บทที่ 26 ชดใช้ด้วยชีวิต
“เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าตอนนั้นเจ้าไม่ได้คิดจะให้จูชีชดใช้ด้วยชีวิต? เจ้าคิดว่าจูโก่วหวาตายแล้ว เจ้าก็เลยคิดว่าเจ้าควรฆ่าจูชีแก้แค้นให้ลูกชายเจ้า? เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าเจ้ากล้าลงมือกับจูชี ข้าที่เป็นแม่จะต้องไม่มีทางละเว้นเจ้า?” เย่อวี๋หรานจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา กล่าวอย่างดุร้ายหมายขวัญ “กล้าแตะต้องลูกชายข้า ข้าก็กล้าสู้ตายกับเจ้า เจ้ากล้าหรือไม่?”
จูถงฮว่าร้องไห้โฮ ทรุดลงนั่งกุมศีรษะร่ำไห้น้ำหูน้ำตาไหล “ท่านป้า ข้ารู้ว่าข้าผิดแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ฮือ ๆๆๆ…ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่กล้าอีกแล้วจริง ๆ นะ ไม่กล้าทำอีกแล้วขอรับ ต่อไปถ้าข้าเจอน้องจูชีอีก ข้าจะอ้อมหนีไปเอง ไม่กล้าไปยุ่งกับเขาอีกแน่นอน ข้าสาบาน ข้าไม่กล้าไปยุ่งกับเขาอีกแล้วจริง ๆ…”
ไฉนเลยที่เขาจะกล้า แค่คิดว่าถ้าตัวเองพูดคำว่ากล้าออกไปจริง ๆ อีกฝ่ายจะต้องถือมีดเข้ามาเอาเขาตายแน่
“อ้อ เจ้าจำไว้ด้วยว่าลูกชายข้าไม่ได้สมองทึ่ม คราวหน้าถ้าข้าได้ยินใครเรียกลูกชายข้าว่าเจ้าทึ่มสกุลจูอีก ข้าก็จะถือมีดบุกไปถึงเรือนของคนผู้นั้น” เย่อวี๋หรานกวาดตามองคนรอบ ๆ อย่างเย็นชา
ทุกคนถูกท่าทางดุร้ายของนางข่มขวัญ ได้แต่หดคอไปตามกัน
หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่พวกเขาเคยเห็นมักจะฉุดกระชากภรรยาของผู้อื่น กระทั่งหยิกข่วนด่าทออย่างไร้เหตุผล คราวนี้หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์คงโมโหจนเสียสติไปแล้ว ไม่ด่าสักคำแต่ถือมีดออกมาเลย
พวกเขายอมให้นางอาละวาดอย่างไร้เหตุผลยังดีกว่าถือมีดออกจากเรือนมาด้วยท่าทางน่ากลัวเช่นนี้ แบบนี้พูดไม่เข้าหูคำเดียวจะไม่ฆ่าแกงกันเลยหรือ
คนอ่อนแอกลัวคนเข้มแข็ง คนเข้มแข็งกลัวคนบ้าบิ่น คนบ้าบิ่นกลัวคนไม่กลัวตาย พวกเขารักและถนอมชีวิตตัวเองยิ่งนัก ย่อมต้องกลัวตายอยู่แล้ว
เย่อวี๋หรานไม่พูดอะไรสักคำ และเสียงผัวะก็ดังขึ้น มีดหั่นผักฟันปักลงบนประตูใหญ่หน้าเรือนของจูถงฮว่า
นางไม่พูดไม่จา ใช้มีดฟันลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่าทางดุร้ายถมึงทึง
เสียวผัวะ ๆๆ นั้นราวกับฟันลงไปบนหัวใจของทุกคน ณ บริเวณนั้น
จูถงฮว่ากุมศีรษะไม่กล้ามองสักนิด และร่ำร้องว่า “ท่านป้า ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ…”
หลิวซื่อกับหลินซื่อสะดุ้งตกใจ ผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
จูซื่อหู่กับจูอู่จ้วงเองก็กลัวดุจเดียวกัน ท่านป้าคงไม่ได้เสียสติไปแล้วนะ!
ทุกคนต่างกำลังคิดว่า หญิงเฒ่าเจ้าเล่ห์คงไม่ได้เสียสติไปแล้วกระมัง!
ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปห้าม กลัวว่านางจะเป็นบ้าขึ้นมา ถึงตอนนั้นไม่เอามีดฟันประตูแล้ว แต่คงฟันลงมาบนคอของพวกเขาแทน
มีดหั่นผักเล่มนั้นถูกเย่อวี๋หรานฟันจนทื่อ ประตูไม้ก็ถูกฟันจนเป็นโพรง ถูกนางสับเละไปกว่าครึ่ง
ยามนั้นเย่อวี๋หรานพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร มีดเล่มนี้ไม่ดี คราวหน้าข้าจะเข้าไปในตำบลสั่งทำมีดดี ๆ กลับมาสักหลายเล่ม ดูว่าคอใครจะแข็งกว่าประตูบานนี้”
ทุกคนรวมถึงจูถงฮว่าพลันรู้สึกว่าหลังคอหนาววาบขึ้นมา
เย่อวี๋หรานไม่มองพวกเขาอีก โยนมีดหั่นผักทิ้งเข้าไปในเรือนของจูถงฮว่าเสียงดังเคร้ง ทำเอาจูถงฮว่ากับภรรยาของเขาที่แอบมองอยู่หลังประตูเรือนมาตลอดตกใจร้องเสียงหลง
“ว้าก/กรี๊ด…”
เสียงแหลมสูงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
บรรดาคนมุงก็ถูกการกระทำของนางทำเอาตกใจอย่างต่อเนื่อง เส้นประสาทตึงเครียดไปหมด
แต่แล้วจู่ ๆ เย่อวี๋หรานก็เดินผละไปจากเรือนของจูถงฮว่า
ทว่าก่อนจากไป นางทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง
“ค่ารักษาของจูชี ต่อไปจูถงฮว่า เจ้ารับผิดชอบทั้งหมด”
ในลานเรือน จูถงฮว่าร้องไห้ดีอกดีใจ “แน่นอน ข้ารับผิดชอบทั้งหมด ท่านป้า ท่านค่อย ๆ เดินนะขอรับ ข้า…เดี๋ยวข้าตามไป…”
ภรรยาของเขาวิ่งออกมาจากเรือน พูดอย่างเหลือเชื่อว่า “จบแล้ว? พวกเรารอดแล้ว?”
“ยังไม่จบ ยังต้องจ่ายค่ารักษา”
ภรรยาของเขาน้ำตาไหลพราก “ไม่เป็นไร ขอแค่เจ้ายังอยู่ดีก็พอ”
หลิวซื่อ หลินซื่อ จูซื่อหู่ จูอู่จ้วง เห็นว่าเย่อวี๋หรานจากไปแล้วก็รีบตามไป
พวกเขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เห็นท่าทางคนบางคนเมื่อครู่นี้ พวกเขาคิดว่านางจะบุกเข้าไปเอาชีวิตจูถงฮว่าโดยไม่สนใจอะไรแล้ว
เรื่องนี้ทิ้งเงามืดไว้ในจิตใจของคนจำนวนมาก ยืนยันกับตัวอีกครั้งว่าภรรยาของจูเหล่าโถวไม่ใช่คนที่จะสามารถมีเรื่องด้วยได้
เมื่อเย่อวี๋หรานกลับไปถึงเรือนของหมอชาวบ้าน จูเหล่าโถวที่ได้ข่าวก็รีบมาทางนี้แล้ว
เขานั่งอยู่ในลานเรือน ทอดถอนใจเสียงเศร้าพลางครุ่นคิดว่าเจ้าเจ็ดเป็นคนสมองทึ่มคนหนึ่ง รักษาอาการบาดเจ็บต้องจ่ายค่าหมอแพงขนาดนั้น ยังจะรักษาอยู่หรือไม่?
ว่ากันตามตรงแล้วจูเหล่าโถวลังเลมาก
เลี้ยงสุนัขยังผูกพันกันได้ นับประสาอะไรกับลูกชายที่โตขนาดนี้แล้ว แต่ว่าเพื่อคนสมองทึ่มคนเดียวกลับทำให้คนทั้งครอบครัวต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย มันก็ออกจะไม่คุ้มสักเท่าไหร่จริงไหม?
เขาเห็นเย่อวี๋หรานกลับมาก็รีบลุกขึ้น “เจ้าเจ็ดเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เจ้าไปไหนมา?”
คล้ายจะตำหนิว่าเวลาแบบนี้ทำไมนางถึงไม่อยู่ข้าง ๆ ลูกชาย?
“ไปทวงค่ารักษามา” เย่อวี๋หรานว่า
“ทวงสำเร็จหรือไม่?”
เย่อวี๋หรานไม่สนใจเขา และเดินเข้าไปในห้อง
จูเหล่าโถวเห็นหลิวซื่อกับหลินซื่อตามมาถึงก็รีบร้อนถามพวกนางว่า “แม่ของพวกเจ้าไปทวงค่ารักษามาใช่ไหม? ทวงได้หรือเปล่า?”
หลินซื่อพูดด้วยจิตใจที่ยังตื่นตระหนกไม่คลาย “ได้เจ้าค่ะ จูถงฮว่าตกลงแล้ว บอกว่าเขาจะรับผิดชอบทั้งหมด”
หลิวซื่อพยักหน้า
ขณะเดียวกัน จูเหล่าโถก็เห็นจูซื่อหู่กับจูอู่จ้วงที่ตามมาด้านหลัง
“พวกเจ้าสองคนก็อยู่ด้วยรึ?”
จูซื่อหู่กับจูอู่จ้วงกล่าวทักทาย “ท่านลุง”
ภายในห้อง เย่อวี๋หรานเห็นจูปาเม่ยกำลังใช้ผ้าบิดหมาดเช็ดตัวให้จูชีอย่างรู้ความ ชุดสกปรกบนร่างก็เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนใหม่แล้ว
“ท่านแม่!” จูปาเม่ยเห็นนางก็ร้องเรียกเสียงเบา
“อื้ม! คราวนี้เจ้าทำได้ไม่เลว ลำบากเจ้าแล้ว” เย่อวี๋หรานรู้ดีว่าเวลาไหนควรมอบผลประโยชน์ให้ผู้อื่นบ้าง คงไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นเหนื่อยเปล่าอยู่ร่ำไปหรอกกระมัง?
จูปาเม่ยได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมา
พักนี้ท่านแม่เข้มงวดกับนางมาก ยากนักกว่าจะได้ยินท่านแม่ชมนางสักครั้ง
หมอชาวบ้านเห็นว่านางกลับมาแล้วก็ถือสมุนไพรเดินออกมาพูดว่า “ข้าต้มยาให้แล้ว แต่ว่านะจูต้าเหนียง อาการบาดเจ็บของเจ้าเจ็ดบ้านเจ้าอาจยุ่งยากอยู่สักหน่อย”
“มีอันตรายถึงชีวิตไหม?”
“ไม่มี เพียงแต่ศีรษะถูกกระทบกระเทือน หลังฟื้นขึ้นมาอาจปวดศีรษะ ต้องบำรุงไปอีกสักระยะ คำว่า ‘บำรุง’ นี้ไม่ใช่การบำรุงทั่วไป อาจต้องกินของดี ๆ บ้าง…” หมอชาวบ้านไม่ได้บอกชัดว่าของดีที่ว่าคืออะไร เพียงชี้ไปยังจุดที่ถูกตีหลังศีรษะของจูชี “ตรงนี้ยังมีเลือดคั่งอยู่บ้าง ข้าไม่กล้าแตะต้อง ถ้าสามารถเชิญหมอเก่ง ๆ มาดูอาการสักหน่อย ฝังเข็มอะไรแบบนั้น น่าจะช่วยให้หายเร็วขึ้น”
“แต่ข้าไม่แนะนำให้พวกเจ้าทำแบบนั้น ศีรษะเป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุดของมนุษย์ หมู่บ้านเล็ก ๆ ของพวกเรายากจะหาหมอฝังเข็มที่มีความรู้ลึกซึ้ง ส่วนมากก็แค่มีทักษะดีหน่อยเท่านั้น หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจไปกระทบถูกจุดที่ไม่ควรแตะต้องได้”
“ดังนั้นข้าแนะนำให้ค่อย ๆ บำรุง กินอาหารดี ๆ รักษาตัวจนมีกำลังวังชาสมบูรณ์ ผ่านไปนานพอ ไม่แน่ว่าเลือดคั่งตรงนั้นอาจหายไปเองก็ได้
“แน่นอน ต้องดูว่าครอบครัวพวกเจ้าจะตัดสินใจอย่างไรด้วย เมื่อครู่ข้าพูดกับจูเหล่าโถวแล้ว แต่เขาบอกว่ารอเจ้ากลับมาคุยกัน พวกเจ้าสองคนคุยกันก่อน ดูว่าเรื่องนี้สมควรทำอย่างไร”
MANGA DISCUSSION