ตอนที่ 212 ไม่ฟังคำเตือน
สวี่ม่ายซุ่ยรู้สึกผิดหวังขึ้นมาบ้าง เพราะเธอไม่คิดว่าอาหารอร่อยจะมีน้อยแค่นี้เอง หลินเจี้ยนจวินก็ดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงความผิดหวังของเธอ เขาจึงพูดว่า “ผมได้ยินจากหัวหน้าว่าอีกสักพักจะต้องไปที่นั่นอีก เดี๋ยวผมจะซื้อมาให้มากกว่านี้”
“พวกนายยังจะไปมองโกเลียในอีกเหรอ?”
หลินเจี้ยนจวินพยักหน้า “ครับ สินค้าทางนั้นมีราคาถูกและคุณภาพดี หัวหน้าบอกว่าถ้าขายดีก็จะไปรับมาขายอีก”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็ตอบด้วยความอิจฉา “พวกนายเก่งมากๆ เดินทางไปทำธุรกิจข้างนอกด้วยสายงานของตัวเองได้ด้วย คราวนี้นายอยู่มองโกเลียในซะหลายวัน ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
หลินเจี้ยนจวินตอบทั้งที่ยังกินอยู่ “ไม่มีเรื่องอะไรเลยครับ ที่เสียเวลาไปบ้างเพราะผมแวะเยี่ยมชมบางสถานที่มาน่ะ”
“พี่สะใภ้คงไม่รู้ ทิวทัศน์มองโกเลียในสวยมาก มันเป็นทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีม้า แล้วม้าทุกตัวก็วิ่งเล่นสนุกสนานในทุ่งหญ้า เป็นภาพที่งดงามมากเลยครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่เคยไปเยือนมองโกเลียใน แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้วรวมเข้ากับสีหน้าอาลัยอาวรณ์ของเขาแล้ว เธอก็ยิ่งเชื่อว่ามันเป็นสถานที่ไม่เลวจริงๆ
ส่วนหลินเซียวกับหลินฟานไม่เคยเดินทางไกล เมื่อพวกเขาได้ยินคำบอกเล่าของหลินเจี้ยนจวินแล้วก็ไม่สนใจของกิน แต่รีบวิ่งมาหาและเริ่มถามเกี่ยวกับเรื่องราวของที่นั่น สวี่ม่ายซุ่ยจึงใช้โอกาสนี้ในการเก็บข้าวของต่อไป
เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองยังคงรบกวนหลินเจี้ยนจวินให้บอกเล่าประสบการณ์การเดินทาง สวี่ม่ายซุ่ยก็กลัวว่าเขาจะไม่มีเวลาได้กินข้าวจนอิ่ม เธอจึงเตือนว่า “เรากินกันหมดแล้ว หม้อนี้เป็นของนาย กินให้หมดนะ อย่าปล่อยให้เหลือล่ะ”
หลินเจี้ยนจวินตอบว่า “ครับ”
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว หลินเจี้ยนจวินก็ลุกขึ้นและช่วยทำความสะอาดตามความเคยชิน แต่เขาเพิ่งกลับมา ใต้ตายังคล้ำอยู่ สวี่ม่ายซุ่ยจึงปล่อยให้เขาทำงานนี้ไม่ได้ เธอรีบดึงเขาออกไป แล้วจัดการต้มน้ำล้างจานเอง
หลินเจี้ยนจวินเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้กลับเข้าห้องพักผ่อน เมื่อมองหิมะตกหนักข้างนอกที่ไร้วี่แววว่าจะหยุด เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ย “พี่สะใภ้ พี่ชายของผมบอกว่าจะกลับมาตอนไหนเหรอ?”
อันที่จริงสวี่ม่ายซุ่ยก็กังวลเรื่องหลินเจี้ยนเยี่ยเช่นกัน แต่ยังแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและตอบว่า “ไม่ได้บอกนะ แต่นายไม่ต้องกังวล พี่ชายของนายไปพร้อมผู้นำในกองทัพ ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก”
หลินเจี้ยนจวินพึมพำตอบเบาๆ จากนั้นเขาก็เดินกลับไปนั่ง แต่นั่งได้ไม่นานเขาก็วิ่งมาถามสวี่ม่ายซุ่ยด้วยความร้อนใจ “พี่สะใภ้ ผมคิดว่าหิมะคราวนี้ตกหนักผิดปกติ ได้ตุนเสบียงอาหารไว้ที่บ้านหรือยัง?”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเขา สวี่ม่ายซุ่ยก็รู้สึกกังวลเช่นกัน “ตุนแล้วล่ะ”
แต้มทำงานทั้งหมดที่เธอได้รับสำหรับช่วงปีใหม่ได้ถูกนำมาแลกเป็นอาหาร ซึ่งเพียงพอที่จะเลี้ยงทั้งครอบครัวได้ครึ่งปี นอกจากนี้เธอยังตุนผักและเนื้อสัตว์ไว้มากมาย ดังนั้นการใช้ชีวิตอยู่ได้หนึ่งเดือนโดยไม่ออกไปข้างนอกจึงไม่มีปัญหา
หลินเจี้ยนจวินได้ยินแล้วก็ผ่อนคลายได้มาก “พี่สะใภ้ หิมะตกหนักเกินไป เราต้องกวาดหิมะออกจากหลังคา ไม่งั้นบ้านจะถล่มได้ง่าย”
หิมะเริ่มตกตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ผ่านมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง มันก็เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาแบบนั้น สวี่ม่ายซุ่ยจึงตอบรับง่ายๆ แบบไม่ต้องคิด
“ตกลง” พูดจบแล้วเธอก็กลับเข้าห้องเพื่อหยิบไฟฉายออกมา
ในเวลานี้หลินเซียวกับหลินฟานยังไม่เข้านอน เมื่อเห็นว่าแม่และอาเล็กพร้อมจะออกไปทำงาน พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยทันที คนหนึ่งช่วยจับบันได อีกคนหนึ่งช่วยถือไฟฉาย
ตอนแรกสวี่ม่ายซุ่ยยืนจับบันไดอยู่ด้านล่างและมองหลินเจี้ยนจวินกำลังตักหิมะด้านบน แต่เมื่อเห็นว่าเขาต้องทำหลายอย่างด้วยตัวเอง เธอจึงบอกหลินเซียวให้จับบันได ส่วนเธอก็ปีนตามขึ้นไป
หลินเจี้ยนจวินเห็นเธอปีนขึ้นมา ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว “พี่สะใภ้ นี่มันอันตรายเกินไป ผมทำเองได้นะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดด้วยท่าทางจริงจัง “หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ งั้นพวกเราควรจะเร่งมือหน่อย”
พูดจบแล้วเธอก็ลงมือทำงานทันที
หลินเจี้ยนจวินเห็นว่าพี่สะใภ้ลงมือทำไปแล้ว ทำให้เขาไม่คิดจะโน้มน้าวอีกต่อไป “พี่สะใภ้ งั้นพี่ทำแค่ด้านบนสุด ผมจะทำตั้งแต่ฐานขึ้นไป”
เขาทำได้แค่แจกจ่ายงานด้วยความกังวล
สวี่ม่ายซุ่ย “ตกลง”
การเคลื่อนไหวจากบ้านหลังข้างๆ ดึงดูดจางซุ่ยฮวาออกมาทันที ตอนนี้มีเพียงหล่อนกับพวกลูกๆ ที่ออกมาดู ส่วนเฉินเยวี่ยน่าจะเข้าเวรอยู่ที่กรม
จางซุ่ยฮวาเงยหน้าขึ้นจ้องมองทั้งสองด้วยความโกรธและตะโกนว่า “สวี่ม่ายซุ่ย เธอบ้าไปแล้วเหรอ ตอนกลางคืนไม่กลับไม่นอน แต่ออกมาเล่นหิมะบนหลังคาเนี่ยนะ เล่นที่ลานบ้านของตัวเองไม่ได้เหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วอดที่จะกลอกตาใส่ไม่ได้ เพราะถ้าเป็นคนปกติจะสังเกตเห็นปัญหาทันทีที่เห็นครอบครัวของเธอทำเช่นนี้ แต่สมองของจางซุ่ยฮวาทำงานแตกต่างจากคนปกติ หล่อนจึงคิดว่าเธออยู่ว่างๆ ตอนกลางคืนและกำลังเล่นหิมะอยู่บนหลังคา
“เธอตาบอดเหรอ หิมะหนักมากขนาดนี้ เธอมองไม่เห็นหรือไง” ในฐานะเพื่อนบ้าน สวี่ม่ายซุ่ยจึงอดเตือนอีกฝ่ายสั้นๆ ไม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าหล่อนจะฟังไหม
เห็นได้ชัดว่าจางซุ่ยฮวาไม่ฟัง แต่กลับพูดเหน็บแนมใส่สวี่ม่ายซุ่ยว่า “คนในเมืองนี่ไม่มีความรู้เอาซะเลย ทำเหมือนไม่เคยเห็นหิมะงั้นแหละ มันก็แค่ตกหนักขึ้นไม่ใช่เหรอ มันแปลกมากตรงไหน”
สวี่ม่ายซุ่ยมองอีกฝ่ายแล้วพูดห้วนๆ “ถ้าจะพูดอะไรก็พูดดังกว่านี้สิ”
จางซุ่ยฮวาตะคอกเย็นชา “ไม่มีความรู้เลยสินะ หิมะแบบนี้คือหิมะที่ตกตามฤดูกาล ยิ่งตกหนักก็จะทำให้ปีหน้าพืชผลอุดมสมบูรณ์มากขึ้น”
ทันทีที่หล่อนพูดจบ ก็มีเสียงของหัวหน้าใหญ่ดังมาจากลำโพงกระจายเสียงในหมู่บ้าน “สมาชิกทุกคนโปรดทราบ เนื่องจากหิมะตกหนักเกินไป และเพื่อป้องกันความเสียหายต่อหลังคาบ้านเรือน ขอให้สมาชิกทุกคนลุกขึ้นมาและกำจัดหิมะออกจากหลังคาบ้านตัวเองด้วย”
จางซุ่ยฮวาได้ยินเช่นนั้นแล้วใบหน้าก็แข็งทื่อทันที แต่หล่อนก็กระตุกมุมปากแล้วพูดเหน็บแนม “นี่ก็เป็นคนโง่เหมือนกัน”
เฉินจินเฟิ่งได้ยินเสียงประกาศจึงมองไปที่จางซุ่ยฮวาแล้วถามว่า “แม่ ทำไมเราไม่ให้พี่รองขึ้นไปทำความสะอาดหลังคาล่ะ”
ในเวลานี้เฉินจินหมิงยังคงมีใบหน้าเย็นชาและไม่มีคำพูดสักคำ
จางซุ่ยฮวาได้ยินแล้วก็ดุด่าทันที “พวกนั้นไม่เคยเห็น แกก็ไม่เคยเห็นหรือไง แกไม่รู้จักแยกแยะชนิดหิมะเลยเหรอ แค่หิมะเล็กๆ แบบนี้ก็ทำให้แกกลัวแล้วน่ะ”
เฉินจินเฟิ่งแค่พูดออกไปแบบไม่ได้คิด แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของแม่รุนแรงเกินเหตุ หล่อนจึงเบะปากแล้วพูดว่า “ถ้าไม่อยากกวาดก็ไม่ต้องกวาดสิ ยังไงฉันก็ไม่ทำอยู่แล้ว” พูดจบแล้วก็เดินหนีเข้าบ้าน
ส่วนพวกเด็กๆ อีกหลายคนก็ดูเหมือนไม่สนใจอะไรเลย พวกเขาจึงเดินตามเข้าบ้านเช่นกัน
จางซุ่ยฮวาถูกทิ้งให้ยืนอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง หล่อนมองไปที่หลังคาด้วยความครุ่นคิด แต่ในเวลานี้ได้ยินเสียงตะโกนเรียกของแม่เฒ่าเฉิน ทำให้จางซุ่ยฮวารีบเดินเข้าไปในบ้าน
แม่เฒ่าเฉินหันไปถามจางซุ่ยฮวาด้วยใบหน้าดำทะมึน “เกิดอะไรขึ้นข้างนอก ทำไมเสียงดังขนาดนั้น”
จางซุ่ยฮวาบ่นให้แม่เฒ่าเฉินฟังทันที “ก็ไม่ใช่สวี่ม่ายซุ่ยที่อยู่ข้างๆ เหรอ หล่อนบอกว่าหิมะแบบนี้ผิดปกติ และกำลังกวาดหิมะบนหลังคาด้วย”
ในความคิดของแม่เฒ่าเฉินแล้ว การที่หล่อนเป็นแบบนี้มันคือความผิดของสวี่ม่ายซุ่ย เมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสวี่ม่ายซุ่ย นางก็โกรธและยิ้มเยาะ “หล่อนมันก็แค่นางโง่สารเลว ไม่รู้จักหิมะเลย”
จางซุ่ยฮวาได้ยินแล้วรู้สึกพอใจขึ้นมา แต่หล่อนก็ยังคงถามด้วยสีหน้ากังวล “แม่ ฉันคิดว่าหิมะตกหนักผิดปกติจริงๆ เราควรจะให้เจ้ารองขึ้นไปกวาดหิมะบนหลังคานะ”
ทันทีที่หล่อนพูดจบก็เผชิญกับการจ้องมองอันว่างเปล่าจากแม่เฒ่าเฉิน “กวาดบ้ากวาดบออะไรล่ะ ถ้าเธอกินอิ่มเกินไป ก็กลับไปนอนซะ”
จางซุ่ยฮวายังไม่คลายกังวล “แม่ จะไม่กวาดจริงเหรอ?”
แม่เฒ่าเฉิน “ไม่กวาด”
จางซุ่ยฮวาเอ่ยเสียงอ่อย “งั้นก็ได้ ฉันจะกลับไปนอนแล้ว”
พูดจบแล้วหล่อนก็เดินออกไป
แต่หล่อนกลับได้ยินแม่เฒ่าเฉินตวาดด้วยความโกรธ “จะเดินไปไหน ฉันปวดฉี่ เธอหยิบโถฉี่มาให้ฉันหน่อย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่กวาดก็ไม่กวาด บ้านถล่มไม่รู้ด้วยนะ คิดมาได้ว่าข้างบ้านว่างไม่มีอะไรทำจนต้องฝ่าความหนาวมาเล่นหิมะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION