ตอนที่ 31
— ย้อนกลับไป 5 ชั่วโมงก่อนจะเริ่มแผนการแย่งชิงเขี้ยวแวมไพร์เทียม
หลังจากที่แยกทางกัน หลังทานอาหารเที่ยงร่วมกัน…ไม่สิ หลังกินอาหารคนล่ะโต๊ะกันเสร็จสรรพ
พอฉันเห็นนอแมนเดินออกกไปทางซ้ายของร้าน ฉันก็พาไอรินมุ่งไปทางขวาแทน
“จะไปไหนหรอคะพี่ริซ ?”
“ว่าจะไปที่กิลนักผจญภัยหน่อยน่ะ….เอ้อ ! แล้วก็—”
ฉันกุมมือนุ่มนิ่มของไอรินแน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะมองตาเธอตรงๆแล้วพูดออกไปว่า
“ไอริน หลังจากนี้พี่อยากจะขอยืมพลังของไอรินหน่อยน่ะ”
“คะ ?”
ไอรินทำหน้างงเล็กน้อย แต่พอเธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร ใบหน้าของเธอแปรเปลี่ยนจากเฉยชาเป็นรอยยิ้มแจ่มใสแทน
“ค่ะ ! ไว้ใจได้เลย ถ้าเป็นคำขอของพี่ริซล่ะก็ ไม่ว่าอะไรหนูก็จะทำค่ะ !”
เห็นภาพหลอนราวกับมีหางส่ายไปส่ายมาข้างหลัง และ หูพับขึ้นพับลง
น่ารักจัง น่ารักที่สุด
ถ้าพูดว่าขอมือตอนนี้ ไอรินคงจะยื่นมือให้อย่างเชื่องๆ แต่พอรู้ว่าโดนแกล้งก็คงโดนเคืองทีหลังแน่ๆ
นึกภาพไอรินทำแก้มป่องแล้วโวยวายออกเลยล่ะ
“งืออออออ”
“ทะ ทะ ทำอะไรกันค่ะ !? เป็นอะไรของพี่ริซอีกแล้วเนี่ย ?”
ถูๆๆ นี่แน่ะ ถูๆ
ฉันย่อตัวเข้าไปกอดแล้วเอาแก้มถูๆกับใบหน้าของไอริน
ไม่ต้องมีเหตุผลหรอก
ก็แค่รู้สึกว่าน่ารักก็เลยอยากกอดเท่านั้นเอง
แล้วแก้มไอรินก็นุ้มนุ่ม แต่ขืนถูมากเกินเดี๋ยวจะถลอกเอาได้
“ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย กลัวว่าไอรินจะหนาว ก็เลยอยากมอบความอบอุ่นให้เท่านั้นเองจ้า~ ❤”
“ดวงอาทิตย์บะเอ้กขนาดนั้น ร้อนจะตาย ! ไม่ได้หนาวซักกะหน่อย ร้อนจนจะละลายอยู่แล้ว ! ถึงจะชินแล้วก็เถอะ แต่พี่ริซชอบทำอะไรปุบปับตลอดเลยอ่ะ”
พอฉันผล่ะออกมาเพราะโดนดันออก ไอรินที่แก้มขวาแดงกว่าแก้มซ้ายจากการสกินซิพกับฉันก็บ่นพลางเอามือซ้ายกุมอกขวา ส่วนมือขวากุมชายกระโปรง ส่ายตาที่หลุบต่ำหลบตาไปทางซ้าย ปากเล็กๆสีชมพูอ่อนขมุบขมิบขึ้นลงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“มนุษย์ยัวเยี้ยเต็มไปหมด ไปทำกันตรงอื่นไม่ได้หรอคะ ?”
เป็นคำพูดสองแง่สองง่ามซ่ะจริง
แต่โดยสรุปแล้ว ตัวไอรินที่เหลือบมองผู้คนที่กำลังมองมาที่พวกเราก่อนจะเหลือบตามองฉันโดยที่ดวงตาดูชุ่มชื้นและใบหูขึ้นสีแดงระเรื่อ น้องสาวตัวน้อยคนนี้ก็คงกำลังเขินอายอยู่แน่ๆ
ถึงจะพูดเหมือนมนุษย์เป็นหนอนแมลงแบบนั้น แต่เธอแคร์สายตาของคนรอบข้างกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย
อื้มๆ เป็นเรื่องปกติของเด็กที่กำลังโตเป็นผู้ใหญ่ คงไม่อยากทำเรื่องน่าอายจนทำให้คนอื่นยังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ผิดแน่ๆ
แต่ว่านะ การแสดงความรักน่ะ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายซักหน่อย
อ๊ะ ! แต่มันก็มีสิ่งที่เรียกว่ากาลเทศะอยู่สิเนอะ จะบอกว่า ไอรินเป็นเด็กที่มีกาลเทศะมากกว่าคุณพี่สาวอย่างงั้นหรอ ?
ไม่ใช่หรอกก็แค่อายมากกว่าแหล่ะ ที่มีปัญหาก็คือตัวฉันที่แสดงความรักต่อไอรินโดยไม่เลือกสถานที่ซะมากกว่า
แต่ว่า ไอรินออกจะน่ารักนี่นา ถ้าไม่กอดตอนนี้ก็อาจจะสิ้นใจได้เลยนะ !
แบบว่ามีน้องสาวตัวน้อยที่แสนน่ารักอยู่ใกล้มือขนาดนี้ ถ้ากอดไม่ได้แล้วมือสองข้างนี้จะมีไว้ทำไมละ !?
ก็ตัวไอรินออกจะหนุบหนับนุ่มๆเหมือนมาร์ชเมลโล่ตั้งขนาดนั้น แถมกลิ่นก็หอมเพราะแชมพูกลิ่นส้ม แล้วก็ยังตัวอุ่นมากถึงมากที่สุด ตอนที่ทำรู้สึกอายก็โวยวายด้วยร่างกายเล็กๆที่แสนจะน่ารักแล้วก็ทำหน้าตาน่าให้อ้อนสุดๆ
ไม่ไหวๆ เป็นไปไม่ได้หรอกไอริน ถ้าขืนต้องอดทนไม่สกินซิพกับไอริน คุณพี่สาวคนนี้ต้องพลังงานหมดจากการขาดไอรินเนี่ยมที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการดำรงชีวิตแน่ๆ
นั่นคงเหมือนกับตายทั้งเป็นชัวร์ๆ นี่มันนรกขุมไหนกันเนี่ย ?
ทว่า ในฐานะพี่สาวก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง
กาลเทศะน่ะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
จะมาดี๊ด๊ากันกลางถนนจนเกะกะคนอื่น มันเป็นเรื่องไม่สมควร
เพราะฉะนั้นเราต้องให้น้ำหนักการเป็นบุคคลแบบอย่างมากกว่าเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้ง
ใช่แล้ว….จะมาทำตัวปวกเปียกแบบเมื่อกี้ไม่ได้เด็ดขาด !
“ไอริน การมาสกินซิพกันกลางถนนแบบนี้ มันสร้างความลำบากให้คนอื่นนะ”
“นั่นมันคำพูดของหนูต่างหาก เมื่อกี้พี่เป็นคนเข้ามากอดเองไม่ใช่หรอ ! อย่ามาพูดเองเออเองเหมือนหนูเป็นฝ่ายเข้าไปกอดเองสิคะ !”
“แต่ไอรินทำหน้าเหมือนอยากให้เข้าไปกอดนี่นา”
“หนูไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นซักหน่อย !”
“นี่ไง ! ตอนนี้ก็ทำหน้าแบบนั้นอยู่จริงๆด้วย”
“ไม่ได้ทำซักหน่อย ! หนูเคยทำหน้าอย่างที่พี่ริซว่าที่ไหนกันเล่า !”
“อืม…แต่พี่ว่า ไอรินก็ทำหน้าแบบนั้นตลอดเวลานะ”
“นั่นมันพี่ริซอยากทำเองต่างหากไม่ใช่หรอคะ !? ไม่ได้เกี่ยวกับหนูแล้วนี่นา”
“อือออออออออ ก็ไอรินน่ารักนี่นา ….เพราะ น่ารักตลอดเวลาก็เลยแบบว่าอยากกอดตลอดเลยอ่ะ หักห้ามใจไม่ไหวอีกแล้ว มาให้กอดหน่อยจิ”
“ละ ละ เลิกล้อเล่นแล้วเดินต่อไปได้แย้ว ไปๆๆ ไปเลยนะ !”
สุดท้ายไอรินก็ทนสายตาของคนรอบข้างไม่ไหว เธอเดินดันหลังฉันไปที่กิลพลางบ่นไม่หยุด
“น่ารำคาญ ถ้าพี่ริซไม่ห้ามหนูจะทำให้ไอ้พวกมนุษย์ที่มามองพวกเราด้วยสายตาแปลกๆนั่นกลายเป็นฝุ่นไปให้หมดเลย”
“ไม่ดีเลยน้า พวกเขาออกจะมองพวกเราทั้งคู่ด้วยสายตาอบอุ่นจะตาย”
“ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย ! มองเหมือนกับหนูเป็นเด็กๆแบบนั้น น่าขยะแขยงที่สุด !”
“อ๊ะ ! แบบนี้ไอรินก็ขยะแขยงพี่ด้วยหรอ”
“คนที่มองหนูด้วยสายตาแบบนั้นได้ ในโลกนี้มีแค่พี่ริซก็พอแล้วค่ะ !!!”
อ๊ะ !?
พอเผลอหลุดปากออกมาแบบนั้น ไอรินก็รีบเอามืออุดปาก
“ฮึม~ ❤ ยังไงอันดับหนึ่งของไอรินและเป็นคนที่พิเศษที่สุด ยังไงก็ไม่พ้นคุณพี่สาวคนนี้จริงๆด้วยสิเน้อ~”
“มะ มะ มะ ไม่ใช่ๆ มะ มะ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น พี่ริซก็เหมือนกันยะ ยะมาว่าหนูเป็นเด็ก ห้ามมองหนูด้วยสายตาแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะ !”
“แต่เมื่อกี้ไอริน พึ่งอนุญาติไปหยกๆ ให้พี่ทำเหมือนไอรินเป็นเด็กได้—”
“หนวกหูๆๆๆๆ พี่ริซน่ารำคาญ ! พี่ริซนิสัยไม่ดี ! พี่ริซคนปู้ดมาก ! เลิกแกล้งหนูแล้วเดินไปได้แย้ว ! ”
จ้าๆๆๆ
สุดท้ายก็โดนไอรินลากไปจนถึงกิลนักผจญภัยตามที่คุยเอาไว้
“จะว่าไป ถ้ามีมือแปดมือเหมือนคุณปลาหมึกก็คงดีเนอะ แบบนั้นคงกอดไอรินจนหนำใจแน่เลย อยากกลายเป็นมนุษย์ปลาหมึกจังน้า หรือ พอตายแล้วเกิดใหม่เป็นปลาหมึกที่ไอรินเก็บมาเลี้ยงก็คงไม่เลวเหมือนกัน”
“ไม่เอา ! คะ คะ แค่จินตนาการก็สยองแล้ว ห้ามแม้แต่คิดเด็ดขาดเลยนะ ! นั่นจะรัดหนูให้ตายรึไงคะ ”
“ฮุๆๆ ไม่ได้หรอ ?”
“มโนได้น่ากลัวมาก พี่ริซที่มีแปดแขน !? หยะแหยงอ่ะ !”
“อึก ! ถ้าไอรินว่างั้น พี่ไม่คิดต่อก็ได้”
“แล้วอีกอย่าง—”
“ ??? ”
“เปล่า….ไม่มีอะไรค่ะ”
ไอรินส่ายหัวแล้วพึมพำเบาๆราวกับไม่อยากให้ฉันได้ยิน
—- ถ้าพี่ริซตายแล้วเกิดใหม่ หนูก็ขอตายแล้วเกิดใหม่เป็นน้องสาวของพี่อยู่ดีนั่นแหล่ะ
เสียงที่แผ่วเบานั่น จะทำเป็นไม่รู้เรื่องล่ะกัน
“เพราะงั้น ยังไงก็ไม่มีปลาหมึกในทุกตัวเลือกค่ะ !”
“อืมๆ…นั่นสิเนอะ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่ก็จะรักไอรินเสมอนะ ต่อให้พี่กลายเป็นแบคทีเรียในลำไส้หนอนชาเขียว พี่ก็จะเป็นแบคทีเรียที่รักไอรินที่สุดในโลกเลย”
“ไม่มีอะไรที่เปรียบเปรยได้เข้าท่ากว่านั้นเลยเรอะ ! นี่สมองของพี่ริซเนี่ยทำจากอะไรกันแน่เนี่ย !”
“พี่ก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะอะไรกันนะ สมองของพี่ถึงมีแต่ไอรินเต็มไปหมดเลย อ๊ะ ! บางทีแม้แต่หัวใจก็มีไอรินอยู่ข้างในนั้นด้วย เฮ้อ…ไม่ไหวเลยน้า ไม่ว่าจะไปที่ไหนพี่ก็หยุดคิดเรื่องไอรินไม่ได้เลย บางทีตัวพี่คงเกิดมาเพื่อไอรินแน่ๆเลย”
“ละ ละ เลิกพูดอะไรน่าอายแล้วเดินเข้าไปได้แล้ว ! ถ้านี่เป็นประโยคจีบสาว นี่คงเป็นประโยคที่เอ่อ…ใช่ ! เสี่ยวสุดๆไปเลย !!! เพราะงั้นพี่ริซเลิกพูดมากได้แล้ว งือออ ช่วยหยุดพูดทีเถอะ !!!”
สุดท้ายไอรินก็นั่งยองลงกับพื้นแล้ว เอามือปิดหน้าด้วยความเขินอาย
ควันออกหู ไหล่สองข้างสั่นระริก
แกล้งมากไปหน่อย แต่ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้โกหกนะ
เฮ้อ…รักเด็กคนนี้จนจะบ้าตายอยู่แล้ว ความรักนี่น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย
“จ้าๆ เลิกเล่นแล้วก็ได้ ไปกันต่อเถอะ”
“งื้อออ……เลิกแกล้งหนูได้แล้วนะ”
“จ้าๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ถึงแม้ที่พูดนั่นพี่จะไม่เคยโกหกเลยก็ตามเถอะ”
ฉันพยุงไอรินขึ้นมา จากนั้นก็เอานิ้วแตะจมูกของไอรินทีหนึ่งแล้วขยิบตาให้
“ยังไงพี่ก็เชื่อว่าพี่เกิดมาเพื่อไอรินอยู่ดีนั่นแหล่ะ”
“—- !!!”
หลังจากนั้น น้องสาวของฉันก็ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหลบตาแล้วก้มหน้าลง จากนั้นก็จูงมือกับฉันตรงไปข้างหน้าเงียบๆไม่พูดอะไร
ฉันไม่หันหลังไปมอง เพราะถ้าเรารู้ทุกอย่าง ชีวิตก็คงขาดสีสันต์น่าดู
เด็กคนนั้นจะทำหน้าแบบไหน เด็กคนนั้นจะรู้สึกยังไง
ในบางครั้งเธอก็คงไม่อยากให้ฉันรู้ และ ฉันก็ควรเคารพน้องสาวตัวน้อยของฉันบ้าง
ตึก…ตึก….
พวกเราทั้งคู่เดินไปเงียบๆ จนเผลอแป๊ปเดียวก็ไปอยู่หน้าจุดประชาสัมพันธ์
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ ?”
คนที่อยู่ตรงหน้าฉันคือพนักงานกิลสาวคนนั้นที่เป็นคนบอกว่า ภารกิจตามล่าโครงกระดูกของบาเรนถูกยกเลิก และ ช่วยพาฉันไปหานอแมน
“พอดีว่ามีอะไรอยากถามนิดหน่อยค่ะ ”
ฉันพูดกับพนักงานกิลสาวว่าแบบนั้น ก่อนจะหันไปหาไอริน ซึ่งตอนนี้—
“อะไรกัน ? นี่ดีใจกับที่พี่พูดขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ?”
“ฝะ ฝะ ฝุ่นเข้าตาต่างหากค่ะ ! ไม่ได้ดีใจจนร้องไห้แน่นอนค่ะ !”
ไอรินที่กำลังสูดน้ำมูกแล้วเอาแขนเสื้อเช็ดตาจนเปียก
เมื่อกี้อาจจะแอบร้องไห้นิดหน่อย ถ้าไม่ตื้นตันดีใจจนร้องไห้ ก็คงร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เช่น ทำนองว่า ทำไมตัวเราถึงไม่สูงกว่านี้ หรือพูดออกมาตรงๆได้แบบพี่ริซบ้างนะอะไรทำนองนั้น
ว่าไปนั่น ฉันนี่ล่ะก็มโนไปเรื่อยจริงๆ ทั้งๆที่บางอย่างก็น่าจะเห็นได้ชัดแท้ๆ
“ก็แค่ฝุ่นเข้าตา ฝุ่นเข้าตาเท่านั้นค่ะ !”
เพราะไอรินยืนยันซ้ำแล้วเริ่มทำหน้าบึ้ง ถึงจะน่ารักอยู่เหมือนเดิม แต่ฉันก็ไม่ได้กอด แล้วก็ยังรักไอรินที่สุดอยู่ดีนอกจากนี้ก็ต้องอดกลั้นไม่ไปสกินซิพกับไอรินต่อหน้าพนักงานสาวข้างหน้าอีก
อ่า…เหมือนกำลังโดนฝึกความอดทนอยู่เลยแฮะ
“ฮึ่ม ! แล้วจะขอยืมพลังของหนูใช่ไหมคะ ?”
เพียงไม่นาน หลังจากเช็ดน้ำตา ไอรินก็กลับมาพยักหน้าแล้วพูดอย่างเป็นการเป็นงาน
ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ต่อให้ไม่บอกเธอกลับเดาใจฉันได้อย่างน่าประทับใจ
“จริงๆพี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้เลย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย พลังถ้ามีแล้วไม่ใช้ มันจะมีไปทำไมกันคะ ?”
“นั่นมันก็ นั่นสินะ—”
ฉันยิ้มแห้งๆ ก่อนจะจ้องไปที่พนักงานสาวที่อยู่ข้างหน้า
“เอ่อ…มีอะไรรึเปล่าคะ ?”
ในขณะที่พนักงานสาวทำหน้างง ฉันก็ทำได้เพียงขอโทษด้วยเสียงอันแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนที่อยู่รอบข้างได้ยิน โชคดีจริงๆที่ตอนนี้ไม่มีคนต่อคิวพวกเราทั้งคู่อยู่
“ต้องขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่ช่วยตอบตามที่ฉันถามจริงๆหน่อยนะคะ”
ได้แต่พนมมืออยู่ในใจ ก่อนที่วินาทีถัดมา เสียงอันแผ่วเบาของเด็กสาวที่อยู่ข้างๆฉันจะดังขึ้นโดยที่มีพวกเราได้ยินกันแค่สามคน
“หลังจากนี้แกจงทำตามที่พี่ริซสั่งเดี๋ยวนี้ —-”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เด็กสาวผู้มีเรือนผมสีเทาหม่นและมีดวงเนตรสีดำสงบ
อาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างเล็กๆคือชุดกระโปรงสีฟ้าสว่างที่เข้าคู่กับเด็กสาวอย่างน่าประทับใจ
ภายในโลกแห่งความฝันที่ฉันหวนกลับมาอีกครั้ง ภาพแรกที่ฉันเห็นคืออลิซที่โผล่มาต้อนรับฉันด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง
“พี่สาวววววววว กลับมาแล้วหยออออออออออ”
ทว่า ในวันนี้ฉากพื้นหลังต่างจากเดิมนิดหน่อย
รอบข้างคือป่าไม้เขียวขจี และ อลิซก็ทักทายฉันจากตำแหน่งที่สูงกว่า
ฉันเงยหน้าไปตามเสียงที่ดังก้อง ก็พบกับอลิซที่ยืนอยู่บนหน้าผาสูงตระหง่าน
“ฮึบ !”
แต่ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยถามอะไร อลิซก็กระโดดลงมาจากหน้าผาแล้วอ้าแขนกว้าง
“พี่สาวววววววววววว”
เธอพุ่งตัวลงมาด้วยความเร็วสูงจนฉันถึงกับไปไม่ถูกไปชั่วขณะ
นี่คือโลกแห่งความฝัน ต่อให้ตกลงมาอลิซคงไม่เจ็บหรือตาย ทว่า ถ้าเธอ อ้าแขนขนาดนั้นแล้วกระโดดลงมานั่นหมายความว่าเธอคงอยากให้ฉันอ้าแขนรับไม่ผิดแน่ๆ
อืม….เป็นการพบเจอกันเหมือนพระเอกนางเอกในหนังอะไรทำนองนั้นสินะ
น่าสนใจดี ว่าแล้ว ฉันก็เล่นโรลย์ตามที่อลิซต้องการซักหน่อย
“อลิซซซซซซซซซซซซซซซซซซ”
“พี่สาวววววววววววววววววว”
อลิซพุ่งลงมาจากฟ้า ส่วนฉันรีบวิ่งเข้าไปรับ
ระยะห่างของเราย่นเข้ามาอย่างน่าใจหาย ทว่า ฉันก็ออกวิ่งไปสุดแรง จนภาพใบหญ้าที่เป็นทิวทัศน์โดยรอบไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งในที่สุด ฉันก็ไปยืนรออยู่ใต้ตำแหน่งที่เด็กสาวตกลงมา
แต่ทว่า—
ฟุบ !
“อ๊ะ !”
ทันใดนั้นเอง พื้นที่ฉันยืนอยู่ก็เกิดหลุมขนาดเล็กขึ้นมา
ดูเหมือนว่าตรงพื้นที่อลิซตกลงมาจะมีใครบางคนขุดหลุมกับดักเอาไว้อยู่
“ว๊าย !”
ฉันหลุดเสียงตกใจออกมา ก่อนที่ร่างจะโดนแรงดึงดูดลากตกลงไปในหลุมที่ถูกใครบางคนวางดักเอาไว้
“เหวออออออออ”
พริบตานั้นเอง ทัศนวิสัยรอบข้างก็กลายเป็นสีดำ
ฉันตกลงไปในหลุมลึกที่ยากจะคาดเดาความลึกของมัน
“เหวอออออ”
ร่างของฉันโดนมันดึงตกลงไป ห่างจากแสงสว่างด้านบนที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
พอรู้ตัวอีกที แสงสว่างที่อยู่เหนือหลุมก็กลายเป็นจุดเล็กลงเรื่อยๆอย่างช้าๆ
จนในท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าแสงสว่างจะหายไป ภาพที่ไหลผ่านไปด้านข้างก็ยังคงดำเนินต่อไป
แรงดึงดูดยังคงดึงร่างของฉันลงไปเรื่อยๆ ไปสู่หลุมลึกที่ไม่รู้ว่าจะลึกแค่ไหนกันแน่
“หืม ?”
ร่างของฉันยังคงโดนแรงดึงดูดดึงลงไป ทว่า แม้จะผ่านไป 5 นาที ร่างของฉันก็ไม่ได้กระแทกกับพื้นหรือก้นหลุม
มันร่วงลงไปเรื่อยๆด้วยความเร็วพอๆเดิม ภาพมืดๆที่ไหลผ่านไปด้านข้างก็ยังคงไหลอยู่จนรู้สึกตัวอีกทีก็มองไม่เห็นอะไรเลย เพราะไม่มีแสงสว่างส่องถึงอีกต่อไป
ร่างของฉันตกลงไปยังหลุมลึกที่มืดสนิทและยากจะเดาว่ามันลึกแค่ไหนกันแน่
ไม่สิ…แบบนี้ มันราวกับว่า
“นี่มัน…หลุมไร้ก้นสินะ”
ในตอนที่ฉันพูดแบบนั้นออกไป เจ้าของโลกใบนี้อย่างไอริซก็ตอบกลับมา
เสียงของเธอดังขึ้นมาจากรอบข้าง
“เย้ ! พี่สาวติดกับดักของหนูแล้ว !”
“ตายจริง … ที่อุตส่าห์วางทิวทัศน์ธรรมชาติและกระโดดลงมาจากหน้าผา นั่นก็คือแผนหลอกให้พี่ตายใจหรอกหรอเนี่ย”
“ใช่แล้ว ! หนูเก่งใช่ไหมละ”
“จ้าๆ”
แม้จะมองไม่เห็น แต่ฉันรู้ว่าเด็กสาวที่วางแผนนี้เอาไว้กำลังกอดอกแล้วเชิดหน้าอย่างพึงพอใจอยู่เป็นแน่
“นี่นะคือหลุมอนันต์ที่หนูสร้างขึ้นมาเอง มันเป็นหลุมแห่งจินตนาการที่ไม่มีก้นบึ้งและผู้ที่ตกลงไปจะร่วงลงไปเรื่อยๆอย่างไร้ที่สิ้นสุด หนึ่งกิโลเมตร สองกิโลเมตร สิบกิโลเมตร พันกิโลเมตร แล้วก็หมื่นล้านกิโลเมตร ! คนที่ตกลงไปในหลุมจะติดลูปแห่งแรงโน้มถ่วงที่เหลือสัมผัสเพียงแค่ความรู้สึกที่ร่างกายถูกกระชากลงข้างล่างเพียงอย่างเดียว ไม่มีแสงสี ปราศจากซึ่งความเจ็บปวด สิ่งที่ได้รับมีแค่ประสบการณ์ตกหลุมชั่วกัปชั่วกัลป์”
แน่นอนว่า สาเหตุที่เด็กคนนี้ทำแบบนี้ สามารถเดาได้ไม่ยาก
“เพียงแค่นี้พี่สาวก็จะติดอยู่ในโลกแห่งความฝันของหนูตลอดไป วิเศษไปเลยค่ะ !!!”
“……………….”
“เป็นไงล่ะ ! หนูสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะที่คิดแผนการอันแยบยานขนาดนี้ออกมาได้ ”
“แยบยลต่างหาก”
“…….อะ อะ อื้ม ! ใช่ค่ะ ! เป็นไง เป็นแผนที่แยบยลใช่ไหมละ ?”
“จ้าๆ…แยบยลมากเลย”
ฉันเอนนอนปล่อยให้ร่างไหลไปตามแรงโน้มถ่วงพลางเอ่ยถามอลิซอย่างสบายๆ
“ว่าแต่วันนี้ลีโอมาที่นี่บ้างรึเปล่า ?”
“อ่อ…ถ้าพี่ลีโอล่ะก็ กลับไปก่อนที่พี่ริซจะมาถึงประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อน”
“โดนหลบหน้าอีกแล้วหรอเนี่ย……”
ฉันได้แต่ถอนหายใจ ก่อนที่จะถามเด็กคนนี้ต่อ
“แล้วพอรู้ไหมว่าลีโออยู่เมืองไหน”
“ก็เมืองเดิมเหมือนกับที่บอกพี่สาวไปเมื่อวันก่อน”
“ลีโอได้พูดถึงเมืองฟาเลสโซ่ที่พี่อยู่ตอนนี้บ้างรึเปล่า ?”
“ไม่ได้หลุดออกมาแม้แต่นิดเดียวค่ะ”
“ลีโอไม่ได้ปิดบังอะไรอยู่สินะ”
“ที่ปิดบังก็มีแค่เรื่องที่พี่สาวบอกหนูไม่ให้เล่าให้คนอื่นฟังค่ะ”
“งี้นี่เอง เก่งมาก ขอบคุณที่ฟังคำขอเห็นแก่ตัวของพี่นะ”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แล้วก็ช่างหัวพี่ลีโอด้วย หนูอุตส่าห์รอพี่สาวตั้งนาน พวกเรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะ”
พอฉันมองไปรอบข้าง ฉันก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
“นี่จะคุยกันในสภาพที่พี่อยู่ในสถานที่มืดๆที่โดนแรงโน้มถ่วงฉุดลงข้างล่างตลอดเวลาเลยหรอ ?”
“ถ้าหนูดึงพี่สาวกลับขึ้นมา พี่สาวก็หนีไปพอดีสิ”
“นั่นมันก็จริง………..”
แต่นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เลว
หลังจากนั้นฉันก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับอลิซพลางสัมผัสกับการติดลูปแรงโน้มถ่วงของหลุมอนันต์ที่ไร้ก้นบึ้ง
แม้จะมองอะไรไม่เห็น แต่เสียงที่แจ่มใสของเธอ มันก็ทำให้ฉันเดาได้ไม่ยากว่าเด็กคนนี้กำลังทำหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขอยู่ไม่ผิดแน่ๆ
ทว่า น่าเสียดายที่ฉันกับเธอ พวกเรามีเวลาให้กันไม่มาก ไม่สิ…เป็นฉันเองต่างหากที่ไม่มีเวลาให้อลิซ
แม้จะไม่รู้เวลาจนไม่รู้ว่าคุยกันมานานแค่ไหน แต่ฉันก็รู้ว่ามีคนกำลังเรียกฉันอยู่ที่โลกอีกฟากหนึ่ง
“ดูเหมือนจะได้เวลาไปแล้ว เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยว ! เป็นไปไม่ได้ๆๆๆๆ นี่พี่สาวคิดวิธีหนีออกจากโลกของหนูได้อีกแล้วหรอ ? งือออ ทั้งๆที่อุตส่าห์ทำตั้งนานแท้ๆ”
“อื้ม แล้วก็อย่าลืมปิดหลุมกลับไปด้วย ระวังมีคนเผลอตกลงมาในหลุมนี้นะ ไม่งั้นคนๆนั้นคงได้ติดลูปแล้วหลับไหลไปตลอดกาลแน่ๆเลย ยิ่งอลิซชอบสะเพร่าอยู่ด้วย เพราะงั้นไม่ว่ายังไงก็ห้ามเผลอเปิดทิ้งไว้เด็ดขาดเลยนะ พี่มั่นใจว่าถ้ามีคนตกลงไปอลิซคงหาไม่เจอแน่ๆ”
พูดจบ ฉันก็ทำเพียงดีดนิ้วเบาๆ
แรงดึงดูดที่ผ่านมาค่อยๆจางหายไป ทัศนวิสัยอันดำมืดค่อยๆห่างไกลออกไปอย่างช้าๆ
— ฝากไว้ก่อนเถอะ ! คราวหน้าหนูจะทำให้พี่สาวติดอยู่ในนี้ตลอดไปให้ได้
สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาคือเสียงของอลิซที่ดื้อดึงเหมือนทุกครั้ง
ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ฉันมายังโลกแห่งความฝันใบนี้ ระดับความอันตรายจะยกระดับมากขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย
ฮุๆๆ ให้ตายเถอะ ตัวฉันนี่เป็นพี่สาวที่ได้รับความรักซ่ะจนลำบากใจเหมือนกันนะเนี่ย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เปลือกตาค่อยๆเผยอขึ้น
แสงสว่างค่อยๆหวนกลับมาอีกครั้ง
เมื่อฉันลืมตาขึ้นมาก็พบกับร้านอาหารยามเย็นร้านเดิมที่มีคนน้อยเสียจนคิดว่าร้านพรรคนี้ยังเปิดอยู่ได้ยังไง
นี่คือร้านที่นอแมนพามาเมื่อตอนกลางวัน มีโต๊ะหลายโต๊ะ แต่ทุกโต๊ะต่างนั่งคุยและทานอาหารกันเงียบๆ เป็นบรรยากาศอันเงียบสงบต่างจากร้านอาหารร้านอื่นที่มีคนมาเลี้ยงฉลองกันอย่างพลุกพล่าน
“ตื่นซ่ะที…พี่ริซ ปล่อยให้หนูปลุกตั้งนานเลย”
“ฮ้าวว…โทษทีๆ พอดีง่วงนิดหน่อย”
จริงๆแล้ว ฉันตั้งใจงีบหลับระหว่างรอนอแมนเพื่อไปพบอลิซในโลกแห่งความฝันต่างหาก แต่ที่พูดนี่ไม่ได้โกหกหรอกนะ
เวลาตอนนี้ค่อนข้างดึก แถมฝนก็กำลังตกอยู่ อากาศกำลังเย็นสบายเลย
มองไปรอบข้างก็เห็นโต๊ะอื่นๆทานอาหารกันเงียบๆ เป็นบรรยากาศอันเงียบสงบที่เหมาะแก่การนอนเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าที่นี่จะเป็นร้านอาหารก็ตาม
“แบบนี้คงได้เวลาเริ่มแผนการตามที่คุยกับคุณนอแมนแล้วสิเนอะ”
ฉันบิดขี้เกียจก่อนพูดกับไอรินด้วยเสียงเนิบนาบ
“อ่อ…ถ้าแผนการนั่นล่ะก็ น่าจะไม่ได้ทำแล้วค่ะ”
“อ่าว…คุณนอแมนมาสายอีกแล้วหรอ”
เฮ้อ…ไม่ไหวเลยจริงๆ เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
ขวับๆ
ทว่า ไอรินกลับทำหน้านิ่งแล้วส่ายหัว
เอ๋ ? ทำไมอยู่ๆบรรยากาศน้องสาวของฉันในวันนี้ถึงได้ดูเงียบสงบผิดปกติกันล่ะเนี่ย
“ขยะแมนไม่ได้มาสายหรอก…วันนี้มาตรงเวลาพอดีเลย”
“งั้นไปไหนละ ?”
ไอรินไม่ตอบนอกเสียจากยื่นพู่กันอันหนึ่งพร้อมขวดหมึกมาให้ฉัน
“เมื่อกี้ เพราะมาตอนพี่ริซกำลังหลับอยู่ มันก็เลยหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วบอกให้หนูเงียบไปก่อน มันกะจะแอบวาดหน้าพี่ริซตอนกำลังหลับซ่ะหน่อย”
“อะ…อะ….”
“กล้า….แกล้งพี่ริซต่อหน้าหนู….เป็นขยะที่ชั่วช้าที่สุดไปเลยค่ะ”
พอฉันลองลูบๆหน้าแล้วมองหน้าของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในแก้วน้ำ ดูเหมือนใบหน้าของฉันก็ยังดูปกติดีนี่นา ?
ว่าแต่ สรุปแล้ว นอแมน ไปไหนนะ ?
คงไปเข้าห้องน้ำ ! ต้องไปเข้าห้องน้ำแน่ๆ
“อะ..เอ่อ…ไอรินจ้ะ”
“คะ ?”
ไอรินเอียงหัวแล้วทำหน้านิ่งใส่ฉัน
“คุณนอแมน…หายไปไหนหรอ ?”
“……………………..”
ไอรินไม่ตอบอะไร….นอกเสียจากก้มมองลงไปที่พื้นตรงตำแหน่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่ทางด้านขวา
“…………………”
“…………………”
ที่ตรงนั้น…..
ตรงเก้าอี้ที่ควรจะมีใครซักคนเคยนั่งอยู่
“ทะ ทะ ทำไมมีฝุ่นกองอยู่ตรงนี้ละ ?”
ฉันถามไอรินออกไปด้วยเสียงสั่นๆ
มีฝุ่นทรายสีเทากองอยู่ตรงเก้าอี้ที่ควรจะมีคนนั่งในปริมาณที่มากผิดปกติ
ฉันพยายามปฏิเสธความคิดบางอย่างที่สงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้
“ไอริน…..ช่วยบอกพี่มาที”
“พี่ริซค่ะ……”
ไอรินหลบตา ก่อนจะพูดด้วยท่าทางที่อึมครึมกว่าปกติ
“ขยะแมน….ไม่อยู่ที่นี่แล้วค่ะ”
.
.
.
.
.
.
.
“หาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ฉันไม่อยากรู้เลยว่าตอนนี้ฉันกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่กันแน่
Chapters
Comments
- ตอนที่ 38 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 37 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 36 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 35 มิถุนายน 9, 2022
- ตอนที่ 34 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 33 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 32 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 31 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 30 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 29 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 28 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 27 มิถุนายน 7, 2022
- ตอนที่ 26 พฤษภาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 24 พฤษภาคม 12, 2022
- ตอนที่ 23 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 22 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 21 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 18 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 17 พฤษภาคม 9, 2022
- ตอนที่ 16: น้องสาวผู้น่ารักของฉันโดนดุ เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 15: พี่สาวของหนูตายซ่ะเเล้ว !? เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14: น้องสาวผู้น่ารักของฉันมีมากกว่าหนึ่งคน !? เมษายน 28, 2022
- ตอนที่ 13: น้องสาวผู้น่ารักของฉันฝึกทำอาหาร เมษายน 27, 2022
- ตอนที่ 12: การเดินทางของพวกเขาทั้งหลาย เมษายน 26, 2022
- ตอนที่ 11: พี่สาวของหนูต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป เมษายน 24, 2022
- ตอนที่ 10: พี่สาวของหนูพูดอะไรบางอย่างที่น่าจะสำคัญ เมษายน 23, 2022
- ตอนที่ 9: พี่สาวของหนูถูกพรากไป พร้อมๆกับพวกเพื่อนๆ เมษายน 21, 2022
- ตอนที่ 8: น้องสาวผู้น่ารักของฉันยอมพูดเปิดใจนิดหน่อย เมษายน 20, 2022
- ตอนที่ 7: น้องสาวผู้น่ารักของฉันช่วยปกป้องคุณพี่สาวด้วยล่ะ ! เมษายน 19, 2022
- ตอนที่ 6: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเเสดงความเป็นห่วงด้วยล่ะ ! เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 5: เพื่อจบความขัดเเย้ง การเสียสล่ะคือสิ่งที่จำเป็น เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 4: น้องสาวผู้น่ารักของฉันเข้าวัยต่อต้าน !? เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 3: ไม้ต่อ เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 2: เเยกจาก เมษายน 18, 2022
- ตอนที่ 1: จุดเริ่มต้นภายในห้องขังอันอับชื้น เมษายน 18, 2022
MANGA DISCUSSION