เสียงกริ่งเลิกคาบดังขึ้นแผ่วเบา คล้ายเสียงกล่อมให้ง่วงงุน บรรยากาศอันขี้เกียจในห้องเรียนค่อย ๆ มีชีวิตขึ้นมาทีละน้อย
“วันนี้แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน อย่าลืมทำแบบฝึกหัดท้ายบทล่ะ ออกไปเดินยืดเส้นซะหน่อย ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นด้วย”
อาจารย์วัยกลางคนหัวเถิกกล่าวพลางดันแว่นกรอบดำขึ้นบนสันจมูก จากนั้นก็ทอดสายตามองเหล่านักเรียนที่พากันนั่งหลังค่อมราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
เขารู้ดีว่าเด็กพวกนี้กำลังต่อสู้อย่างหนักกับเปลือกตา เพราะนี่คือคาบเรียนแรกหลังมื้อกลางวัน…
ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงต่อเนื่องถึงต้นฤดูหนาวเช่นนี้ ยามบ่ายมักง่วงงุนกว่าปกติ และยิ่งในช่วงมัธยมปลายที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน เรื่องจะเผลอหลับก็ใช่เรื่องแปลก
แต่กระนั้น… วันนี้กลับดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา อย่างน้อยก็ไม่มีใครฟุบโต๊ะหลับให้เห็นชัด ๆ แม้ใบหน้าหลายคนจะยังดูงัวเงียอยู่บ้างก็ตาม
อาจเพราะว่าวันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนที่ต่อเนื่องกับวันหยุดยาวพอดี
อาจารย์ไม่ได้อยู่นั่งเฝ้าห้องต่อ เขาวางปากกาอินฟราเรดลงบนโต๊ะ คว้าแผนการสอนกับกระติกน้ำร้อนคู่ใจที่ใช้มานานเกินเจ็ดปี แล้วเดินจากไปเงียบ ๆ
ประตูห้องเปิดออก ลมหนาวจากโถงทางเดินพัดเข้ามากระทบผิวหน้า เย็นจนเหมือนยาสะกิดให้ตื่นจากภวังค์
“ฮัดชิ่ว—!”
เสียงจามดังลั่นของนักเรียนชายใกล้ประตูเรียกความสนใจได้ไม่น้อย เจ้าตัวรีบคว้าทิชชูจากโต๊ะเพื่อนอย่างคล่องมือ ราวกับเป็นลูกค้าประจำร้านเครปในตลาดสด
“อี๋ คราวหลังเอาของตัวเองมาด้วยนะ!”
เพื่อนข้างโต๊ะปรายตามองเขาด้วยสายตารังเกียจทันที
“เข้าใจแล้ว ๆ อาทิตย์หน้าจะพกมาแน่นอน สาบานเลย!”
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะแห้ง ๆ เป็นบทสนทนาสามัญที่คุ้นชิน
ช่วงเวลาพักที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้ว บางคนฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อฉวยงีบสั้น บางคนที่อดกลั้นมาครึ่งคาบก็กระโจนออกจากห้องเหมือนลูกธนู แต่ส่วนใหญ่กลับจับกลุ่มกันตามมุมทั้งกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ แลกเปลี่ยนเรื่องราวแปลกบ้างไม่แปลกบ้าง แต่เป็นธรรมชาติตามประสาวัยรุ่น
แม้จะดูเหมือนธรรมดา แต่หากพินิจดี ๆ จะพบว่ามันแปลกกว่าทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงบ่ายของฤดูหนาว ห้องเรียนมักเงียบงันเพราะอุ่นสบายจากเครื่องปรับอากาศโหมดฮีทเตอร์
ถึงจะเป็นวันศุกร์สิ้นเดือนก็ตาม แต่มันก็ควรจะง่วงกว่านี้…
ทว่าวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ต่อเน็ตได้รึยัง? ต่อได้ยัง?”
