ตำแหน่งผู้นำศาสนา…
กับการฟื้นฟูอาณาจักรสินะ…
เมื่อได้ยินคำพูดของอลิซ อีฟก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะครุ่นคิด
“อลิซ เคยคิดอยากเป็นมหาอัครสาวกไหม?”
หลังไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ย้อนถามกลับไป
ตำแหน่งผู้นำศาสนา เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งเทพในโลกสามัญ แม้อีฟจะเคยแทรกแซงกิจการศาสนจักรในคราบของบุตรีแห่งเทพ ทว่าจุดมุ่งหมายเดิมก็เป็นเพียงเพื่อให้มีร่างหนึ่งที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และคอยสะสางปัญหาที่เหล่าเอลฟ์ไม่อาจรับมือด้วยตนเองเท่านั้น
เธอไม่เคยคิดจะเป็นตัวแทนของตนเองด้วยซ้ำไป
แท้จริงแล้ว เหตุที่เหล่าเทพมักแต่งตั้งหัวหน้านักบวชสูงสุดขึ้นมา ก็เพื่อความสะดวกในการเผยแพร่ศาสนาและบริหารศาสนจักร เพราะตำแหน่งดังกล่าวเป็นเสมือน เครื่องมือ ชั้นเยี่ยมของเทพสำหรับดูแลกิจการศาสนาโดยตรง หากเธอต้องแบกรับทั้งบทบาทเทพธิดาและหัวหน้านักบวชไปพร้อมกัน… มันก็แทบไม่มีเหตุผลอันใดเลย นอกจากจะสร้างภาระโดยใช่เหตุ
ปล่อยให้ศาสนจักรเดินหน้าผ่านนักบุญผู้เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วชักนำทิศทางอยู่เบื้องหลัง ย่อมง่ายกว่าและเหมาะสมกว่า
ในที่นี้ ควรอธิบายให้ชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างนักบุญกับผู้นำศาสนาเสียก่อน
หากผู้นำศาสนาเปรียบดั่งผู้ปกครองสูงสุด เป็นทั้งประมุขและผู้บริหารศาสนจักร นักบุญก็คือสะพานเชื่อมตรงระหว่างเทพกับศาสนจักร
แม้ผู้นำศาสนาจะอธิษฐานรับวิวรณ์หรือบัญชาจากเทพได้ แต่โดยมากแล้วก็ยังห่างไกลจากสายสัมพันธ์แนบแน่นอย่างที่นักบุญมี เพราะนักบุญแต่ละรายถูกคัดเลือกจากผู้ศรัทธาที่มีจิตเลื่อมใสอย่างแรงกล้าโดยเฉพาะ แม้จะมิได้เชี่ยวชาญด้านบริหาร แต่พวกเธอกลับสามารถรับฟังและถ่ายทอดวิวรณ์ได้อย่างแม่นยำ
ด้วยเหตุนี้ แม้มิได้ถืออำนาจบริหารโดยตรง แต่นักบุญก็มีสถานะอันสูงส่งเสมอ หลายครั้งยังมีบทบาทชี้ขาดนโยบายระดับสูงของศาสนจักรไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้นำศาสนาเลย
แต่นั่นคือในโครงสร้างปกติ…
ทว่าศาสนจักรแห่งชีวิตที่อีฟก่อร่างขึ้น กลับห่างไกลจากความเป็นปกติอย่างสิ้นเชิง
อลิซในฐานะนักบุญ ต้องแบกรับหน้าที่วิ่งวุ่นดูแลกิจการสารพัด เป็นมาสคอตประจำฝ่ายที่เข้าถึงได้ แถมยังต้องรับผิดชอบผู้เล่นอีกต่างหาก ส่วนอีฟเอง ภายใต้คราบบุตรีแห่งเทพ ซีโร ก็มักแทรกแซงการบริหารอยู่เสมอ บางคราวยังลงมือประกาศวิวรณ์เสียเอง จนเริ่มมีภาพลักษณ์คล้ายนักบุญขึ้นมาทีละน้อย
