เสียงไซเรนรถตำรวจท้องถิ่นดังขึ้นรอบตึกยูเนี่ยนทาวเวอร์
ปากกระบอกปืนกว่าสิบกระบอกเล็งเข้าไปในตัวอาคารแทบจะทุกทิศจากชั้นที่ 1 ของทางเข้าห้างสรรพสินค้า
เผยสภาพความผิดปกติจนผู้คนแถวนั้นต้องรีบวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุ
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ! วางอาวุธลงแล้วเข้ามอบตัวแต่โดยดีซะ!”
กลุ่มตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงพูดประโยคสุดคลาสสิคออกมา ประกาศให้เหล่าโจรยอมจำนวน
ทว่าพริบตานั้น เสียงลั่นไกก็ดังลั่นขึ้นจากภายในอาคาร กระสุนจำนวนมากควงสว่านออกมาจากตัวตึกทะลุกระจกหนาเข้าจู่โจมเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ตำรวจทุกนายไม่มีทางเลือกจนได้แต่ใช้รถตำรวจเป็นเกราะกำบัง และใช้ปืนพกยิงสวนกลับไป แต่กับอีกฝ่ายที่ใช้ Assault Rifle ยังไงก็ไม่มีทางสู้ไหว
“บัดซบ… ติดต่อกำลังเสริม! เรียก ‘RC-Force’ด่วนเลย!”
กับสถานการณ์สุดเสียเปรียบ ตำรวจทำได้แค่ยื้อเวลาเพียงเท่านั้น
เพื่อรอให้กองกำลังเสริมสุดแกร่งมาจบงาน
❖❖❖❖❖
ภายในตัวตึกไร้ซึ่งแสงไฟ จะมีก็แต่แสงจันทร์และแสงไฟจากชีวิตกลางคืนแสนรื่นรมย์ภายนอกตึกเท่านั้นที่ลอดผ่านเข้ามาได้
ลึกเข้าไปภายในตัวอาคาร ที่ชั้น 5 ของตัวตึกอันเป็นแหล่งรวมของธนาคารหลายต่อหลายบริษัท ทั่วทั้งชั้นเต็มไปด้วยกลุ่มคนสวมชุดเกราะกันกระสุนและสวมไอ้โม่งกันทุกคน ในมือเตรียมพร้อมด้วยปืนเล็กยาว
ยกเว้นเพียงคนเดียวในบรรดากลุ่มโจร… ชายคนนี้ร่างกายสูง 2 เมตรครึ่ง กล้ามเนื้อกำยำ สวมชุดเกราะเหล็กหนาเสียยิ่งกว่าคนอื่นทั้งยังครอบคลุมทุกส่วนของร่างกาย ยกเว้นส่วนใบหน้าที่แสดงให้เห็นรอยแผลเป็นตัดผ่านแก้มขวาของเขา
โจรคนนึงวิ่งเข้ามาใกล้ชายร่างยักษ์เพียงหนึ่งเดียวซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร
“หัวหน้าครับ น่าจะมีเวลาอย่างน้อย 20 นาทีก่อนที่พวก ‘พิราบเหล็ก’ จะมา เราอาจต้องเร่ง————”
“นี่แกคิดว่าฉันคนนี้จะพลาดท่าให้กับไอ้พวกขี้ขลาดแบบนั้นเรอะ!” ชายผู้เป็นหัวหน้าถลึงตาใส่ลูกน้องทั้งที่ยังรายงานไม่จบ นั่นสร้างความกดดันแม้แต่กับลูกน้องคนอื่นที่อยู่ห่างออกไปไกล
เสียงของเขาดังจนทำลูกน้องทุกคนตัวสั่น น่ากลัวน่ายำเกรง บวกกับร่ายกายที่สูงใหญ่นั่น ไม่มีทางที่ลูกน้องตัวเล็ก ๆ จะเห็นแย้งคำพูดของเขาได้เลย
“มะ ไม่มีทางครับ! กับท่านเฮเดอร์ที่มีไนท์สุดทรงพลังอยู่กับตัว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเป็นคู่มือของท่านได้แน่ครับหัวหน้า!” โจรคนที่เข้ามารายงานตัวแข็งทื่อและได้แต่ตอบกลับไปอย่างกลัว ๆ
“ของมันแน่อยู่แล้ว!”
ทางฝั่งหัวหน้าโจรปล้นธนาคาร… เฮเดอร์ยิ้มด้วยท่าทางมั่นใจและหลงตัวเอง แต่อย่างน้อยนั่นก็ทำให้เหล่าลูกน้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เขาหายโกรธแล้ว
เฮเดอร์เดินเข้าหาหน้ากระจกธนาคารที่ใกล้ที่สุดก่อน ป้ายด้านบนเขียนกำกับไว้ว่า ‘ธนาคารสุรารักษ์’
เขาง้างหมัดไปด้านหลังก่อนจะออกแรงต่อยจนกระจกนิรภัยแตกกระจายเป็นเสี่ยง เดินนำเข้าไปในธนาคารโดยไร้ความยำเกรงต่อกล้องวงจรปิด
เสียงเตือนภัยดังก้องไปทั่วทั้งชั้น แต่กลุ่มโจรหาได้สนใจไม่ พวกมันยังคงประจำจุดเดิมกันอยู่ ส่วนพวกที่อยู่ใกล้กับหัวหน้าอย่างเฮเดอร์ก็เดินตามเขาเข้าไปข้างในจนถึงประตูนิรภัยเหล็กหนา 1 เมตรพร้อมล็อคนิรภัยกว่า 10 ชั้น ซึ่งเป็นแบบมาตรฐานในสมัยนี้ ต่อให้เป็นเวทมนตร์ของเอลฟ์ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบนาทีในการทำลาย
แต่เฮเดอร์กลับแสยะยิ้ม เขาเอื้อมมือหุ้มเกราะเหล็กของตัวเองสัมผัสกับประตูนิรภัย
“บู้ม!”
เฮเดอร์ตะโกนสะใจ ยิ้มเยาะราวกับเด็ก ๆ
ทว่าจังหวะนั้น ประตูนิรภัยกลับระเบิดเป็นเสี่ยงในชั่วพริบตา
แล้วทันทีที่ระเบิดสงบ เหล่าลูกน้องก็พากันกรูเข้าไปข้างใน ช่วยกันกวาดเงินใส่กระสอบใยเหล็กที่มีติดตัวคนละอัน เฮเดอร์ผู้เอาชนะประตูนิรภัยได้อย่างง่ายดายเริ่มยิ้มเยาะให้กับภาพตรงหน้าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อาจทราบ
“ต่อหน้า ‘อิมแพค เอ็กซ์โพลชัน (Impact Explosion)’ อันทรงพลังของข้า ในประเทศไกลปืนเที่ยงแบบนี้ไม่มีใครต่อกรข้าได้หรอกเว้ย! ฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!”
เฮเดอร์หัวเราะลั่น ทะนงตนประหนึ่งเป็นผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้
…โดยไม่รู้เลยว่าที่แห่งนี้ ไม่ได้มีแค่พวกตนที่ย่างกรายเข้ามา
บริเวณชั้น 3 ห่างจากธนาคารที่เฮเดอร์และลูกน้องกำลังปล้น ซึ่งเป็นจุดที่พวกโจรตั้งกำลังไว้น้อยที่สุด
ณ หัวมุมทางเข้าห้องน้ำนี้เอง ที่มีมาสเตอร์และโกลเด้นด็อกกำลังนั่งยองหลบมุมเฝ้าสังเกตการณ์อยู่
“ที่ชั้นล่าง 5 คน และที่ชั้นนี้ 11 คน… ส่วนหัวหน้าของอีกฝ่ายมีพลัง ‘ไนท์’ อย่างที่คาดไว้เลยค่ะ”
โกลเด้นด็อกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ได้แต่คิดดูถูกอยู่ในใจว่า ‘อีกฝ่ายช่างโง่เขลาจริง ๆ ที่เผยพลังตัวเองออกมาง่าย ๆ’ (ถึงทางพวกชินจะแอบฟังอยู่ก็ตาม)
ด้วยใช้ประสาทรับฟังของสุนัขซึ่งเป็นพลังพิเศษของเผ่ามนุษย์สัตว์หรือ ‘เซนส์’ ผนวกกับอุปกรณ์ขยายความเข้มเสียงที่เป็นอุปกรณ์เสริมของหน้ากาก ทำให้โกลเด้นด็อกได้ยินเสียงแทบจะทุกอย่างในระยะ 100 เมตร
“แล้วดูเหมือนเขาคนนั้นจะเป็นเฮเดอร์ค่ะ… เขาถูกประกาศจับในหลาย ๆ ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะหัวหน้ากลุ่มโจรปล้นธนาคาร เรียกว่าเป็นอาชีพหลักจนปิดใบหน้าไปก็เท่านั้นแล้วล่ะค่ะ”
โกลเด้นด็อกรายงานในขณะที่ตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบอัจฉริยะของหน้ากาก
เป็นแค่โจรที่มีไนท์คล้าย ๆ กับทุกทีล่ะสินะ
หนนี้เป็นชินบ้างที่เหนื่อยหน่ายจนถอนหายใจหนัก
โอกาสที่หมอนี่จะเกี่ยวยิ่งน้อยลงเข้าไปอีก เป้าหมายของเราที่รอบคอบจนไม่เหลือเบาะแสให้ตามตัวได้ไม่มีทางใช่คนโง่แบบนี้แน่ ชินคิด
แต่ถึงแบบนั้น… ความเป็นไปได้หนึ่งในพันก็ไม่ใช่สิ่งที่ชินจะปล่อยผ่าน
“จัดการลูกกระจ๊อกก่อน เธอเบี่ยงเบนความสนใจมันให้มากที่สุด เดี๋ยวฉันจัดการตัวหัวหน้าเอง” ชินออกคำสั่ง โกลเด็นด็อกก็ยืนขึ้นทันที
“รับทราบค่ะมาสเตอร์”
โกลเด้นด็อกโค้งตัวให้ชินเล็กน้อยอย่างมีมารยาทก่อนจะถีบทะยานออกไป อาศัยเงามืดหลบซ่อนตัว วิ่งไปในจุดที่ห่างจากชินกว่า 50 เมตร ก่อนที่จะดึงสลักระเบิดมือแล้วโยนใส่กระจกหน้าต่างใหญ่ของห้าง
ตู้ม!!!
“!?”
พริบตาที่เสียงระเบิดดังขึ้นแผนการดึงความสนใจก็สำเร็จทันที ไม่แม้แต่ลูกน้องเท่านั้น แต่เฮเดอร์เองก็มองไปทั่วทุกทิศอย่างลุกลี้ลุกลนเช่นกัน
ไม่นานนักพวกมันก็เห็นเป้าหมาย… โกลเด้นด็อกยืนเด่นเป็นสง่าด้านหน้าของกลุ่มโจร 8 คน
พริบตาแรกที่ได้เห็น เหล่าโจรต่างก็ยิ้มเยาะเพราะเห็นว่าศัตรูมาอย่างโดดเดี่ยว พวกมันที่ประมาทเช่นนั้นเอาแต่ยิ้มและหัวร่อให้กับความสิ้นคิดของโกลเด้นด็อก
นั่นคือพริบตาก่อนที่โกลเด้นด็อกจะถีบพื้นพุ่งเข้าหากลุ่มโจรสองคนที่อยู่ใกล้ที่สุดสองคน พวกมันล้มลงไปกองกับพื้นในทันที โดยที่ไม่แม้แต่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“บ้าน่า!”
กลุ่มโจรกัดฟันเสียงดังเมื่อได้เห็นมีดสั้นประจุไฟฟ้าที่อยู่ในมือสองข้างของโกลเด้นด็อก
มันคืออาวุธปราบจลาจลประเภทนึงซึ่งมีด้ามจับเป็นเหล็ก หากเปิดใช้งานใบมีดกระแสไฟฟ้าจะปรากฏขึ้น และเมื่อมันสัมผัสกับสิ่งใดก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าปริมาณที่ทำให้ผู้ใหญ่สลบล้มตึงได้ในการโจมตีครั้งเดียว
สายตาเหยียดหยามไม่มีอีกต่อไป กลุ่มโจร 8 คนที่เหลือเปลี่ยนสายตาเป็นพญาเหยี่ยว หันปากกระบอกปืนไปยังจุดที่โกลเด็นด็อกยืนอยู่ในทันที
กระสุนพุ่งตรงไปยังโกลเด้นด็อกอย่างต่อเนื่อง แต่โกลเด้นด็อกก็สามารถหลบมันได้เกือบทั้งหมดด้วยระบบคำนวณวิถีกระสุนของหน้ากาก ส่วนที่หลบไม่พ้นก็ปะทะเข้ากับบาเรียดีดกระเด็นออกไป
โกลเด็นด็อกที่ไร้ซึ่งบาดแผลถีบพื้นมุ่งตรงต่อไป เพื่อเคลียร์เส้นทางให้เจ้านายสุดที่รักของเธอ
“ข้างนอกเอะอะอะไรกันวะ!”
ทางด้านเฮเดอร์เริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติ เขาตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดใส่ลูกน้องสองคนที่น่าจะกำลังขนเงินอยู่ข้างเขา
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับหรือท่าทียำเกรงมาจากทั้งสองคน เฮเดอร์ขมวดคิ้วแน่นด้วยความโกรธที่มากขึ้น
“!!!?”
นั่นคือก่อนที่ลูกน้องทั้งสองคนจะล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เป็นพริบตาเดียวกับที่มีชายคนนึงปรากฏตัวออกมาจากเงามืดด้านหลังของลูกน้องทั้งสองคน… นั่นก็คือชิน
“กะ แก! เป็นใครกันวะ!!!” เฮเดอร์กัดฟันด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่กำลังโปดปูนบนใบหน้าเป็นอีกสิ่งที่ช่วยยืนยัน
แต่ชินไม่ได้ว่างตอบคำถาม เขาหันปากกระบอกปืนพกที่เอาออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เล็งบริเวณกลางลำตัวกับพื้นด้านหลังของเฮเดอร์แล้วลั่นไกออกไป 2 นัดอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจท่าทีร้อนรนของอีกฝ่าย
กระสุนไฟฟ้าซึ่งมีคุณสมบัติแบบเดียวกับมีดของโกลเด้นด็อกถูกปล่อยออกมา
ทว่าพริบตาก่อนที่กระสุนไฟฟ้าจะกระทบกับเกราะของเฮเดอร์มันก็กระทบเข้ากับบาเรียซึ่งเป็นแบบเดียวกับของชินและโกลเด้นด็อกไปเสียก่อน กระสุนไฟฟ้าตกลงกับพื้นตรงหน้าของเฮเดอร์อย่างไร้แก่นสาร รวมกับกระสุนที่ยิงพลาด?ไปตกด้านหลังของเฮเดอร์ เลยทำเอาหมอนี่หัวเราะลั่น
มีอุปกรณ์ดีเหมือนนี่… ชินเกือบจะชื่นชมเฮเดอร์
“ฮ่าฮ่า! นี่แกมีปัญญาแค่นี้ยังคิดมาเผชิญหน้ากับท่านเฮเดอร์คนนี้————”
“รู้อยู่แล้ว”
ชินทำการกดสวิทซ์ที่ติดอยู่กับตัวปืนโดยไม่แม้แต่ให้เฮเดอร์พูดหรือแสดงท่าทีโอ้อวด พริบตานั้นปลายกระสุนแต่ละนัดก็ขยายออกกลายเป็นดอกไม้เหล็ก ส่งสัญญาณรบกวนบางอย่างออกมาแทน
ชินเก็บปืนพกกับตัวก่อนจะถีบพื้นพุ่งเข้าหาเฮเดอร์ที่ยืนกร่างอยู่ในท่าเดิม เขามองชินที่ยื่นมือซ้ายเปล่าๆ ไม่มีแม้แต่ถุงมือออกมาด้วยสีหน้าสมเพชเวทนา
และกว่าที่มันจะรู้ตัวว่าบาเรียของตัวเองหายไป เนื่องจากกระสุนที่ชินยิงใส่คือกระสุนสร้างพื้นที่ปล่อยคลื่นรบกวนบาเรียหรือบาเรียแจมมิ่ง… มันก็สายไปสำหรับเฮเดอร์เสียแล้ว
“อะไรวะเนี่ย!?”
ชินยื่นมือเข้าสัมผัสกับเกราะเหล็กที่เฮเดอร์สวมด้วยมือซ้ายโดยตรง
เฮเดอร์ยังไม่ทันหายตกใจจากเรื่องที่บาเรียหายไป ยังต้องมาตะลึงกับเกราะเหล็กที่ถูกทำลายด้วยมือเปล่าของชินอีก
ตอนนี้เฮเดอร์เหลือเพียงแค่ชุดบอดี้สูทสีดำกับเกราะเบาสำหรับต่อสู้ที่ใส่อยู่ภายใต้เกราะหลักเท่านั้น
“นี่แกทำอะไรไปวะ!!!?”
เฮเดอร์เบิกตาโพลงงงเป็นไก่ตาแตกก่อนจะถีบพื้นถอยไปด้านหลัง ได้แต่สบถออกมาเพียงเท่านั้น
“ชักช้า” ชินไม่สนใจเฮเดอร์ เขาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังแล้วจัดการออกหมัดใส่กลางแผ่นหลังของเฮเดอร์เต็มแรง
“อั่ก!” เฮเดอร์ที่โดนอัด กระเด็นกลิ้งตัวไปด้านหน้าถึงสองตลบ
อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมร่างที่เล็กกว่าเกือบ 2 เท่าตัวของชินถึงทำให้เขากระดอนไปได้ขนาดนั้น และแม้ความเสียหายจะไม่มากนักก็ตาม แต่ความรุนแรงก็สร้างอาการบาดเจ็บได้พอสมควรเลย
“ฮึ่ย!”
เฮเดอร์เริ่มเลือดขึ้นหน้า เขาใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นเพื่อหวังจะลุกขึ้น แต่ก่อนหน้านั้นก็ดันถูกชินที่โผล่มาตรงหน้าของเขาเหยียบศีรษะกดลงไปแนบกับพื้นอีกครั้งเสีย แม้เฮเดอร์พยายามฝืนออกแรงผลักกลับไป แต่ชินออกแรงนิดเดียวก็กดศีรษะของเฮเดอร์จนจมพื้นแตกระแหง
เฮเดอร์เหงื่อตกขนลุก เริ่มตระหนักแล้วว่าตัวเองเป็นรองด้านพละกำลัง
“เริ่มระบบสอบปากคำ”
เสียงเพศหญิงซึ่งเป็นเพียงเครื่องจักรดังขึ้นภายใต้หน้ากากของชิน
มันคือหนึ่งในระบบสนับสนุนที่ใช้ในการสังเกตพฤติกรรมของผู้ร้ายเพื่อจับผิดคำโกหก มีความแม่นยำสูงถึง 85% และแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่ออีกฝ่ายเป็นพวกโง่ที่มีบุคลิกไม่ได้ซับซ้อน อย่างเช่นเฮเดอร์คนนี้
“กะ แก… เป็นใครกันแน่!” เฮเดอร์สบถอย่างไม่สบอารมณ์อีกครั้ง
“ฉันต่างหากที่อยากถามแก” แต่ชินหาได้สนใจไม่ ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสะท้อนออกมานอกหน้ากากเพราะความแค้นในอกคุกรุ่น
“แกรู้จักคนที่ใส่หน้ากากตัวตลกยิ้มแล้วมีรอยสักรูปมงกุฎตรงหลังมือบ้างไหม” ชินถามออกมาทั้งที่ยังใช้เท้ากดศีรษะของเฮเดอร์ลงพื้น เฮเดอร์เริ่มทำสีหน้าเหยเกด้วยความโกรธกริ้ว
“หา!? พูดบ้าอะไรของแกวะ” เฮเดอร์ตะโกนแยกเขี้ยวใส่ชิน แต่นั่นแหละคือทั้งหมดที่ชินต้องการ
อัตราการเต้นของหัวใจ การกรอกของลูกตา การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อโดยไม่นับสาเหตุที่ถูกชินเหยียบศีรษะและอื่น ๆ
ระบบสอบปากคำใช้เวลาเพียง 1.2 วินาทีเศษในการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด
แล้วสรุปออกมาได้ว่า…
“ตรวจไม่พบพฤติกรรมผิดปกติ… ชายคนนี้ไม่ได้โกหกค่ะ”
ชินคลายคิ้วที่ขมวดเข้าด้วยกันของตัวเองลงด้วยความผิดหวังเหมือนอย่างเคย พร้อมกัน ดวงตาสีแดงก็เริ่มจางลงกลับไปเป็นสีดำตามปกติ
เอาเถอะ ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าไหร่
ชินปลอบใจตัวเองเช่นนั้นแล้วก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง
แต่… ทางเฮเดอร์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นยิ่งโกรธเข้าไปอีก เพราะมันเหมือนว่าชินกำลังดูถูกเขาอยู่
“แก…. นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะโว้ย!!!”
เฮเดอร์ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะใช้มือทั้งสองที่ว่างอยู่ทุบลงกับพื้นอย่างแรง
ตู้ม!!!!
พื้นบริเวณนั้นเกิดการระเบิดขึ้นทันที
ซ้ำร้ายที่ด้านล่างของจุดระเบิดมีเสาค้ำอยู่ ทำให้พื้นไม่อาจรับน้ำหนักได้เพราะเสาค้ำทลายลงจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ กลืนทั้งโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในธนาคารหายลงไปยังชั้นล่าง
แรงระเบิดนั่นทำให้ชินถูกแรงระเบิดพัดไปไกลหลายสิบเมตร ตัวเฮเดอร์ที่รอดจากการถูกเหยียบศีรษะก็พลอยตกลงชั้นล่างไปด้วย
ส่วนชินที่ถูกแรงระเบิดกระเด็นไปนั้นไม่ได้รับความเสียหายมากนักเพราะมีบาเรียป้องกันไว้อยู่ แต่ถึงกระนั้น แรงระเบิดก็ทำเอามึนหัวอยู่ไม่น้อย
“มาสเตอร์!”
ทางโกลเด้นด็อกวิ่งเข้ามาหาชินในทันทีด้วยความเป็นห่วง เธอจัดการลูกน้องคนอื่นจนหมดในเวลาไม่นานเหมือนเคย
แต่ทางชินได้ยกมือห้ามในขณะที่โกลเด้นด็อกจะเข้ามาช่วยพยุง
“หมอนั่นไม่เกี่ยวอย่างที่คิดนั่นแหละ” ชินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ภาพที่มองเห็นโดยรอบเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังแรงระเบิด
“งั้นเหรอคะ…”
ส่วนโกลเด้นด็อกที่ได้ยินข่าวร้ายก็ผลอยเสียดายและผิดหวังไปด้วยดังเช่นทุกที
งั้นก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่ต่อแล้วหล่ะนะ
ชินหลับตาลงครู่นึงประหนึ่งยอมแพ้ มองลอดลงไปตรงจุดเล็ก ๆ ของพื้นที่พังทลายลงไปด้านล่าง
เขาเห็นภาพที่เฮเดอร์เหลียวซ้ายแลขวาด้วยท่าทางโมโห และทำท่าจะขึ้นมาหาชิน ซึ่งถ้าอยู่เพื่อต่อกรเฮเดอร์ต่อก็คงเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ชินจึงตัดสินใจถอย
“ถ้างั้น รีบออกจากที่นี่กัน———!?”
ชินที่สัมผัสได้ถึงบางอย่าง รีบพุ่งเข้าไปกอดร่างของโกลเด้นด็อกแล้วพลิกตัวหลบในทันที
วูมมมมม!!!!!
ถัดจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที เลเซอร์สีน้ำเงินไร้ที่มาได้วิ่งผ่านจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่ไปอย่างฉิวเฉียด เกิดระเบิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นดังสนั่นไปทั่วทั้งตึก
ทั้งสองคนรีบลุกขึ้นยืนในทันทีที่ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ
“ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันประมาทไป” โกลเด็นด็อกทำเสียงเศร้ากล่าวเช่นนั้นอย่างรู้สึกผิด
“ช่างเถอะ ที่สำคัญคือนั่นต่างหาก”
ชินตอบกลับสั้น ๆ ชี้ลงไปด้านล่าง ยังบริเวณทางเข้าห้างซึ่งมองเห็นได้จากชั้นบน
ณ ทางเข้า ปรากฏให้เห็นหุ่นยนต์รบมีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์ ส่วนสูง 3 เมตร สีขาวลวดลายสีดำ จำนวน 4 ตัว โดยเฉพาะตัวหน้าสุดที่มีลวดลายสีทองแซมเป็นพิเศษต่างจากตัวอื่น
ส่วนที่พวกมันมีเหมือนกันทั้งหมดคือปากกระบอกปืนใหญ่เลเซอร์ทำลายล้างติดไหล่ซ้าย ซึ่งเป็นอันเดียวกับที่ใช้จู่โจมชินกับโกลเด้นด็อกเมื่อสักครู่ นอกจากนี้ยังมีปืนกลติดไหล่ขวาของพวกมัน ดาบไฟฟ้าที่ห้อยกับข้างลำตัวสองด้าม และยังมีอาวุธยิบย่อยอีกมากมายซ่อนไว้ภายในร่างเหล็กอันใหญ่เทอะทะของพวกมัน
“ ‘RC-Force’ ตัวยุ่งยากโผล่มาแล้วสินะคะ” โกลเด้นด็อกขมวดคิ้วแน่นด้วยสีหน้าจริงจังยิ่งกว่าครั้งเผชิญหน้ากับเหล่าโจร ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้ว
‘RC-Force’ หรือ ‘Remote Control Force’ คือ หน่วยรบหุ่นเหล็กยักษ์ที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องมีจัดตั้งไว้เป็นกองกำลังพิเศษ แม้ชื่อจะต่างกันไปบ้างแต่เป็นคำที่ใช้เรียกสิ่งเดียวกัน นั่นคือหุ่นยนต์ทางทหารที่ถูกควบคุมระยะไกลโดยฝีมือของทหารหรือตำรวจหรือเจ้าหน้าที่พิเศษที่ผ่านการรับรองมาแล้ว จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะขับมันได้อย่างชำนาญ
ด้วยอาวุธพร้อมสรรพทั้งระยะใกล้ กลางและไกล มีพลังป้องกันยอดเยี่ยมถึงขนาดใช้กระสุนรถถังยิงยังไม่สะเทือน แต่ก่อนจะถึงตัวของหุ่นก็ยังมีบาเรียแบบเดียวกับที่ชินใช้ซ้อนอยู่อีก รวมถึงไม่ต้องกลัวอันตรายใด ๆ จะส่งผลต่อผู้ใช้เพราะเป็นการควบคุมจากระยะไกล
นอกจากนั้นมันยังมีระบบต้านแรงโน้มถ่วงทำให้ลอยตัวได้อีก รวมกับเรื่องที่โมเดลมาตรฐานมีสีขาว เลยเป็นอีกสาเหตุนึงที่หลายคนเรียกหน่วย RC-Force ว่า ‘พิราบเหล็ก’
ทั้งพลังทำลายล้าง ความสามารถในการป้องกันตัวเองยากเจาะทะลวงแถมยังสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าได้ มันจึงเป็นฝันร้ายของเหล่าอาชญากรอย่างแท้จริง
กล้าใช้เลเซอร์ที่มีพลังทำลายล้างสูงในเขตพลเรือนเชียวเหรอเจ้าพวกนี้
ชินขมวดคิ้วเหลือบมองลงไปด้านล่าง ทำให้เห็นเหล่าโจรที่เคยคุมกำลังชั้นแรกอยู่ถูกจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าจับเป้าหมายได้แล้วยังยิงเลเซอร์มาที่พวกชินอยู่ดี ชินก็พอจะคาดเดาสาเหตุได้แล้วเช่นกัน
“ท่าทางแบบนั้น น่าจะรู้แล้วว่าเป็นพวกเรา”
ชินใช้น้ำเสียงรำคาญใจ เดาได้ไม่ยากเลยว่าทำไม RC-Force ถึงกล้าเสี่ยงใช้อาวุธรุนแรงกับพวกตน ซึ่งสาเหตุมันก็ง่ายๆ เพราะการกระทำของพวกตนเองที่ผ่านมาก็นับได้ว่าเป็นอาชญากรเช่นกัน
…หรือหากจะพูดให้ถูก ความจริงแล้วชินกับโกลเด้นด็อกนั่นแหละที่ทางการต้องการตัวมากกว่าเฮเดอร์เสียอีก
การปรากฏตัวของ RC-Force ทำให้สถานการณ์ควบคุมได้ยากขึ้นจนชินต้องขมวดคิ้วคิดอย่างหนัก ครั้นโกลเด้นด็อกจะเอ่ยปากถามว่า “จะทำยังไงต่อดีคะ?” ก็ต้องหยุดตัวเองไว้ก่อนจะไปขัดสมาธิของชิน
กับไอ้พวกพิราบเหล็กที่มีระบบติดตามและคาดการณ์เส้นทางของอาชญากร แถมยังขี้ตื้อชอบไล่ตาม เราคงหนีได้ยาก
แถมเจ้าเฮเดอร์เอง ถ้าปล่อยไปก็อาจจะกลับมาล้างแค้นเข้าซักวัน… จะทางไหนก็เป็นปัญหาทั้งนั้น
ชินตัดสินใจได้ดังนั้นก็หันไปหาโกลเด้นด็อกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และเริ่มออกคำสั่ง (ซึ่งคล้ายคำขอร้องเสียมากกว่า)
“เธอช่วยไปถ่วงเวลาเจ้าพวกพิราบเหล็กให้หน่อยได้ไหม จนกว่าฉันจะจัดการไอ้เฮเดอร์ได้”
“รับทราบแล้วค่ะ”
โกลเด้นด็อกตอบกลับในทันทีโดยไร้ข้อสงสัยหรือข้อโต้แย้งใด ๆ ยิ่งสมเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์
เธอกระโดดลงจากชั้น 5 ในคราเดียวถึงพื้นพร้อมประจันหน้ากับหุ่นรบทั้ง 4 ตัวโดยไร้ความยำเกรงใด ๆ
‘เจอกันอีกแล้วนะคุณสุนัขรับใช้!’
เสียงชายหนุ่มดังออกมาจากตัวเครื่องที่อยู่หน้าสุดซึ่งมีลายสีทองแซม เขาเป็นหัวหน้าหน่วยของ RC-Force ที่ประจำอยู่เมืองหลวงนั่นเอง และสาเหตุที่พูดออกมาราวกับสนิทกันนั้นเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชินและโกลเด้นด็อกเผชิญหน้ากับชายคนนี้
โกลเด็นด็อกที่ถูกยั่วโมโหไม่ได้แสดงท่าทีร้อนรน เธอยกมือสองข้างขึ้นยื่นไปทางเหล่าหุ่นรบทั้ง 4 อย่างนิ่งสงบ บรรยากาศรอบตัวเริ่มสั่นไหว พร้อมกับมีสายลมหมุนวนรอบตัวเธอ
“เก็บปากไว้ทานข้าวเถอะค่ะ”
น้ำเสียงเธอเย็นชามากกว่าที่จะโกรธ ก่อนที่การต่อสู้ของเด็กสาวคนนึงกับหุ่นรบ 4 ตัวจะเริ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันเฮเดอร์เองก็กำลังวิ่งขึ้นมาหาชิน ทว่าในตอนที่ขึ้นบันไดเลื่อนมาจนสุด ชินก็ยืนประจันหน้ารออยู่ก่อนแล้ว
“โฮ่! กล้ามากที่รอฉันคนนี้โดยไม่หนีไปซะก่อน” เฮเดอร์ที่ขึ้นมายืนประจันหน้าชินยังคงอวดเบ่งตามเคย นั่นทำเอาชินอดถอนหายใจไม่ได้เลยทีเดียว
“พูดแบบนั้นทั้งที่ใช้ระเบิดหนีหางจุกตูดน่ะเหรอ” ชินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนไม่ให้ค่าใด ๆ
เขาหวังให้เฮเดอร์ถูกความโกรธและความอับอายเข้าครอบงำ
“แก!!!!!!!!!”
แล้วมันก็ได้ผลทันที เฮเดอร์โกรธจนหน้าแดงตะโกนเสียงดังลั่นและพุ่งเข้าหาชิน
สมองมีแต่กล้ามรึไงกันนะ ชินคิด
“ไปลงนรกซะไอ้เวรตะไลเอ้ย!!!!!!” เฮเดอร์คว้าหินขนาดเท่าลูกบอลจากบนพื้นพุ่งเข้าประชิดตัวชิน
เขากระแทกชินด้วยหินนั่นแล้วจัดการสั่งให้มันระเบิดด้วยพลังไนท์ของตัวเอง
ตู้ม!!!!
หินก้อนนั้นเปลี่ยนตัวเองเป็นระเบิด ทำเฮเดอร์แสยะยิ้มมองควันที่คละคลุ้ง
แต่สีหน้าของมันก็เปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเบื้องหน้าของมันคือชินที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเพราะมีบาเรียป้องกันไว้อยู่
ระเบิดที่มันใช้เมื่อครู่ไม่ได้ส่งผลรุนแรงเหมือนกับครั้งที่ระเบิดพื้น ชินไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ เลย
กลับกัน… เพราะเป็นครั้งที่สอง เลยมีผลลัพธ์ให้เปรียบเทียบเพื่อคาดการณ์ขอบเขตเงื่อนไขพลังของอีกฝ่าย ข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วแสดงขึ้นในจอของหน้ากากทำให้ชินยิ้มออกมาบางๆ
“วัตถุที่แกออกแรงกระทบใส่ จะเปลี่ยนวัตถุนั้น ๆ เป็นระเบิดและมีอานุภาพทำลายล้างเท่ากับมวลของวัตถุนั้น ๆ งั้นสินะ”
ถูกชินพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ทำเอาเฮเดอร์คิ้วกระตุก แต่มันก็ฉลาดพอที่ถีบตัวถอยหลังไปตั้งหลัก
เป็นครั้งแรกที่เฮเดอร์เหงื่อตกด้วยความกังวล เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พลังไนท์ของมันถูกมองออก
นึกว่าพลังจะน่ากลัวกว่านี้ซะอีก แต่ก็เอาเถอะ
ชินตอนนี้อยู่ในอารมณ์ที่ไม่รู้ว่าจะพอใจที่จบงานเร็วดี หรือเบื่อที่คู่ต่อสู้อ่อนเกินไปดีเลยยิ้มแห้ง
แล้วชินก็ตั้งท่าเตรียมพุ่งเข้าไปปิดฉากแบบไม่รอรี เฮเดอร์ตั้งท่าตั้งรับเหมือนกับท่าการ์ดมวยไทยไว้รอ
ชินวิ่งเข้าหาเฮเดอร์เป็นทางตรง ทว่าพริบตาที่ชินวิ่งผ่านเงามืดของเสาต้นนึงชินก็หายไปอีกครั้ง แล้วไปปรากฏด้านหลังของเฮเดอร์เหมือนกับครั้งก่อน
“คิดว่าฉันจะพลาดแบบเดิมซ้ำสองเรอะ!!!”
แต่ดูเหมือนเฮเดอร์จะไม่ขลาดเขลาไปเสียหมด มันรู้ว่าชินจะปรากฏตัวที่ด้านหลังจึงง้างหมัดขวาเตรียมหลังแหวนใส่ชิน ทว่า…
“แล้วคิดว่าฉันจะสู้แบบเดิมซ้ำสองเหรอ”
ทางชินเหนือกว่าทั้งเทคนิคและประสบการณ์ เขาก้มตัวหลบร่างที่ใหญ่เทอะทะได้อย่างง่ายดาย ไถลตัวไปอยู่ด้านหน้าของเฮเดอร์ที่หวดลมจนเสียจังหวะแล้วใช้มือซ้ายเปล่า ๆ สัมผัสร่างของเฮเดอร์
แต่เฮเดอร์ที่เสียจังหวะจนคิดว่าจะแพ้ จู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาเสียอย่างงั้น
แกพลาดแล้ว! ลืมไปแล้วรึไงว่าฉันระเบิดสิ่งที่อยู่รอบตัวได้
แค่ฉันระเบิดพื้นตรงนี้แกก็จะ————!?
เฮเดอร์กระทืบเท้าที่พื้นหวังให้มันระเบิด
ทว่า… กลับไม่มีการระเบิดเกิดขึ้นเหมือนที่คิดไว้เลยซักนิด เฮเดอร์เลิกคิ้วประหลาดอีกครั้งที่พลังของเขาใช้งานไม่ได้ ความไม่รู้เริ่มทำให้ความกลัวครอบงำร่างกายจนสั่นเทา
“บ้าน่ะ————อั๊ก!!!!”
ชินอาศัยจังหวะที่เฮเดอร์สับสนต่อยเข้าเต็มแรกที่ลิ้นปี่ หนนี้เฮเดอร์ปลิวไปไกลจนร่างฝังเข้าไปติดกับเสาค้ำตึกเลยทีเดียว
มันกระอักเลือดออกมาพร้อมกับเริ่มมองชินด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ไม่ใช่แค่เพราะสิ่งที่ชินทำกับมัน หากแต่เป็นเพราะความไม่รู้ของมันได้ถูกแถลงไข
“นะ นึกออกแล้ว… แก… หน้ากากตัวตลกที่สามารถลบล้างพลังพิเศษของคนอื่นได้…”
สติของเฮเดอร์ค่อย ๆ เลือนรางลง ในตอนที่เพิ่งตระหนักตัวตนของศัตรู
“แองกริ… คราวน์————”
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เฮเดอร์ตระหนักได้ เขาพูดออกมาราวยอมศิโรราบก่อนจะสลบเหมือดไป
ชินหันหลังให้กับเฮเดอร์อย่างไร้เยื่อใย เพราะในตอนนี้เขาไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับชินอีกแล้ว
หลังตรวจสอบว่าเฮเดอร์หมดสติแน่แล้ว ชินก็รีบติดต่อโกลเด้นด็อกที่กำลังปะทะกับศัตรูบนชั้นแรกทันที เพราะยิ่งอยู่นานก็ยิ่งทิ้งหลักฐานไว้มาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่
“โกลเด้นด็อก ทางนี้เรียบร้อยแล้ว ถอนกำลังได้”
“ขออภัยด้วยค่ะมาสเตอร์ แต่ดิฉันทำตามคำสั่งของท่านไม่ได้ซะแล้วค่ะ” แต่น้ำเสียงโกลเด้นด็อกกลับดูกังวลและรู้สึกผิดเสียอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงของชินหวั่นไหวไปขณะหนึ่ง
คำพูดของเธอคนนั้นทำให้ชินขมวดคิ้วและมีน้ำเสียงกังวลกว่าทุกที เพราะคิดว่าโกลเด็นด๊อกพลาดท่าให้กับหุ่นยนต์ยักษ์ทั้ง 4 ตัวไปเสียแล้ว
ทว่า…
“ดิฉันไม่ได้ถ่วงเวลา แต่เผลอกำจัดทิ้งทั้ง 4 เครื่องไปซะแล้วค่ะ”
“…”
ยัยคนนี้นี่จริง ๆ เลย
ชินหมดคำจะพูดกับโกลเด้นด็อกเหมือนกับทุกที ได้แต่ถอนหายใจแรงให้กับความขี้เล่นของเธอคนนี้
แต่… ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีความรู้สึกโล่งอกปนอยู่ด้วย
แต่เดิมที การที่โกลเด้นด็อกจะแพ้มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
กะอีแค่หุ่นยนต์ยักษ์ ยัยนี่ไม่แพ้หรอก
ชินมั่นใจในเรื่องนั้น ตอนนี้รอบตัวของโกลเด้นด็อกคงจะมีเศษซากหุ่นรบทั้ง 4 เครื่องกองอยู่อย่างเคยเป็นแน่
“ช่างเถอะ กลับกันได้แล้ว”
ชินพูดราวกับจะตัดพ้อ แต่อีกฝั่งของสายสื่อสารกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ เสียอย่างงั้น
ไม่สิ… ความจริงแล้วที่โกลเด้นด็อกหัวเราะ ก็เป็นเพราะชินแสดงความเป็นห่วงเลยทำให้เธอดีใจมากต่างหาก
…และนั่นคือจุดจบของหนึ่งในค่ำคืนอันแสนวุ่นวายของคู่หูนักล่ายามราตรี ดังเช่นที่ผ่านมา
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION