ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~ - ตอนที่ 61 บท2ตอนที่33:ประกาศเลื่อนขั้นฮันเตอร์
- Home
- ผลลัพธ์จากการฝึกโหดในดันเจี้ยนสุดเลวร้าย100000ปี จนกลายเป็น~ ผู้ที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก~
- ตอนที่ 61 บท2ตอนที่33:ประกาศเลื่อนขั้นฮันเตอร์
กิลด์เฮ้าส์เมืองบัลเซ่―― ห้องของหัวหน้ากิลด์
“ดีจริงๆเหรอครับ?”
ฉันมองดูเหรียญแพลตตินัมที่กองเท่าภูเขาอยู่ตรงหน้าและกล่าวถามอย่างลังเล
“แน่นอน ฮันเตอร์ตัดสินกันที่ผลลัพธ์ เจ้าสมควรได้รับมัน”
เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังไม่ผิดแน่ บอกตามตรง แค่ผู้เฒ่าคนนี้เท่านั้นที่ไม่อยากติดหนี้
ขอพูดอย่างไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน รู้สึกเหมือนเคยเจอตาเฒ่าร่างเล็กบึกบึนที่อยู่ตรงหน้านี้ครั้งหนึ่ง ที่มาที่ไปก็คงไม่พ้นถูกปู่บังคับให้มาเจอครั้งในอดีตนั่นแหละแต่ เหมือนกับอารอน・ไคเอน ตาเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในคนที่ฉันไม่ถูกด้วยเหมือนกัน
ได้เงินรางวัลจากงานประลองยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มาแล้วด้วย ตามหลักธรรมประจำใจแล้วก็อยากปฏิเสธอยู่หรอกแต่ ถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนกับหักหน้าตาเฒ่าคนนี้ สำหรับฉันที่กำลังวางแผนใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในฐานะฮันเตอร์หลังจากนี้แล้ว การถูกตาเฒ่าที่มีตัวตนดั่งวีรชนของฮันเตอร์คนนี้จับตามองไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าไหร่
“ถ้างั้น ขอรับไปโดยไม่เกรงใจเลยก็แล้วกันครับ”
ใส่เหรียญแพลตตินัมลงถุงแล้วถือมันไว้
“เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้แรงค์ฮันเตอร์ของเจ้าจากEขึ้นเป็นDเรียบร้อย นี่บัตรหลังเปลี่ยนแปลง เอาไป”
ราล์ฟโยนบัตรกิลด์ให้ตรงหน้า
“หา? เลื่อนขั้นอะไรนั่นผมไม่ได้ต้องการเลยเถอะ”
ถ้าจำไม่ผิด คำอธิบายบอกว่า จำเป็นต้องยื่นเรื่องขอเลื่อนขั้นให้ทางกิลด์พิจารณาก่อนถึงจะได้รับอนุญาตให้เลื่อนขั้น เพราะแบบนั้นถึงได้วางใจอยู่นี่ไงแต่
“ตราบใดที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ประเมินหัวหน้ากิลด์สาขาก็สามารถใช้ดุลยพินิจของตัวเองพิจารณาเลื่อนขั้นฮันเตอร์จนถึงแรงค์Cได้ วางใจเถอะ การยื่นเรื่องอะไรนั่นไม่จำเป็นตั้งแต่แรกแล้วล่ะ”
“รอเดี๋ยว――นะครับ!”
ไม่ตลกนะเฮ้ย ถ้าโดนผูกมัดกับจุดยืนแปลกๆไปมากกว่านี้ละก็ การเที่ยวรอบโลกและใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่รอมาเนิ่นนานได้ล้มพับแน่
“อุมุ เจ็บใจที่อัปแค่แรงค์เดียวใช่มั้ยล่ะ?อย่าห่วงไป ได้พิจารณาให้เลื่อนขั้นเป็นแรงค์Cไว้แล้ว”
ตาแก่นี่ พูดบ้าอะไรอยู่เนี้ย!
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นโว้ย――”
หัวหน้ากิลด์ยิ้มหน้าบานยื่นมือมาตบไหล่ของฉันที่กำลังจะพูดโต้กลับ จากนั้นก็
“ยินดีซะเถอะ เรื่องจุดยืนของเจ้าภายในกิลด์ฮันเตอร์ ข้าได้ไปปรึกษากับเจ้าหญิงโรสมาแล้วล่ะ”
โพล่งเรื่องไร้สาระจนรู้สึกไม่สบายใจพรรค์นั้นออกจากปาก
“คือว่านะครับ――”
“แล้วก็ ตามคำขอของเจ้าหญิง ทางนี้ได้สั่งห้ามไม่ให้แพร่งพรายเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอันขาดไปแล้วล่ะ นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าปรารถนาไม่ใช่รึ?”
“นั่นมันก็ใช่อยู่หรอกครับแต่――”
“เจ้าก็คงเหนื่อยแล้วใช่มั้ยล่ะ ไปพักให้สบายเถอะ”
หัวหน้ากิลด์ไม่ยอมฟังเรื่องที่ฉันจะพูดแม้แต่น้อย พูดไม่หยุดอยู่ฝ่ายเดียวและลุกจากที่นั่ง ทำหน้าเหนือกว่าออกนอกหน้าพร้อมกับออกจากห้องไป
นั่นมันอะไรน่ะ?ขนาดอยู่ในสถาณการณ์พรรค์นี้แล้วยังมีเรื่องให้ตกใจได้อีกรึนี่ เรื่องหารือกับองค์หญิงเสียของนั่นเนี่ย มีแต่จะทำให้ไม่สบายใจมากกว่าเดิมต่างหาก!เวรเอ้ย รู้สึกเหมือนกำลังวิ่งถอยหลังเต็มกำลังหนีจากชีวิตสโลว์ไลฟ์อันเปล่งประกายไปเรื่อยๆเลยแฮะ
แต่ เรื่องไม่แพร่งพรายเนี่ยแน่ใจแล้วเหรอ ดูเหมือนจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ครั้งนี้จะมากจากอาร์โนลด์ ถึงจะถามก็คงไม่มีใครหน้าไหนเปิดปากพูด เอาเถอะ เรื่องที่ยับยั้งไม่ให้ข้อมูลของตัวเองรั่วไหล ก็ดีถมเถแล้ว
พอรับรวมสติและออกจากห้องกลับลงมาชั้นหนึ่ง ตรงล็อบบี้ก็เจอกับชายสองคนทำหน้าเคร่งขรึมราวกับย่างเท้าเข้าไปในแดนสัตรู ยืนอยู่ตรงหน้าและ
“ขอบคุณที่ครั้งนี้ยอมช่วยเมืองนี้ไว้!”
“ที่ยอมช่วยพวกเราต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ!”
ก้มหัวโค้งคำนับ ชายผมทองตาขวางคือไรก้า ส่วนชายผมดำตัดสั้นสวมหมวกคลุมหัวคือฮุกสินะ
“ฉันก็แค่ตามน้ำมาด้วยเฉยๆ คำขอบคุณอะไรนั่นไม่จำเป็น”
เพราะฉันมีเหตุผลส่วนตัวในการฆ่าอสูรลูกกระจ๊อกพวกนั้นอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่ผู้ผดุงความยุติธรรมที่ถึงขั้นยอมช่วยผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล จะให้พูดง่ายๆเลยก็ เพราะฉันไม่ได้อยู่ฝ่ายธรรมมะยังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เหตุผลที่ตัวเองรับได้ละก็ ครั้งนี้ก็คงไม่ยอมสู้เหมือนกัน
“ไม่หรอก เพราะความเห็นแก่ตัวไร้สาระของฉันทำให้สูญเสียพวกพ้อง รวมถึงทำให้เมืองตกอยู่ในอันตราย ผลสุดท้ายก็บังคับให้เรื่องนั้นตกไปอยู่กับคุณที่ตัวฉันเคยดูหมิ่นออกนอกหน้า เป็นเรื่องที่ไม่มีวันยกโทษให้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ?”
ตัวสั่นเล็กน้อยขณะก้มมองลงมา
งั้นเหรอ เจ้าหนุ่มนี่อยากโดนตำหนิสินะ
เนื่องจากไม่มีข้อห้ามอย่างชัดเจนว่า ไม่ให้ลุกล้ำเข้าไปในดันเจี้ยนนั่น จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรตำหนิฮันเตอร์อย่างไรก้าที่ย่างเท้าเข้าไปในดันเจี้ยนนั่น ที่พวกอสูรลูกกระจ๊อกพวกนั้นเข้าโจมตีเมืองก็เป็นเพียงแค่ผลพวงเท่านั้น เพราะงั้น เลยไม่มีใครตำหนิพวกไรก้า จะมีก็แค่เจ้าหนุ่มคนนี้นี่แหละที่อภัยให้ตัวเองไม่ได้ แต่ของพรรค์นั้นอย่างมากก็เป็นได้แค่ ความพึงพอใจของตัวเองเท่านั้น
“อ่อนหัดน่า ที่พวกพ้องของนายต้องตายก็เพราะพวกนายสองคนอ่อนแอต่างหาก มันก็แค่นั้น ถ้าไม่อยากเจอกับความเจ็บปวดก็จงแข็งแกร่งขึ้นซะ นั่นเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะชดใช้ให้กับพวกพ้องที่ตายไปของนาย”
จะทำได้หรือไม่ได้ ที่เหลือก็คงขึ้นอยู่กับสองคนนี้
พอหันหลังให้ทั้งสองฉันก็ออกจากกิลด์