หน้าที่ของมหาอัครสาวก จึงเหมือนถูกแบ่งกันทำระหว่างอลิซกับอีฟ แถมอีฟยังหยิบบทบาทของนักบุญไปครองเพิ่มอีกส่วนหนึ่งด้วยซ้ำ
ด้วยบุคลิกเด็ดขาดของอีฟ ผสมกับความอ่อนโยนยอมตามของอลิซ ทำให้สถานะของคราบปลอมซีโรขยับสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว
พูดตรง ๆ ก็คือ… การบริหารทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านพร้อมกัน มันช่างวุ่นวายเหลือเกิน
เมื่ออลิซเอ่ยถึงตำแหน่งผู้นำสูงสุดในครั้งนี้ อีฟจึงรู้สึกว่า บางที คงถึงเวลาจัดระเบียบตำแหน่งนี้ให้ชัดเจนเสียที
เธอยังคงพึงพอใจในผลงานของอลิซ และไม่ขัดข้องหากอีกฝ่ายจะควบตำแหน่งผู้นำศาสนาเพิ่มด้วย
ที่ผ่านมา เหตุที่อีฟต้องลงมาคุมกิจการศาสนจักรด้วยตัวเองบ่อยครั้ง เป็นเพราะเหล่าเอลฟ์ยังติดยึดกับกรอบความคิดเดิมมากเกินไป การตัดสินใจเรื่องใหญ่จึงต้องอาศัยเธอช่วยชี้ขาด อีกทั้งระบบเกมก็ยังไม่สมบูรณ์ จนมีเพียงเธอผู้เดียวที่สามารถควบคุมภาพรวมทั้งหมดได้
แต่บัดนี้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว
เหล่าเอลฟ์เริ่มปรับเปลี่ยนทัศนคติ ระบบเกมก็เข้าที่เข้าทางมากขึ้น อีฟจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระเช่นเดิมอีกต่อไป
เมื่อคิดตกเช่นนั้น อีฟจึงตั้งใจจะมอบความรับผิดชอบทั้งหมด ให้อลิซดูแลในอนาคต
ท้ายที่สุด เธอย่อมจะกลายเป็นเพียงผู้เฝ้ามองอยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริง แม้แต่บทบาทของซีโรเอง ก็ไม่ควรรับผิดชอบมากไปกว่าการเป็นมือปราบเฉพาะกิจ หรือเทวทูตในยามคับขันเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำถามของอีฟ อลิซชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายศีรษะ
“ท่านซีโร ท่านชมข้ามากเกินไปแล้วค่ะ… ยิ่งศาสนจักรขยายตัวมากขึ้น ข้ายิ่งรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะกับการเป็นผู้บริหารเลย”
“แต่เจ้าก็ทำได้ดีมิใช่หรือ?” อีฟเอ่ย
“นั่นก็เพราะมีท่านกับผู้ถูกเลือกคอยช่วยเหลือข้าอยู่นี่ค่ะ”
อลิซถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหยุดไปชั่วครู่ สีหน้าของเธอเริ่มเคร่งขรึมขึ้น
“ยิ่งไปกว่านั้น… ศาสนจักรกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ข้าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องฟื้นฟูโครงสร้างและระบบบริหารให้เป็นรูปเป็นร่างเสียทีค่ะ”
ศาสนจักร… จะต้องได้รับการฟื้นฟูโครงสร้างอย่างเป็นระบบแล้วสินะ…
อีฟครุ่นคิดเงียบ ๆ
แม้นางจะเป็นผู้ก่อตั้งศาสนจักรแห่งชีวิต นับตั้งแต่ฟื้นคืนชีพในฐานะต้นไม้โลก และรวบรวมเผ่าเอลฟ์ขึ้นมาได้สำเร็จ แต่เอาเข้าจริงจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีโครงสร้างบริหารที่เป็นระบบระเบียบอย่างแท้จริง
แม้ปัจจุบันจะมีนักบวชเพิ่มจำนวนขึ้น มีหัวหน้านักบวชผู้เปี่ยมศรัทธาปรากฏตัวมากขึ้น ทว่าการบริหารภายใน ตลอดจนระบบตำแหน่งนักบวชยังคงคลุมเครือและปั่นป่วน
แค่เพียงหน้าที่ของนักบวชเองก็มิได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน มาตรฐานการเลื่อนขั้น หรือการดูแลศาสนิกชนก็ยังอยู่ในสภาพกว้าง ๆ พอประมาณ มีเพียงระบบที่ผู้เล่นร่วมกันบูรณะขึ้นมาเท่านั้น ที่เป็นระเบียบชัดเจนที่สุด
ที่จริง… ไม่ใช่เพียงศาสนจักร หากแต่โครงสร้างสังคมของเอลฟ์โดยรวมก็ยังคงกระจัดกระจายเช่นกัน
ทุกวันนี้ ดินแดนของพวกเขายังคงหลวมและวุ่นวายยิ่งนัก
มีเพียงเมืองใหญ่บางแห่ง เช่น ฟลอเรนซ์และเคนอร์แลนด์ ที่พอจะบริหารตัวเองได้ในลักษณะเมืองรัฐ โดยการปกครองแต่ละวันยังอาศัยศาสนจักรหรือเหล่าเอลฟ์ผู้เฒ่าช่วยประคองเอาไว้ ยังห่างไกลจากความเป็นอาณาจักรมั่นคง
สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะในอดีต เอลฟ์มีประชากรน้อยเกินกว่าจะสร้างโครงสร้างศาสนาหรือฝ่ายปกครองให้ซับซ้อน อีกส่วนก็มาจากการปรากฏตัวของผู้เล่น ซึ่งเปลี่ยนแปลงระบบสังคมของป่าเอลฟ์ไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อตอนที่จำนวนเอลฟ์และผู้เล่นยังน้อย ระบบบริหารแบบเรียบง่ายก็ยังพอขับเคลื่อนดินแดนแห่งนี้ไปได้
แต่ยามที่จำนวนเอลฟ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้เล่นหลั่งไหลเข้ามาช่วงโอเพนเบตา ระบบเดิมก็เริ่มรับภาระไม่ไหวอีกต่อไป
ปัญหาประชากรล้นเกินในเมืองแห่งผู้ถูกเลือกก็เป็นหนึ่งในตัวอย่าง
ที่อีฟเปิดให้ผู้เล่นสร้างเมืองใหม่ได้ นอกจากเรื่องข้อจำกัดของเมืองศูนย์กลางแล้ว ยังเป็นเพราะศาสนจักรในตอนนั้นไม่สามารถรองรับภาระทั้งหมดไหวอีกต่อไป จึงต้องเปิดโอกาสให้ผู้เล่นจัดตั้งชุมชนและระบบปกครองของตนเอง
เมื่อเห็นภาพรวมชัดเจน อีฟก็กล่าวขึ้น
“หมายความว่า… เจ้าเห็นสมควรให้แต่งตั้งมหาอัครสาวก และจัดระเบียบศาสนจักรให้เป็นระบบสินะ?”
“ถูกต้องค่ะ นั่นคือสิ่งที่ข้าอยากเสนอ และข้าคิดว่าท่านเหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้แล้ว”
อลิซตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
เค้าเนี่ยนะ?
เค้าไม่เอาหรอก เค้าอยากขี้เกียจต่างหาก…
อีฟบ่นในใจ
เธอเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับ
“ศาสนจักรแห่งชีวิตควรได้รับการปฏิรูปจริง… แต่เรามิได้ปรารถนาจะรับตำแหน่งมหาอัครสาวก”
“ด้วยเหตุใดหรือคะ?”
อลิซถามพลางขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“ขี้เกียจ”
อีฟตอบสั้น ๆ
อลิซ: …
…คำตอบนั้นทำเอาเธอถึงกับไปไม่เป็น หลังความเงียบงันผ่านไปครู่หนึ่ง อีฟจึงเอ่ยต่อ
“แล้วเจ้าคิดอย่างไรกับธรันดูอิล?”
“ธรันดูอิล?”
อลิซนิ่งคิดไปเล็กน้อย
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ
“พักหลังมานี้ ท่านธรันดูอิลดูจะสนิทสนมกับผู้ถูกเลือกเพศหญิงมากเกินไป ภาพลักษณ์ของเขาในหมู่พวกเราจึง… ค่อนข้างคลุมเครืออยู่ไม่น้อยค่ะ”
อลิซก้มหน้าลงเล็กน้อย น้ำเสียงเจือความรู้สึกผิด
“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ข้าสั่งสอนเขาไม่ดีนัก ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับแนวคิดแปลกประหลาดบางอย่างจากผู้ถูกเลือก…”
เมื่อได้ฟังคำตอบ สีหน้าของอีฟก็พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เธอนึกย้อนไปถึงภาพหนึ่งที่เคยเห็น ตอนส่งวิวรณ์ให้ไฮเอลฟ์ดั้งเดิมผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ตนหนึ่ง… ภาพของเขากำลังถูกโอบล้อมด้วยผู้เล่นหญิงอ่อนหวานหลายคนที่คอยปรนนิบัติอยู่รอบกาย
อีตานี่…
โดนเลี้ยงมาผิด ๆ จริง ๆ ค่ะ
ด้านความสามารถน่ะไม่แย่นะ แต่พฤติกรรมกลับดูไม่เหมือนเอลฟ์เลยสักนิด ยิ่งมองก็ยิ่งให้อารมณ์พระเอกฮาเร็มที่สวมบทบาทเป็นเอลฟ์เท่านั้น
หากตอนนั้นอีฟไม่ปิดระบบความต้องการทางเพศของเหล่าต้นหอมตั้งแต่ต้น เธอคงได้เห็นเขาเปิดฮาเร็มกลางหมู่ผู้เล่นไปเรียบร้อยแล้ว และในมุมหนึ่ง มันก็ฉูดฉาดเสียจนชวนสะดุดตา
เพราะเขามิใช่มนุษย์ แต่คือเอลฟ์ และการที่เขารอดพ้นจากการโดนผู้เล่นชายรุมสั่งสอน ก็คงเป็นเพราะระบบปกป้อง NPC เท่านั้น
แม้ความสามารถจะเพียงพอ แต่ถ้าจะให้ธรันดูอิลขึ้นนั่งตำแหน่งมหาอัครสาวก เธอก็คงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าธรันดูอิลยังไม่เหมาะสม อีฟก็นิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนชื่ออีกคนหนึ่งจะผุดขึ้นในใจ
“ถ้าอย่างนั้น… เจ้าว่าคิดเห็นอย่างไรกับเทย์เลอร์?”
“เทย์เลอร์?”
อลิซขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ไม่นานเธอก็นึกออกว่าอีฟหมายถึงผู้ใด
เทย์เลอร์แห่งเผ่าร็อคแซนด์ เอลฟ์ตนแรกที่กลั่นสายเลือดสำเร็จ จากเขตแดนย่อยโอรอส และเป็นหนึ่งในนักบวชแห่งชีวิตรุ่นบุกเบิกของเขตแดนดังกล่าว
เขาเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าจนเกือบคลั่งไคล้ในองค์เทพธิดา อีกทั้งยังไม่ยึดติดกับกรอบความคิดดั้งเดิมของเผ่าเอลฟ์ทั่วไป
ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะกำเนิดจากเขตแดนย่อย แต่กลับหลงใหลในวัฒนธรรมของเอลฟ์อย่างลึกซึ้ง เมื่อผ่านการกลั่นเลือดแล้วก็สามารถกลมกลืนเข้ากับเอลฟ์จากเขตแดนซากัสได้อย่างแนบเนียนโดยไม่รู้สึกแปลกแยก
ปัจจุบัน เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้านักบวชดูแลศาสนจักรแห่งชีวิตในเขตแดนย่อยโอรอส และบริหารทุกอย่างได้อย่างเป็นระบบรัดกุมเกินความคาดหมาย ดูแล้วเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการบริหารโดยแท้
เมื่อพิจารณาถึงตรงนี้ อลิซก็อดรู้สึกใจเต้นขึ้นเล็กน้อย
สำหรับผู้นำศาสนาแล้ว ความสามารถในการบริหารคือคุณสมบัติสำคัญที่สุด และผู้ที่ซีโรเสนอมา ก็นับว่าเหมาะสมไม่น้อย
หากจะมีจุดด้อยอยู่บ้าง ก็คงเป็นเรื่องรากฐานที่ยังบางเบาเกินไป ฐานเสียงสนับสนุนจากเผ่ายังไม่แข็งแกร่งพอ
เพราะตำแหน่งผู้นำสูงสุดในศาสนจักร ต้องมีทั้งชื่อเสียงและเกียรติภูมิระดับหนึ่ง จึงจะโน้มน้าวและนำพาศาสนจักรไปข้างหน้าได้
“เทย์เลอร์ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เพียงแต่ในหมู่พวกเรา เขายังขาดชื่อเสียงพอจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำศาสนา อีกทั้งระดับพลังของเขาก็ยังไม่ถึงเกณฑ์”
อลิซกล่าวหลังจากพินิจพิเคราะห์
แม้พลังของเทย์เลอร์จะเพิ่มขึ้นมหาศาลหลังจากกลายเป็นเอลฟ์สมบูรณ์ แต่เขาก็ยังไม่ถึงระดับเงิน ขณะที่เอลฟ์ระดับเงินในป่าเอลฟ์ขณะนี้ มีอยู่เป็นจำนวนมาก
“เรื่องชื่อเสียงกับพลังหาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงองค์เทพธิดารับรอง ต่อให้ขาดสิ่งใดก็เติมเต็มได้ทั้งสิ้น หน้าที่ของพวกเรามีเพียงเสนอรายชื่อ ส่วนการตัดสินใจสุดท้ายให้เป็นหน้าที่ของพระองค์เถิด”
อีฟกล่าวเสียงเรียบ
อลิซนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
“หากท่านเทพธิดาเห็นชอบ เรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ แล้วค่ะ”
อีฟยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า เทย์เลอร์เหมาะสมยิ่งนัก และในเวลานี้ ใจของเธอก็แทบจะตัดสินใจเด็ดขาดลงไปแล้ว
…คงมีแต่เผ่าเอลฟ์ที่ซื่อตรงบริสุทธิ์เท่านั้น ที่กล้ายอมรับในเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
หากเป็นเผ่าพันธุ์อื่น พวกเขาคงไม่มีวันที่สาวกแบบเทย์เลอร์ ผู้ถือกำเนิดจากเขตแดนย่อยเช่นนี้ จะมีโอกาสก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำศรัทธาได้เลย
“เช่นนั้นก็ตกลงเป็นเทย์เลอร์ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์เทพธิดา ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นการตัดสินของพระองค์ค่ะ”
อีฟกล่าวสรุป อลิซเองก็ไม่มีข้อคัดค้านใดอีก
นักบุญหญิงแห่งชีวิตนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ
“นอกจากนี้ ข้าเห็นว่าระบบศาสนจักรธรรมชาติในอดีต ก็มิอาจสอดรับกับป่าเอลฟ์ในปัจจุบันได้อีกต่อไป ผู้ถูกเลือกได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างศาสนจักรไปโดยสิ้นเชิง หากจะปฏิรูปศาสนจักรครั้งนี้ ก็ควรปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับทั้งพวกเรา และผู้ถูกเลือกค่ะ”
“พลังของผู้ถูกเลือกนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ข้าว่า พวกเรายังสามารถใช้แนวทางเดิม คือเน้นมอบหมายภารกิจแก่พวกเขา แล้วนำระบบเหล่านั้นมาพัฒนาต่อยอดบนโครงสร้างศาสนจักรที่มีอยู่ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น”
อีฟพยักหน้าเห็นด้วย ภายในใจพลางรู้สึกว่าอลิซเริ่มพูดจาได้มีกลิ่นอายของข้าราชการระดับสูง ในดาวเคราะห์สีครามขึ้นทุกที
“ให้ผู้ถูกเลือกเข้ามามีส่วนร่วม ถือเป็นแนวทางที่ดีนัก ถ้านับตามผลงานที่ผ่านมาก็จัดว่ายอดเยี่ยมอยู่ เพียงแต่เรื่องนี้จำเป็นต้องรายงานต่อองค์เทพธิดาก่อน เพราะมีเพียงพระองค์เท่านั้น ที่สามารถดึงศักยภาพของผู้ถูกเลือกออกมาได้สูงสุด”
อีฟกล่าว
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกันค่ะ”
อลิซยิ้มหวาน อีฟพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อ
“ถ้าเช่นนั้น… เรื่องที่สองก็เป็นอันตกลง ส่วนเรื่องการสถาปนาอาณาจักร แม้ประชากรของเรายังน้อย แต่ก็ควรพิจารณาไว้ล่วงหน้าเช่นกัน”
สำหรับผู้สืบสายเทพในเขตแดนย่อยโอรอส อีฟวางแผนจะดำเนินการกลั่นสายเลือดให้พวกเขากลายเป็นเอลฟ์อย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว และในอนาคต กระบวนการนี้จะยิ่งเร่งตัวขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้น แม้ขณะนี้จำนวนประชากรเอลฟ์ยังค่อนข้างบางเบา แต่วันข้างหน้าจำนวนย่อมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในอุดมคติ เธออาจได้สาวกใหม่แตะระดับสามล้านชีวิตเลยทีเดียว
และสำหรับจำนวนผู้เล่น ก็น่าจะมีมากกว่านั้นอีกหลายเท่า
ในสายตาของอีฟ ผู้เล่นก็นับเป็น ประชากร เช่นเดียวกัน
เมื่อเกมในดาวเคราะห์สีครามสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคง อีฟก็ตัดสินใจว่าจะขยายโครงการนี้ในระยะยาว จนถึงขั้นเตรียมการไว้ว่า หากมีผู้เล่นเสียชีวิตลง และจิตวิญญาณของพวกเขายินดีจะมาเกิดใหม่ในต่างโลก เธอก็จะชักนำวิญญาณเหล่านั้นสู่ดินแดนซากัส แล้วหล่อหลอมร่างใหม่ให้เป็นเอลฟ์อย่างสมบูรณ์
แน่นอนว่า ปัจจุบัน ผู้เล่นหลักหลายแสนคนบนดาวเคราะห์สีคราม ยังไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหลังจากเข้าร่วมระบบนี้ ประเด็นเรื่องการเก็บรักษาความทรงจำ หรือข้อจำกัดหลังการเกิดใหม่ จึงยังมิได้ถูกหยิบยกขึ้นมา
