ตอนที่ 210 ช่วงหิมะตกหนัก
ก่อนหน้านี้เขาเหลือตัวคนเดียวและนึกอยากตายทุกวัน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าบรรดาลูกศิษย์และสหายยังพยายามช่วยเหลือเขาเต็มที่ ทำให้หัวใจที่เดิมนึกแต่อยากตายได้กลับมาอยากมีชีวิตอีกครั้ง และเขาไม่เพียงให้กำลังใจแค่ตัวเองได้ แต่ยังให้กำลังใจเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วย
การที่เขาสามารถบรรลุตำแหน่งนี้ได้ นอกจากความดีความชอบทางการทหารแล้วก็ย่อมเป็นเรื่องไม่ขาดแคลนกลยุทธ์ ตอนนี้เขาทำตัวสงบเพื่อปูทางให้หลินเจี้ยนเยี่ย เปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากนี้ไปหลินเจี้ยนเยี่ยควรมีตำแหน่งทางการเมืองที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
แต่สวี่ม่ายซุ่ยไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย ตอนนี้เธอกำลังเดินไปที่ศูนย์อนามัยด้วยความยากลำบาก เนื่องด้วยหิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเดิมทีก็มีหิมะทับถมจนถึงข้อเท้าอยู่แล้ว ทำให้การเดินของสวี่ม่ายซุ่ยยากลำบากขึ้นเป็นพิเศษ
ขณะที่สวี่ม่ายซุ่ยกำลังมุดหน้าลงในผ้าพันคอและเดินไปข้างหน้า ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคนเรียก “พี่สาว”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินเสียงเรียกจึงเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่าเป็นเสิ่นชิงที่มองเธออย่างเป็นมิตร ตรงกันข้ามกับสวี่ม่ายซุ่ยที่รู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
“นายมาทำอะไรตรงนี้?” เธอถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเกล็ดหิมะที่เกาะอยู่บนร่างกายของเขา
เสิ่นชิงตอบว่า “จางเหวินป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ผมเลยพาหล่อนมาส่งที่ศูนย์อนามัย แล้วคุณล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยยกมือใต้ถุงมือขนแกะขึ้นและค่อยๆ ดึงผ้าพันคอลง เผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวเนียนและอ่อนวัย ตอบด้วยความผ่อนคลาย “ฉันจะไปที่ศูนย์อนามัยเหมือนกัน”
“มีคนที่บ้านคุณป่วยเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไม่ใช่คนที่บ้านของฉันหรอก แต่เป็นผู้อาวุโสที่คอกวัว บังเอิญว่าเมื่อคืนหิมะตกหนัก จึงมีคนเป็นไข้สูง ฉันรู้สึกไม่วางใจจึงจะไปตามหมอให้เขาน่ะ”
เสิ่นชิงเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างใหญ่และตอบด้วยความหนักใจ “หมอคงไม่เต็มใจที่จะออกมาขณะที่หิมะตกหนักแบบนี้หรอก”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ถ้าเขาไม่ออกมา ฉันก็จะซื้อยากลับไป แต่เราจะปล่อยให้คนแก่อยู่แบบนี้ท่ามกลางหิมะตกหนักไม่ได้เด็ดขาด”
เสิ่นชิงเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า “งั้นผมจะไปกับคุณเอง”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อนึกถึงเงื่อนไขที่คอกวัวแล้วเธอจึงตอบตกลง “ก็ได้ ฉันอยากไปซื้อของที่สหกรณ์ด้วย”
เมื่อทั้งสองไปถึงศูนย์อนามัยเป็นที่แรก ก็ได้รับผลลัพธ์ตามที่เสิ่นชิงพูดจริงๆ หมอเห็นหิมะตกหนักขนาดนี้ก็ไม่เต็มใจจะออกไปข้างนอก จึงทำแค่จ่ายยาที่สามารถจ่ายได้กับสวี่ม่ายซุ่ย
ยาในยุคนี้แตกต่างจากยาในยุคต่อๆ มา ไม่ใช่ว่าอยากซื้อยาชนิดใดก็จะซื้อได้หมด แต่จะได้รับยาแค่หนึ่งชนิดต่อหนึ่งมัด ซึ่งทั้งหมดนั้นหมอต้องสั่งจ่ายตามอาการด้วย โดยจะห่อด้วยกระดาษสีเหลืองและแบ่งเป็นมัดละ 4-5 ห่อเท่านั้น