“แป๊บดิ มือถือเครื่องนี้เป็นของมือสองจากพ่อ… สัญญาณมันกากมาก”
“รีบหน่อย! ยังมีคนรอต่ออีกสองนะ ลองเปิดโหมดเครื่องบินแล้วปิดใหม่ดูมั้ย?”
“อย่าเร่งดิ… โอเค ได้แล้ว! เข้ามาแล้ว! เดี๋ยว ขอสมัครไอดีก่อน…”
“เร็วเข้า!”
“เฮ้ย! แค่ไม่กี่นาที ทำไมยอดสมัครทะลุสิบล้านแล้วเนี่ย?!”
“คิดว่านี่เกมอะไรฮึ? นี่มัน The Kingdom of Elves เชียวนะ!”
บทสนทนาแนวเดียวกันดังขึ้นทั่วห้อง นักเรียนหลายคนจ้องหน้าจอด้วยแววตาเปล่งประกาย ความตื่นเต้นลอยอวลอยู่ในอากาศ
ตรงมุมห้อง นักเรียนชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งนั่งพิงพนัก เก็บมือถือไว้ในมือตามเดิม ท่าทางเรื่อยเฉื่อยแต่มีเสน่ห์สงบ
เขาอาจไม่ถึงกับหล่อสะดุดตา แต่ภาพรวมดูสะอาดสะอ้านดี เครื่องแบบนักเรียนที่ตัดเข้ารูปยิ่งขับให้รูปร่างเขาดูเด่นชัด ใบหน้าเรียบเฉยประดับด้วยรอยยิ้มจางดูสบายตา
บนโต๊ะของเขามีกล่องเครื่องเขียนลวดลายน่ารัก และหนังสือมังงะวางเรียงไว้เป็นระเบียบ ซึ่งดูจะขัดกับบุคลิกเงียบขรึมของเขาอยู่บ้าง
เขาฮัมเพลงเบา ๆ พลางส่ายหัวโยกตัวตามจังหวะอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นพากันกระตือรือร้น สีหน้าก็พลอยแย้มออกอย่างไม่รู้ตัว
และในวินาทีนั้นเอง…
เพี๊ยะ!
มือเล็กขาวนวลฟาดลงบนบ่าของเขาเต็มแรง
“สวี่เกอ! ขอยื้อมือถือหน่อย!”
“เจ็บเว้ย!”
เจ้าของชื่อร้องออกมาเสียงหลง ก่อนจะหันกลับไปมองต้นเหตุอย่างระอา พลางลูบไหล่ตัวเอง
“โอ้คุณหนูจ้าวหลินเชี่ยน ช่วยเบาไม้เบามือหน่อยได้ไหมครัช เดี๋ยวไหล่จะหลุดเอานะ”
เด็กสาววัยราวสิบหกสิบเจ็ด ปี ร่างเล็ก ผิวขาว ใบหน้าอาจไม่จัดว่าสวยเฉียบชวนตะลึง แต่กลับมีเสน่ห์สดใสแบบเพื่อนสาวข้างบ้าน ทรงผมบ๊อบสั้นยิ่งขับให้เธอดูน่ารักซุกซน และเป็นมิตรจนคนรอบข้างอดยิ้มตามไม่ได้
“ฮะฮะฮะ ชั้นติดตบมาตั้งแต่เด็ก ชินซะนะ.. คราวหน้าจะเบาก็แล้วกัน~ เอาล่ะพี่เกอ~ ขอยื้อมือถือเร็ว~”
น้ำเสียงออดอ้อนยิ่งกว่าคำพูดทำให้สวี่เกอขนลุกซู่ ก่อนที่เขาจะทันตอบอะไร เด็กสาวก็มองเห็นมือถือบนโต๊ะเข้า แววตาเธอเปล่งประกายแทบจะทันที
เธอพุ่งตัวเข้าหาอย่างรวดเร็ว มือหนึ่งล็อกไหล่เขาไว้ อีกมือฉกมือถือขึ้นมาหน้าตาเฉย
“ฮ่าฮ่า ได้แล้ว!”
สวี่เกอ: …
สัมผัสนุ่มนิ่มบนไหล่ยังอุ่นอยู่ กลิ่นหอมอ่อนของเธอยังติดจมูก ใบหน้าของเขาร้อนวูบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เขาเผลอคิดขึ้นมาอย่างเลื่อนลอยว่า เด็กสาวที่เคยวิ่งตามหลังเขาเมื่อก่อน บัดนี้ได้เติบโตขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เสียแล้ว
“เธอนี่มัน… ระวังหน่อยเถอะ ซุ่มซ่ามแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่มีใครเอาเป็นแฟนหรอก”
เขาพูดกลั้วบ่นตามเคย
แต่เด็กสาวไม่แม้แต่จะหันกลับมา สายตายังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอ น้ำเสียงตอบกลับฟังดูเฉยเมย
“ก็นายไง… อย่างน้อยก็พอถูไถได้น่า ยังไงสาว ๆ ก็ไม่สนใจพวกเนิร์ดโลกส่วนตัวสูงแบบนายหรอก”
สวี่เกอ: …
…พอเถอะ หยุดเผาได้มั้ย?
เมื่อเห็นเธอพิมพ์อะไรบางอย่างลงในมือถือ เขาก็เหลือบมอง และเบิกตากว้างแทบจะในทันที
“เฮ้ย! เธอรู้รหัสมือถือฉันได้ยังไง?!”
อีกฝ่ายยังคงไม่เหลียวหลัง เสียงตอบกลับมากลั้วหัวเราะเล็กน้อย
“ก็นายเล่นตั้งรหัสผ่านทุกอย่างเหมือนกันหมด จะให้ฉันทายไม่ได้เลยหรือไง?”
สวี่เกอ: …
ถึงเวลาต้องเปลี่ยนรหัสจริง ๆ…
แต่วันเกิดตัวเองมันจำง่ายนี่หว่า
เขาถอนหายใจเบา ๆ ขณะเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มกรอกข้อมูลสมัครเข้าเว็บไซต์ทางการของ The Kingdom of Elves อย่างตั้งอกตั้งใจ จึงถามขึ้นอย่างฉงน
“คุณหนูจ้าว… ฉันจำได้ว่าเธอบ่นนักบ่นหนาว่าเพื่อนกลุ่มเกมสำนึกฝึกเซียนของเธอถูกเกมนี้ดูดไปหมด เลยบอกไว้ว่าจะไม่เล่นเกมนี้เด็ดขาดไม่ใช่เหรอ? แล้ววันนี้นี่มันอะไรฮึ?”
ไหล่ของจ้าวหลินเชี่ยนชะงักไปเล็กน้อย ปลายนิ้วที่กำลังไถหน้าจอหยุดค้างชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะแห้ง
“ก็เพราะแก่นแท้ของมนุษย์… คือ ‘การยอมแพ้อย่างงดงาม’ ไงล่ะค้า~”
สาวน้อยพูดจบก็หันกลับไปกรอกข้อมูลต่อโดยไม่ลังเล
เมื่อความเงียบโรยตัวอยู่พักหนึ่ง ภายใต้สายตาประหลาดใจปนขุ่นใจของสวี่เกอ เด็กสาวก็ยอมเผยความจริงออกมาในที่สุด
“ช่วงก่อนฉันไปเดินงานคอมมิก ตั้งใจจะไปซื้อโดของพวกสำนึกฝึกเซียนน่ะ… แต่ดันไปสะดุดเข้ากับกรุ๊ปคอสเพลย์เข้าโดยบังเอิญ คอสเป็นเอลฟ์ทั้งนั้นเลย เห็นแล้วถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก พอเข้าไปขอถ่ายรูปก็พบว่าเป็นผู้เล่นของ The Kingdom of Elves ทั้งนั้นเลย”
“ตอนแรกก็ว่าจะเดินหนีแล้วนะ… แต่สุดท้ายก็ดันหลงไปดูหนังแฟนเมดที่พวกเขาทำจากเกม แล้วก็…ติดหนึบเลย”
เธอถอนหายใจกลั้วหัวเราะ
“แค่ดูคลิปยังรู้สึกคันไม้คันมือขนาดนี้ ลองได้เล่นจริงคงไม่ต้องพูดถึง!”
สวี่เกอ: …
ทีหลังช่วยอย่ามาแซะฉันว่าเนิร์ดอีกนะ
เธอเองก็ไปเดินอีเวนต์แบบเดียวกันกับฉันเป๊ะ!
…แต่ไม่นานนัก เขาก็ชะงักนิดหนึ่งราวกับนึกอะไรขึ้นได้
“เดี๋ยวนะ… เธอไปงานแบบนั้น ทำไมไม่ชวนฉันไปด้วย?!”
จ้าวหลินเชี่ยนปรายตามองเขาอย่างเหนื่อยใจ
“แน่ใจเหรอว่านายอยากไปกับฉันจริง ๆ?”
คำถามนั้นทำให้สวี่เกอนิ่งไป เขานึกถึงรสนิยมเฉพาะทางของเด็กสาวตรงหน้า แล้วรีบยกมือพนมเป็นเชิงขอลา
“โอเค เข้าใจแล้ว… ยอมถอยอย่างสงบ”
เขาอาจจะเนิร์ดก็จริง แต่ไม่ได้ถึงขั้นเสพหนุ่มวายชายล่ำแบบอีกฝ่าย
ทว่ายังไม่ทันไร สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“เดี๋ยว…”
“อะไรอีกล่ะ?! ฉันกำลังสมัครอยู่เลยนะ!”
จ้าวหลินเชี่ยนย่นคิ้ว หันมาบ่นอย่างหัวเสียเล็กน้อย เธอไถหน้าจอแท็บเล็ตต่อ ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
“เฮ้ย… ยอดลงทะเบียนเกือบสิบห้าล้านแล้ว?! เร็วอะไรปานนี้คะ?!”
“ก็เกมเขาประกาศล่วงหน้าตั้งครึ่งเดือน แล้ววันนี้ก็เปิดให้ลงทะเบียนแค่วันเดียว พรุ่งนี้จะเริ่มขั้นตอนเลือกอัปเดตแล้ว”
สวี่เกอส่ายหน้าเบา ๆ พูดเรียบ ๆ
เขาไม่ได้เร่งหรือขัดจังหวะ ปล่อยให้เธอสมัครอย่างสบายใจ
…
สามนาทีถัดมา…
“เสร็จแล้ว~ คืนให้นะ!”
เธอยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ พลางเหยียดแขนบิดขี้เกียจอย่างอารมณ์ดี ดวงตาเป็นประกายระยับ
“ว่าแต่ พื้นหลังใหม่นี่สวยดีนะ ส่งภาพมาให้ฉันมั่งสิ!”