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เมื่อป่าเอลฟ์พัฒนาไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อธรันดูอิลถูกเลี้ยงผิดวิธี จนกลายเป็นเช่นทุกวันนี้ อีฟก็เริ่มรู้สึกว่าการฟื้นฟูเผ่าเอลฟ์ขึ้นใหม่ อาจมิได้จำเป็นต้องก่อร่างเป็น อาณาจักร แบบในอดีต
ตามประวัติศาสตร์ อาณาจักรเอลฟ์ในอดีตถือกำเนิดขึ้นโดยราชวงศ์ ที่ก่อตั้งด้วยความสมัครใจ ยึดอำนาจกษัตริย์เป็นศูนย์กลาง แล้วตามมาด้วยการสถาปนาศาสนจักรธรรมชาติขึ้นเพื่อเคารพบูชาต้นไม้โลก จนหล่อหลอมเป็นอารยธรรมเอลฟ์ที่รู้จักกันจนถึงทุกวันนี้
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
ศาสนาที่มีเทพเป็นประมุข กับอำนาจกษัตริย์จากตัวตนในโลกสามัญ เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันโดยเนื้อแท้ มักกดดันถ่วงดุลซึ่งกันและกันเสมอ
อีฟในอดีต อาจไม่เคยพินิจลึกซึ้งถึงจุดนี้มาก่อน แต่เมื่อมองจากมุมเทพแล้ว ระบบรัฐศาสนาย่อมเหมาะสมที่สุด
แน่นอนว่า เรื่องนี้หาใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายนัก เช่นในโลกมนุษย์ ที่มีเทพมากมาย ศาสนาหลากหลาย แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อเกิดรัฐศาสนาแบบเบ็ดเสร็จทั้งเผ่า หากจะมีก็เพียงแค่ประเทศเล็ก ๆ แห่งใดแห่งหนึ่งเท่านั้น
แต่เอลฟ์นั้นต่างออกไป ทั้งเผ่าล้วนมอบศรัทธาให้เพียงเทพองค์เดียว คือต้นไม้โลก นี่จึงกลายเป็นเงื่อนไขอันสมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับการสถาปนารัฐศาสนาเต็มรูปแบบ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออีฟเชื่อมโยงระบบเกมเข้ากับเครือข่ายแห่งศรัทธาแล้ว รัฐศาสนายิ่งกลายเป็นเครื่องมือควบคุมผู้เล่นที่ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก
แน่นอนว่า เรื่องทั้งหมดนี้ต้องรอจนกว่าโครงสร้างศาสนจักร จะถูกวางรากฐานมั่นคงเสียก่อน จึงค่อยดำเนินการขั้นต่อไป
เมื่อนึกถึงจุดนี้ อีฟก็กล่าวสรุป
“เรื่องการสถาปนาอาณาจักร… ยังไม่ต้องเร่งรีบ เราจะค่อย ๆ ดำเนินการปฏิรูปศาสนจักรให้สมบูรณ์เสียก่อน แล้วเมื่อประชากรเพิ่มขึ้นมากพอ ค่อยภาวนาขอรับวิวรณ์จากองค์เทพธิดาในภายหลัง…”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: โห… นี่มันเริ่มวางโครงสร้างรัฐศาสนาแบบเต็มระบบแล้วสิคะ! เหลือแค่กดปุ่ม “ก่อตั้งประเทศ” ได้เลย 😏✨
ลิลี่: ต้นหอมบางคนก็นะ… ไปปอกเสื้อดวอร์ฟไม่พอ ยังจะไปเลี้ยงธรันดูอิลแบบผิด ๆ อีก 😹 สงสารพี่อลิซต้องคอยตามเก็บทุกเรื่องเลย
ถั่ว: หลี่มู่ไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาเหลี่ยมขนาดนี้ แค่อยากทดลองระบบ-สอนให้ทันเล่ห์ แต่อิตาธันดันเก่งเกินไป XD
โนเอล:…แต่ประโยคเรื่อง “ดึงวิญญาณผู้เล่นมาเกิดใหม่ในซากัส” นี่น่าสนใจมากนะคะรุ่นพี่ ☕✨ มันคือโครงสร้างถาวรของของสิ่งที่โลกนี้จะเติบโตไปเรื่อย ๆ ได้ค่ะ
ถั่ว: ดีใจที่โนเอลทักเรื่องนี้นะ ถ้ามองในเชิงระบบก็ถือว่าดีมากค่ะ
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION