ยัยเฉิ่มแสนเชยมัดใจนายหล่อร้าย - ตอนที่ 22
“น้ำทางนี้” เอ๊ะ ชาลีนิ ชาลีตะโกนเรียกชื่อฉันออกมาทำให้ทุกคนต่างตกใจและเสียงพูดคุยก็ตามมาทันทีบางคนก็ว่านี้ใช่ยัยเฉิ่มคนนั้นแน่เหรอ ทำไมสวยจัง ส่วนพวกผู้ชายนี่มองตาเป็นมันเชียว ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนพวกนั้นรีบเดินไปนั่งข้างๆ ชาลีทันที
“ว่าไงชาลี”
“ว๊าวๆ ๆ ๆ วันนี้ทำไมถึงแปลงร่างเป็นสาวสวยได้อ่ะ” ชาลีล้อเรียนฉัน
“ก็ไม่ทำไม แค่อยากสวย ผิดเหรอ” ฉันตอบออกไปด้วยท่าทางสบายๆ
“ไม่ผิดจ๊ะ ไม่ผิด สวยดีเราชอบ” คำว่าชอบของชาลีทำให้ฉันหยุดการเคลื่อนไหวทันที
“เอ่อ… เหรอ ขอโทษนะเรื่องเมื่อเช้าอ่ะ” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันที
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ใครรับโทรศัพท์เราเหรอ” ฉันว่าแล้วชาลีต้องถามเรื่องนี้ จะบอกยังไงดีนะ
“เอ่อ..”
“ไม่ต้องหรอกเรารู้แล้ว แค่ถามน่ะ” อ้าวรู้แล้วยังจะมาถาม
“จ๊ะ” ฉันตอบออกไปแค่นั้นแล้วยิ้มแหย่ๆ ให้เขา สักพักอาจารย์ก็เข้ามาสอนวันนี้ฉันมีเรียนแค่วิชานี้วิชาเดียวจนถึงเที่ยง บอกเลยมันช่างยาวนานมาก
“น้ำไปไหนต่อเหรอ ให้เราไปส่งไหม.
ตอนนี้ก็เที่ยงแล้วซึ่งก็เป็นเวลาที่เราเลิกเรียนพอดีฉันกำลังเก็บของใส่กระเป๋าชาลีก็ถามขึ้น
“อ่อ ไม่ต้องหรอก พอดีเราจะไปทำธุระนะ” ไม่ใช่ฉันไม่อยากบอกหรอกนะว่าจะไปไหนเพียงแต่ขี้เกียจอธิบายต่างหาก
“อ่อหรอ งั้นเราไปล่ะนะ มีไรโทรหาเราได้นะ บาย”
“บายจ๊ะ แล้วเจอกันนะ” พูดจบชาลีก็เดินออกไปทันทีส่วนฉันก็เก็บของเสร็จแล้วเดินออกจากห้อง แต่เสียงนินทาที่สงสัยในตัวฉันก็ยังไม่หยุด
“ยัยนั้นใช่ยัยลูกน้ำยัยเฉิ่มคนนั้นจริงเหรอ” เสียงผู้หญิงเอ่ยขึ้น
“ฉันว่าใช่นะ เพราะว่าเห็นคุณเจสันเดินมาส่งถึงหน้าห้องเลยอ่ะ อ๊ายยอิจแรงมาก” เสียงผู้หญิงอีกคนก็ตามมา
“เป็นไปได้เหรอวะ ยัยนั้นขี้เหร่จะตาย” ทำไมย่ะฉันขี้เหร่ตรงไหนแค่ฉันไม่แต่งตัวตอนมาเรียนเฉยๆ
“สวยวะ น่าเอาสัส” นี่เสียงผู้ชายที่มันคิดอัปมงคลกับฉัน เดียวฉันฟ้องเจสันซะเลย ว่าแล้วฉันก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้น มุ่งหน้าไปยังตึกเรียนของคณะบริหาร ดีหน่อยที่ตึกเราใกล้กันไม่เหนื่อยมาก ว่าแล้วฉันก็เดินมาถึงหน้าคณะแล้วเดินไปนั่งตรงม้าหินอ่อนที่อยู่ใต้ร่มไม้ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเจสันว่าฉันมาถึงแล้ว
ลูกน้ำ : อยู่หน้าคณะแล้วนะ
สามีขา :เค รอแป๊บนะ (ชื่อนี้เขาบันทึกเองกับมือ)
ลูกน้ำ : ได้ค่ะ
การส่งข้อความของเราสิ้นสุดลงฉันก็นั่งเช็คโซเซียลต่อ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรมฉันก็เล่นนะแต่เอาหน้าสวยๆ ขึ้นและมีรูปตอนทำงานเป็นดีเจซะส่วนใหญ่คนติดตามก็มีมากอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก
“นี่น่ะเหรอแฟนใหม่เจสัน” นั่งสักพักก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดอยู่ใกล้ๆ ฉันกำลังจะโดนหาเรื่องอีกแล้วใช่ไหมเนี้ยทำไมฉันต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ตลอดเลยนะ ฉันเงยหน้าผู้มาใหม่
“พูดกับฉันเหรอ” อ่อ…ฉันจำได้แล้วยัยนี่ที่อยู่ในห้องกับเจสันตอนนั้นนิ นี่ยังไม่เลิกตามเจสันอีกเหรอ ชื่ออะไรนะ แนน ใช่ป่ะถ้าจำไม่ผิด
“ใช่เธอใช่ไหมที่มากับเจสันเมื่อเช้า”
“แล้ว”
“นี่อย่ามากวนประสาทฉันนะยะ อยากเจอดีรึไง”
“แล้ว” ฉันยังกวนประสาทยัยนั้นไม่เลิก
“เอะยัยนี่มันปากดี จับมันไว้” ยัยแนนบอกพรรคพวกของตัวเองมาจับตัวฉันไว้ ฉันพยายามขัดขืน
“นี่ปล่อย อย่ามายุ่งกับฉัน” ฉันพยายามจะสะบัดมือออกจากยัยปลิงสองตัวที่จับฉันอยู่แต่มันไม่ได้ผล
“จะยุ่งทำไม ฉันจะบอกให้นะว่าเจสันน่ะของฉัน ฉันอยู่กับเขาทุกคืนส่วนเธอมันก็แค่ของเล่น” ยัยนี่มโนเก่งเป็นบ้า
“แล้วยังไง ฉันต้องรู้เหรอ”
“ปากดี”
เพี๊ยะ พอฉันพูดจบยัยนั้นก็ตบฉันทันที
“มันจะมากไปแล้วนะเธอมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน ผู้ชายไม่รักถึงกับต้องวิ่งเป็นหมาบ้ากัดคนอื่นเขาไปทั่วเลยเหรอ น่าสมเพช” ฉันก็ยังจะปากดีต่อไป แต่มันก็จริงอย่างที่ฉันพูดไหมล่ะ
“อ๊ายยย ยัยบ้าแกกล้าว่าฉันเหรอ”
“ทำไมฉันจะว่าไม่ได้วิเศษมาจากไหน เธอยังมาตบฉันทั้งที่เราไม่รู้จักกันเลย”
“แกรู้ไหมว่าฉันลูกใคร ฉันสามารถทำให้แกไม่มีที่ยืนในมหาลัยนี้ได้นะ ยังจะปากดีอีกไหม” เอาพ่อมาขู่คิดว่าจะกลัวเหรอ แฟนฉันเป็นถึงเจ้ามหาลัยฉันยังไม่โม้เลย แล้วทำไมฉันต้องกลัว
“แม้แต่พ่อแม่ตัวเองยังไม่รู้จัก ประสาท ถึงว่ากัดคนอื่นเขาไปทั่ว”
“แกๆ ๆ ” เพี๊ยะ ๆ เสียงตบสองทีดังขึ้นทันทีหลังจากที่ฉันพูดจบ เจ็บเป็นบ้าฉันจะไม่ทนแล้วนะสองคนที่จับฉันอยู่เนี่ยก็มือตุ๊กแกจริงๆ เลย ตอนนี้มีคนมามุงดูเราเต็มไปหมดแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้าม ฉันจึงใช่จังหวะที่ยัยนั้นเผลอ ยกเท้าขึ้นถีบเธอทันทีสองคนที่จับฉันอยู่ก็ตกใจฉันจึงรีบสะบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุม
“อ๊ายยยย แก กล้าทำฉัน อ๊ายยยย ยัยพวกบ้ามาช่วยฉันแส้…” ยัยแนนหมาบ้ากำลังกรี๊ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงดังลั่นไปทั่วเมื่อเจอฉันถีบจนล้มและลุกไม่ขึ้น
“นี่ยังน้อยไป อย่ามายุ่งกับฉันอีก” พูดจบฉันเลยหันหลังกำลังฉันเดินออกไม่รู้ว่ายัยนั้นลุกขึ้นมาตอนไหนเข้ามาจิกหัวฉันทางด้านหลังจนฉันเซไปตามแรงดึง
“แกอย่าอยู่เลย” จิกหัวฉันแล้วตามด้วยตบหน้าฉันไปอีกสองฉากจนฉันไม่มีเวลาได้ตั้งตัว
“โอ๊ย นี่ปล่อยนะ จะเล่นอย่างนี้ใช่ใหม่” ฉันจิกหัวเธอตอบเราฉุดกระชากกันอยู่อย่างนั้นยัยนั้นก็ร้องกรี๊ดๆ ๆ อย่างเดียวจนกระทั่ง
“หยุด หยุด” เสียงเจสัน จนกว่าจะมานะ
“เจสันคะ เจสันช่วยแนนด้วยค่ะยัยนี่มันทำร้ายแนน” ทันทีที่ได้ยินเสียงเจสันยัยแนนก็รีบปล่อยมือจากฉันแล้วเข้าไปออดอ้อนเจสันทันที ฉันได้แต่มองด้วยความหมั่นไส้ ส่วนเจสันเขาก็ไม่ได้สนใจเอาแต่มองมาทางฉันด้วยสีหน้าเดือดๆ อย่าบอกนะว่าโกรธฉันที่ไปทำร้ายคู่ขาของเขาน่ะ
“เธอกำลังทำอะไร” เจสันหันไปถามยัยแนนที่ยืนเกาะแขนเขาอยู่
“ก็ ก็ ยัยนี่สิคะแนนเดินมาอยู่ดีๆ เธอก็เข้ามาหาเรื่อง ทั้งที่แนนไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เจสันต้องจัดการให้แนนนะคะ” สะตอมากยัยบ้านี่หน้าด้านจริงๆ แล้วนายเจสันนี่ยังจะโง่เชื่อรึเปล่า
“จริงเหรอน้ำ” เขาหันมาถามฉัน คือไร เขาคิดว่าฉันเป็นคนหาเรื่องคนขนาดนั้นงั้นเหรอ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” ฉันไม่อยากจะพูดอะไรมาก ตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บไปหมดเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจแค่คิดว่าเขาจะเชื่อยัยแนนนั้นฉันก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว
“เอ๊ย ลูกน้ำเป็นไรเนี่ย” แล้วอยู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงพี่มาร์คที่วิ่งเข้ามาถาม สงสัยพึ่งจะเดินมาถึงและก็มาพร้อมกับพี่บีมด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้ไกลหัวใจ” ฉันพูดออกไปพร้อมกับมองหน้าเจสัน เขายังไม่พูดอะไรเอาแต่มองหน้าฉันอยู่อย่างนั้นเราต่างจ้องหน้ากันไม่ยอมหลบ
“แล้วใครทำเธอ” นี่เป็นเสียงพี่บีมถามขึ้น พี่บีมมองฉันด้วยสายตาเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน ทำไมแฟนฉันไม่เป็นอย่างนี้บ้าง
“จะให้น้ำตอบว่าไงล่ะคะ” ฉันตอบแต่ไม่ได้หันไปมองหน้าพี่บีมเพราะกำลังมองเจสันอยู่
“เจสันคะจัดการมันสิคะ” ยัยแนนนั่นก็เร่งเขาอีกแรง แต่เขาก็เอาแต่ยืนนิ่ง ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมในเมื่อเขาไม่พูดไม่ทำอะไร หรือว่าเขาจะเชื่อใครก็เรื่องของเขาเถอะฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ว่าแล้วฉันก็หันหลังเดินออกมาทันทีแต่เดินยังไม่ถึงไหน ก็รู้สึกเหมือนมีใครดึงฉันเข้าไปกอดจากด้านหลัง
“อ๊ายยยยย เจสันไปกอดมันทำไมค่ะ” ฉันได้เสียงยัยแนนนั้นกรี๊ดออกมาอย่างดังและฉันก็พอจะรู้ว่าคนที่กอดฉันอยู่คือเจสัน
“หยุด เงียบ” เสียงพี่มาร์คที่เข้าไปด่ายัยนั่น