สวี่เกอก้มลงมองหน้าจอของตัวเองโดยอัตโนมัติ ภาพพื้นหลังนั้น เป็นภาพวาดจาก The Kingdom of Elves
ในภาพ ปรากฏร่างของเอลฟ์สาวงดงามผู้หนึ่ง เธอมีเรือนผมสีเงินยาวสยาย ดวงตาสีม่วงลึกล้ำ ใบหน้าชดช้อยราวกับรูปสลักจากหินอ่อน สวมมงกุฎบนศีรษะ ถือคทาศักดิ์สิทธิ์ในมือ และแต่งกายในชุดคลุมหรูหราสง่างาม ขณะกำลังต่อสู้กับปีศาจอัปลักษณ์ตนหนึ่ง
แสงและเงาถูกจัดวางอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ร่างของเธอเปล่งประกายราวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเทียบกับเงามืดของปีศาจเบื้องล่างแล้ว ความงามนั้นยิ่งโดดเด่นสะดุดตา
สีหน้าเธอสงบเยือกเย็น คางเชิดเล็กน้อย ดวงตาแน่วนิ่งแต่มากด้วยพลัง มองเพียงครั้งเดียว ก็ให้ความรู้สึกถึงอำนาจและความลี้ลับจนยากจะละสายตา
สง่างาม และทรงพลัง คือคำจำกัดความของภาพนี้
แม้สวี่เกอจะไม่ใช่ผู้เล่นของ The Kingdom of Elves อย่างจริงจัง แต่เขาก็จำหญิงสาวในภาพได้ทันที หรือต่อให้ไม่เคยเล่นเกมนี้เลย หรือแม้แต่ไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ ก็ต้องเคยเห็นเธอผ่านตามาบ้าง
เพราะหญิงสาวผู้นี้ มักจะมีภาพโผล่บนเว็บไซต์บ้าง โผล่ตามสติ๊กเกอร์ในโปรแกรมแชทบ้าง หรือใน… โดจินบางประเภท
เธอคือผู้ครองเผ่าเอลฟ์ เทพธิดาแห่งชีวิต ตัวแทนแห่งต้นไม้โลก NPC ผู้นำฝ่ายของ The Kingdom of Elves ผู้ได้รับฉายาว่าเทพธิดาแห่งธรรมชาติ อีฟ อิกดราซิล
เธอไม่เพียงเป็น NPC ที่มีบทบาทสูงสุดในเกม แต่ยังครองตำแหน่งตัวละครยอดนิยมตลอดกาล ด้วยจำนวนแฟนอาร์ตและแฟนคลับมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ในเว็บถ้ำค้างคาว หรือแพนด้าหน้าเศร้าบางแห่ง…
ภาพพื้นหลังนี้ ว่ากันว่าเป็นภาพที่ผู้เล่นแคปไว้ในภารกิจสนามรบ ด้วยมุมกล้องที่ลงตัวและเอฟเฟกต์สุดอลังการ จึงกลายเป็นภาพหายากที่สวี่เกอเลือกใช้เป็นพื้นหลังมือถือด้วยความภูมิใจ
“ดูท่า เธอจะปลื้มท่านเทพธิดามากเลยนะ”
สวี่เกอหัวเราะ ยักคิ้วให้เธออย่างเจ้าเล่ห์
ส่วนจ้าวหลินเชี่ยนก็ตอบรับด้วยการพยักหน้าแรง ๆ ดวงตาเปล่งประกาย
“ก็แหงดิคะ! ตอนเห็นคอสเพลย์ท่านเทพธิดาในอีเวนต์คือ… งามล้ำไม่มีใครเทียบ สวยเฉียบโลกตะลึง! แล้วยิ่งพอได้ดูวิดีโอในเกมจริง ๆ ถึงรู้เลยว่า… ยังไงก็เทียบต้นฉบับไม่ติด!”
“แค่ภาพนิ่งยังขนาดนี้ ตัวจริงในเกมคือมีเอฟเฟกต์เวทมนตร์ติดตัวตลอดเวลาเลยนะ ไม่มีทางที่ใครจะคอสให้เหมือนได้จริง ๆ ต่อให้แค่ครึ่งหนึ่งก็ยังลำบากเลย ฉันเคยหาชุดคอสเพลย์ของเธอหลายเซ็ตแล้ว ยังไม่มีเซ็ตไหนที่ดูแล้วพอใจเลย ถึงจะมีที่ดูดีอยู่บ้าง… แต่มันก็ยังห่างไกลอยู่ดี…”
สวี่เกอพยักหน้ารัว ๆ อย่างเห็นด้วยเต็มที่กับคำพูดของเธอ จากนั้นก็ชูนิ้วทำสัญลักษณ์โอเค พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวส่งภาพต้นฉบับให้ทางแชทเลย แถมให้ทั้งเซ็ต! เป็นคอลเลกชันล่าสุดของฉันเอง มีภาพวิวสุดอลังจากเทศกาลเก็บเกี่ยวครั้งก่อนด้วยนะ”
ได้ยินดังว่า จ้าวหลินเชี่ยนยิ้มตาหยี ตบหลังเขาแรงจนได้ยินเสียงดังป้าบ
“สุดยอดค่ะ! ปะ เดี๋ยวเลิกเรียนไปกินชานมกัน ฉันเลี้ยง!”
