“ท่านหัวหน้านักบวช… ท่านกำลังสงสัยในตัวผู้ถูกเลือกหรือ?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างแผ่วเบา คุปเฟอร์จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความลังเล
ผู้นำสูงสุดแห่งศาสนจักรดวอร์ฟส่ายศีรษะช้า ๆ
“หาใช่เช่นนั้น… ข้าเพียงนึกถึงตำนานบางอย่างที่เคยได้ยิน จึงอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้เท่านั้น”
กล่าวจบ เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มือทั้งกุมเหนือไม้เท้าทองคำ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดของศาสนจักร พลางทอดสายตามองไปยังรูปเคารพของเทพแห่งการตีเหล็ก ที่ประดิษฐานอยู่กลางมหาวิหารอันขรึมขลัง ก่อนจะพึมพำราวกับรำลึกถึงบางสิ่ง
“ว่ากันว่า… พวกเขาเป็นกลุ่มที่ทั้งโหดเหี้ยมและเปี่ยมเมตตา ทั้งคลุ้มคลั่งและเคร่งครัดในระเบียบ”
“โหดเหี้ยม? เมตตา? ระเบียบ? คลุ้มคลั่ง?”
คุปเฟอร์ขมวดคิ้วพลางทวนคำอย่างไม่แน่ใจ
“ฟังดูขัดกันนะขอรับ…”
หัวหน้านักบวชหัวเราะเบา ๆ พร้อมปรายตามองเขาอย่างอ่อนโยน
“นั่นสิ แต่เรื่องที่เราสืบทราบจากทั่วดินแดนซากัสก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ… กลุ่มอำนาจน้อยใหญ่ที่เคยสัมผัสกับผู้ถูกเลือกแห่งเผ่าเอลฟ์ ต่างก็มีความเห็นต่อพวกเขาแตกต่างกันไป บางแห่งก็ยกย่อง… บางแห่งกลับมองว่าอันตราย และในบางกรณี ความเห็นเหล่านั้นถึงขั้นขัดแย้งกันอย่างรุนแรง”
เขาหยุดชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ที่น่าประหลาดคือ… มนตราตรวจสอบทุกแขนง ล้วนไร้ผลกับพวกเขา เจ้าจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าแท้จริงแล้ว พวกเขาคิดสิ่งใดอยู่ในใจ”
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกัน นั่นคือ… กองทัพผู้ถูกเลือก คือหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินซากัสในเวลานี้”
“ดินแดนเบื้องบน กับโลกใต้พิภพ ล้วนเล่าตรงกันว่า พวกเขาดุจเปลวเพลิงกลางผืนป่าที่เผาผลาญทุกสิ่ง หรือไม่ก็เหมือนฝูงอสูรกายที่ผุดจากหายนะ กลืนกินศัตรูอย่างไร้ปรานี”
คุปเฟอร์กลืนน้ำลาย พลางเบิกตากว้าง
“ถึงขั้นนั้นเลยหรือ…”
“ใช่ ข้าจึงให้ความสนใจพวกเขาไม่น้อย… และแน่นอน สนใจเทพธิดาแห่งชีวิตที่พวกเขานับถือด้วย”
หัวหน้านักบวชหยุดไปเล็กน้อย คล้ายมีนัยลึกซ่อนอยู่ในสายตา
“รวมถึงข่าวลือบางอย่าง… ที่ระดับสูงในศาสนจักรของเราพูดถึงด้วย”
คุปเฟอร์เลิกคิ้ว รำพึงในใจถึงคำพูดที่เคยได้ยินจากคนในราชสำนัก…
เทพธิดาแห่งชีวิต อาจมิได้มีสภาพจิตใจปกตินัก
แม้การวิจารณ์เทพอย่างลับหลังจะเป็นสิ่งต้องห้ามในหมู่ผู้มีศรัทธา แต่ด้วยความย้อนแย้งของเหล่าสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา ยิ่งเป็นสิ่งต้องห้าม ก็ยิ่งล่อให้ใครต่อใครแอบล้ำเส้นด้วยความใคร่รู้
โดยเฉพาะเรื่องของเทพ… ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใด ต่างก็ยากจะต้านความอยากรู้อยากเห็น
ข่าวลือที่เกี่ยวกับเทพ จึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในตลาดมืด โดยเฉพาะในหมู่ผู้ไร้ศรัทธาที่แสวงหาเรื่องราวชวนหัวมากกว่าความศักดิ์สิทธิ์
แน่นอนว่าการลบหลู่โดยเจตนา นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง
เมื่อกล่าวจบ หัวหน้านักบวชก็ยื่นมือไปรับรูปเคารพของเทพธิดาแห่งชีวิต ที่คุปเฟอร์นำมาส่งมอบ ก่อนจะวางไว้ที่แท่นบูชาภายในมหาวิหาร และทำพิธีถวายตามธรรมเนียมของเผ่าเอลฟ์
จากนั้น เขาก็เอ่ยถามขึ้นเรียบ ๆ
“เผ่าเอลฟ์แจ้งกำหนดการอัญเชิญมาหรือยัง?”
“แจ้งมาแล้วครับ อีกสองวัน”
คุปเฟอร์ตอบ
“สองวัน…”
หัวหน้านักบวชหลับตานิ่ง ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันไปสั่งนักบวชข้างกายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แจ้งต่อองค์ราชา ให้ระดมหินเวทมนตร์ให้ได้มากที่สุดภายในสองวันนี้ โดยเฉพาะหินคุณภาพสูง”
นักบวชผู้นั้นโค้งศีรษะรับคำ แล้วค่อย ๆ ถอยออกจากห้องอย่างเงียบงัน
“หินเวทมนตร์หรือ?”
คุปเฟอร์เลิกคิ้วขึ้น พลางกล่าวถาม
“ข้าตรวจสอบแล้ว รูปเคารพนี้สามารถอัญเชิญกองทัพผู้ถูกเลือกได้โดยตรง แต่ค่าตอบแทนคือพลังเวท ยิ่งพลังเวทสูงเท่าไร กองทัพที่ปรากฏก็จะยิ่งทรงพลังมากเท่านั้น”
เมื่อหัวหน้านักบวชกล่าวจบ สีหน้าของเขาก็กลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง
“ไปพักผ่อนเสียเถอะ พรุ่งนี้เจ้าจะต้องมุ่งหน้าไปยังดินแดนต้องผนึกอีกครั้ง… อีกสองวัน เราจะทำพิธีอัญเชิญอย่างเป็นทางการ!”
คุปเฟอร์ขยับตัว ยืดอกเต็มที่ แล้วขานรับด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“รับทราบขอรับ ท่านหัวหน้านักบวชสูงสุด”
…
เมื่อก้าวออกจากมหาวิหารกลางของอาณาจักร คุปเฟอร์ก็ถอนหายใจยาว
ยามนี้ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟอเออร์ชตาล เมืองหลวงแห่งดวอร์ฟที่ตั้งอยู่กลางแนวเขาสูงชัน กำลังถูกอาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์ยามอัสดงเป็นสีทองอมแดง
นครแห่งนี้ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคอารยธรรมสีเงิน สถาปัตยกรรมดั้งเดิมยังคงสืบสานไว้ครบถ้วน ทั้งเสาหินแกะสลักอันหยาบแกร่ง พระราชวังที่ฝังแน่นด้วยคราบแห่งกาลเวลา ทุกมุมล้วนเป็นภาพสะท้อนความทรงจำ
ครั้งหนึ่ง… ที่นี่เคยเป็นหัวใจเศรษฐกิจของซีกใต้ทวีปซากัส แต่ปัจจุบัน กลับกลายเป็นนครหลวงของอาณาจักรที่โลกภายนอกเริ่มหลงลืม
ถนนหนทางเงียบเหงา มีผู้คนเดินผ่านไปมาเพียงบางตา สายตาของคุปเฟอร์เลือนรางไปเล็กน้อย
เขามีอายุกว่าร้อยสามสิบปีแล้ว แม้ยังห่างไกลจากความตายในฐานะตำนานของเผ่าดวอร์ฟ แต่ในหมู่ชนเผ่าที่มีอายุขัยโดยเฉลี่ยเพียงร้อยปี… เขาก็เป็นผู้เฒ่าอย่างเต็มตัว
ในความทรงจำของเขา เฟอเออร์ชตาลเมื่อร้อยปีก่อนยังคึกคัก เต็มไปด้วยงานเฉลิมฉลอง ผู้คนออกมาร้องรำทำเพลง ดื่มกินกันตามถนนสายหลักจนดึกดื่น
ทว่าทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป… นับตั้งแต่ผนึกที่จองจำเทพมารบัลร็อกเริ่มอ่อนแรง
เวลานั้นคือเมื่อสิบกว่าปีก่อน หรืออาจหลายสิบปีแล้ว เขาเองก็ไม่แน่ใจ
เขารู้เพียงว่า ผนึกนั้นเริ่มเสื่อมถอยลงอย่างช้า ๆ มานานแล้ว คล้ายกับกบที่ถูกต้มในน้ำอุ่น ไม่ทันตระหนักถึงอันตรายที่คืบคลาน
แต่ในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา พลังเวทของโลกซากัสได้พุ่งทะยานจนผิดธรรมชาติ
การล่มสลายของผนึก จึงมิใช่เพียงแค่สัญญาณเตือน แต่เป็นดั่งคลื่นน้ำเดือดที่เอ่อล้นขึ้นท่วมอาณาจักรดวอร์ฟโดยตรง
เพื่อนในวัยเยาว์ของเขาหลายคนล้วนแก่ชราลงทีละน้อย แล้วจากโลกนี้ไปตามครรลองแห่งกาลเวลา ศิษย์และผู้สืบทอดจำนวนมาก ต่างก็ล้มตายไปทีละคนในดินแดนต้องผนึก
สุดท้ายแล้ว ก็เหลือเพียงเขา คุปเฟอร์ บุคคลสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่จากห้วงเวลานั้น
คนรอบข้างที่ค่อย ๆ ลาจาก ล้วนเป็นประจักษ์พยานของความเสื่อมถอยในอาณาจักรดวอร์ฟ เช่นเดียวกับนครหลวงเฟอเออร์ชตาล ที่เคยเปี่ยมชีวิตชีวา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นเงาสะท้อนของความร่วงโรยที่กัดกินอย่างรวดเร็ว
เมื่ออาณาจักรซึ่งอ่อนแรงอยู่แล้วต้องทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อรักษาผนึกให้มั่นคง การถดถอยก็ยิ่งเร่งตัวราวกับเปลวเพลิงในปล่องลม และในตอนนี้ ผนึกก็แทบจะพังลงได้ทุกเมื่อ
คุปเฟอร์ส่ายศีรษะเบา ๆ ราวต้องการสลัดความเศร้าทิ้ง แทนที่จะมุ่งหน้าไปพักผ่อนตามคำสั่ง เขากลับสูดลมหายใจลึก แล้วก้าวเดินต่อไป
ปลายทางของเขา… คือดินแดนผนึก
พื้นที่ต้องห้ามนี้ตั้งอยู่ใต้เทือกเขาทางตอนใต้ ลึกลงไปภายในเหมืองเก่าแก่ที่เผ่าดวอร์ฟเคยใช้ขุดแร่
ที่นั่น เคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้พิภพ แต่หลังเทพมารบัลร็อกร่วงหล่นลง พลังของเขาก็แพร่กระจายจนทำลายสมดุลทุกสิ่ง ดวอร์ฟจึงต้องร่วมมือกับเทพแห่งการตีเหล็ก ดอลฟต์ เพื่อสะกดพลังนั้นไว้ แปรพื้นที่แห่งหายนะให้กลายเป็นดินแดนต้องผนึก
เมื่อคุปเฟอร์เข้าสู่เหมืองใต้ดิน จำนวนดวอร์ฟรอบข้างก็ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น พวกเขาคือทหารแนวหน้า ผู้ต่อสู้กับปีศาจที่หลุดรอดจากผนึก
แต่หากเพ่งพินิจดูดี ๆ จะเห็นว่าในหมู่พวกเขา มีผู้สูงวัย เด็ก และสตรีอยู่ไม่น้อย หลายคนเคยเป็นเพียงชาวเฟอเออร์ชตาลเมื่อไม่กี่เดือนก่อน พวกเขาไม่ควรต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้ แต่เมื่อผนึกเริ่มอ่อนแรง ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก
นี่คือภาพของเผ่าพันธุ์ที่กำลังถดถอย เผ่าที่จำต้องพึ่งพาแรงทั้งหมด ที่ยังพอมีหลงเหลือ
เหล่านักรบดวอร์ฟนั่งอยู่สองฟากของเหมือง บ้างหลับตานิ่งเพื่อพัก บ้างดื่มเมรัยเพื่อปลดเปลื้องความเคร่งเครียด ในอากาศมีเพียงความเงียบหนาหนัก และเสียงหายใจแผ่วเบา
นี่คือช่วงพัก ปีศาจจากดินแดนต้องผนึกจะปรากฏเป็นระลอก ๆ และช่วงเวลาระหว่างนั้นคือโอกาสเดียวที่เหล่านักรบจะได้ฟื้นแรง
ไม่มีบทสนทนา ไม่มีเสียงพูดคุย บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และแววตาอันชาชินจากการเฝ้ามองเพื่อนพ้องล้มตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ที่น่าขมขื่นยิ่งกว่าก็คือ แม้จะแลกมาด้วยเลือดและชีวิต แต่ผนึกกลับอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
ในสถานการณ์ที่แสนอึดอัดเช่นนี้ การที่พวกเขายังสามารถรักษาระเบียบและหน้าที่ไว้ได้ ก็คือบทพิสูจน์ถึงหัวใจอันแข็งแกร่งของเผ่าดวอร์ฟ
แต่ถึงอย่างนั้น…
…นี่ก็คงเป็นขีดสุดแล้ว
หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก คุปเฟอร์ไม่สงสัยเลยว่า ไม่เกินหนึ่งเดือนนับจากนี้ เทพมารบัลร็อกจะต้องหลุดพ้นจากพันธนาการ
และเมื่อถึงวันนั้น หายนะจะปะทุสู่อาณาจักรดวอร์ฟโดยตรง
แม้เผ่าพันธุ์อาจไม่สูญสิ้นโดยสิ้นเชิง แต่ราชอาณาจักรที่ดำรงอยู่มานับพันปี คงต้องกลายเป็นเพียงตำนานในหน้ากระดาษเก่า ๆ
เหล่าดวอร์ฟจะต้องละทิ้งบ้านเกิดสุดท้าย ย้ายถิ่นฐาน ยอมรับโชคชะตา และหลอมรวมเข้ากับเผ่าอื่น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือเผ่าใต้พิภพ
และศรัทธาอันยาวนานที่มีต่อเทพแห่งการตีเหล็ก ดอลฟต์ ก็อาจถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง
ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดที่ปรารถนาจะกลายเป็นผู้พลัดถิ่น แม้แต่ดวอร์ฟ ผู้ซึ่งฝีมือการตีเหล็กเป็นที่ต้องการของทุกเผ่า
เสียงฝีเท้าของคุปเฟอร์ดังก้องในเหมือง และเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น สายตานับไม่ถ้วนก็หันมามอง
พวกเขาจับจ้องเขาอย่างเงียบงัน ก่อนที่แววตาจะค่อย ๆ ฉายประกายบางอย่างออกมา
“ท่านคุปเฟอร์!”
“ท่านกลับมาแล้ว!”
“มีข่าวว่าท่านออกไปขอความช่วยเหลือ จริงหรือครับ!? ผลเป็นยังไงบ้าง!?”
เสียงเอ่ยถามดังขึ้นรอบทิศ เต็มไปด้วยความเคารพและความหวัง
สำหรับพวกเขา คุปเฟอร์คือวีรบุรุษ ตำนานของอาณาจักรดวอร์ฟ อัศวินแห่งนภาผู้เคยต่อสู้กับปีศาจในดินแดนต้องผนึกมาเนิ่นนาน
เมื่อเขาได้รับคำสั่งจากหัวหน้านักบวชให้เดินทางไปภายนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปในหมู่นักรบทันที
ท่ามกลางสายตาที่เปี่ยมความหวังเหล่านั้น แววตาของคุปเฟอร์ก็สั่นไหวเล็กน้อย เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยิ้ม และตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่ต้องกังวล… เพราะพระบัญชาแห่งองค์เทพ เราได้พบพันธมิตรที่แข็งแกร่งแล้ว”
“อีกสองวัน พวกเขาจะมาถึง และเมื่อถึงวันนั้น พวกเราจะไม่ต้องยืนหยัดเพียงลำพัง”
“ความชั่วร้ายไม่มีวันชนะเหนือความยุติธรรม ผู้ที่คว้าชัยในท้ายที่สุด จะต้องเป็นพวกเรา!”
น้ำเสียงของเขาแกร่งกล้า เปี่ยมด้วยศรัทธา
เมื่อถ้อยคำดังกล่าวถูกเปล่งออกมา แววตาของดวอร์ฟทั้งเหมืองก็สว่างวาบ เสียงโห่ร้องแห่งความยินดีระเบิดขึ้นทันที ราวกับแสงสุดท้ายของเปลวไฟในคืนอันมืดมน
คุปเฟอร์ยิ้มบาง พลางคิดอยู่ในใจอย่างเงียบงัน
ท่านเอลฟ์ทั้งหลาย…
โปรดอย่าทำให้พวกเขาผิดหวังเลย…
และในวินาทีนั้นเอง ความลังเลบางอย่างก็พลันแทรกซึมเข้าสู่หัวใจของเขา
…
“มะลิ! มะลิ! เห็นประกาศใหม่หรือยัง!? แพทช์ใหม่กำลังจะมาแล้ว! ระบบอัญเชิญกำลังรบจะเปิดใช้งานแล้ว!”
เสียงตื่นเต้นของชายหนุ่มในชุดนักบวชดังลั่นขึ้น ขณะที่เขาผลักประตูห้องพักในโรงแรมกลางนครวินเทอร์เฟลเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน
ภายในห้อง นักรบสาวเอลฟ์ผมแดงในชุดเกราะเงินกำลังนั่งขัดดาบยาวด้วยสมาธิแน่วแน่ เธอเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่งแล้วพยักหน้าให้
“เห็นแล้วล่ะ กำลังจะบอกนายพอดี”
เธอคือมะลิใต้จันทร์ ผู้ติดอันดับหนึ่งในห้าของกระดานจัดอันดับพลังรบรวม เป็นยอดฝีมือชื่อกระฉ่อนจากทั้งหน้าตา ทักษะ และความบ้าเลือดอันเป็นเอกลักษณ์
มะลิใต้จันทร์ไต่ระดับถึงเลเวล 50 มานาน เช่นเดียวกับผู้เล่นโชคดีอีกไม่กี่คนที่ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับเงินตั้งแต่ช่วงต้นเกม ซึ่งถือเป็นขีดสูงสุดของเวอร์ชันปัจจุบัน
ส่วนซีซาร์ นักบวชหนุ่มผู้เป็นคู่หูในเกมของเธอ แม้จะยังอยู่ที่เลเวล 40 แต่ก็บรรลุระดับ 40 ทั้งในสายอาชีพนักบวชและดรูอิด เหลือเพียงแค่การเลื่อนขั้นเป็นระดับเงินเท่านั้น
นักบวช เป็นอาชีพพิเศษที่สามารถเลือกอาชีพรองได้ และเลเวลของอาชีพรองจะถูกนับแยกจากอาชีพหลักโดยสมบูรณ์
แม้จะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในระบบเกม แต่การได้ทักษะเพิ่มนิดหน่อย หรือมีพลังเวทเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย ก็เพียงพอจะทำให้ผู้เล่นทั่วไปตื่นเต้นกันแล้ว
ยิ่งในช่วงที่ไม่สามารถเก็บเลเวลต่อได้ การได้อาชีพรองคือความก้าวหน้าเพียงหยิบมือที่ยังเหลือให้เริ่มทำ
แต่แน่นอน… การเลื่อนขั้นของนักบวชไม่ใช่เรื่องง่าย กฎเกณฑ์เข้มงวดจนน่าหนักใจ กระทั่งมะลิใต้จันทร์เอง แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับต้น ๆ ก็ยังล้มเหลวอยู่หลายครั้ง จนเลิกหวังกับการเพิ่มอาชีพรองไปแล้ว
“เธอลงทะเบียนหรือยัง? ถ้ายัง… มาด้วยกันไหม? พวกในกิลด์กำลังจะเดินทางไปแซนด์สตอร์มกันครับ”
ซีซาร์เอ่ยพลางยิ้มอย่างกระตือรือร้น
“ต้องไปหาธรันดูอิลใช่ไหม?”
มะลิใต้จันทร์ถาม
“ใช่เลย แค่เริ่มลงทะเบียนกับเขา แล้วเลือกเข้าร่วมภารกิจผนึก เดี๋ยวถึงเวลาก็จะถูกอัญเชิญโดยตรงเลย”
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ
“รอแปบนะ ขอขัดดาบของตาแก่ให้เสร็จก่อน แล้วจะไปด้วย”
ภารกิจอัญเชิญกำลังรบ ผนึกใต้ราชอาณาจักร ที่เพิ่งประกาศออกมานั้น ได้รับความสนใจอย่างมากในหมู่ผู้เล่น จากข่าวลือว่า ผู้เข้าร่วมอาจได้รับโควตาเลื่อนขั้นเป็นระดับเงิน หรือแม้แต่ตั๋วซ่อมแซมศาสตราเทพที่หาได้ยากยิ่ง
แม้มะลิใต้จันทร์จะไม่จำเป็นต้องไล่ล่าโควตาการเปลี่ยนอาชีพเหมือนซีซาร์ แต่รางวัลหลังกลับเป็นสิ่งที่เธอให้ความสนใจอย่างยิ่ง
ช่วงหลังเธอใช้เวลาแทบทั้งหมดอยู่ในซากอาณาจักรแห่งเทพ แม้จะเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย แต่ผลตอบแทนก็คุ้มค่า
ชื่อเสียงของเธอในหมู่นักผจญภัยเผ่ามนุษย์กำลังพุ่งสูง เพราะเธอคอยไล่ช่วงชิงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ชำรุด มาจากกลุ่มนักผจญภัยผู้โชคร้าย
เกราะเงินที่เธอสวมอยู่นี้ก็เป็นหนึ่งในของรางวัลนั้น มีชื่อว่าเกราะวายุ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับทองขั้นกลาง เคยอยู่บนร่างของตัวตนระดับสูงผู้หนึ่ง และเป็นอุปกรณ์ของเผ่าเอลฟ์โดยเฉพาะ
แม้จะไม่ได้อยู่ในอันดับต้นของบรรดาอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นของล้ำค่าที่ผู้เล่นหลายคนใฝ่ฝัน
และแน่นอน เธอไม่ได้เก็บมันมา แต่เธอ แย่ง มา เพราะแบบนี้มันเร้าใจกว่าเยอะ…
…
ภารกิจที่เปิดให้ลงทะเบียนในครั้งนี้ จำกัดเลเวลขั้นต่ำไว้ที่ 40
หลังจัดการธุระเสร็จเรียบร้อย มะลิใต้จันทร์กับซีซาร์จึงเดินทางร่วมกับสมาคม มุ่งหน้าสู่เมืองแซนด์สตอร์มเพื่อรับภารกิจจากธรันดูอิล
“เอาจริงดิ… มี NPC ให้รับเควสแค่คนเดียวอีกแล้วเหรอ… ไม่รู้รอบนี้จะต้องต่อคิวนานแค่ไหน ได้ยินว่าพวกกิลด์ใหญ่ ๆ แห่กันก่อนเราหมดแล้ว”
ซีซาร์บ่นพลางเปิดหน้าต่างภารกิจ ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงเวทเคลื่อนย้ายด้วยสีหน้ากังวล ไม่มีอะไรน่าหวั่นใจเท่าภารกิจยอดนิยม ที่ดันต้องมาเข้าคิวรับเควสอีกแล้ว โดยเฉพาะในยุคที่จำนวนผู้เล่นขยายตัวเร็ว ราวกับต้นหอมในวันหลังฝนกระหน่ำ
ภารกิจที่ทั้งเซิร์ฟให้ความสนใจเช่นนี้ มักเกิดภาพความวุ่นวายจน NPC ถึงขั้นล้มพับ หรือถูกผู้เล่นเบียดจนหล่นจากแมพ ในกรณีที่เป็นที่สูง… แม้มันจะน่าขันสำหรับผู้ที่ไม่ใช่เหยื่อ แต่มันก็สะท้อนความจริงของโลกแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน
ทว่า มะลิใต้จันทร์กลับส่ายหน้า…
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเป็นธรันดูอิลล่ะก็… คงไม่ถึงกับโกลาหลขนาดนั้นหรอก”
“หือ? ทำไมล่ะ?”
ซีซาร์ถามพลางขมวดคิ้ว
หญิงสาวเพียงยิ้มบาง ๆ พร้อมกับตอบกลับ
“ไว้นายเห็นก็จะเข้าใจเอง…”
คำตอบคลุมเครือจนซีซาร์ได้แต่เกาหัวงุนงง
…
เครือข่ายวงเวทเคลื่อนย้ายทำงานได้อย่างราบรื่น ทั้งสองเดินทางจากวินเทอร์เฟล ไปยังเมืองแห่งผู้ถูกเลือก จากนั้นต่อไปยังฮิลท็อป ก่อนจะไปถึงแซนด์สตอร์มในที่สุด
และเมื่อซีซาร์ก้าวเข้าสู่จุดลงทะเบียนของเมืองแซนด์สตอร์ม ภาพที่ปรากฏตรงหน้า… ก็ทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง
ธรันดูอิล ไฮเอลฟ์ดั้งเดิมในชุดเรียบหรู กำลังเอนกายนอนสบายอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบกลางจัตุรัส รับลมอย่างผ่อนคลาย ข้างกายมีผู้เล่นหญิงจากสมาคมต่าง ๆ หลายสิบคนช่วยกันดูแลคิวลงทะเบียนอย่างขะมักเขม้น
บางคนถึงกับเป็นตัวท็อปชื่อดังของเซิร์ฟเวอร์
“อย่าเบียดค่ะ อย่าเบียด! เข้ามาทีละคนนะคะ!”
“ใครยังไม่ได้จัดปาร์ตี้ รีบจัดด่วนเลยค่ะ! ถ้าเป็นปาร์ตี้ ให้หัวหน้าลงทะเบียนคนเดียวพอ!”
น้ำเสียงสดใสเริงร่าเต็มไปด้วยพลังงาน ราวกับมีระบบบริการอัตโนมัติระดับมืออาชีพคอยจัดการอยู่
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้เล่นหญิงหน้าตาสะสวยสองคนยืนอยู่ด้านหลังธรันดูอิล กำลังช่วยนวดไหล่ให้เขาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
ซีซาร์ยืนนิ่งงัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง เขาอยากต่อยหน้า NPC ฝ่ายเดียวกันเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ที่ต้องยั้งไว้ก็เพราะว่า… หมัดของเขา คงยังไม่หนักพอ…
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ชุดนี้ล่ะ…✨ ครบเครื่องทั้งสงคราม ศรัทธา ความหวัง และบ้าเลือด! ผู้เฒ่าคุปเฟอร์กลับมาพร้อมรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ จุดชนวนพิธีอัญเชิญกองทัพผู้ถูกเลือกเพื่อป้องกันผนึกเทพมารบัลร็อก!🔥
ลิลี่: ทางฝั่งผู้เล่นก็คึกคักไม่แพ้กันนะ! 💖 แต่แต่แต่~! สิ่งที่เจอที่แซนด์สตอร์มคือ… ธรันดูอิล นอนเอนชิลอยู่กลางจัตุรัส! แถมมีผู้เล่นหญิงทั้งกิลด์ช่วยจัดคิวให้อย่างมือโปร! นี่มันลงทะเบียนหรือฮาเร็มกันแน่คะะะ!? 😹😹😹
โนเอล: ตอนนี้เปรียบเหมือนการเปิดฉากมหาสงคราม ที่โลกแห่งความศรัทธา และโลกแห่งเกมกำลังขยับเข้าหากันค่ะรุ่นพี่…🕯️
มันเดย์: บอกตามตรง… มู้ดหดหู่ของคุปเฟอร์กับบรรยากาศเฟอเออร์ชตาลตอนพระอาทิตย์ตกนี่มันระดับเปิดหนังซึ้งเลยอะ แต่อีกฉากก็ตัดสลับกับ NPC เอลฟ์ฮาเร็มชิลกลางเมืองอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น… นี่มันโลกเดียวกันจริงเรอะ
ถั่ว: ตอนหน้าเริ่มเข้าโซนเนื้อเรื่องตึง ๆ XD
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION