ฉู่หมิงหยางจึงหันกลับไปตอบด้วยท่าทีที่เฉยเมย “ความสัมพันธ์? หึ นางก็เป็นเพียงแค่ข้าบ่าวรับใช้”
ฉู่หมิงฉุ่ยมิชอบน้ำเสียงของน้องสาวของตน ทว่า นางก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา สองพี่น้องจึงได้เดินทางออกจากวังเพื่อกลับไปยังบ้านเดิมของพวกนาง เมื่อมาถึงจวนตระกูลฉู่แล้ว ฉู่หมิงหยางจึงมิได้สนใจฉู่หมิงฉุ่ยอีกต่อไป นางจึงรีบกลับไปยังเรือนของตนเอง
ฉู่หมิงฉุ่ยจึงได้เดินทางไปเยี่ยมท่านยายของตน หลังจากที่ฮูหยินโสวฝู่นั้น เกิดอุบัติเหตุทำให้ต้องสูญเสียน้ำเสียงของตนเองไปนั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ สุขภาพของนางก็มิได้แข็งแรงขึ้นอีกเลย
ฮูหยินฉู่โสวฝู่ย่อมรู้ดี ภายในจวนตระกูลฉู่แห่งนี้ ผู้ที่กล้าลงมือวางยานางได้ มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น ฮูหยินโสวฝู่จึงเปลี่ยนเป็นสงบขึ้นพร้อมทั้งขังตนเองอยู่แต่ภายในจวน ชีวิตของพวกนางสามีภรรยาใกล้จะเดินทางมาจนถึงสุดทางแล้ว ฮูหยินโสวฝู่รู้ความโหดร้ายของฉู่โสวฝู่เป็นอย่างดี อะไรก็ตามที่เขาให้ความสนใจนั้น เขาจะไม่สนผู้ใดอีก หลังจากที่ฮูหยินฉู่โสวฝู่ได้ยินเรื่องราวที่ฉู่หมิงฉุ่ยเล่าให้ฟังในวันนี้แล้ว นางจึงตื่นตระหนกขึ้นมาในทันใด พร้อมทั้งส่ายหัวไปมาให้กับฉู่หมิงฉุ่ย เพื่อสื่อเป็นนัยๆว่ามิควรไปยุ่งกับสตรีผู้นั้น
ฉู่หมิงฉุ่ยพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “หลานรู้ดีเจ้าค่ะ หากแต่ ฉู่หมิงหยางมิได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย”
ฮูหยินฉู่โสวฝู่จึงคลี่ยิ้มออกมาด้วยเศร้าสร้อยพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาด้วยความปลงตก
เมื่อใกล้ค่ำ ฉู่โสวฝู่จึงได้เดินทางกลับมาถึงจวน ฉู่โสวฝู่มักจะชอบทานสำรับเพียงคนเดียว เมื่อเรียกให้ข้ารับใช้เข้ามาจัดสำรับชามข้าวและตะเกียบไปได้ไม่นาน พลันได้ยินเสียงคนเข้ามารายงานว่า “นายท่านมีคนผู้หนึ่งนามว่า ซีมามาต้องการพบท่านขอรับ”
ฉู่โสวฝู่จึงเงยหน้าขึ้นมา สายตาพลันฉายแววตกใจไปครู่หนึ่ง “ซีมามา?”
“ตอบนายท่าน ใช่ขอรับ” ข้ารับใช้ตอบกลับ
ฉู่โสวฝู่พลันสูญเสียตัวตนไปครู่หนึ่งเท่านั้น แล้วจึงดึงสติกลับมาเป็นเช่นเดิมในทันที “ให้นางเข้ามา”
“ขอรับ!” ข้ารับใช้พลันรับคำสั่งแล้วเดินจากไป
ฉู่โสวฝู่พลางเหลือบมองชายชราคนสนิทที่อยู่ข้างกาย “เจ้าลองเดาสิ ว่านางมาทำไม ?”
ชายชราคนสนิทจึงโค้งตัวคำนับลง ” ข้าน้อยมิกล้าคาดเดาขอรับ”
ฉู่โสวฝู่จึงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย “เกรงว่าจะเป็นเรื่องของพระชายาฉู่อ๋องกระมัง”
ชายชราจึงตอบรับเพียงคำหนึ่ง พร้อมด้วยอาการงุนงงเล็กน้อย
ข้ารับใช้ได้พาซีมามาเข้ามา พร้อมทั้งโค้งกายคำนับลง
ฉู่โสวฝู่พลันลุกขึ้นยืน พร้อมมองไปที่ซีมามาที่กำลังก้าวข้ามธรณีประตูเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ขอเข้าเฝ้านายท่านโสวฝู่เพคะ!” ซีมามาก้มตัวลงโค้งคำนับด้วยเคารพ
ฉู่โสวฝู่พลันตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ” มิต้องมากพิธี นั่งลง! ”
ซีมามาเมื่อเห็นบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย “ท่านยังมิได้รับสำรับงั้นหรือ ?”
“กำลังจะเตรียมกินแล้ว” ฉู่โสวฝู่จึงเอ่ยเชิญชวนขึ้นมา ” เช่นนั้น กินด้วยกันหรือไม่ ?”
ซีมามาจึงเดินเข้าไป พร้อมทั้งกวาดตามองไปยังบนอาหารบนโต๊ะ มีเพียงแค่อาหารสองอย่าง พร้อมน้ำซุปหนึ่งถ้วยเท่านั้น จึงเงยหน้าขึ้นไปมองบนใบหน้าของฉู่โสวฝู่ที่สูบผอมลงไปเยอะนั้น แล้วจึงกล่าวว่า “ท่านควรกินอาหารดีๆเสียหน่อย”
“เพียงใบชาหยาบๆกับสำรับกับข้าวธรรมดา นั่นก็เพียงพอแล้ว” ฉู่โสวฝู่ตอบกลับ
นางอุตส่าห์เตรียมบทพูดมาอย่างดีแล้ว หากแต่มิรู้ว่าจะเริ่มเปิดประเด็นอย่างไรดี
พ่อบ้านจึงก้าวเข้ามา “พี่สาวซี ไม่ได้เจอกันนานเลยทีเดียว”
“หลีโถว ไม่เจอกันนานเลย” ซีมามาที่มองไปยังพ่อบ้านนั้น “สบายดีหรือ ?”
“ดี สบายดีขอรับ ” พ่อบ้านพลันกล่าวออกมาด้วยความติดตลกว่า ” ทว่า
ซีมามาพยักหน้าอย่างเงียบๆ ใช่แล้ว เพียงพริบตาเดียวก็แก่ลงกันหมดแล้ว พ่อบ้านพลันโค้งกายคำนับแล้วจากไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงฉู่โสวฝู่และซีมามาอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น
ฉู่โสวฝู่นั่งลง พร้อมมองไปที่ซีมามา “มานั่งลงพูดคุยกันเถอะ”
ซีมามาพลันสายหน้าไปมาเพื่อขจัดความคิดที่ฟุ้งซ่านภายในหัวออกไป แล้วจึงหันไปมองใบหน้าที่เคร่งขรึมของฉู่โสวฝู่ ” ครั้งก่อน ที่ท่านเรียกให้หม่อมฉันวางยาไท่ซั่งฮวงนั้น หม่อมฉันได้ทำตามที่ท่านบอกแล้ว หนี้ที่หม่อมฉันติดค้างท่านได้ชำระไปแล้ว ”
ฉู่โสวฝู่มิได้อธิบายออกไปว่านั้นคือความคิดของฉู่หมิงฉุ่ยแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ความคิดของเขา เขาพึ่งจะได้มารู้เรื่องในภายหลังนี้เอง
ฉู่โสวฝู่กล่าวว่า “เจ้ามิได้ติดค้างอะไรกับข้า”
ซีมามาพลันเผยรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยออกมา “ไม่รู้สิเพคะ ติดค้างก็ดี ไม่ได้ติดค้างก็ดี ถือเป็นการชำระล้างถึงสองครั้ง”
ฉู่โสวฝู่พลันมองไปที่ซีมามา “เจ้ามาหาข้า คงมิได้ต้องการมาพูดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้กระมัง?”
ซีมามาพลันส่ายหน้าไปมา พร้อมถามคำถามกลับไปว่า “เหตุใดท่านถึงต้องการให้ฉู่หมิงหยางแต่งให้ฉู่อ๋องหรือเพคะ?”
“เรื่องนี้แท้จริงแล้วเป็นความต้องการของข้าเอง ที่ข้าทำเช่นนี้ ข้าย่อมมีจุดประสงค์ของข้า” ฉู่โสวฝู่ตอบกลับ
ซีมามาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “จุดประสงค์ของท่าน คือการขัดขวางความต้องการของผู้อื่นงั้นหรือเพคะ? ฉู่อ๋องมิต้องการแต่งฉู่หมิงหยางเป็นพระชายารอง พระชายาฉู่อ๋องก็เช่นกัน. เหตุใดท่านถึงต้องสร้างความลำบากให้พวกเขาด้วย? ในพระราชวังวันนี้ หลานสาวของท่านฉู่หมิงหยางพูดจาไร้มารยาทกับพระชายา เกือบจะทำให้พระชายาต้องแท้งบุตรแล้ว หม่อมฉันรู้ดี ว่าในเวลานี้ตระกูลฉู่มีอำนาจคับฟ้า จึงสามารถทำตัวกำเริบเสิบสานกับผู้ใดก็ได้ ถึงสามารถมาทำร้ายให้พระชายาฉู่อ๋องแท้งลูก อย่างมากสุดตระกูลพวกท่านก็คงจะโดนกรนด่าไปเพียงไม่กี่ประโยค หากแต่ ความศรัทธาที่ลดลงเล่า ความเย่อหยิ่งของตระกูลฉู่ในวันนี้ จะสร้างความหายนะให้แก่ตระกูลฉู่ของท่านเองในภายภาคหน้า”
หากเป็นผู้อื่นกล่าวประโยคหลังนั้น. เกรงว่าฉู่โสวฝู่คงจะโมโหไปนานแล้ว ทว่า คำพูดนี้กลับเป็นซีมามาที่พูดขึ้น ย่อมเป็นคำพูดที่นางไว้ใช้เกลี่ยกล่อม เป็นทั้งคำเตือนและเป็นคำกล่าวเตือนใจของตน
ฉู่โสวฝู่พลันเอ่ยโต้แย้งขึ้นมาเล็กน้อยว่า “หลายปีมานี้ ข้ามิได้ทำตัวยิ่งทระนงหรือทำตัวไร้ยางอายเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมิได้ทำตัวกำเริบเสิบสานกับผู้ใดอีกด้วย ยิ่งข้าเติบโตขึ้นมากเท่าใด ข้าก็มีความยับยั้งชั้งใจและรู้จักทำจิตใจของตนเองให้สงบลงมากขึ้น ข้าคิดว่าเจ้าจะเห็นทั้งหมดนี่แล้วเสียอีก”
ซีมามากล่าวขึ้นมาอีกว่า “หากแต่หลานสาวของท่านมิใช่ พวกนางกำลังทำลายขอบเขตที่ท่านสร้างไว้จนหมดสิ้น อีกทั้งยังเริ่มล้ำเส้นพร้อมทั้งท้าทายอำนาจของกฏราชวงศ์ขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว ก่อนหน้านั้น มารดาของท่านเคยกล่าวกับหม่อมฉันไว้ คำพูดนี้คงต้องย้อนกลับมาหาท่านอีกครั้ง ขอบเขตที่ขีดไว้อย่างไรก็ไม่ควรก้ามข้าม เมื่อก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไปแล้ว ทางอีกฝั่งหนึ่งย่อมต้องเป็นเหว ”
ฉู่โสวฝู่มองไปที่ซีมามา “เหตุใดต้องช่วยเหลือพระชายาฉู่อ๋อง? หลายปีที่ผ่านมานั้น เจ้ามิเคยก้าวผ่านประตูเพื่อมาพบข้าเลยสักครา ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะปฏิบัติตัวกับนางเป็นเพียงเจ้านายของเจ้าคนหนึ่งกระมัง ข้าอยากจะฟังความจริงจากปากของเจ้า”
ซีมามาจึงกล่าวสารภาพออกมาว่า “มีอยู่สองเหตุผลเพคะ หนึ่ง นางช่วยชีวิตของหม่อมฉันไว้ คราที่หม่อมฉันวางยาลงไปนั้น ไท่ซั่งหวงรู้ตัวคนทำดีอยู่แล้ว เป็นนางที่ช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้ เหตุผลที่สอง”
ซีมามาพยายามสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าฉายแววออกมา พร้อมจ้องมองไปที่ฉู่โสวฝู่ “ฉู่อ๋องมิต้องการแต่งพระชายารอง ท่านอยากจะอยู่กับพระชายาเพียงคนเดียวไปจนชีวิตจะหาไม่ นั่นคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการในชีวิต และในชีวิตนี้หม่อมฉันก็ไม่เคยได้สิ่งนี้มาครอบครองเลย”
ฉุ่โสวฝู่จ้องมองไปที่ซีมามา แสงสว่างในแววตาพลันค่อยๆหายไป สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“ฉะนั้น ยามที่เจ้าบอกต้องการรับใช้ไท่ซั่างหวางมิต้องการแต่งให้ข้านั้น ทุกอย่างล้วนแต่เป็นข้ออ้างงั้นหรือ” ฉู่โสวฝู่กล่าวออกมา
ซีมามามิได้เอ่ยตอบอันใด
ฉู่โสวฝู่พลันแย้มยิ้มออกมา เมื่อหวนไปคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ “ที่ฉู่หมิงฉุ่ยไปหาเจ้านั้น เพื่อให้เจ้าลงมือวางยาไท่ซั่งหวงนั้น ข้ายังรู้สึกโมโหอยู่บ้าง หากแต่ในใจลึกก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก ข้ารู้ดีอย่างไรเจ้าก็จะยินยอมทำเพื่อข้า และยอมแลกเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อข้าเช่นกัน”
ซีมามาพลันขมวดคิ้วลงโดนฉับพลัน หากแต่ ภายในใจรู้สึกราวกับมีสิ่งของอันใดมาเสียบแทงที่หัวใจของนางอย่างจัง อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
“จนถึงตอนนี้ ทั้งเจ้าและข้าก็หัวหงอกกันหมดแล้ว ข้าก็ยังอยากต้องการความจริงอยู่ดี เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมเชื่อใจข้าตั้งแต่แรก?”
ซีมามาเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ฉู่โสวฝู่ ดวงตาของเขายังฉายแววจริงจังเฉกเช่นเดิม ราวกับครั้งแรกที่เจอ
ซีมามามิรู้ว่าควรพูดอันใดออกมา นางได้แต่ครุ่นคิดกับตัวเองอยู่นาน ด้วยสายตาของฉู่โสวฝู่ที่จับจ้องมองมานั้น ซีมามาจึงค่อยๆเปิดปากพูดออกมาว่า “เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วเพคะ หม่อมฉันใช้ชีวิตที่ดีอยู่ในพระราชวัง. ท่านอยู่นอกพระราชวังจัดการบริหารบ้านเมืองของท่าน มีทั้งฮูหยินทั้งอนุเต็มจวน มีลูกมีหลานเต็มท้องพระโรง พวกเราล้วนแต่จากกันด้วยความเจ็บปวด นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วเพคะ”
ฉู่โสวฝู่รู้สึกผิดหวังยิ่งนัก “แม้แต่กระทั่งคำตอบเจ้าก็ไม่มีให้ข้าเลยหรือ ?”
ซีมามาที่หวนคิดไปถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนสลับซับซ้อนไปหมด “สิ่งที่หม่อมฉันต้องการ การกระทำของหม่อมฉันได้ตอบท่านไปหมดแล้วเพคะ คงมีแต่พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่เข้าใจกระมัง? คงมีเพียงแค่พระชายาฉู่อ๋องแล้วที่เข้าใจ ช่างเถิดเพคะ หม่อมฉันต้องไปแล้ว หม่อมฉันหวังว่าท่านจักให้พระชายาฉู่อ๋องได้มีความสงบสุขเสียบ้าง ให้นางได้คลอดบุตรของนางอย่างปลอดภัย ” ซีมามาพูดจบพร้อมทั้งหันกายจากไป
ฉู่โสวฝู่พลันมองตามร่างของซีมามาที่ค่อยๆหายเข้าไปในความมืด พร้อมค่อยๆถอนหายใจออกมา คำตอบที่แท้จริงของนาง เกรงว่าทั่วทั้งชีวิตของเขาก้คงไม่มีวันได้รู้กระมัง พระชายาฉู่อ๋องเข้าใจนาง ? หากนางมิพูดออกมา ผู้ใดจะไปรู้กัน ถ้าหากนางพูดออกมาเขาจะไม่เข้าใจเลยหรือ ?
ฉู่โสวฝู่ใจหวิวไปสักพัก พร้อมทั้งค่อยๆลุกขึ้นยืนขึ้นมา พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พวกเจ้า ไปเรียกคุณหนูรองเข้ามาพบข้า”
เมื่อฉู่หมิงหยางได้ยินข้ารับใช้มาเรียกว่า ท่านตาของนางต้องการเข้าพบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้น จึงถามกับผู้ที่มาส่งข่าวว่า “เมื่อครู่พระชายาฉู่อ๋องได้มาพบท่านตาหรือไม่ ?”
ข้ารับใช้พลันส่ายหัวไปมา “ตอบคุณหนูรอง ไม่มีขอรับ”
ฉู่หมิงหยางเข้าใจการกระทำของผู้อื่นเป็นอย่างดี จึงได้ทำตัวตีสนิทกับคนของท่านตาของนางมาก่อนแล้ว ถ้าหากว่าพี่ใหญ่มิได้ไปหาท่านตาละก็ เกรงว่าคงมิได้ทีเรื่องอันใดกระมัง หรือบางที อาจจะเป็นเรื่องที่ตบแต่งกับฉู่อ๋องก็เป็นได้ เช่นนั้น นางจะได้ออกจากเรือนด้วยความสบายใจ
หากแต่เมื่อนางเดินทางผ่านประตูใหญ่ของจวนนั้น พ่อบ้านก็รีบเดินเข้ามาขวางว่า “คุณหนูรอง นายท่านต้องการให้ท่านนั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกขอรับ”
ฉู่หมิงหยาวพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “นั่งคุกเข่า ? เพราะอันใดกัน ?”
MANGA DISCUSSION