สวี่ม่ายซุ่ยได้รับยาแล้วจึงเดินออกมา และก็ได้เห็นเสิ่นชิงยังรออยู่ข้างนอกจริงๆ “ทำไมนายไม่เข้าไปข้างในด้วยล่ะ”
เสิ่นชิงพูดว่า “ผมเพิ่งออกมา จึงไม่อยากเข้าไปน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยเคยได้ยินเรื่องของเสิ่นชิงกับจางเหวินมาบ้าง เมื่อเขาพูดแบบนั้น เธอจึงเข้าใจในความหมายได้ทันที
“ฉันอยากไปซื้อของที่สหกรณ์ นายไปช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
เสิ่นชิงตอบรับด้วยความกระตือรือร้น “แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อตกลงกันแล้ว ทั้งสองคนก็ไปที่สหกรณ์ และเนื่องจากหิมะตกหนัก จึงมีคนในสหกรณ์ไม่มากนัก สวี่ม่ายซุ่ยไปซื้อเตาที่ร้านขายเครื่องครัว จากนั้นไปซื้อกระดูกหมูชิ้นโตที่ร้านขายเนื้อ และไปซื้อผักกาดขาวจากร้านขายผัก
หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เดินกลับพร้อมกัน เสิ่นชิงก้มมองเตาในมือแล้วถามด้วยความสงสัย “พี่สาว ผมจำได้ว่าที่บ้านคุณก็มีเตาอยู่แล้ว ทำไมยังซื้ออีกเตาล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มและตอบว่า “ฉันไม่ได้ซื้อใช้เองหรอก แต่ซื้อให้พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นต่างหาก”
“คุณก็ซื้อกระดูกชิ้นใหญ่กับผักกาดขาวให้พวกเขาด้วยเหรอ?” เสิ่นชิงยังไม่คลายความสงสัย
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “อืม การใช้ชีวิตในวัยชราแบบนี้ไม่ง่ายสำหรับพวกเขาเลย”
เสิ่นชิงรู้ว่าสวี่ม่ายซุ่ยเป็นคนใจดี และนับตั้งแต่เธอกลายเป็นนักบัญชีหมู่บ้าน เธอก็ดูแลทุกคนดีมาก ไม่เพียงแต่ชาวบ้านเท่านั้นที่ชอบมาขอความช่วยเหลือจากเธอ แม้แต่ยุวปัญญาชนแบบพวกเขาก็ยังเต็มใจที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ
“พี่สาว มีบางเรื่องที่ผมไม่รู้ว่าจะพูดได้ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ยถามว่า “ทำไมเหรอ?”
เสิ่นชิงพูดว่า “พวกเขาแตกต่างจากเรา ตัวตนแท้จริงของพวกเขาค่อนข้างพิเศษ และด้วยนโยบายปัจจุบันก็ยังไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าใกล้พวกเขามากเกินไป”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็ทอดถอนใจ “ฉันเข้าใจความหมายของนาย แต่ฉันทนมองเฉยๆ ไม่ได้จริงๆ
นายไม่ต้องห่วง ฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นฉันจะไม่เข้าใกล้พวกเขาเกินพอดี ฉันแค่อยากช่วยพวกเขาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นายดูหิมะที่ตกหนักสิ พวกเขาไม่มีเตาไฟในกระท่อมด้วยซ้ำ และพวกเขาก็แก่มากแล้ว หากไม่มีใครสนใจพวกเขาจริงๆ ก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถรอดพ้นฤดูหนาวนี้ไปได้”
เสิ่นชิงได้แต่เงียบลงไป เพราะสิ่งที่สวี่ม่ายซุ่ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่คนส่วนใหญ่ล้วนใจร้ายและไม่คิดว่าความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายเกี่ยวอะไรกับตัวเอง
เสิ่นชิงมั่นใจได้ว่าตัวเองก็ทนเห็นชายชราที่มีความสามารถเหล่านี้ล้มตายโดยไร้ความยุติธรรมไม่ได้ หลังจากนั้นเขาไม่เพียงช่วยสวี่ม่ายซุ่ยถือเตา แต่ยังช่วยเธอขนตะกร้าถ่านอีกด้วย
ถ่านก้อนในยุคนี้ต้องทำเองทั้งหมด โดยขุดดินและใช้เศษถ่านหินคลุกกับดินเลน จากนั้นก็ปั้นเป็นก้อน ปั้นออกมาทีละก้อนแล้วตากแดดให้แห้ง เพียงแค่ผึ่งให้แห้งก็พร้อมใช้งานแล้ว
ในครอบครัวของเธอมีผู้ชายสองคนที่สามารถทำได้ และถ่านที่พวกเขาทำก็เพียงพอสำหรับใช้ตลอดฤดูหนาว ดังนั้นสวี่ม่ายซุ่ยจึงไม่รู้สึกเสียดายที่มอบถ่านเพียงเล็กน้อยให้พวกเขา
หลังจากบรรจุสิ่งของทั้งหมดแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็หยิบผ้าห่มอีกผืนจากบ้าน หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินฝ่าลมหิมะไปที่คอกวัว สวี่ม่ายซุ่ยไม่เห็นหลินเซียวกับหลินฟานเลยตั้งแต่กลับบ้าน เธอจึงไม่รู้ว่าพวกเขาไปเล่นที่ไหน
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยกับเสิ่นชิงมาถึงคอกวัวพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ ทุกคนก็ประหลาดใจมาก “นักบัญชีสวี่ คุณจะทำอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ข้างนอกหิมะตกหนักมาก ฉันเลยซื้อเตาไฟสำหรับตั้งไว้ในกระท่อมให้พวกคุณน่ะ” เมื่อพูดจบแล้วเธอก็หันไปยุ่งกับงาน โดยหยิบยาออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้อาวุโสจางพลางเอ่ย “หมอใหญ่เสวี่ยไท่มาไม่ได้ ฉันก็เลยเอายามาให้น่ะ”
“คุณไปรินน้ำหนึ่งแก้วแล้วป้อนยาให้เขา เดี๋ยวฉันเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้”
อาวุโสจางได้ยินแล้วก็ไปจัดการป้อนยาเงียบๆ ตอนที่เขาป่วยนั้นไม่ได้รับอนุญาตจากเบื้องบนให้พบหมอ แต่สำหรับอาวุโสซุนไม่ได้มีคำสั่งลงมาว่าห้ามพบหมอตอนป่วย คราวนี้จึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง
หลังจากให้อาวุโสจางจัดการเรื่องยาแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็หยิบกระดูกชิ้นโตและผักกาดขาวส่วนหนึ่งให้อาวุโสห่าว “อาวุโสห่าว นี่คือกระดูกชิ้นใหญ่กับผักกาดขาว คุณมีฝีมือทำอาหารดีที่สุด งั้นก็ช่วยจัดการทุกคนได้กินของร้อนๆ หน่อยเถอะ”
เมื่ออาวุโสห่าวเห็นกระดูกชิ้นใหญ่และผักกาดขาวที่สวี่ม่ายซุ่ยมอบให้ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ “ได้สิ ได้ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้”
พวกชายชราที่เหลือเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นไปช่วยทันที ทำให้คอกวัวที่ถูกทิ้งร้างแต่เดิมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มีบรรยากาศเรียกว่าคล้ายกับวันปีใหม่จริงๆ
สวี่ม่ายซุ่ยช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้อาวุโสซุน เธอมองหิมะที่ไร้ท่าทีว่าจะหยุดตกข้างนอก และไม่ได้รั้งอยู่นาน ซึ่งหลังจากที่เสิ่นชิงช่วยจุดไฟให้พวกเขาแล้ว พวกเธอก็เดินทางกลับ
ตอนที่เดินไปศูนย์อนามัย หิมะเพิ่งมาถึงข้อเท้า แต่ตอนนี้หิมะสูงถึงน่องแล้ว เดิมทีเสิ่นชิงอยากจะไปส่งเธอ แต่นั่นทำให้เขาต้องย้อนไปมาหลายรอบ สวี่ม่ายซุ่ยจึงบอกให้เขากลับไป ส่วนเธอก็เดินกลับคนเดียวช้าๆ
เมื่อเธอกลับถึงบ้าน หลินเซียวและหลินฟานก็กำลังหนาวจนต้องกระโดดเหยงๆ รออยู่ที่หน้าประตู “แม่ครับ ทำไมเพิ่งจะกลับมาล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยถอดถุงมือออกแล้วหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าพลางตอบว่า “ช้าเพราะไปทำธุระน่ะ แล้วพวกลูกกลับมาตอนไหน?”
หลินเซียวตอบว่า “เราก็เพิ่งกลับมาเหมือนกันครับ”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ยินว่าพวกเขาเพิ่งกลับมา เธอจึงรู้สึกโล่งใจ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนชราพวกนี้โชคดีมากเลยที่มาเจอม่ายซุ่ย หิมะตกหนักขนาดนี้เป็นอะไรที่ลำบากมาก
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION