ตอนที่ 176 ใครเป็นคนทำกับข้าว ใครคุมบ้าน
หลินเจี้ยนเยี่ยมีธุระในตอนเที่ยงและไม่ได้กลับมา ในบ้านเลยเหลือแค่พวกเธอสามแม่ลูก เดิมทีสวี่ม่ายซุ่ยคิดจะลุกขึ้นมาทำกับข้าว ยังไม่ทันรอให้เธอเข้าใจก็ได้รับคำตำหนิจากหลินฟานอย่างจริงจัง “แม่ สภาพร่างกายแม่ไม่ค่อยดี จะทำกับข้าวได้ยังไง”
สวี่ม่ายซุ่ย “แม่ไม่ทำแล้วพวกลูกจะกินอะไร?”
หลินฟานส่ายหัวเล็กๆ สุดแรง ครั้นหันไปเห็นหลินเซียวแล้วก็เห็นทางสว่าง ใช้มือเล็กๆ ชี้ไปพลางพูด “พี่ชายทำ”
หลินเซียวที่กำลังดื่มด่ำกับความสุขสบายช่วงปิดเทอมแทบทนไม่ไหวที่จะเผ่นหนี ยังไม่ทันได้ทำจริงตามที่คิดไว้ก็เห็นสายตาข่มขู่ของหลินฟาน พริบตาเดียวก็ต้องพับความคิดก่อนหน้าเก็บ “ก็ได้ ฉันเป็นคนทำ”
สวี่ม่ายซุ่ยมองหลินเซียวที่เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน จึงกระซิบถามหลินฟานว่า “พี่ชายลูกให้ผลประโยชน์อะไรกับลูกเหรอ?”
หลินฟานรีบปิดปากเล็กๆ อย่างระแวดระวัง “บอกไม่ได้ แม่รีบกลับไปพักผ่อน”
ได้ยินว่าเด็กซนทั้งสองทำอาหาร สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่กล้าไปพักผ่อน ทำได้แค่ชี้ไปที่เก้าอี้ไม้เล็กๆ นอกห้องครัว “แม่จะนั่งพักอยู่นี่ ลูกสองคนทำกับข้าวไป”
หลินฟานฟังจบก็ลังเลสักพักก่อนพยักหน้าเห็นด้วย
รอหลินฟานเข้าห้องครัวไปก็ได้ยินหลินเซียวกำลังต่อว่าเขา “นายโง่หรือเปล่า ฉันทำกับข้าวกินได้หรอ นายถึงให้ฉันทำ นายรอแม่ทำเสร็จค่อยทำต่อไม่ได้เหรอ”
หลินฟาน “จะทำได้ยังไง แม่ป่วยอยู่นะ”
“แม่ปวดท้องไม่ใช่ป่วย สภาพนายแบบนี้แล้วยังอยากเป็นหมอ แม้แต่พยาบาลก็ไม่เอานาย”
หลินฟานมองหลินเซียวอย่างโกรธเคืองพูดว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นพยาบาลสักหน่อย อยากเป็นหมอเท่านั้น”
หลินเซียวพูดอย่างเหยียดหยาม “นายเนี่ยนะ ใครจะยอมให้นายตรวจ?”
หลินฟาน “ถึงเวลาถ้าพี่มาขอร้องฉัน ฉันจะไม่ตรวจให้พี่เลย”
หลินเซียว “นายวางใจได้ ฉันยอมไม่ไปขอร้องนายตลอดชีวิต”
ไม่มีใครรู้ว่าคำพูดประโยคนี้จะเป็นไปตามนั้นในสักวันอย่างคิดไม่ถึง หลินเซียวร่ำร้องโทรให้หลินฟานช่วยสหายศึกของเขา หลินฟานก็เห็นใจในคำพูดประโยคนี้ของเขา จึงรีบเดินทางไกลกลับมาอย่างไม่ย่อท้อ
สวี่ม่ายซุ่ยไม่ได้พูดแทรกการประชันฝีปากของเด็กสองคนเลย กลับเดินเข้าห้องไปเอาเมล็ดแตง นั่งตากแดดไปพลางแทะเมล็ดแตง เรียกได้ว่าสุขใจมาก
หลินเซียวกับหลินฟานช่วยสวี่ม่ายซุ่ยทำงาน ลอกเลียนแบบจนทำได้แล้ว สวี่ม่ายซุ่ยเลยไม่ได้เป็นห่วง
“ลูกสองคนทำบะหมี่ก็พอ ไม่ต้องซับซ้อนมาก” สวี่ม่ายซุ่ยเกิดความกลัวว่าเด็กสองคนท้าทายตัวเองแล้วจะอดไม่ไหวตะโกนเรียกด้านนอก
หลินเซียว “สายไปแล้ว พวกผมเตรียมผัดมันฝรั่งแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยหัวเราะแหะๆ “ผัดมันฝรั่งก็ดี”
หลินฟานมองมันฝรั่งที่ถูกหั่นเป็นชิ้นใหญ่เบิ้มบนโต๊ะกับถั่วฝักยาวท่อนขนาดนิ้วชี้แล้วก็ตกอยู่ในภวังค์ “พี่ พี่หั่นใหญ่ไปหน่อยหรือเปล่า?”
หลินเซียวกลอกตา “ไม่งั้นนายมาทำ?”
หลินฟาน “ผมทำไม่เป็น”
หลินเซียว “ทำไม่เป็นก็หัดทำตัวว่าง่าย ไปช่วยก่อไฟซะ”
พูดจบก็เอาเนื้อหมูที่แม่ตุ๋นพะโล้ไว้แล้วออกมา
เพื่อที่จะผัดกับข้าวได้สะดวก เนื้อหมูที่ซื้อมาจึงถูกนำมาหมักเกลือไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนผัดกับข้าวก็ยกออกมาใส่นิดหน่อย
“พี่ พี่จะใส่เนื้อด้วยเหรอ?”
หลินเซียว “ไร้สาระ”
หลินฟานมองท่าทางมั่นอกมั่นใจของพี่ชาย ใครจะรู้ว่าเขาเพิ่งจะจุดไฟ พี่ชายเขาก็ราดน้ำมันลงกระทะ ตอนที่เขายังไม่ได้สติกลับมา ก็เห็นพี่ชายเขาหยิบเนื้อใส่ลงกระทะเหมือนของไม่มีราคาค่างวดใด
หลินฟานกระซิบพูดเตือน “พี่ชาย พี่ใส่เยอะเกินไปหรือเปล่า แม่ใส่นิดเดียวเองนะ”
หลินเซียวตักเนื้อหมูพลางตอบกลับโดยไม่หันมามอง “ใส่น้อยจะไปพอกินอะไร จะทำกับข้าวทีไม่ง่ายเลย ไม่ใส่ให้เยอะๆหน่อย”
หลินฟานฟังจบก็รู้สึกว่าพี่เขาพูดได้ถูกต้อง เลยกระซิบอีกว่า “งั้นพี่ใส่อีกหน่อย”
หลินเซียว “วางใจเถอะ ฉันรู้”
เพราะหลินเซียวยุ่งกับการใส่เนื้อ แม้ว่าจะไม่ทันรอให้กระทะร้อนแล้วใส่เนื้อ แต่กลิ่นหอมก็ค่อยๆ โชยออกมาตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น เพื่อนบ้านอย่างเฉินจินเป่ากับเฉินจินเฟิ่งรีบวิ่งไปที่ปลายกำแพง พูดพลางถามว่า “หอมจัง?”
“ฉันอยากกินเนื้อ”
เฉินจินเฟิ่ง “ฉันก็อยากกินเนื้อ”
เฉินจินเป่าตาเป็นประกาย “รอพ่อกลับมาค่อยบอกพ่อ”
เฉินจินเฟิ่ง “ได้”
แม้เด็กทั้งสองจะปรึกษากันดีแล้ว แต่พอถูกกลิ่นหอมสะกดไว้ ใครก็ไม่อาจตัดใจจากไปได้ ตอนที่หลบอยู่มุมกำแพง แม่เฒ่าเฉินก็เห็นเด็กสองคนในสภาพนี้ จึงกลอกตาใส่ทางบ้านสวี่ม่ายซุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“กิน กิน กิน วันๆ รู้จักแต่กิน กลัวว่าสักวันคงกินกางเกงเข้าไปหมดล่ะมั้ง”
ภรรยาเฉินเยวี่ยได้กลิ่นหอมจากข้างบ้านก็รู้สึกหิว หันไปลองสอบถามแม่เฒ่าเฉิน “แม่ ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้พวกเรายังไม่ได้กินเนื้อเลย ผู้ใหญ่น่ะพอทนได้ แต่เด็กน่ะทนไม่ไหวหรอกนะ”
“ไม่งั้นให้ฉันไปเจียดซื้อมาสักหน่อย?”
แม่เฒ่าเฉินหลุบตาหูผึ่ง ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “มีคูปองอยู่ก็ไปเถอะ”
“แม่ คูปองเนื้อบ้านเราอยู่ที่แม่หมดไม่ใช่เหรอคะ?”
แม่เฒ่าเฉิน “ใช้หมดไปตั้งนานแล้ว มีคูปองเนื้อที่ไหนล่ะ?”
“จะเป็นไปได้ไง คูปองเนื้อที่เฉินเยวี่ยส่งมาเดือนที่แล้ว พวกเราไม่ได้ใช้สักใบ”
แม่เฒ่าเฉินฟังจบก็ตอบกลับอย่างไม่สนใจ “ให้พี่ใหญ่เธอไปหมดแล้ว”
“ให้พี่ใหญ่ไปหมดแล้วอะไร แม่ แม่รู้ไหมว่านั่นคือของที่เฉินเยวี่ยหามา แม่บอกจะให้พี่ใหญ่ก็ให้ ไม่ได้ถามเราสักคำ ไม่นึกเลยว่าแม่จะลำเอียงขนาดนี้”
แม่เฒ่าเฉินเห็นภรรยาเฉินเยวี่ยกล้าเถียงตนอย่างไม่คาดคิด ก็ตะโกนเสียงแหลมทันที “นังสารเลวหน้าไม่อาย แกกล้าขึ้นเสียงกับฉันเหรอ แกนี่มันไม่เคารพฉันเลยสินะ”
“ฉันไม่ตบตีแกสองวัน แกก็ไม่รู้จักชื่อแซ่แกแล้วใช่ไหม?”
ภรรยาเฉินเยวี่ย “แกมันยัยแก่ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เป็นสังคมสมัยใหม่แล้ว แกกล้าตีฉันเมื่อไหร่ ฉันจะไปฟ้องร้อง”
เพิ่งจะพูดออกมา แม่เฒ่าเฉินก็ฟาดไปหนึ่งฉาด “เป็นเมียเจ้าหน้าที่ได้สองวัน แกก็ไม่รู้ชื่อแซ่ตัวเองซะแล้ว วันนี้ฉันจะทำให้รู้ว่าใครกันแน่ที่คุมบ้าน”
ตอนที่ภรรยาเฉินเยวี่ยเพิ่งจะตบตีกับแม่เฒ่าเฉิน สวี่ม่ายซุ่ยก็นั่งอยู่แถวนั้นพอดีและแนบหูแอบฟังทั้งสองคนตีกันมาตลอด ฟังไปฟังมาก็ได้กลิ่นไหม้ ตอนที่ได้สติวิ่งไปที่ห้องครัวก็พบว่าของในกระทะไหม้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
สวี่ม่ายซุ่ยรีบแหวกเด็กๆ เทน้ำราดลงไปครึ่งหนึ่ง “ลูกหั่นใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่เติมน้ำอีก?”
หลินเซียว “ผมเห็นแม่ไม่เติมน้ำเลย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ตอนแม่เติมน้ำ ลูกก็วิ่งไปแล้ว ลูกเคยเห็นที่ไหน” เพิ่งจะพูดออกมาก็ได้ยินเสียงต่อว่าของเฉินเยวี่ยดังมาจากข้างบ้าน
สวี่ม่ายซุ่ยรีบวางตะหลิว วิ่งไปด้านนอก “ไม่มีอะไรแล้ว ลูกสองคนพลิกเอาหน่อยก็พอ” พูดจบก็ไม่เห็นเงาคนแล้ว
เมื่อเฉินเยวี่ยกลับถึงบ้าน ก็เห็นภรรยาตัวเองกับแม่กำลังวางมวยกัน โดยที่เด็กสองสามคนยืนตะลึงงันอยู่ด้านข้างอย่างทำอะไรไม่ถูก
เพิ่งจะแยกออกได้ แม่เฒ่าเฉินก็นั่งแปะบนพื้น ตีอกชกหัวร่ำร้องว่า “ลูกชายของฉัน แกกลับมาจนได้ ถ้าแกยังไม่กลับมา แม่แกคงโดนนังงูพิษนี่ตีจนตายแล้ว”
เฉินเยวี่ยมองใบหน้าที่บาดเจ็บของแม่เฒ่าเฉิน สายตาพลันดำมืด มองจางชุ่ยฮวาที่ได้รับบาดเจ็บหนัก ถามว่า “ทำร้ายแม่ผมทำไม?”
จางชุ่ยฮวาเห็นเฉินเยวี่ยแบบนี้ก็ตกใจจนตัวสั่น “ไม่…ฉันไม่ได้ทำ เป็นแม่ที่ทำร้ายฉันก่อน”
“แกพูดเหลวไหล เป็นแกที่ลงมือก่อน แกนี่ทั้งขี้เกียจทั้งตะกละ เนื้อสองชิ้นก็ตะกละจนลืมชื่อแซ่หมดแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ็นดูความเพิ่งหัดทำอาหารของเด็กๆ ยามเห็นว่าแม่ไม่สบายจริงๆ
บ้านเฉินนี่ก็มีปัญหาตลอดน้อ ไม่ตีกับข้างบ้านก็ตีกันเอง
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION