บทที่ 126 หายนะมาถึง
หวังชีพาเหยียนเฟิงและเหยียนหลิ่วออกไปด้วยกัน แต่เมื่อออกไปได้นาน สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่คาดคิด เกิดลมกรรโชกแรง ต้นไม้บนภูเขาถูกลมพัดจนใบสีเหลืองร่วงหล่นกระจายไปทั่ว
“อีกเดี๋ยวฝนก็คงตกหนัก” นางกู้และเหยียนซีบ่นพึมพำ
เหยียนซีช่วยนางกู้เก็บเสื้อผ้าเข้าไปด้านใน ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูบ้านเก่าดังขึ้น นางหวังจึงตกใจตื่น
พวกนางทั้งสามเปิดประตูออกมา และเห็นว่าเป็นชาวนาที่เช่าที่ดินของนางหวังมาส่งค่าเช่าที่ เจ้าของที่ดินขายที่ร่วมกับผลผลิตที่อยู่ในนั้น ดังนั้นค่าเช่าทั้งหมดจึงถูกส่งมายังบ้านตระกูลหลิว
ชาวนาเช่าที่แบกกระสอบข้าวฟ่างขึ้นบ่ามาที่หน้าประตู ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฟ้าร้องดังไล่หลังมา จากนั้นไม่นานนักฝนก็เริ่มตกหนักขึ้น
“โอ้! อากาศเลวร้ายอะไรอย่างนี้ ตอนเที่ยงฟ้ายังสว่างอยู่เลย” ชาวนาพึมพำ
“ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกเลย”
“ฮูหยิน ข้าเอาข้าวนี่มาให้ท่าน” ชาวนาที่เป็นผู้เช่าเอ่ยกับนางหวัง “หลังจากชั่งน้ำหนักข้าวเรียบร้อยแล้ว เราจะได้รีบกลับไป”
“ฝนตกหนักมาก เจ้าจะตากฝนไปได้ยังไง อยู่กินข้าวที่บ้านข้าก่อน รอให้ฝนซาค่อยออกไป” นางหวังไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาลุยฝนกลับออกไปได้
ผู้เช่าที่เหล่านี้ล้วนมาจากหมู่บ้านใกล้เคียง ดังนั้นหากไม่เลี้ยงอาหารพวกเขาจะทำให้ดูตระหนี่ถี่เหนียว เพราะครอบครัวตระกูลหลิวค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่บ้านละแวกนี้ และยิ่งฝนตกหนักเช่นนี้ยิ่งแบกของเดินทางไม่สะดวก
นอกจากนี้ตามธรรมเนียมแล้ว เมื่อมีคนมาเช่าที่ทำนา ครอบครัวเจ้าของที่ดินก็ควรจะเลี้ยงอาหารพวกเขา ตอนนี้ที่บ้านยังไม่มีอาหารว่าง จึงเลี้ยงเป็นอาหารเย็นให้พวกเขาแทน
หลังจากบ่ายเบี่ยงเล็กน้อย เหล่าผู้เช่าก็ยอมรับและชั่งน้ำหนักข้าวเพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณถูกต้อง อีกทั้งพวกเขาก็ยังช่วยกันเก็บข้าวของเข้าไปในยุ้งฉางของตระกูลหลิว จากนั้นหลายคนก็มานั่งอยู่ที่ห้องโถงในบ้านหลังเก่าเพื่อพูดคุยกัน
ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนตกหนักจนยากที่จะบอกได้ว่าเป็นยามไหนแล้ว
เหยียนซีและนางกู้เริ่มทำอาหาร จัดโต๊ะ และเตรียมเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว ทั้งยังให้บรรดาชาวนาเช่าที่เข้าไปรอที่ห้องโถงในบ้าน เนื่องจากไม่มีผู้ชายในบ้านที่จะไปนั่งดื่มร่วมกับแขก พวกเขาจึงนั่งดื่มและพูดคุยกันเองที่นั่น
เหล่าผู้เช่าเห็นว่ามีอาหารหลายจานและสุราเหลือเฟือ ก็เกรงอกเกรงใจในช่วงแรก แต่หลังจากดื่มไปสองสามจอกภายในห้องโถงก็เริ่มครื้นเครงและเต็มไปด้วยความสนุกสนานขึ้นมา
นางหวัง เหยียนซีและนางกู้กินข้าวอยู่ในครัวกันสามคน เมื่อเห็นว่าฝนน่าจะยังไม่หยุดตกไปอีกสักระยะ และอากาศยังเย็นลงอีก นางหวังก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “เอ้อร์หลางบอกว่าวันนี้จะมาถึงแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเตรียมร่มมาหรือไม่ ฝนตกหนักออกอย่างนี้”
“ท่านป้าไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้าให้เหยียนเฟิงเอาเกวียนออกไปรับ มีผ้าเคลือบน้ำมันอยู่บนเกวียน รับรองได้ว่าจะไม่เปียก” เหยียนซีปลอบโยนนางแล้วหันไปเอ่ยกับนางกู้ “ป้ากู้เองก็ไม่ต้องกังวล ตอนนี้พี่หวังชีก็น่าจะถึงท่าเรือแล้ว”
“เด็กนั่นแข็งแรงไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก” นางกู้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาตัวใหญ่บึกบึน ฝนตกเท่านี้ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
ทั้งสามพูดคุยและหัวเราะด้วยกัน ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากหน้าลานบ้านดังขึ้นอีกครั้ง
“เอ้อร์หลางกลับมาแล้วงั้นหรือ ประตูแง้มอยู่ น่าจะดันเข้ามาได้เลยนี่” นางหวังพูดขึ้น เอื้อมมือไปหยิบเสื้อกันฝนใยมะพร้าวที่แขวนอยู่ที่ประตู
“ท่านนั่งรอที่นี่เถอะ เดี๋ยวข้าจะไปดูให้เอง ประตูบ้านใหม่ลงกลอนไว้ บางทีเกวียนอาจจะกำลังจะขับเข้ามา” นางกู้เอาเสื้อกันฝนมาสวม เปิดประตูบ้านแล้ววิ่งออกไป
ชาวนาที่เช่าซึ่งกำลังกินอาหารอยู่ในห้องโถงก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวนี้เช่นกัน นางหวังไปยืนอยู่ใต้ชายคาของบ้านและตะโกนขึ้น “คนในบ้านเรากลับมาจากข้างนอก พวกเจ้ากินข้าวกันต่อเถอะ” ในมือของนางมีร่มอยู่ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเป็นหมวกไม้ไผ่ นางเดินตามนางกู้ออกไป นานแล้วที่ไม่ได้เจอหลิวเหิง จึงอยากจะไปพบเขาเร็ว ๆ อีกทั้งตอนนี้ฝนยังตกหนักมากเกรงว่าพวกเขาจะไม่มีร่ม
เหยียนซีเองก็เดินตามไปที่ประตูหน้าห้องครัว นางหวังหันมาพูดกับเด็กหญิงทันที “ซีเอ๋อร์ เจ้ารอตรงนั้นดีกว่า ไม่ต้องออกมาเดี๋ยวจะเปียกฝน” เหยียนซีไม่มีร่ม ดังนั้นเธอจึงรออยู่ที่ใต้ชายคาแทน
เมื่อนางกู้หันกลับมามองก็พบว่านางหวังเดินตามมา “ท่านคงคิดถึงนายท่านจู่เหรินมากแล้วใช่หรือไม่” ระหว่างที่เอ่ยเช่นนั้น นางก็ยังได้ยินเสียงเคาะประตูสองครั้งที่ลานหน้าบ้าน นางกู้จึงรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วเอ่ยด้วยเสียงดัง “ประตูไม่ได้ใส่กลอน เสี่ยวเฟิง เจ้าผลักประตูเข้ามาได้เลย” ระหว่างที่พูดก็เดินไปถึงประตูด้านหน้า
เมื่อได้ยินดังนั้นคนด้านนอกจึงหยุดเคาะประตู
เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ถูกเปิดออก นางกู้ก็เข้าใจว่าเสียงฝนคงดังเกินไป และพวกเขาคงไม่ได้ยินเสียงตนเอง จึงยื่นมือไปเปิดประตู และกำลังจะพูดกับพวกเขา “นายท่านจู่เหริน” ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าฟาดลงมาเสียงดัง คนตรงหน้าไม่ใช่เหยียนเฟิงหรือใครในบ้าน กลับเป็นชายชุดดำที่ปกปิดใบหน้าเห็นแต่เพียงดวงตาเท่านั้น
นางกู้พยายามจะปิดประตูให้เร็วที่สุดด้วยสัญชาตญาณ แต่คนด้านหน้าเคลื่อนไหวเร็วกว่า หลังจากเตะประตูให้เปิดออก นางกู้ที่อยู่หลังประตูก็กระเด็นเข้ามาอย่างแรง
นางกู้กรีดร้องด้วยความตกใจ ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง อีกทั้งประตูหน้าก็เปิดออกเสียงดังกระแทกร่างของนางซ้ำอีก
นางหวังที่เดินตามมาไม่ทันจะได้อ้าปากร้อง ชายคนนั้นก็เข้ามาถึงลานหน้าบ้านแล้ว หลังจากชายชุดดำยกเท้าถีบประตูให้เปิดออก ก็เข้ามาใช้ดาบเฉือนที่คอนางกู้
นางกู้ยืนเอามือกุมคอ อยากจะกรีดร้องแต่ก็ไร้เสียงออกมา ยื่นมือออกมาข้างหน้าอย่างไร้ซึ่งความหวัง ขณะนี้เลือดของนางไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ
ดวงตาของนางหวังเบิกกว้าง และร้องเสียงหลง “นี่พวกเจ้า!” นางหวังยืนขวาง ชายผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นจะแทง แต่นางหวังไม่สนใจ รีบหันหลังกลับแล้วตะโกนสุดเสียงใส่เหยียนซี “ซีเอ๋อร์ เร็วเข้า รีบหนีไป” โลหะสีเงินแทงทะลุอกของนางหวังออกมาจากด้านหลัง
เหยียนซีหวาดกลัวกับภาพที่เห็น เสียงกรีดร้องของนางหวังดังขึ้น ปลายแวววาวแหลมคมของดาบแทงทะลุตัวนางออกมา
“ท่านป้า!” เหยียนซีอุทาน
ชายชุดดำดึงดาบออกมาแล้วพุ่งตัวมาทางเหยียนซี กำลังจะก้าวขาแต่พบว่าถูกรั้งเอาไว้ เมื่อหันไปมองก็พบนางหวังที่กำลังกระอักเลือด กอดขาของตนเอาไว้แน่น “ซีเอ๋อร์ วิ่ง!”
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! มีโจรฆ่าคน!!” เหยียนซีกรีดร้องหันหลังวิ่งไปที่โถงบ้าน
ชายชุดดำเตะนางหวังสองสามครั้ง แต่นางก็ไม่ยอมปล่อยมือ จึงแทงนางซ้ำสอง และหักมือให้ตัวเองหลุดจากการเกาะกุม
ชายชุดดำผงะ เมื่อพบว่ามีชายฉกรรจ์หกเจ็ดคนนั่งอยู่ในห้องโถงของบ้าน
“หนีเร็ว!” เหยียนซีวิ่งหนีเข้ามาทางประตู แล้วเอ่ยกับเหล่าผู้เช่าที่
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร!?” เหล่าชาวนายืนขึ้น และถามเสียงดัง ถือคานหาบที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
ชายชุดดำหันมอง แล้วตรงเข้ามาหาพวกเขาพร้อมดาบในมือ
คมดาบเปื้อนเลือดหันเข้าใส่ชาวนาที่กำลังตื่นตระหนก พวกเขาเอาคานหาบและตะกร้าขึ้นมา แต่ชาวนาทั่วไปจะสามารถเป็นคู่มือของนักฆ่าที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ได้อย่างไร
ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ใช้ของเหล่านั้นเป็นอาวุธ ก็ถูกมือสังหารจ้วงแทงไปเสียก่อน
บางคนกรีดร้อง บางคนวิ่งหนี แต่ชายชุดดำก็โจมตีที่จุดตายอย่างแม่นยำ ทั้งเชือดคอ แทงทะลุหัวใจ ทำให้ไม่มีใครหนีรอดไปได้
เหยียนซีรีบวิ่งผ่านประตูไปทางบ้านหลังใหม่ เธอกรีดร้องเมื่อเห็นว่าชายชุดดำตามมาทัน
เด็กหญิงร้องเสียงหลง “ช่วยด้วย!!” เธอพยายามจะวิ่งออกจากลานนอกบ้าน เพื่อไปยังถนนในหมู่บ้าน ชายชุดดำขมวดคิ้ว ยืนอยู่ที่ทางเข้า เอาดาบขึ้นมาขว้างใส่เหยียนซี
เหยียนซีร้องขึ้น “โอ๊ย!!” หลังจากนั้นไม่นานความเจ็บก็เล่นงาน สมองมึนงงก่อนที่ร่างเล็กจะล้มลงไปกองกับพื้น
MANGA DISCUSSION