สวี่เกอพลันเผยสีหน้าจริงจังสุดชีวิต พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เอาแก้วใหญ่นะครับ ต้องเป็นรสใหม่ อันที่แพงสุดด้วย!”
คุณหนูจ้าวส่งค้อนให้เขาทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวปิดดีลด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“มีแต่แก้วเล็ก รสดั้งเดิม ชั้นไม่มีเงิน ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน”
“…ก็ได้ เอาแก้วเล็กก็ได้”
หลังหยอกล้อกันอยู่สองสามประโยค เด็กสาวก็ตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าแต่นาย… เมื่อกี้เหมือนพูดอะไรค้างไว้ปะ?”
สวี่เกอเลิกคิ้ว คิดทบทบครู่หนึ่ง สีหน้าครุ่นคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเมื่อครู่จะโดนขัดจังหวะจนลืมสิ่งที่กำลังจะพูดไปเสียสนิท
แต่หลังจากรวบรวมความคิดอยู่สักพัก ดวงตาของเขาก็วาวขึ้นทันที
“อ้อ ใช่! ฉันจะถามว่า… เมื่อกี้เธอบอกว่าดูหนังแฟนเมดของ The Kingdom of Elves มางั้นเหรอ?”
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
“ชื่อ The Elven Adventure ใช่ไหม? คนทำคืออาจารย์แบล็คแคทกับเวียโรดิสรึเปล่า?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ฮ่า ๆ! ฉันว่าแล้วเชียว! จริง ๆ อยากแนะนำให้เธอดูตั้งนานแล้ว! เนื้อเรื่องสุดยอดมากใช่ไหมล่ะ!”
“ใช่เลย! ตัวเอกเป็นคนทะลุมิติมาโลกแฟนตาซี แล้วเรื่องราวก็ผูกกับฉากหลังของ The Kingdom of Elves ได้แบบเป๊ะ ๆ เลย ดูแล้วสนุกมาก! ตอนแรกฉันก็นึกว่าเป็นหนังแฟนทำเล่น ๆ แต่พอดูไปถึงรู้ว่า… มันถ่ายจากในเกมจริง ๆ!”
“ใช่ไหมล่ะ! NPC ในเกมนี้ฉลาดน่ารักมากด้วยนะ!”
“ฉันเพิ่งรู้ตอนนั้นเลยจริง ๆ ว่ามันลึกขนาดนี้!”
“ก็ไม่แปลกหรอก เรื่องนี้อาจารย์แบล็คแคทเขียนบทเองกับมือเลยนะ!”
“อาจารย์แบล็คแคท? เอาจริงดิ?”
“ช่าย!”
“โธ่เว้ย! แทนที่จะวาดมังงะดี ๆ ดันไปเล่นเกมแล้วถ่ายหนังอะไรแบบนี้เนี่ย?!”
“ก็ติด The Kingdom of Elves จนดองงานยาวเลยน่ะสิ ฮ่า ๆ ๆ!”
ทั้งคู่หัวเราะอย่างออกรส เมื่อลากบทสนทนาไปถึงหัวข้อที่ถูกจริต
แต่ไม่นาน จ้าวหลินเชี่ยนก็ชะงักเล็กน้อย ราวกับนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เธอจ้องหน้าสวี่เกอด้วยสีหน้าสงสัย ทำเอาเจ้าตัวขนลุกแปลบ
“อะไรเหรอ?”
“นายก็ปลื้มเกมนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมชั้นยังไม่เห็นนายลงทะเบียนเลยล่ะ?”
