บทที่ 93 แหจับปลา
เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมทำใยป่านไม่เป็น ปกติลูกสะใภ้เป็นคนทำ เชือกป่านในเรือนจึงเก็บไว้ใต้เตียงของบรรดาลูกสะใภ้
เดิมทีเย่อวี๋หรานยังกลัวว่าจะไม่พอใช้ คิดไม่ถึงว่าจะหาออกมาได้เยอะเพียงนี้ นางประมาณดูคร่าว ๆ พบว่าเชือกป่านมีพอให้สานแหได้มากกว่าหนึ่งปากเลยทีเดียว
“ไปหาท่อนไม้มา” เย่อวี๋หรานบอก
“อันนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ?” หลี่ซื่อหามาได้หนึ่งอัน
เย่อวี๋หรานดูแล้วก็คิดว่าน่าจะใช้งานได้ จึงเรียกลูกสะใภ้กับเด็กสาวทั้งหลายมา “ข้าจะทำให้ดูก่อน พวกเจ้าดูว่าข้าสานอย่างไร จากนั้นก็ทำตามข้า”
ถึงจะไม่รู้ว่านางจะทำอะไร แต่ทุกคนก็ผงกศีรษะ
เย่อวี๋หรานลองทาบดูแล้วจึงผูกปมไว้ด้านหนึ่ง เหลือความยาวไว้เท่าที่ต้องการ ผูกเชือกไว้ตามแนวนอนของท่อนไม้
จากนั้นนางก็เอาเชือกป่านมาอีกมัด ผูกไว้บนท่อนไม้ตามแนวดิ่ง เหลือความยาวเท่าที่ต้องการเอาไว้
“เห็นหรือยัง ความยาวเท่านี้ พวกเจ้าตัดเชือกป่านให้ข้า ข้าจะได้เอามามัดไว้”
ครั้นตัดมาหนึ่งเส้น นางก็เอาเส้นนั้นไปผูก
วิธีการก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ เอาไปผูกไว้ตามแนวดิ่ง แต่นางผูกไว้ข้าง ๆ กับเชือกเส้นแรก โดยทิ้งช่วงไว้ประมาณสองข้อนิ้ว
ถ้าความยาวไม่พอก็ไม่ต้องกังวล ค่อยเอาเชือกมาผูกต่อข้างล่างก็ได้
อย่างไรเสียครั้งนี้ก็คือทดลองนำไปใช้ก่อน ไม่แน่ว่าจะต้องสำเร็จ พอถูไถไปได้ก็พอแล้ว
รอจนเย่อวี๋หรานผูกเชือกป่านเสร็จเรียบร้อย ก็ได้สิ่งของที่มีหน้าตาเหมือนพู่เรียงหน้ากระดานออกมา
“เอาล่ะ พวกเจ้าดูให้ดี เอาเชือกสองเส้นที่อยู่ข้าง ๆ กันมาผูกปมเอาไว้ ทำได้ใช่ไหม?”
เย่อวี๋หรานเอาเชือกป่านสองเส้นมาผูกกัน สอนพวกนางว่าต้องผูกปมอย่างไร
“ที่จริงก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก แต่ต้องใช้ความอดทนหน่อยเท่านั้น พวกเราเหลือปลายเชือกไว้ค่อนข้างยาว ดังนั้นต้องค่อย ๆ ถักไปอย่างใจเย็น”
“เชือกป่านค่อนข้างหยาบ สานไม่ง่าย กินแรงอยู่บ้าง”
“ข้าจะสานแถวแรกให้ก่อน พวกเจ้าแต่ละคนก็ช่วยกันสาน ความยาวแถวล่างต้องได้ประมาณเท่า ๆ กับแถวแรกที่ข้าทำ ไม่อาจยาวเกินไป แต่ก็ไม่อาจสั้นเกินไป เข้าใจหรือไม่?”
……
หลี่ซื่อสงสัย “ท่านแม่ อันนี้คืออะไรเจ้าคะ?”
เย่อวี๋หรานกลัวว่าพวกนางไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่แล้วจะไม่ตั้งใจทำ จึงคิดว่าควรจะต้องบอกพวกนาง “แหปลา”
“แหปลา? คืออะไรเจ้าคะ?”
“เป็นของที่ชาวประมงซึ่งอาศัยอยู่ริมน้ำใช้จับปลา แต่ยังแพร่หลายมาไม่ถึงพวกเราทางนี้จึงยังไม่มีใครรู้จัก” เย่อวี๋หรานพูด “แหปลาของพวกเขาใช้งานได้ทนทานกว่าของข้ามากนัก แหปากหนึ่งใช้งานได้หลายครั้ง ส่วนของพวกเรานี้เกรงว่าคงจะใช้ได้ไม่กี่ครั้งกระมัง”
นางยังเปรียบเทียบให้รู้ว่าปลาขนาดตัวประมาณเท่าใดจึงจะติดอยู่ในตาแหได้พอดี
“เข้าใจแล้วหรือยัง ถึงตอนนั้นปลาก็จะติดอยู่ในนี้ ดังนั้นพวกเจ้าจะต้องระวังช่องพวกนี้ให้ดี ใหญ่เกินไป ปลาก็จะหลุดไปได้ เล็กเกินไป ปลาก็จะเข้ามาไม่ได้”
แม้จะยังไม่เริ่มทำงาน แต่หลี่ซื่อก็เชื่อสนิทใจ รีบประจบประแจงเย่อวี๋หรานทันที บอกว่าสมกับที่เป็นท่านแม่จริง ๆ แม้แต่ของแบบนี้ก็ยังคิดออกมาได้
เย่อวี๋หรานจึงฉวยโอกาสนี้โฆษณาข้อดีของการอ่านตำราเสียหน่อย “อันนี้ข้าไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่มันเขียนไว้ในตำรา พวกเจ้าไม่รู้จักหนังสือจึงไม่รู้ว่ามีวิธีเช่นนี้อยู่ ถ้าต่อไปพวกเจ้าอ่านหนังสือออกแล้ว วิธีทำอาหารหรือทำสิ่งของพวกนี้ล้วนมีทั้งหมด พวกเจ้าสามารถไปศึกษาด้วยตนเองได้”
“จริงหรือเจ้าคะ?!” หลี่ซื่อนึกทึ่ง “ท่านแม่ ในตำรามีอะไรเยอะเพียงนั้นเชียว?”
เย่อวี๋หรานพยักหน้า “แน่นอน ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดบ้านสกุลใหญ่จึงให้นายน้อยและคุณหนูทั้งหลายเรียนหนังสือกันเล่า? ยังไม่ใช่เพื่อให้พวกเขาอ่านตำราศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตนเองอีกหรือ?”
“มิน่าล่ะ บ้านสกุลใหญ่ถึงได้มีเงินมากมายเช่นนั้น” หลี่ซื่อพลันเข้าใจขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านลองคิดดู ของพวกนี้มีเขียนไว้แต่ในตำรา มีแค่นายน้อยและคุณหนูบ้านสกุลใหญ่จึงรู้หนังสือ แบบนี้ไม่เท่ากับว่ามีแค่พวกเขาจึงสามารถเล่าเรียนสิ่งที่เขียนไว้ในนั้นได้หรอกหรือเจ้าคะ? ส่วนพวกเราที่เป็นชาวนายากจนล้วนไม่รู้จักตัวอักษรสักตัว ชั่วชีวิตก็คงไม่คิดไปอ่านตำรา เช่นนี้ก็เท่ากับว่าไม่มีทางไปค้นพบความลับในหนังสือไปชั่วรุ่นชั่วหลานเลยหรือเจ้าคะ?”
จูปาเม่ยฟังแล้วก็จิตใจสั่นสะท้านพลางมองมาทางนี้ หรือว่านี่ก็คือเหตุผลที่ท่านแม่เอาแต่บังคับให้นางกับพี่เจ็ดและหลานชายทั้งสองท่องตำรา?
“ถึงจะไม่ถูกไปเสียทั้งหมด แต่ก็ประมาณนั้นแหละ” เย่อวี๋หรานกล่าวด้วยท่าทางสุขุม “เอาล่ะ ทำงานเถอะ ถ้าพวกเราสามารถทำเสร็จกันภายในวันนี้ พลบค่ำจะได้ให้เจ้าสามกับเจ้าสี่ไปลองใช้ที่แม่น้ำ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้เช้าอาจจับปลาได้ ข้าจะได้ทำน้ำแกงปลาให้ทุกคนกิน”
“ไม่เอานะ ท่านแม่ ข้าอยากกินลูกชิ้นปลาเจ้าค่ะ” หลี่ซื่อคิดถึงลูกชิ้นปลาที่เคยได้กินก่อนหน้านี้ว่ามีรสชาติโอชาเพียงใดก็พูดแย้งขึ้นมาทันควัน
เย่อวี๋หรานมองแหจับปลาบนท่อนไม้ แล้วเอ่ยว่า “ได้ แค่สานแหให้เสร็จก็พอ…”
ไม่ว่าจะเป็นหลี่ซื่อ หลิ่วซื่อ หลิวซื่อ หลินซื่อ หรือแม้กระทั่งจูปาเม่ย หลินซานยา และหลินซื่อยา ทุกคนพลันมีเรี่ยวแรงในการทำงานขึ้นมาทันที
ปลาเอ๋ย สานเสร็จแล้วก็จะได้กินปลา!
อูย น้ำลายไหลรอแล้ว
เมื่อมีแรงขับเคลื่อนเป็นของกินเช่นนี้ ทุกคนก็ทำงานกันอย่างกระฉับกระเฉง กอปรกับมีคนช่วยกันทำหลายคน แหปากนั้นก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาตามลำดับ
เย่อวี๋หรานเห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว ก็ให้ลูกสะใภ้คนหนึ่งไปอุ่นอาหารหมูแล้วเอาไปป้อนหมู
ครั้นอาหารหมูบนเตาอุ่นเรียบร้อย จึงเปลี่ยนให้ลูกสะใภ้อีกคนไปทำอาหารมื้อเย็น
เมื่อจูซานกับจูซื่อถือนกกระจอกหลายตัวกลับมา ก็เห็น ‘แห’ ที่ขึงไว้ในลานเรือน
“ท่านแม่ พวกท่านทำอะไรกัน?”
“สานแห” ไม่รอให้เย่อวี๋หรานตอบ หลี่ซื่อก็พูดขึ้นด้วยท่าทางร่าเริง “ท่านแม่บอกว่าถ้าสานเจ้าสิ่งนี้เสร็จแล้วจะให้พวกเจ้าเอาไปกางไว้ในแม่น้ำหลังมื้อเย็น พรุ่งนี้ก็จะมีปลากินกันแล้ว”
“อะไรนะ? เอาเจ้านี่ไปทิ้งไว้ในแม่น้ำก็จะมีปลากินแล้ว?” จูซื่อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “เจ้านี่ก็ใช้วางยาปลาให้สลบอย่างนั้นรึ?”
“ไม่ใช่วางยาสลบ ใช้จับปลา” หลี่ซื่อใช้มือตัวเองแทนปลา สอดเข้าไปในตาแห “เจ้าดู เป็นอย่างนี้ พอปลาว่ายทะลุเข้าไปก็จะติดอยู่ข้างใน ถูกจับเอาไว้ได้”
จูซานกับจูซื่อพลันแจ่มแจ้ง คิดว่าของสิ่งนี้ยังสะดวกกว่าการวางยาสลบนกมากทีเดียว
พวกเขาก้มหน้ามองนกกระจอกหกเจ็ดตัวในมือ ความปรีดามาแต่เดิมพลันสลายไปสิ้น
“ท่านแม่ พวกข้าจับมาได้แค่นี้ขอรับ”
“เฮ้อ…ท่านแม่ เหตุใดท่านไม่บอกให้เร็วกว่านี้? ถ้าท่านบอกมาแต่แรก พวกข้าก็คงไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ซุ่มรอทั้งวันกลับจับนกมาได้แค่ไม่กี่ตัว”
“ใช่น่ะสิ ท่านแม่ ท่านไม่เข้าใจ นกกระจอกจับยากยิ่งนัก นกที่จับมาได้พวกนี้ก็แค่พอทำกับข้าวได้ชามเดียวเท่านั้น”
……
หลี่ซื่อมองนกกระจอกในมือพวกเขาแล้วก็กลืนน้ำลาย “ชามเดียวก็คือเนื้อนี่นา พวกเจ้าได้กินเนื้อกระต่ายกันทุกวัน มีแต่ข้าที่น่าสงสารอยู่คนเดียว ได้แค่แตะน้ำจิ้มผลไม้นิดหน่อย นกกระจอกพวกนี้ให้ข้าเถอะ ข้าจะกิน”
จูซานย่อมไม่ไปโต้คารมกับน้องสะใภ้ เขาสะกิดจูซื่อเบา ๆ
จูซื่อเข้าใจว่าพี่สามของเขาต้องการจะสื่ออะไร จึงยิ้มพลางพูดว่า “พวกข้าลำบากลำบนไปจับมา แล้วจะให้เจ้ากินคนเดียวได้อย่างไร? ถ้าจะกินก็กินด้วยกัน ถึงตอนนั้นก็ให้เจ้ากินตีนนกข้างหนึ่ง”
จูซานลอบยกนิ้วโป้งให้อยู่ในใจ ยอดเยี่ยมมาก น้องชาย!
“ตีนนกไม่มีเนื้อ ข้าไม่เอา แหนี่ข้าช่วยกันสานกับพวกท่านแม่ ถ้าเจ้าไม่ให้ข้ากินนก พรุ่งนี้จับปลามาได้ ข้าก็จะให้ท่านแม่แบ่งก้างปลาให้เจ้ากิน” หลี่ซื่อหันหน้ากลับมาหาพันธมิตร “ท่านแม่ ท่านว่าใช่ไหมเจ้าคะ?”
MANGA DISCUSSION