ฉู๋หมิงฉุ่ยย่อมไม่สังเกตุเห็นสองพี่น้องของหยวนชิงหลิงที่ยืนมองอยู่หน้าประตูเมือง. เนื่องจากกำลังถูกสาวใช้และพี่สะใภ้ของนางประคองออกมายืนที่ด้านหน้า อีกทั้งนางก็ยังห้ามไม่ให้มีการแจกจ่ายโจ๊กแต่อย่างใด พร้อมให้พี่สะใภ้ของนางก้าวไปบอกกล่าวกับราษฏรว่า
"ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งรีบร้อนนัก อีกครู่หนึ่งเราจึงจะแจกจ่ายโจ๊กให้กับทุกคน นอกจากโจ๊กแล้ว พระชายาฉีอ๋องยังได้จัดเตรียมซาลาเปาเนื้อให้กับทุกคนเพิ่มอีกด้วย อีกสักพักหนึ่งซาลาเปาเนื้อถึงจะมาส่ง หลังจากนั้นเราถึงจะเริ่มแจกจ่ายโจ๊กได้"
เมื่อได้ยินว่ามีซาลาเปามาเพิ่มอีกด้วย ทุกคนก็พลันส่งเสียงฮือฮาออกมาด้วยความกระสับกระส่าย เมื่อรออยู่ครู่หนึ่งก็พลันเห็นรถม้าขับเข้ามาในโรงทาน
ทั้งฮูหยินของตระกูลผู้สูงศักดิ์อีกหลายๆคนก็ค่อยๆถูกประคองลงจากรถม้า รวมสาวน้อยผู้หนึ่งที่มาโรงทานโจ๊กเพื่อทักทายฉู่หมิงฉุ่ย
นอกจากฉู่หมิงหยางและฉู่หมิงเฟิ่งแล้ว คนอื่นๆหยวนชิงหลิงล้วนแต่ไม่รู้จักพวกนางเลยแม้แต่น้อย จึงหันกลับไปถามลู่หยาว่า "พวกเขาคือใครงั้นหรือ ?"
ลู่หยาชะเง้อคอมองเพียงครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า "นอกจากฮูหยินที่สวมใส่อาภรณ์ผ้าไหมสีเหลืองสดแล้ว นอกนั้นนู๋ปี๋มิรู้จักเลยเพคะ"
"เช่นนั้น ผู้ที่สวมใส่อาภรณ์ผ้าไหมสีเหลืองสดเป็นใครกัน ?" หยวนชิงหลิงจึงกล่าวถาม
"ผู้นั้นคือมารดาของพระชายาฉีอ๋องเพคะ ฮูหยินเอกตระกูลฉู่" ลู่หยากล่าว
หยวนชิงหลิงพลันหลี่ตามอง พร้อมพูดขึ้นมาว่า "ข้าจำได้สองคนนั้นได้ ผู้ที่สวมใส่อาภรณ์ผ้าไหมคือเหลียงฮูหยินเป็นสะใภ้ของเซียวเหยากง หากแต่อีกคนหนึ่งนั้น"
หยวนชิงผิงเหลือบมองที่หยวนชิงหลิงเล็กน้อย "ท่านไม่รู้จักหรือ? พระชายารุ่ยชินอ๋องและองค์หญิงหงเติงอย่างไรเล่า"
หยวนชิงหลิงชะงักไปครู่หนึ่ง "งั้นหรอกหรือ ?"
หยวนชิงหลิงเพียงแค่เคยเห็นพระชายารุ่ยชินอ๋องที่ตำหนักเฉียนคุนของไท่ซั่งหวงเพียงเท่านั้น หากแต่ในยามนั้น นางเพียงคิดถึงแต่วิธีการรักษาอาการของไท่ซั่งหวงเท่านั้น จึงมิได้สนใจผู้คนรอบข้างเสียเท่าไหร่ แม้แต่องค์หญิงหงเติงนั้นนางก็มิเคยพบเจอมาก่อน รับรู้เพียงแค่นางเป็นบุตรีของรุ่ยชินอ๋อง
ในเมื่อฉู่หมิงฉุ่ยต้องการที่จะสร้างความสนใจเช่นนี้ อย่างไรนางต้องลากคนที่มีอิทธิพลมาร่วมงานด้วย อีกทั้งฮูหยินทั้งหลายเหล่านี้ พวกเขาล้วนแต่เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลในพระราชสำนักด้วยเช่นกัน
เพียงแค่หยวนชิงหลิงยืนมองฉู่หมิงฉุ่ยที่กำลังทำความเคารพฮูหยินเหล่านั้นผ่านประตูเมือง กลับรู้สึกว่าใบหน้าของฉู่หมิงฉุ่ยช่างหม่นหมองยิ่งนัก ราวกับนางกำลังเล่นละครสวมใส่หน้ากากไว้อีกชั้นหนึ่ง. แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่กิจกรรมที่เรียกร้องความสนใจให้ตนเองนั้น หากแต่ภายในใจของหยวนชิงหลิงมิรู้สึกดีใจเลย เพราะฉู่หมิงฉุ่ยต้องให้เหล่าราษฏรเหล่านั้นออกมารั้งรอนางเป็นเวลานาน
แม้ว่าจะต้องการเรียกร้องความสนใจก็จักต้องมีขอบเขตของตนเองเสียบ้าง ผู้คนที่หิวโหยมากๆนั้น สามารถทำให้ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปเป็นความวุ่นวายได้ง่ายเช่นเดียวกัน
"พวกเรากลับเถอะ ไม่มีอะไรน่าดูหรอก" หยวนชิงผิงมิอยากเห็นฉู่หมิงฉุ่ยได้หน้าอีกต่อไป หลังจากที่นางพบเจอเรื่องฮุ่ยติ่งโหวแล้ว หยวนชิงผิงก็รู้สึกว่าตระกูลฉู่มิมีผู้ใดเป็นคนดีเลยสักคน
หยวนชิงหลิงบ่นพึมพำเล็กน้อยว่า "เกรงว่า อีกครู่จะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนเอาได้"
"จะไปกังวลแทนนางทำไมเล่าว่ามันจะวุ่นวายหรือไม่วุ่นวาย มันไม่มีอะไรสำคัญสำหรับเราเลยสักอย่าง" หยวนชิงผิงพลันนึกขึ้นมาได้ "เรื่องวุ่นวายอันใด? ได้งั้นพวกเรารอดูเรื่องวุ่นวายกันเสียก่อน"
ลู่หยาพลันหัวเราะออกมาเล็กน้อย สองพี่น้องคู่นี้ช่างเป็นคนที่ตลกขบขันเสียจริง
ฉู่หมิงฉุ่ยกวาดสายตาไปโดยรอบ พร้อมกับหันไปสบตากับหยวนชิงหลิงในทันที แล้วจึงใช้สายตาที่ยากจะคาดเดาจ้องมองไปที่หยวนชิงหลิง
เมื่อรู้ว่าเป็นหยวนชิงหลิงแล้ว นางจึงค่อยๆเก็บสายตานั้นลง หลังจากนั้นจึงก้มหัวลงไปพูดคุยกับน้องสาวทั้งสองฉู่หมิงหยางและฉู่หมิงเฟิ่งอยู่สองสามประโยค. จากนั้นไม่นาน ทั้งฉู่หมิงหยางและฉู่หมิงเฟิ่งจึงเงยหน้าขึ้นมามองทิศทางที่สองพี่น้องยืนอยู่ในทันที
หยวนชิงผิงรู้สึกตัวสั่นเทาไปทั่วร่าง พร้อมกับขบฟันไปมาด้วยความกรุ่นโกรธ พร้อมกล่าวว่า "เจ้าลูกหมาสองตัวนั้น ต้องมีสักวันที่ข้าจะจับพวกนางมาฉีกปากให้หมด"
สายตาของหยวนชิงหลิงตกลงมาบนที่ใบหน้าของฉู่หมิงหยางในทันที ใบหน้าของฉู่หมิงหยางนั้นแลดูมีมิติที่น่าลึกลับกว่าพี่สาวของนางอยู่มาก ทว่า สองพี่น้องคู่นี้ มีใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกันยิ่งนัก หากแต่ใบหน้าของฉู่หมิงฉุ่ยที่แต่งแต้มชาดนั้นจะดูเบาบางกว่า จึงทำให้ใบหน้าของฉู่หมิงฉุ่ยดูอ่อนวัยกว่ามากนัก เมื่อรวมไปถึงรอยยิ้มที่อ่อนหวานด้วยแล้ว จึงทำให้ผู้คนให้ความสนใจต่ออารมณ์ที่อ่อนหวานมากกว่าลักษณะนิสัยที่แท้จริงของนาง
ดูอย่างไรฉู่หมิงฉุ่ยย่อมชนะพี่สาวของตนเองด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอย่างแน่นอน ริมฝีากที่แดงสวย พร้อมกับความเย้ายวนเสมือนดอกกุหลาบสีแดงที่น่าหลงใหล อารมณ์ที่ชวนมองให้เห็นถึงความรู้สึกเยือกเย็นและเย็นชา แม้แต่สตรีที่เห็นใบหน้าของนางนั้น ยังอดนำมาเปรียบเทียบกับใบหน้าของตนเองมิได้
หยวนชิงผิงย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของฉู่หมิงหยาง ทั้งสองส่งสายตาที่ฟาดฟันกันไปมา ท้ายที่สุดหยวนชิงผิงก็รู้สึกระส่ำระส่ายจนทนมิไหว จึงหลบสายตาลงมา พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงพึมพำเบาๆว่า "ตระกูลฉู่มิมีผู้ใดเป็นคนดีเลยสักคน"
ตระกูลฉู่ย่อมไม่มีคนดีอยู่ในนั้นอยู่แล้ว หากแต่นั่นมิใช่เหตุผลที่หยวนชิงผิงเกลียดฉู่หมิงหยาง นางเกลียดฉู่หมิงหยางเพราะว่า ใ นสายตาของฉู่หมิงหยางนั้นมิเคยมีผู้ใดอยู่ในสายตาของนางเลย นางช่างเย่อหยิ่งเสียจริง
หยวนชิงหลิงมิอยากจะยอมรับในตนเองมากนัก ทว่า นางรู้สึกอิจฉาในความเย่อหยิงของฉู่หมิงหยางเสียจริง
ในที่สุด ซาลาเปาก็ถูกส่งมาแล้ว
มีคนร้องตะโกนขึ้นมาว่า "จะแจกโจ๊กแล้ว ทุกคนเข้าแถวให้เรียบร้อย"
ในนาทีนี้มิมีผู้ใดต่อแถวอีกต่อไป ทุกคนจึงกรูเข้ามาในทันที เป้าหมายของทุกคนล้วนแต่จับจ้องไปยังซาลาเปาที่เพิ่งส่งมาใหม่เท่านั้น
ซาลาเปาที่อยู่ในเตานึ่งกำลังส่งกลิ่นเนื้อตลบอบอวลไปมาเช่นนี้ ราษฏรที่รอมาตั้งแต่เช้ายันกลางวันย่อมรู้าึกหิวกันจนตาลายไปหมดแล้ว จะมีผู้ใดสนใจจะต้องเข้าแถวรอรับอาหารกัน ? พวกเขาทำเพียงแค่เอื้อมมือออกมาฉกซาลาเปาไปสองสามลูกเพื้อกินเข้าท้องของตนเองเท่านั้น
ฉู่หมิงฉุ่ยเมื่อเห็นผู้คนไม่ฟังคำพูดของข้ารับใช้ที่กำลังตะโกนให้ตั้งแถวอยู่นั้น จึงลุกขึ้นยืนพูดอยู่สองสามประโยค เพื่อระบายความอัดอั้นในใจของตนเอง อีกทั้ง เมื่อครู่ พวกคนเหล่านี้ยังส่งเสียงสรรเสริญนางอยู่เลยมิใช่หรือ นางจึงคิดว่าพวเขาจะฟังคำพูดนางอยู่บ้าง
ฉู่หมิงฉุ่ยจึงเดินออกมา พร้อมกับยืนขวางทางที่อยู่ด้านหน้าของซาลาเปา เมื่อกำลังจะพูดออกมานั้น กลับถูกผู้คนผลักออกมา นางจึงล้มลงกับพื้นในทันที
"ช่างกล้านัก!" เมื่อองครักษ์ที่ถูกส่งตัวมาคุ้มครองฉู่หมิงฉุ่ยนั้น เห็นฉู่หมิงฉุ่ยล้มลง จึงรีบเข้ามาพยุงนางในทันที พร้อมกับจับคนที่ผลักฉู่หมิงฉุ่ยออกมาตบหน้า คนผู้นั้น เมื่อโดนตบหน้าไปก็พยุงตนเองไม่อยู่ แล้วจึงล้มตัวลงไปใส่ที่นึ่งซาลาเปาในทันที จึงทำให้ซาลาเปาทั้งหลายถูกเทกระจจาดออกมาในทันใด
"หยุดการแจกโจ๊กเดี๋ยวนี้ หยุดการแจกโจ๊กเดี๋ยวนี้!" องครักษ์พลันร้อนตะโกนนอกมา เมื่อเหล่าผู้คนในนี้เริ่มก่อความชุลมุนวุ่นวายขึ้นแล้ว นั่นจะทำให้ยากที่จะควบคุมให้สงบลงได้
ผู้คนที่รอจนตาลายไปหมด เมื่อเห็นซาลาเปาตกลงพื้นแล้วนั้น อีกทั้งยังหยุดการแจกจ่ายโจ๊กอีก พวกเขาจะไปอดทนไหวได้อย่างไรกัน ? ในตอนนี้ เหตุการณ์ทุกอย่างโกลาหลวุ่นวายไปหมดแล้ว ผู้คนทั้งหลายจึงกรูเข้ามาในโรงทานโจ๊ก. ข้ารับใช้ที่ขัดขวางหม้อโจ๊กอยู่นั้น ก็ล้มลงจนทำให้องครักษ์ต้องเข้ามาช่วยเหลือ
ฮูหยินพวกนั้นถูกลากให้ออกจากพื้นที่โดยไว หากแต่ ในเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างโกลาหลวุ่นวายไปหมดแล้วเช่นนี้ รอบด้านโรงทานโจ๊กนั้นล้วนแต่เป็นแอ่งน้ำ จะให้พวกนางหนีไปที่ใดได้กัน ?
หยวนชิงหลิงที่มองอยู่ไกลๆนั้น พลันขมวดคิ้วลง "นั่นมันอันตรายเกินไปแล้ว"
"นั่นสิ "หยวนชิงผิงจึงอดที่จะกังวลไม่ได้ขึ้นมา เนื่องจากว่าเหตุการณ์ความโกลาหลในที่นี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไป มีบางคนเมื่อล้มลงไปที่พื้นก็ถูกคนด้านเหยียบซ้ำในทันที "ทำอย่างไรกันดี ?"
หยวนชิงหลิงจึงรีบจากป้อมลงไปอย่างรวดเร็ว. พร้อมเดินไปหาทหารที่ประจำการอยุ่หน้าประตูเมือง "รีบไปช่วยเหลือพวกเขาเร็ว มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้ว โรงทานโจ๊กจะรับไม่ไหวแล้ว"
ทหารยามที่หน้าประตูเมืองเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น เขาย่อมไม่รู้จักหยวนชิงหลิง พร้อมกล่าวว่า "เรื่องเช่นนี้ มิต้องไปสนใจเลย หากพวกเขาฆ่าคนจริง อย่างไรก็ต้องมีคนที่ต้องรับผลกรรมนี้อยู่ดี"
"เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?" หยวนชิงหลิงพลันสีหน้าครึ้มลง "แม้ว่าคนที่ตายเป็นราษฏรที่ยากจนนะหรือ ?"
ทหารยามพลันชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเหม่อมองออกไป พร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้น พลางโบกมือกล่าวว่า "อาซาน พาคนมากับสักสองสามคนเสีย"
เมื่อทหารยามยังมิทันจะได้เดินออกไป พลันได้ยินเสียง "โครม" ขึ้นมา ทั่วทั้งโรงทานโจ๊กล้วนแต่ถล่มลงมาจนหมด
โครงสร้างของโรงทานโจ๊กที่เป็นไม้ไผ่ ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่ายนั้น มิได้มีโครงสร้างอันใดที่แข็งแรงคอยค้ำจุนทั้งสี่ด้าน เมื่อมีท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่ถูกหักลงมา โรงทานโจ๊กก็สามารถถล่มลงมาได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นสิ่งที่หยวนชิงหลิงคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ยืนอยู่บนป้อมหน้าประตูแล้ว และก็เป้นอย่างที่นางคิดจริงๆ โรงทานโจ๊กถล่มลงมาแล้ว
ฉับพลันทุนคนก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องระงมขึ้นมาในทันใด
ทหารยามจึงตะโกนขึ้นมา พร้อมทั้งวิ่งรุดเข้าไปช่วยโดยไว "เร็ว รีบไปช่วยพวกเขา"
โรงทานโจ๊กที่ถล่มลงมานั้น มิได้สำคัญว่าจะมีผู้ใดถูกโรงทานทับตัวหรือไม่ หากแต่ภายในโรงทานโจ๊กนั้นมีหม้อต้มโจ๊กอยู่หลายใบ รวมไปถึงเตาไฟที่ยังไม่มอดดับดีอีกด้วย
หยวนชิงหลิงมิคิดอันใดให้มากความ นางวิ่งตามทหารยามเข้าไปในทันที. มือพลันล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ เพื่อหยิบกล่องยาออกมาแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังโรงทานโจ๊กในทันที เมื่อเปิดกล่องยาออกมาแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นยาห้ามเลือด ผ้าก็อชและยาฆ่าเชื้ออีกมามาย รวมไปถึงยาที่ช่วยชีวิตในการปฐมพยายามอย่างอื่นอีกด้วย
หน้าประตูเมืองนั้น จึงเหลือเพียงทหารยามผู้เดียว นอกนั้นวิ่งเข้ามาช่วยเหลือที่โรงทานโจ๊กกันหมด
โรงทานโจ๊กที่ถล่มลงมานั้น ทับผู้คนไปประมาณห้าสิบdว่าคน เมื่อผู้คนที่กำลังคิดจะกรูเข้าไปนั้น เมื่อเห็นโรงทานถล่มลงมาเช่นนั้น จึงได้ยืนเหม่อด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จนทหารยามที่หน้าประตูเมืองวิ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้คน
MANGA DISCUSSION