิดถนนถึงเที่ยง แล้วค่อยกลับบ้านเพื่อฉลองปีใหม่ แต่เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้หลินเจี้ยนจวินกับสวี่ม่ายซุ่ยไม่ได้กลับบ้านเกิด สวี่ม่ายซุ่ยจึงทำอาหารหกจานและจุดประทัดซึ่งหมายถึงได้ฉลองปีใหม่แล้ว
ทันทีที่บ้านของพวกเธอจุดเสร็จแล้ว ก็ได้ยินเสียงเพื่อนบ้านใกล้เคียงเริ่มจุดตามๆ กันไป และในไม่ช้าทั่วทั้งเกาะก็เต็มไปด้วยเสียงประทัด
เฉินจินเฟิ่งซึ่งอยู่ข้างๆ ได้ฟังเสียงประทัด จึงถามแม่ด้วยความสิ้นหวัง “แม่ เราจะกินอาหารเย็นสำหรับส่งท้ายปีเก่ากันเมื่อไหร่?”
จางซุ่ยฮวาตอบว่า “กินอะไรอีกล่ะ เห็นไหมว่างานยังไม่เสร็จ”
เฉินจินเฟิ่งมองไปทางบ้านที่พังทลายของตนแล้วอยู่ๆ ก็เกิดความหงุดหงิดขึ้นมา หล่อนโยนไม้ในมือลงพื้นแล้วพึมพำด้วยความโกรธ “ทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว เห็นไหมว่าทุกคนกินข้าวกันแล้ว แต่เรายังต้องทำงานงกๆ อยู่ที่นี่”
เมื่อเฉินจินฮวากับเฉินจินเป่าได้ยินแบบนี้ก็โยนของที่อยู่ในมือทิ้งและประท้วงด้วยว่า “พวกเราหิวแล้ว พวกเราอยากกินข้าว”
จางซุ่ยฮวามองไปที่ลูกๆ ผู้ไร้ความอดทน ใบหน้าของหล่อนปรากฏร่องรอยแห่งโทสะ “พวกแกแต่ละคนนี่รู้จักแต่เรื่องกินนะ”
เฉินจิงกังซึ่งอยู่ข้างๆ ก็วางของในมือลงแล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “แม่ ทุกคนอยากจะรวมตัวกินข้าวแล้ว แม่ก็รีบไปทำซะเถอะ”
จางซุ่ยฮวาเห็นว่าลูกๆ ไม่เชื่อฟังหล่อนเลย จากนั้นจึงมองไปที่เฉินจินหมิงซึ่งยังคงทำงานหนักและดุด่าเขาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เจ้ารอง แกทำงานให้เสร็จ ส่วนฉันจะพาพวกเขาไปทำอาหาร”
เฉินจินหมิงได้ยินแล้วเขาก็ก้มหน้าลงทำงานเงียบๆ ต่อไป จางซุ่ยฮวาเห็นว่าเขาไม่ตอบ หล่อนจึงตวาดใส่เขาด้วยความโมโห “แกเป็นใบ้ไปแล้วเหรอ”
“ฉันติดหนี้พวกแกไว้จริงๆ พวกแกแต่ละคนเป็นปีศาจเก็บหนี้”
พูดจบแล้วหล่อนก็เดินไปที่ห้องครัว รู้สึกว่าช่วงสองวันที่ผ่านมานี้หล่อนโชคไม่ดีจริงๆ ทำอะไรก็ไม่ราบรื่นเลย
ส่วนสวี่ม่ายซุ่ยกับเพื่อนบ้านคนอื่นก็ดูเหมือนจะมีความเข้าใจกันโดยปริยาย เมื่อกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็ออกมาตักหิมะกันต่อ ทำให้ถนนค่อยๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หลินเซียวเข้ามาหาและถามเบาๆ ว่า “แม่ครับ คืนนี้พวกเราจะไปดูหนังกันไหม?”
เมื่อก่อนจะมีการฉายภาพยนตร์ที่กองทัพในวันส่งท้ายปีเก่า ซึ่งทุกคนสามารถไปดูได้
“ลูกคิดว่าไง?”
หลินเซียวได้ยินแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง
การกวาดหิมะนี้ต้องใช้เวลาหลายวัน เมื่อถนนถูกเก็บกวาดทั้งหมดก็เข้าสู่วันที่สี่ของปีใหม่แล้ว ในวันนี้บรรดานายทหารก็พร้อมกันกลับสู่ลานบ้านพักเจ้าหน้าที่โดยพร้อมเพรียง เมื่อเห็นพวกเขาทั้งหมดกลับมาแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็เริ่มวิตกกังวลและอยากจะไปสอบถามที่บ้านของหลี่ต้านี
แต่ไม่คาดคิดว่าทันทีที่เธอเดินไปทางประตู เธอก็เห็นกรรมการการเมืองซุนเดินมาพร้อมกระเป๋าถือของหลินเจี้ยนเยี่ย และทันทีที่เห็นภาพนั้น สวี่ม่ายซุ่ยก็ตกอยู่ในภวังค์และเกือบจะสูญเสียการทรงตัวไปด้วย
“พี่ใหญ่ซุน นี่คือ?”
กรรมการการเมืองซุนรับรู้ถึงความผิดปกติและตระหนักได้ว่าตนกำลังถือกระเป๋าของคนอื่นพร้อมใบหน้าเคร่งขรึม แน่นอนว่ามันดูไม่ใช่เรื่องดี เขาจึงรีบยิ้มและอธิบายให้สวี่ม่ายซุ่ยฟังว่า “น้องสะใภ้ ไม่ต้องกลัวไปนะ”
“เหล่าหลินสบายดี เพียงแต่เขามีภารกิจ ทำให้ต้องล่าช้าอยู่ในเมืองหลวงไปอีกสองสามวัน ส่วนกระเป๋าถือใบนี้เป็นของพวกเธอ ฉันก็เลยเอามาให้เธอก่อนน่ะ
ความจริงฉันควรจะส่งให้เธอตั้งแต่เริ่มปีใหม่ แต่เธอก็รู้ว่าหิมะตกหนักแม้แต่ที่กรม ฉันเลยไม่มีเวลามาส่งให้เธอจนถึงตอนนี้แหละ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วจึงโล่งใจได้ เธอถามพลางยื่นมือไปรับกระเป๋า “พี่ใหญ่ซุน แล้วคุณรู้ไหมว่าเหล่าหลินจะกลับมาตอนไหน?”
กรรมการการเมืองซุนมีท่าทางลังเล “นั่นยังไม่แน่ชัด”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที นัยน์ตาของเธอไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน “ไม่เป็นไรค่ะ”
กรรมการการเมืองซุนไม่รู้วิธีปลอบใจภรรยาของสหายร่วมรบ เขาจึงพูดอีกไม่กี่คำแล้วขอตัวกลับบ้าน
ทางด้านหลินเจี้ยนเยี่ยกำลังขับรถกลับบ้านด้วยความร้อนใจตลอดทาง แต่ถ้าเขาเร่งความเร็วเกินขีดจำกัด ก็จะถูกหักคะแนนและถูกจับด้วย
จนกระทั่งมาถึงมณฑล S เขาจึงเริ่มเห็นพื้นที่สีขาวอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ความเร็วของหลินเจี้ยนเยี่ยช้าลงไปอีก
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มาแต่กระเป๋าแต่คนไม่ได้มา ทำเอาตกใจแทบแย่
พี่เยี่ยบินมาเลยค่า
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION