ตอนที่ 184 ทำงานเดิม
สวี่ม่ายซุ่ยตากผ้าห่มเสร็จ ก็กลับห้องไป แล้วหยิบลูกกวาดสองสามชิ้นออกมา “ขนมปังที่ทำครั้งก่อนโดนเด็กสองคนนั้นกินหมดแล้ว เหลือแค่ลูกกวาดสองสามชิ้น เธอลองดูนะ”
พูดจบก็ส่งให้เหม่ยฟาง
จ้าวเหม่ยฟางมองลูกกวาดที่สวี่ม่ายซุ่ยส่งให้ เผลอหันไปมองหลี่ต้านี หลี่ต้านียิ้มพร้อมพยักหน้าให้ “อยากกินก็หยิบเลย ไม่ต้องเกรงใจอาลูก”
จ้าวเหม่ยฟางได้ฟังแม่หล่อนพูดขนาดนี้ ถึงได้หยิบลูกกวาดออกมาอย่างระมัดระวัง
สวี่ม่ายซุ่ยวางจานไว้ด้านข้างจ้าวเหม่ยฟางแล้วหยิบเก้าอี้จากด้านข้าง คุยเรื่อยเปื่อยกับหนี่ต้านีที่อยู่ข้างๆ กัน “ช่วงสองสามวันนี้บ้านพี่ยุ่งมากเลยสินะ ทำไมไม่เห็นพี่ออกมาเดินเล่นเลย”
หลี่ต้านี “อย่าพูดถึงเลย ตั้งแต่ฉันรับเจ้าใหญ่มา ก็ขาดการช่วยเหลือจากที่บ้าน ยายเฒ่าก็บ้าไปแล้ว วันๆ ส่งจดหมายมาที่บ้านฉัน จะให้ฉันส่งตัวเจ้าใหญ่กลับไปให้ได้”
ตอนหลี่ต้านีพูด สายตาจ้าวเหม่ยฟางที่อยู่ด้านข้างก็ดำมืด ใบหน้าฉายแววเศร้าโศก สวี่ม่ายซุ่ยสังเกตว่าอารมณ์หล่อนหดหู่ลง ก็ถามหลี่ต้านีว่า “พี่คิดยังไง”
“ฉันไม่ส่งแน่นอน ลูกสาวดีๆ ของฉันให้หล่อนเลี้ยงให้ฉันแล้วเป็นแบบนี้ ฉันไม่ไปหาหล่อนก็ไม่ผิด แล้วหล่อนยังจะกล้ามากวนฉัน กวนให้ตายก็ไม่กลับไป”
“สองสามวันนี้ฉันเก็บกวาดห้องเล็กๆแล้ว แล้วก็ใช้เครื่องนอนใหม่ ฟูกใหม่ เก็บห้องที่เป็นระเบียบให้ลูกสาวฉันนอน ใครจะไปนอนห้องโทรมๆของหล่อนกัน”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันก็ว่าอยู่ทำไมพี่ไม่ออกมาเดินเล่น ที่แท้ก็ยุ่งกับเรื่องนี้”
หลี่ต้านี “ใช่น่ะสิ ตอนนี้เธอว่างไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ทำไมเหรอ?”
“เธอไปสหกรณ์เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันอยากไปซื้อไหมพรมมาถักเสื้อคลุมให้เหม่ยฟาง เธอตาดีไปช่วยฉันดูหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้สิ ฉันก็จะไปซื้อพอดี”
ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะเดินไปที่ทางเข้าก็เห็นเสี่ยวห่าวที่ทำงานอยู่ในสหกรณ์ขี่รถเข้ามา “ นักบัญชีสวี่ มีโทรศัพท์ถึงเธอน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยตะลึง “ใครโทรมา?”
เสี่ยวห่าว “เขาบอกว่าชื่อเสี่ยวเกา พูดไปเดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจเอง”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันรู้แล้ว เขาโทรมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เสี่ยวห่าว “ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ไม่รีบร้อน เดินไปรับโทรศัพท์จากเสี่ยวเกาพอดี “ฉันพูดสายเองพี่ พี่ว่ามาเรื่องนั้นจะทำหรือไม่ทำ ฉันเตรียมของไว้หมดแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยนิ่งเงียบไปชั่วครู่ถึงตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ “เสี่ยวเกา เรื่องนี้ทำไม่ได้แล้ว”
เสี่ยวเกาได้ฟังก็ร้อนรนทันที “ฉันบอกแล้วนะ พี่ทำเล่นๆไม่ได้ ของฉันก็ให้ไปหมดแล้ว พี่ไม่ให้ฉันจะทำยังไง นี่พี่ล่มแผนกันนี่”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฝั่งฉันไม่ให้ทำ ฉันก็จนปัญญา”
เสี่ยวเกาฟังจบก็เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดว่า “พี่ งั้นเอาแบบนี้ไหม ของพี่ก็ไม่ได้เยอะ พี่ให้พี่หสาวคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้วช่วยพี่สิ พวกเราจัดการเรื่องตรงหน้าก่อนค่อยว่ากัน”
“ฉันยื้อต่อไปไม่ไหวแล้ว”
คราวนี้ถึงตาสวี่ม่ายซุ่ยเงียบบ้าง ตอนที่เริ่มติดต่อเรื่องนี้เธอก็ดูพูดจาน่าเชื่อถือ ตอนนัดเสี่ยวเกามาพูดก็ดูมั่นใจมาก ตอนนี้เธอกลับทำไม่ได้แล้ว ช่างเป็นการทำร้ายเสี่ยวเกาจริงๆ
“ได้ ฉันจะส่งงานที่มีอยู่ให้นายก่อน”
เสี่ยวเกาฟังจบก็พูดอย่างยินดีปรีดา “ดีเลยพี่สาว ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องมีวิธี งั้นพี่จะมาเมื่อไหร่?”
สวี่ม่ายซุ่ย “พรุ่งนี้ตอนบ่ายเถอะ พบกันที่เดิม”
ขณะทั้งสองกำลังคุยโทรศัพท์ เวลานี้มีพนักงานรับโทรศัพท์อยู่ ทำให้พูดคุยไม่ค่อยสะดวก ทั้งสองคนจึงพยายามพูดจาแบบคลุมเครือ
เสี่ยวเกา “ได้ ฉันจะรอพี่นะ”
หลังรับสายแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็เดินไปทางหลี่ต้านี หล่อนเห็นสวี่ม่ายซุ่ยมีสีหน้าไม่ดีก็ถามด้วยความเป็นห่วง “ใครโทรมา ใช่พี่สะใภ้เธอหรือเปล่า มาขอเงินเธออีกแล้วเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยส่ายหัว “ไม่ใช่”
”งั้นเป็นใคร?”
สวี่ม่ายซุ่ยเหลียวซ้ายแลขวา เห็นว่าไม่มีคนก็ก้มกระซิบข้างหูหลี่ต้านี “ผู้ชายที่ขายคูปองเมื่อครั้งก่อนน่ะ”
หลี่ต้านีเบิกตาโตทันที “เธอติดต่อเขาได้ยังไง?”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่อย่าถามเรื่องนี้เลย ก็แค่เจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย พี่พอจะช่วยได้ไหม?”
หลี่ต้านี “จะมีงานยุ่งอะไรล่ะ เธอมีอะไรก็พูดมา”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่ช่วยฉันถักผ้าพันคอสองสามผืนกับถุงมือได้ไหม?”
หลี่ต้านีก็เคยเห็นโลกกว้างเข่นเดียวกับสวี่ม่ายซุ่ย ฟังเธอพูดขนาดนี้ก็เข้าใจในพริบตา “เธอนี่กล้าจริงๆ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่มีปัญหา ไปเถอะ ไหมพรมก็ไม่ต้องซื้อแล้ว พรุ่งนี้ค่อยพาพี่ไป”
หลี่ต้านีฟังจบก็ไม่เกรงใจ “ได้ กลับไปเถอะ”
พอถึงบ้าน หลังทั้งสองแยกย้ายกัน ก็ได้ยินจ้าวเหม่ยฟางกระซิบหลี่ต้านีว่า “ แม่ แม่สนิทกับอาคนนี้ไหม”
หลี่ต้านี “แน่นอนอยู่แล้ว พ่อลูกกับสามีหล่อนคือพี่น้องร่วมสาบานกัน ลูกมองหล่อนเป็นอาแท้ๆ ก็ได้”
จ้าวเหม่ยฟาง “ค่ะ”
ตกกลางคืนหลินเจี้ยนเยี่ยล้มลุกคลุกฝุ่นกลับมา สวี่ม่ายซุ่ยก็มองเขาพลางถาม “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับคุณน่ะ ทำไมถึงไปนอนห้องหลินเซียว?”
หลินเจี้ยนเยี่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มองเธอตาละห้อย “คุณยังกล้าพูดอีกนะ ผมออกไปรอบหนึ่ง พอกลับมาแม้แต่ผ้าห่มก็ไม่มีห่ม”
สวี่ม่ายซุ่ยก็รู้ว่าเมื่อคืนตนทำกิริยาไม่ดีในตอนนอน ก็ลูบจมูกอย่างร้อนตัว “ใครใช้ให้ดึกดื่นคุณไม่หลับไม่นอนแล้วออกไปวิ่งด้านนอกล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าผมออกไปไกล่เกลี่ยให้คุณหรอกเหรอ”
“แล้วคุณไปหาผู้เฒ่าที่ไหนมาล่ะ?”
“อืม ผมบอกเขาไปว่าคุณคือภรรยาผม ให้เขายอมคุณหน่อย”
“ชิ ฉันนี่สิต้องยอมเขา เขาทั้งอารมณ์ร้ายทั้งหัวดื้อ ฉันขี้เกียจจะยุ่งกับเขาแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองท่าทางอวดดีของสวี่ม่ายซุ่ย ถอนหายใจเบาๆพลางเข้ามาพูด “ผมไม่เคยพูดเรื่องที่ผมมีความสัมพันธ์กับเขาใช่หรือเปล่า?”
สวี่ม่ายซุ่ยมองกล้ามหน้าท้องของหลินเจี้ยนเยี่ยแล้วแอบกลืนน้ำลาย “เปล่า คุณไม่เคยเล่าความลับของคุณให้ฉันฟังเลย”
หลินเจี้ยนเยี่ย “งั้นตอนนี้ผมบอกคุณดีไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบกล้ามหน้าหลินเจี้ยนเยี่ยตอบกลับอย่างออดอ้อน “อืม”
“ตาเฒ่าคนนั้นเป็นอาจารย์ของผมเอง เขาช่วยชีวิตผมในสนามรบ ความสามารถของผมที่นอกจากฝึกกับกองซากศพแล้ว ที่เหลือก็เป็นเขาที่สอน
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็เงยพรวดขึ้นมามองเขา หลินเจี้ยนเยี่ยลูบหน้าลูบตาสวี่ม่ายซุ่ย “คุณอยากจะพูดใช่ไหมว่าทำไมหัวหน้าคนหนึ่งถึงรู้จักผม”
“อืม”
“คุณรู้ไหมว่าทำไมการเลื่อนขั้นในสนามรบถึงเร็วที่สุด นั่นก็เพราะเมื่อใดที่หัวหน้าคนหนึ่งล้ม หัวหน้าอีกคนก็ขึ้นมา ตอนทั้งกลุ่มเหลือแค่คนเดียวก็คือผู้บังคับกองร้อย”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จู่ๆ ก็เอื้อมมือมากอดเอวหลินเจี้ยนเยี่ย “คุณไม่ต้องตะล่อมฉัน คุณอยากให้ฉันดูแลเขาไม่ใช่หรือไง?”
“คุณวางใจได้ เขาถึงขั้นที่ว่าเผชิญคมดาบกับศัตรูในสนามรบขนาดนั้น ฉันก็ต้องดูแลเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นอาจารย์คุณ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณแสนดีที่สุด”
จู่ๆ สวี่ม่ายซุ่ยก็ยิ้มอ่อนโยนให้หลินเจี้ยนเยี่ย “ดูแลก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่”
หลินเจี้ยนเยี่ยหายใจแรงตอบกลับ “พูดมา!”
สวี่ม่ายซุ่ย “คุณซักเสื้อผ้าฤดูหนาวนี้ให้หมดนะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เงื่อนไขโหดร้ายจังเลยม่ายซุ่ย พี่เยี่ยบ่นแน่ ยังไม่รวมเรื่องที่แอบทำงานเสริมแบบเสี่ยงโดนจับอีกนะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION