มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 30 เธอคนเดียวที่ไม่สามารถให้ยืมกลับไปได้
ไม่รอให้ปั๋วชิงเหยียนตอบ หนิงอวี้เฉิงยกยิ้มอย่างไม่แยแส เอ่ยปากช้าๆ “ดูเหมือน ไม่กี่วันนี้ประธานปั๋วตรวจสอบผมไม่น้อย แม้แต่ผู้หญิงข้างกายก็รู้หมด”
“ประธานหนิงชมเกินไปแล้ว” ปั๋วชิงเหยียนริมฝีปากยกขึ้นอย่างเย็นชา “แค่บังเอิญได้ยินคนพูดขึ้นมา สามปีนี้ข้างกายประธานหนิงมีแค่หญิงลึกลับคนเดียว รูปลักษณ์ภายนอกประณีตละเอียดอ่อนเหมือนหยกสวย รอยยิ้มเหมือนลมฤดูใบไม้ผลิมีเสน่ห์พัดพาหัวใจ วันนี้พอได้เจอ สายตาประธานหนิงไม่เลวอย่างที่คิดไว้”
ซูหนานจือถูกเขาพูดถึงจนค่อนข้างอายแทรกแผ่นดินหนี ที่แท้โลกภายนอกก็ประเมินเธอสูงขนาดนี้เชียว?
เฉินเสี่ยวเฟิงมีสีหน้าตกใจ หันศีรษะกลับไป กระซิบด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “ว่าไงนะ? น้องหนานจือ ไม่คิดว่าเธอจะเป็น……ของหนิงอวี้เฉิง ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่บอกฉันล่ะ! เธอเกี่ยวข้องกับหนิงอวี้เฉิง ยังต้องให้ฉันพยายามตามหาประธานปั๋วด้วยความยากลำบากด้วยเหรอ?”
ซูหนานจือกลอกตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ หันหน้ามาอย่างเรียบเฉย
เฉินเสี่ยวเฟิงดึงหน้ายิ้มด้วยความประจบสอพลอเต็มเปี่ยม พูดกับหนิงอวี้เฉิง “โอ๊ยตาย ประธานหนิง ที่แท้เราก็เป็นญาติกัน ขอโทษจริงๆ นะครับ พฤติกรรมของผมเมื่อครู่นี้ ถ้ามีอะไรไม่เหมาะสม ประธานหนิงได้โปรดใจกว้างเมตตา และอดทนให้มากๆ”
หลังจากสิ้นสุดเสียง เขาก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปให้ชายหนุ่มอย่างประจบสอพลอ มองเขาอย่างคาดหวัง
แต่แค่ หนิงอวี้เฉิงละสายตาออกมาโดยไม่แยแส และเพิกเฉย กล่าวขึ้นอย่างห่างเหินว่า “ฉันกับน้องสาวนายเราเลิกกันไปนานแล้ว ไม่ได้เป็นญาติอะไรกับนาย”
“ล……เลิกกันแล้ว?”
สีหน้าเฉินเสี่ยวเฟิงจริงจังนิดหน่อย หันศีรษะไปมองซูหนานจืออีกครั้ง เห็นว่าเธอตกอยู่ในความเงียบไม่มีการคัดค้าน เฉินเสี่ยวเฟิงจึงรีบไม่พูดอะไรอย่างรู้ประสีประสา
ปั๋วชิงเหยียนค่อยๆ ยิ้มขณะเอ่ยปาก “ไม่งั้นเอาแบบนี้ไหม คุณเฉิน คุณนั่งคุยเรื่องน่าสนใจกับผม สำหรับน้องสาวคุณ ก็อยู่ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเราสักหน่อย ว่าไง?”
คำพูดที่น่าตกใจ ทำให้ซูหนานจือขมวดคิ้วเล็กน้อย ชายคนนี้ รู้ว่าตนเป็นสาวนั่งดริ้งค์ จึงจงใจพูดแบบนี้เหรอ?
เขาสืบเกี่ยวกับตนไปมากแค่ไหน?
ซูหนานจือยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคาดเดาไม่ได้ เข้าใจยากกว่าหนิงอวี้เฉิงอีก
หนิงอวี้เฉิงเก็บสีหน้าไม่อยู่ ถึงขนาดมีความบูดบึ้งน่ากลัว
ถึงเขาเงียบไม่พูดอะไร แต่คิ้วโค้งเรียวคู่นั้นขมวดแน่น เผยอารมณ์ไม่พอใจของเขา
“น้องหนานจือ เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ทำเหมือนเป็นงาน เดี๋ยวฉันแบ่งเงินให้นิดหน่อย” เฉินเสี่ยวเฟิงพูดอ้อนวอนกับซูหนานจือเสียงเบา
ซูหนานจือถอนหายใจเรียบๆ เฉินเสี่ยวเฟิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว เธอมีเหตุผลที่จะไม่ช่วยเขาได้เหรอ?
“รู้แล้ว” เธอคลายผมยาวที่เป็นพวงอย่างเฉยเมย ผมยาวนุ่มพาดประบ่าสวยราวกับหยก ขับให้ผิวเธอเปล่งประกายสวยงามราวกับหิมะ
อย่าว่าแต่เฉินเสี่ยวเฟิง แม้แต่ปั๋วชิงเหยียนก็ตกตะลึงเล็กน้อย ถูกดึงดูดด้วยการกระทำอันเรียบง่ายของเธอที่มีเสน่ห์เปล่งประกาย
ซูหนานจือยกมุมปากยิ้มจางๆ หยิบขวดไวน์แดงบนโต๊ะขึ้นมา กำลังจะรินใส่แก้วปั๋วชิงเหยียน
แต่ทันใดนั้นก็มีมือเรียวข้างหนึ่งมาจับข้อมือเรียวของเธอไว้
ซูหนานจือตกใจสะดุ้ง มือสั่น ไวน์เกือบหกออกมา
เธอหันศีรษะกลับไปอย่างตะลึง มองหนิงอวี้เฉิงที่มาข้างกายตอนไหนไม่รู้ ดวงตาลุ่มลึกเต็มไปด้วยความโกรธ แรงที่จับข้อมือเธอก็ค่อนข้างโหดเหี้ยม
“เจ็บ” ซูหนานจือเปล่งเสียง “ซี้ด” เบาๆ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย
หนิงอวี้เฉิงผลุบตาลงประชดประชัน “ยังรู้จักเจ็บนะ”
ซูหนานจือเงยหน้ามองเขา กัดริมฝีปากชมพูเล็กน้อย ดวงตาสดใสเผยความดื้อรั้น “ฉันต้อนรับแขกของฉัน นี่ประธานหนิงจะทำอะไร?”
หนิงอวี้เฉิงได้ยินเสียงมีเสน่ห์ของเธอ ก็เม้มริมฝีปากบางแน่น ดวงตาลุ่มลึกจมลงหุบเขา
“ประธานหนิงจะใจแคบแบบนี้ไม่ได้ไหม? แค่ช่วยฉันรินเหล้าเอง” ปั๋วชิงเหยียนหัวเราะเบาๆ อย่างประชดประชันเล็กน้อย น่าสนใจ
น่าสนใจมาก เห็นท่าทางหนิงอวี้เฉิงที่มีต่อลูกเจี๊ยบนี่ ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ
“ขอโทษ ประธานปั๋ว” หนิงอวี้เฉิงโค้งริมฝีปากเล็กน้อย นิ้วยาวเกาะไหล่เรียวของซูหนานจือ เสียงหัวเราะเบาๆ เซ็กซี่ทุ้มต่ำ “มีเธอคนเดียว ที่ให้ยืมกลับไปไม่ได้”