เธอลูบคางเล็กน้อย แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างจับผิด
คำถามนั้นทำให้สีหน้าของสวี่เกอเปลี่ยนทันที รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า เขาเอนตัวเล็กน้อย ทำเสียงยียวน
“ใครบอกเธอว่าฉันยังไม่ได้ลงทะเบียน? บางทีฉันอาจแอบสมัครไว้ตั้งแต่ตอนเรียนก็ได้นะ~”
“เพ้อเจ้อค่ะ เปิดให้สมัครตอนบ่ายสอง ฉันนั่งอยู่ข้างหลังนายทั้งคาบ แล้วนายก็หลับยาวจนจบคาบด้วยซ้ำ!”
จ้าวหลินเชี่ยนเบะปากไม่ไว้หน้า
สวี่เกอ: …
ยัยสตอล์กเกอร์!
เขามองเธออย่างอับจนคำ ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ พลางพูดอย่างยอมจำนน
“จริง ๆ แล้ว ฉันไม่ได้ลงทะเบียนหรอก”
“อะไรนะ? แต่นายเคยพูดเองว่า ‘ยังไงก็ต้องได้สิทธิ์ให้ได้’ ไง? ฉันที่เคยตั้งแง่กับเกมนี้ก็ยังใจอ่อนเพราะโดนนายตื้อทุกวัน จนสุดท้ายต้องยอมมาสมัครนี่ไง”
“อะแฮ่ม… เปล่าหรอก ความจริงคือ… ฉันได้สิทธิ์เล่นไปแล้วน่ะสิ”
เขากลั้วหัวเราะเบา ๆ ขณะหยิบมือถือขึ้นมาโชว์ข้อความฉบับหนึ่ง
จ้าวหลินเชี่ยน: …
สายตาเธอจับจ้องหน้าจอทันที เมื่อเห็นข้อความแสดงความยินดีที่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมช่วงทดสอบสาธารณะ ใบหน้าของเด็กสาวก็ยู่ยี่ในบัดดล
“แอบไปสมัครตอนไหนเนี่ย?!”
“ช่วงก่อนมีอีเวนต์ในเว็บบอร์ดของเกม ฉันลองร่วมสนุกดู แล้วดันได้รางวัลเป็นสิทธิ์เข้าเล่นพอดี”
สวี่เกอหัวเราะพลางตบไหล่เธอเบา ๆ
“ยังไงก็ขอให้เธอได้ด้วยนะ หวังว่าพรุ่งนี้เราจะได้เจอกันในเกม”
จ้าวหลินเชี่ยน: …
“ทำไมนายโชคดีขนาดนี้เนี่ย?! แล้วมันคืออีเวนต์อะไรกันแน่?!”
“ชื่อจำไม่ค่อยแม่นนะ เหมือนจะเป็น ‘รับความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูปศาสนจักรแห่งชีวิต’ ประมาณนั้น…”
เขาตอบพลางเกาหัวเล็กน้อย
“ก็เกมนี้น่ะ พัฒนาเนื้อหาโดยอิงจากไอเดียผู้เล่น ก็เลยต้องใช้ความร่วมมือจากผู้เล่นในการออกแบบระบบด้วย รอบนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลย ที่เอาสิทธิ์เข้าเกมมาเป็นรางวัล”
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเล่าจบ ก่อนจะตบไหล่หญิงสาวอีกครั้งอย่างให้กำลังใจ
“สู้ ๆ นะ มีสิทธิ์ให้แค่ประมาณแสนแปดที่ ฉันว่ายังไงเธอก็ต้องได้แน่นอน!”
จ้าวหลินเชี่ยน: …
“เดี๋ยวนะ… ไม่ใช่ว่าทั้งหมดมีสองแสนสิทธิ์เหรอ?”
เธอเอียงคอเล็กน้อย คิ้วขมวด สายตาแฝงแววสงสัย
“ใช่ สองแสนก็จริง… แต่ในนั้นเปิดขายอยู่สองหมื่นสิทธิ์”
สวี่เกออธิบายอย่างใจเย็น
“หนึ่งสิทธิ์ราคาประมาณค่าขนมฉันทั้งปีเลยมั้ง แต่แค่ห้านาทีแรกก็ขายหมดเกลี้ยงแล้ว ส่วนที่เหลืออีกแสนแปดหมื่น จะมีห้าร้อยสิทธิ์ที่แจกในกิจกรรมบนบอร์ด เพราะงั้น… สิทธิ์ที่ให้สุ่มจริง ๆ ก็น้อยกว่าสองแสนนิดหน่อย ปัดขึ้นก็แสนแปดโดยประมาณนั่นแหละ”
“งั้นเหรอ…”
จ้าวหลินเชี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคล้ายครุ่นคิด
“อืม… ถ้าฉันรู้ว่าเธอเริ่มสนใจเกมนี้ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันคงชวนเข้าร่วมอีเวนต์ไปแล้วล่ะ แต่ฉันนึกว่าเธอจะค้าน…”
สวี่เกอยักไหล่ คล้ายจะบอกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบังหรอก… แค่ไม่ได้พูด”
ว่าแล้วก็เหลือบตามองหน้าจอโทรศัพท์ในมือตัวเอง ก่อนจะอุทานเบา ๆ
“โอ้โห… ยอดลงทะเบียนเกือบแตะยี่สิบล้านแล้วแฮะ”
สีหน้าของเขาฉายความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากเผยออกมาอย่างไม่รู้ตัว
จ้าวหลินเชี่ยน: …
“ไสหัวไปเลย…”
เธอยกเท้าถีบใส่เขาทันที แต่สวี่เกอที่ระวังตัวอยู่ก่อนแล้วก็เอนตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว แล้วหัวเราะลั่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงหัวเราะค่อย ๆ แผ่วเบาลง เขาก็กลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง พลางกล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“แต่ไม่ต้องกังวลหรอกนะ เขาว่าสถิติบอกว่า คนที่เล่นเกมบ่อย ๆ โดยเฉพาะพวกที่เคยติดแรงก์สูง ๆ จะมีโอกาสได้สิทธิ์มากกว่า เธอเองก็เคยติดท็อปสามในอารีน่าของสำนึกฝึกเซียนไม่ใช่เหรอ? ฉันว่ายังไงก็มีลุ้นแน่ ๆ”
จ้าวหลินเชี่ยน: …
“แล้วแต่โชคชะตาฟ้าลิขิตละกันค่ะ…”
เธอถอนหายใจครั้งหนึ่ง แต่ดวงตากลับเปล่งประกาย ความคาดหวังได้ก่อตัวขึ้นใต้แววตานั้นอย่างเงียบงัน
แม้เธอจะพูดเหมือนปลงตก แต่ลึกลงไป ไม่มีใครอยากเป็นแค่คนมองอยู่ข้างสนาม ไม่ว่าใครก็อยากเป็นผู้โชคดีคนนั้นทั้งนั้น และทุกคนก็จะมีความหวังจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย…
และนั่นล่ะ คือหัวใจของวัยเยาว์
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ฮึ่ม… เปิดเล่มหกมานี่อะไรคะเนี่ย! กลิ่นชานมไข่มุกกับวัยหวานลอยมาจากหน้ากระดาษเลยนะ 😏💋 ใครเขียนให้ตลบอบอวลขนาดนี้ฮึ?! นี่มันบทเปิดไม่ใช่ร้านขนมหวาน!
โนเอล: ใจเย็นค่ะพี่สาว ☕✨ เป็นตอนเปิดที่อบอุ่นน่ารักมากเลยนะคะ ดิฉันชอบจังหวะระหว่างตัวละครทั้งสองมากค่ะ เหมือนพาเราเข้าไปนั่งมองอยู่ในห้องเรียนนั่นจริง ๆ มีทั้งบรรยากาศ ยิ้มขำ และแอบเขินนิด ๆ ด้วย
ลิลี่: อุ๊~ 😻 มีไปเดินงานคอมมิกกันด้วย ต้องได้ของดีกลับมาแน่ ไหนเอามาให้แมวดูวววววว! 💖✨
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION