มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 59 เขายุ่งเสร็จแล้ว จะมาหาฉัน
“คุณมันดื้อจริงๆ คนในแก๊งหลูซู่ทำร้ายคุณจนกลายเป็นแบบนั้น บาดแผลคุณเปิดใหญ่ขนาดนั้นก็ยังทนได้อีก” ผู้ช่วยจ้าวถอนหายใจ “คุณไม่เสียใจภายหลังจริงๆ เหรอ?”
“ฉันมีทางเลือกไหม?”
หนิงอวี้เฉิงถอนหายใจ พิงหลังเก้าอี้เบาๆ “ซูอวิ๋นคือความรับผิดชอบฉันที่กำจัดไม่ได้ ทางด้านซูหนานจือ……”
เขาพูดถึงตรงนี้ ก็หยุดไปนานมาก ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจอีกครั้ง
“ประธานหนิง ค่อยๆ เถอะครับ มันมีวิธีแก้ไขเสมอ”
นี่เป็นครั้งแรกของผู้ช่วยจ้าวที่เห็นหนิงอวี้เฉิงตกอยู่ในสภาพกดดันแบบนี้
หนิงอวี้เฉิงหลับตาลงเรียบๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อ “ตำรวจจับกุมเฉินซู้แล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ หลักฐานชัดเจน เฉินซู้ก็ยอมรับผิดแล้ว แต่ภรรยาเขาหลูฮุ่ยเหมือนไม่ยอมรับความจริงข้อนี้เลย เอาแต่คุกเข่าหน้าประตูสถานีตำรวจทั้งวันทั้งคืน ขอร้องให้ปล่อยตัว” ผู้ช่วยจ้าวถอนหายใจพูดขึ้น
หนิงอวี้เฉิงเอามือสองข้างประสานกันใต้คาง เม้มปากเรียบๆ “เรื่องนี้ อย่าเพิ่งให้ซูหนานจือรู้”
“ผมเข้าใจครับ” ผู้ช่วยจ้าวพยักหน้า
หนิงอวี้เฉิงชะงักไป แล้วพูดต่อ “ช่างเถอะ เธอต้องพักฟื้นร่างกายค่อนข้างยุ่ง คงไม่สนใจเรื่องเมืองอันสักพัก”
“ครับ” ผู้ช่วยจ้าวคล้อยตาม “แต่ประธานปั๋วคนนั้นที่อยู่ข้างกายคุณซู ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นจริงๆ คุณก็น่าจะมองออก”
หนิงอวี้เฉิงทำเสียงฮึดฮัดเรียบๆ ดวงตาดำซ่อนอยู่ในความมืด “หายากมากที่จะเห็นปั๋วจิ้นเซินมีชีวิตชีวาแบบนี้”
“ดูเหมือนหลังจากคุ้มกันคุณซูมาตลอดทางจนถึงแอลเอก็ไม่เคยแยกจากกันเลย ประธานหนิง คุณว่าประธานปั๋วรู้สึกอะไรกับคุณซูไหม……” ผู้ช่วยจ้าวราวกับคิดอะไรบางอย่าง
หนิงอวี้เฉิงไม่ได้พูด แต่สิ่งที่ผู้ช่วยจ้าวพูดมันทำให้คิ้วเขาขมวดอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนลึกของดวงตา มันคือความเกลียดชังที่คนที่รักถูกใครสักคนต้องการ
“นั่นก็ดีมากไม่ใช่เหรอ”
เกิดเสียง “พรึ่บ” เขาจุดบุหรี่หนึ่งมวนเรียบๆ หายใจเข้าลึกๆ “เทียบกับฉันแล้ว เขารู้จักดูแลผู้หญิงมากกว่าจริงๆ”
ผู้ช่วยจ้าวเป็นพนักงานเก่าที่อยู่กับเขา เมื่อได้ยินก็เข้าใจความคิดในใจเขา “คุณน่ะ อย่าเอาแต่คิดผลเสีย คุณซูไม่ได้แต่งงานกับคนที่ปกป้องเสียหน่อย ผู้ชายที่อยากปกป้องเธอมีเยอะมากไม่ใช่เหรอครับ ในสายตาเธอมีคุณ พิสูจน์ว่าคุณมีเสน่ห์สำหรับเธอ นี่มันก็มากพอแล้ว”
“พอได้แล้ว นายไปเถอะ” หนิงอวี้เฉิงหลับตา
เขาคงให้ซูหนานจือใช้ชีวิตคลุมเครืออยู่กับเขาตลอดไปไม่ได้ แต่เมื่อเขาตัดสินใจมอบสถานะให้เธอ ก็ดันเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้อีก
ดูเหมือนความก้าวหน้าในความสัมพันธ์กับเธอ ยังต้องรออีกหน่อย
——
ณ โรงพยาบาลลอสแอนเจลิส
“น้องหนานจือ! น้องหนานจือ!”
เช้าตรู่ เฉินเสี่ยวเฟิงวิ่งในทางเดินอย่างบ้าคลั่ง วิ่งไปถึงประตูทางเข้าห้องผู้ป่วยอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็ออกแรงทุบประตู
แรงอันหนักหน่วงจับไหล่เขาโหดเหี้ยม เสียงทุ้มโกรธกริ้วอยู่ข้างหูเขา “โวยวายเสียงอังอะไรแต่เช้า? ไม่เห็นเธอกำลังหลับเหรอ?”
“อ๊ะ ประธานปั๋ว!” เฉินเสี่ยวเฟิงเมื่อหันศีรษะกลับไปก็ตกใจ รีบลดเสียงลง
ปั๋วจิ้นเซินทำสีหน้าเย็นชาน่าสะพรึงกลัว ดึงเขามาข้างๆ “มีเรื่องอะไรจะพูดกับเธอ?”
เฉินเสี่ยวเฟิงลังเล “มันเป็นแค่เรื่องส่วนตัวของครอบครัวเรา……”
ปั๋วจิ้นเซินทำเสียงฮึดฮัด “ไม่พูดก็ได้นะ แต่นายยังเข้าไปไม่ได้สักพัก รอไปก่อนเถอะ”
“ฮะ?” เฉินเสี่ยวเฟิงกระทืบเท้าอย่างกังวล “ต้องรอนานแค่ไหน?”
“ดูว่าเธอจะตื่นเมื่อไร อย่างน้อยก็ห้าหรือหกชั่วโมง อย่างมากก็……” ปั๋วจิ้นเซินยกปลายเสียงขึ้น จงใจลึกลับ “นั่นมันพูดยากมาก”
“ว่าไงนะ?”
เฉินเสี่ยวเฟิงนวดขมับอย่างปวดศีรษะ “มันจบเห่แล้วจริงๆ”
ปั๋วจิ้นเซินชำเลืองมองเรียบๆ “ถ้าไม่อยากจบเห่ ทางที่ดีนายก็บอกมันกับฉัน ฉันจะช่วยนายแก้ไข”
“ประธานปั๋ว คุณ……” เฉินเสี่ยวเฟิงหันมามองเขา ไม่มั่นคงนิดหน่อย “คุณรับรองได้ไหม ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป?”
“นิสัยฉันนายยังไม่ไว้ใจเหรอ?” ปั๋วจิ้นเซินเลิกคิ้วเล็กน้อย
“งั้นก็ได้ จริงๆ แล้วช่วงนี้คุณอาผมถูกจับเข้าคุก เหตุผลที่ตำรวจให้มาคือสงสัยว่าเมาแล้วขับรถไปชนคุณท่านตระกูลลู่เสียชีวิต”
“นายว่าไงนะ?” ปั๋วจิ้นเซินคิ้วขมวดแน่นทันที “ผู้ชายที่ชื่อเฉินซู้? พ่อบุญธรรมของซูหนานจือ?”
“ใช่ครับ บอกว่าในกล้องวงจรปิดเห็นผู้ต้องสงสัยก่ออาชญากรรมแล้วเข้าไปถนนเส้นหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมา ต่อมาหลังจากค้นไปทีละบ้าน ในบ้านของคุณอาผมเจอชุดที่ถูกเปลี่ยน”
เฉินเสี่ยวเฟิงนั่งที่ทางเดินด้วยใบหน้ากังวลเต็มเปี่ยม ถอนหายใจกุมหน้าผาก “ตอนนี้คุณย่ารู้เรื่องนี้แล้ว โทรมาหาผมสุดชีวิต ผมทำได้แค่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ หาใครสักคนไปดูแลเธอให้ดีก่อน และเตรียมมาหาน้องหนานจือเพื่อคิดว่าจะทำยังไงดี”
แววตาประหลาดใจของปั๋วจิ้นเซินผ่านไป จากนั้นก็กลับมาสงบเหมือนเดิม “น้องสาวนายตอนนี้เหนื่อยมามากพอแล้ว เรื่องแบบนี้อย่าไปเพิ่มปัญหาให้เธอเลย อีกอย่าง ฆาตกรก็ควรได้รับการจัดการอยู่แล้ว”
เสี่ยวเฟิงรู้สึกสะเทือนใจนิดหน่อย “แต่ประเด็นหลักคือคุณอาผมไม่ได้ก่ออาชญากรรมนะ! ถึงแม้เขาจะยอมรับผิด แต่ผมมองออก เห็นได้ชัดว่าเขาโดนขู่! แม้แต่คุณน้าผมก็ยังมองออกว่าเขาพูดโกหก คุกเข่าที่ประตูสถานีตำรวจอยู่ตลอด คุณว่าถ้าถึงตายจะทำยังไง?”
“ถึงนายจะไปหาซูหนานจือ เธอจะมีวิธีอะไรได้?” ปั๋วจิ้นเซินถามเสียงทุ้มอย่างราบเรียบ
เฉินเสี่ยวเฟิงก้มหน้า รู้สึกลังเล “ผมได้ยินมาว่าตระกูลหนิงมีญาติเป็นตำรวจ……”
“อย่าแม้แต่จะคิด” ปั๋วจิ้นเซินมองเขาอย่างเย็นชาด้วยความรังเกียจ “ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงอวี้เฉิง เธอคงไม่กลายเป็นแบบในตอนนี้หรอก”
เฉินเสี่ยวเฟิงแสดงสีหน้าที่เข้าใจยาก
“สรุปแล้ว นายห้ามไปเจอเธอ เรื่องนี้ฉันจะช่วยเอง นายคิดว่าในเมืองอันมีแค่หนิงอวี้เฉิงคนเดียวที่มีคอนเน็กชั่นเหรอ?” ปั๋วจิ้นเซินทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา
“จริงเหรอครับ? ประธานปั๋ว งั้นจะฟังคำสั่งคุณ” เสี่ยวเฟิงตกตะลึง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างแรงแล้วพูดขึ้น
——
ซูหนานจือนอนหลับหลายวันอย่างงุนงง หลังจากตื่นขึ้นมาร่างกายก็สบายขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ลงจากเตียงเดินแล้วก็ไม่เจ็บอีก
แสงแดดตอนกลางวันส่องเข้ามา ปกคลุมใบหน้าสวยดุจภาพวาดอย่างอ่อนโยน
“วันนี้ลงไปข้างล่างเดินเล่นกับฉันเถอะ”
ซูหนานจือยิ้มเล็กน้อยขณะหันกลับไป มองปั๋วจิ้นเซินที่ยืนยิ้มเรียบๆ อยู่ที่ประตู
“โอเค ผมจะพาคุณไป”
ปั๋วจิ้นเซินเข็นรถเข็นเธอไปข้างล่าง หลังจากเธอป่วยก็น้ำหนักเบาลง ร่างผอมดูอ่อนแอมากในชุดนอน
ใต้ต้นแปะก๊วยสูงใหญ่ต้นหนึ่ง ใบแปะก๊วยถูกปกคลุมด้วยชั้นหนา มีเด็กน้อยที่อยู่โรงพยาบาลสองสามคน กำลังเล่นอยู่ที่นี่
ปั๋วจิ้นเซินโน้มตัวลงไปเบาๆ “เสียงดังไหม?”
เธอยิ้มเล็กน้อยส่ายหน้า สายตาจ้องมองไปที่ตำแหน่งประตูใหญ่
ปั๋วจิ้นเซินยิ่งเข้าใจ เธอกำลังมองหาตำแหน่งดีๆ จะได้เห็นคนเหล่านั้นเข้าออกทางประตู
เธอกำลังรอการปรากฏตัวของหนิงอวี้เฉิง
ปั๋วจิ้นเซินรอยยิ้มแข็งเล็กน้อยที่มุมปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร อยู่ด้านหลังเธอตลอดเวลา
ทำแบบนี้ตั้งแต่ตอนกลางวันจนถึงพลบค่ำ เธอหาว ก่อนจะกลับไปอย่างสบายๆ
ปั๋วจิ้นเซินเข็นเธอกลับเข้าห้องผู้ป่วย กดเสียงทุ้มลง “ถ้าคุณคิดถึงเขาขนาดนี้จริงๆ ผมโทรให้เขามาดีกว่า เขาคงไม่ปฏิเสธ”
“ช่างเถอะ” ซูหนานจือนอนอยู่บนเตียงส่ายหน้า แล้วยิ้มอย่างสงบ
“เขายุ่งเสร็จแล้ว จะมาหาฉัน”
เพราะเชื่อแบบนี้มาตลอด ดังนั้นเธอจึงรอต่อไป
ปั๋วจิ้นเซินถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ นิ้วสั่นเล็กน้อย จับไหล่ของเธอ “ผมจะออกไปเทน้ำร้อนมาให้”
“อืม” เธอพยักหน้าเบาๆ
ปั๋วจิ้นเซินเดินไปถึงห้องสำหรับเครื่องดื่ม คิดอยู่นานสักพัก ก็โทรหาหนิงอวี้เฉิง
“ผมไม่มีเวลามาคุยเล่นกับคุณ” โทรศัพท์ดังนานมาก เสียงทุ้มเหนื่อยล้าของหนิงอวี้เฉิงก็ดังขึ้น
ปั๋วจิ้นเซินทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา “พ่อบุญธรรมซูหนานจือถูกจับแล้ว เรื่องนี้คุณรู้ใช่ไหม?”
ทางนั้นเงียบไปนานมาก หนิงอวี้เฉิงถามอย่างเหลือเชื่อเล็กน้อย “คุณรู้ได้ยังไง?”
“คุณมีเรื่องอะไรปิดบังผมได้เหรอ” ปั๋วจิ้นเซินน้ำเสียงเต็มไปด้วยการถากถาง “ผมแนะนำให้คุณรีบกลับมาแอลเอแล้วพาซูหนานจือไป จะได้อธิบายเรื่องพ่อบุญธรรมเธอไปด้วยเลย ไม่อย่างนั้นเป็นแบบนี้ต่อไป ผมคิดว่าเธอจะทนไม่ไหว”
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” หนิงอวี้เฉิงถามอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
ปั๋วจิ้นเซินกัดฟัน พูดอย่างไม่เต็มใจ “วันๆ เอาแต่นั่งหน้าประตูรอคุณมาเหมือนรอคอยสามีจนกลายเป็นหิน คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอล่ะ? เป็นไข้ใจไงเข้าใจไหม?”
สิ่งที่หนิงอวี้เฉิงพูดติดอยู่ในลำคอ นิ้วยาวเกร็งแน่นทีละนิด
“ขอโทษ ผมทำไม่ได้” เขาผลุบตาดำลง “ผมต้องให้เธอพักฟื้นที่แอเออย่างสบายใจ เรื่องพ่อบุญธรรมของเธอ ผมจะจัดการทุกอย่างให้ดี คุณให้เธอวางใจได้”
“ถ้าคุณอยากพูดเรื่องพวกนี้ ก็มาพูดกับเธอเอง อย่าเห็นผมเป็นเครื่องขยายเสียง” ปั๋วจิ้นเซินไม่สบอารมณ์
หนิงอวี้เฉิงถอนหายใจ หลังจากเงียบไปนาน ก็พูดเสียงเรียบ “งั้นก็ได้ คืนนี้สองทุ่มให้เธอโทรหาผม ผมจะบอกเธออย่างละเอียด”
“อืม แค่นั้นแหละ”
ปั๋วจิ้นเซินวางสายไปโดยไม่ลังเลอะไร หันตัวไปอย่างไม่แยแส พิงกำแพงแล้วสูบบุหรี่
——
“อวี้เฉิง คุยโทรศัพท์กับใคร?”
ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อยของลู่ซูอวิ๋นปรากฏที่ประตู ริมฝีปากแดงเธอฝืนยิ้มขึ้นมา ยกถ้วยน้ำชาผ่อนคลายแก้วหนึ่งมาตรงหน้าเขา
“ประธานปั๋ว” หนิงอวี้เฉิงลดสายตาลง สองนิ้วคีบเอกสารแล้วอ่านมันอย่างรอบคอบ
“อ่อ” ลู่ซูอวิ๋นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง นั่งตรงข้ามเขา เสียงสั่นเล็กน้อย “อวี้เฉิง พ่อฉันโดนเฉินซู้เมาแล้วขับรถชนจนเสียชีวิต คุณจะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ใช่ไหม?”
ดวงตาหนิงอวี้เฉิงชะงักเล็กน้อย ยกสายตาขึ้นมามองเธอช้าๆ “หมายความว่าไง?”
“ยังไงเฉินซู้ก็เป็นพ่อบุญธรรมของซูหนานจือ ฉันเข้าใจ คุณรักเธอ”
ลู่ซูอวิ๋นยกยิ้มราบเรียบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ้างว้าง “แต่นั่นไม่สามารถเป็นเหตุผลในการลดอาชญากรรมของเขา”
“เรื่องนี้ฉันจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ไม่ว่าเฉินซู้จะทำจริงๆ หรือเปล่า ฉันต้องการหลักฐานเพิ่ม ถ้าแค่รูปภาพที่กล้องวงจรปิดถ่ายแค่นั้น และเสื้อผ้าในบ้านเฉินซู้ ดูเหมือนมันพิสูจน์อะไรไม่ได้”
ดวงตาดำของหนิงอวี้เฉิงแผดเผาเหมือนไฟ เสียงทุ้มดึงดูด พูดเป็นขั้นเป็นตอนอย่างละเอียดจนลู่ซูอวิ๋นโต้แย้งไม่ได้
“แต่ทางตำรวจตัดสินไปแล้ว……”
ไม่รู้เพราะภาพลวงตาของหนิงอวี้เฉิงหรือไม่ เสียงของลู่ซูอวิ๋นเหมือนลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง” หนิงอวี้เฉิงผลุบตาลงอย่างราบเรียบ “คุณท่านลู่เป็นผู้มีพระคุณกับผม ผมจะต้องทำให้การตายของเขาได้รับความเป็นธรรมแน่นอน”
“อืม ฉันเชื่อคุณ”
ดวงตาลู่ซูอวิ๋นลึกเล็กน้อย เดินไปข้างๆ เขาอย่างเป็นธรรมชาติ นั่งบนตักชายหนุ่ม
มือเล็กนุ่มสอดเข้าไปในคอเสื้อถึงหน้าอกเขา ลูบกล้ามเนื้อแข็งแรงของชายหนุ่มเบาๆ ลมหายใจค่อยๆ หนักอึ้ง “อวี้เฉิง ฉันต้องการนิดหน่อย……”