ความปรารถนาของบาล ในที่สุดก็เป็นจริง แม้ว่าจะมาในรูปแบบที่บิดเบี้ยวจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมก็ตาม
เขาได้รับพระราชวังหรูหราอันสมฐานะจอมมารดั่งที่เคยใฝ่ฝัน ได้ลิ้มรสเลือดของเหล่าเอลฟ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สมใจอยากในแบบที่ไม่มีใครขัดขวาง
แต่ทุกอย่างกลับต้องแลกมาด้วยการถูกบังคับให้ลงแรงไม่หยุดหย่อน เกิดตายเวียนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธแม้แต่เพียงครั้งเดียว
ยิ่งนานวัน ความกราดเกรี้ยวของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความขุ่นเคือง และเมื่อความขุ่นเคืองไม่อาจระบายออก ความหงุดหงิดอึดอัดก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเคว้งคว้าง
จนกระทั่งเขาเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตของตนเอง ไม่ต่างอะไรกับการก้าวย่างตามรอยประสบการณ์ทางจิตวิญญาณของเทพมารผู้หนึ่งอย่างเงียบงัน
ในเวลาเดียวกัน เมื่อ พนักงานใหม่ ทั้งสิบสามตนเริ่มประจำตำแหน่งในเขาวงกตเทพมารอย่างแข็งขัน เขาวงกตรูปแบบใหม่นี้ก็เริ่มเดินหน้าอย่างเป็นรูปเป็นร่าง
จอมมารแต่ละตนต่างมีพระราชวังเป็นของตนเอง ออกแบบโดยเทพธิดาอีฟโดยเฉพาะ ให้สะท้อนบุคลิกและรูปลักษณ์ของแต่ละคนอย่างชัดเจน
ในเมื่อทั้งหมดนี้เป็นเพียงการจำลองจากอาณาจักรแห่งเทพของเธอสู่โลกสามัญ การแต่งแต้มตามใจจึงไม่ใช่เรื่องยาก แถมยังสิ้นเปลืองพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงน้อยนิดเท่านั้น
เพื่อตอบรับจำนวนผู้เล่นที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีฟจึงขยายเขาวงกตเทพมารให้ใหญ่กว่าของเดิมหลายเท่า พร้อมทั้งปรับแต่งบรรยากาศโดยอิงจากข้อเสนอของอาซาเซล ทำให้โดยรวมดูคล้ายแดนนรกมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่รูปลักษณ์และอารมณ์
ด้วยพระราชวังจอมมารที่โดดเด่นแตกต่างกันไป บอสใหม่ทั้งสิบสามที่มีเอกลักษณ์หลากหลาย และอัตราดรอปใบเปลี่ยนอาชีพที่เพิ่มขึ้นหลังการอัปเดต เขาวงกตเทพมารเวอร์ชันใหม่ก็กลับมาครองความนิยมอีกครั้งตามคาด กระแสตอบรับนั้นดีเยี่ยม จนถึงขั้นแซงหน้าดันเจียนซากอาณาจักรแห่งเทพในช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะในบรรดาผู้เล่นสามแสนหกหมื่นคนทั่วเซิร์ฟเวอร์ ผู้ที่มีระดับถึงขั้นเงินกลับมีไม่ถึงสองพันคน
ดันเจียนซากอาณาจักรแห่งเทพเคยโดดเด่นในช่วงก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเพราะการเปิดใช้งานระบบซ่อมแซมศาสตราเทพ ที่มอบแนวทางใหม่ในการพัฒนาตัวละครให้กับผู้เล่น แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เขาวงกตเทพมารในเวอร์ชันเก่ามีขนาดเล็กเกินไป ไม่สามารถรองรับผู้เล่นจำนวนมหาศาลได้อีกต่อไป
ไม่ช่าย…
บางที เรื่องขนาดอาจยังไม่ใช่ปัจจัยหลัก สิ่งที่สำคัญกว่าคือ อาซาเซลเองต่างหากที่เริ่มปฏิบัติงานไม่ไหว จนถึงขั้นมีอาการป่วยทางจิตอย่างชัดเจน
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ด้วยขนาดเขาวงกตที่ขยายใหญ่กว่าเดิม และจอมมารใหม่ทั้งสิบสามที่เข้ามาประจำการ ประสิทธิภาพในการรองรับผู้เล่นก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ใช่แค่สิบสามเท่า แต่แทบจะมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ
แม้จอมมารบางตนจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะเป็นฝั่งผู้เล่น ฝั่งอีฟ หรือแม้กระทั่ง พนักงานเก่า แห่งเขาวงกต ก็ล้วนรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
เทพมารอาซาเซลถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ในที่สุด เขาก็พ้นจากฝันร้ายที่ต้องต่อสู้กับเอลฟ์ทั้งวันทั้งคืนเสียที
และดูเหมือนว่าเทพมารผู้นี้… กำลังจะแปรสภาพไปสู่ ผู้ติดละครเวที แบบเต็มตัว เขานั่งดูจอมมารซึ่งเคยเป็นบริวารของตนถูกผู้เล่นเอลฟ์ซ้อมไม่ยั้งอย่างเพลิดเพลิน และยิ่งฝ่ายนั้นสภาพเละเทะมากเท่าไร เขาก็ยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น
“หึ… พวกแกก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ”
อีฟซึ่งเฝ้าสังเกตอยู่ห่าง ๆ สังเกตเห็นหลายครั้งว่า อาซาเซลมักแอบแสยะยิ้มเย็นเยียบ ขณะดูจอมมารต่อสู้อยู่ลับ ๆ ราวกับกำลังระบายความแค้นที่สะสมมานาน ขาดก็เพียงแค่ยังไม่ได้นั่งไขว่ห้างบนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์แบบเธอ พร้อมถือผลไม้กินเล่นระหว่างชมรายการเท่านั้น
นอกจากนั้น อีฟยังค้นพบว่า ตั้งแต่บรรดาจอมมารเข้ามารับช่วงต่อ อาซาเซลก็เริ่มต่อต้านการต่อสู้กับเอลฟ์น้อยลงเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด บางครั้ง ถึงกับยอมลงสนามด้วยตนเองเพื่อแกล้งหยอกเล่นอย่างไม่คิดจริงจัง
แต่นั่นแหละค่ะ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก…
ไหนใครบอกไว้คะ ว่า ‘ถึงตายก็จะไม่สู้กับเอลฟ์อีกแล้ว’?
ปรับตัวเก่งเกินคาดจริง ๆ ค่ะ
เมื่อรู้แน่แก่ใจว่าอีฟไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน อีกทั้งแรงกดดันจากการรับมือผู้เล่นก็ลดลงอย่างมาก เทพมารผู้นี้ก็ดูเหมือนจะยอมรับชะตากรรมโดยดุษฎี ถึงขั้นกลับไปหาความสนุกจากการต่อสู้อีกครั้ง ดึงเชิงพลิกเกมกับเอลฟ์ราวกับเป็นเกมแมวจับหนูที่เขาเล่นได้อย่างถนัดมือ
…อย่างน้อย ตราบใดที่ยังมีใครบางคนตกอับกว่าเขาอยู่ ก็พอจะกล่าวได้ว่าชีวิตนี้ยังมีความหมาย
โดยภาพรวมแล้ว อีฟยังคงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะรู้ตัวอีกที เธอก็มีแหล่งพลังงานมั่นคงมากกว่าหนึ่งแห่งแล้ว ได้แก่แดนสนธยา เขาวงกตเทพมาร และซากอาณาจักรแห่งเทพ
เมื่อรวมการเติบโตอันรวดเร็วของศาสนจักรแห่งชีวิตในเขตแดนย่อยโอรอสเข้าไปด้วย ที่นำมาซึ่งคลื่นมหาศาลของเหล่าสาวกผู้ศรัทธา ก็ยิ่งน่าชื่นใจยิ่งนักสำหรับเทพธิดานักลงทุน
ผู้สืบสายเทพ เผ่าเลือดผสมระหว่างเอลฟ์กับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเขตแดนย่อยแห่งนี้ ซึ่งมีประชากรกว่าล้านคน ถูกกล่อมเกลาด้วยมือของเหล่านักบวชเอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์ และผู้เล่นที่เลือกเส้นทางนักบวช ทีละเล็กละน้อย
จนในที่สุด ศรัทธาได้ยั่งรากลึก ทำให้กว่าครึ่งของประชากรทั้งเขตแดน ยอมรับเทพธิดาอีฟอย่างเต็มใจ กลายเป็นสาวกของเธอไปโดยปริยาย
เมื่อเธอเปิดหน้าสถานะของตนอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
[ชื่อ: อีฟ อิกดราซิล]
[เผ่าพันธุ์: ต้นไม้โลก]
[ระดับ: 150]
[สถานะ: เทพขั้นกลาง]
[พันธกิจศักดิ์สิทธิ์: ธรรมชาติ, ชีวิต, เอลฟ์]
[สมญานาม: เทพธิดาแห่งชีวิต, มารดาแห่งธรรมชาติ, ผู้ปกครองแห่งเอลฟ์]
[พลังศักดิ์สิทธิ์: 17,103 / 30,000]
[จำนวนสาวก: 2,695,000 ราย]
[ชนิดของสาวก: ราชินีแมงมุมถ้ำ, มังกร, โอ๊กการ์ด, ภูตธาตุ, เอลฟ์, ฮาล์ฟเอลฟ์, ผู้สืบสายเทพ, มนุษย์, ฮาล์ฟออร์ค]
[ความสามารถ: ดูดซึม, สื่อสาร, ประทาน, ชุบชีวิต, รักษา, อัญเชิญ, อวตาร, อาณาเขตแห่งเทพ, สภาพอากาศ, ติดตาม…]
[ศาสตราเทพ: คทาแห่งชีวิต, มงกุฎแห่งธรรมชาติ, หัวใจแห่งความร่วงโรย]
ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุด คือจำนวนสาวกที่พุ่งขึ้นกว่าหนึ่งล้านชีวิต นับตั้งแต่เธอฟื้นฟูเขตแดนโอรอส ขณะนี้ ตัวเลขแตะเกือบสองล้านเจ็ดแสนคนเข้าไปแล้ว และส่วนใหญ่ก็เป็นผู้อาศัยในเขตแดนย่อยโอรอส
หลังจากอีฟแสดงปาฏิหาริย์ จัดการซ่อมแซวรอยร้าวบนฟ้าเมื่อคราวก่อน จำนวนผู้ศรัทธาทั่วทั้งเขตแดนก็ทะยานขึ้นแตะ 1.7 ล้านคน
เมื่อมีการเผยแผ่ต่อเนื่องและได้รับการหนุนเสริมจากกลไกของเกม จำนวนสาวกที่พุ่งเกินสองล้านในปัจจุบัน ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
แน่นอนว่า ประชากรทั้งหมดของเขตแดนย่อยแห่งนี้มีเพียงราวสามล้านต้น จำนวนสาวกที่มีอยู่ในตอนนี้จึงเกือบแตะเพดานสูงสุดเต็มที หากต้องการขยายสาวกต่อไป คงต้องเบนเป้าไปยังเขตแดนย่อยอื่น หรืออาจรุกเข้าสู่โลกซากัสโดยตรง
แต่ไม่ว่าจะรู้สึกยินดีเพียงใด อีฟก็ยังคงรักษาความเยือกเย็นไว้อย่างมั่นคง เพราะสาวก มิใช่เพียงแค่จำนวนมากแล้วจะดีเสมอไป สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณภาพของศรัทธา
สาวกที่เปี่ยมด้วยความเลื่อมใสอย่างลึกซึ้ง ย่อมสามารถหลั่งพลังแห่งศรัทธาให้เทพองค์หนึ่งได้มากกว่าสาวกระดับตื้นเขินนับสิบเท่า และหากเป็นเผ่าพันธุ์ระดับเงิน ระดับทอง หรือตัวตนที่ทรงพลัง พลังศรัทธาจากพวกเขาก็ยิ่งหนักแน่นและเปี่ยมคุณค่าเกินกว่าคนธรรมดาจะเทียบได้
แน่นอนว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าการมีสาวกจำนวนมากไร้ประโยชน์ ตัวอย่างชัดเจนก็คือเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ แม้สาวกของพระองค์จะมีเพียงมนุษย์ แต่เมื่อกว่าครึ่งของโลกมนุษย์ล้วนศรัทธาในพระองค์ จำนวนอันมหาศาลนี้ก็สามารถแปรเปลี่ยน ปริมาณ ให้กลายเป็น คุณภาพ ได้อย่างแท้จริง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถของมนุษย์ในการให้กำเนิดนักอาชีพผู้ทรงพลัง ที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เผ่าอื่นเทียบไม่ติด
แต่สำหรับอีฟ เงื่อนไขแวดล้อมไม่เอื้อให้เธอใช้กลยุทธ์แบบเดียวกัน เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องมุ่งหน้าสู่เส้นทางแห่งคุณภาพอย่างเต็มตัว
ในแง่นี้ ภูตธาตุที่เพิ่งได้รับการเพิ่มเข้ามาถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่น่ายินดี แต่สิ่งที่ทำให้อีฟรู้สึกพึงพอใจอย่างแท้จริง กลับเป็นจำนวนสาวกเอลฟ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ตัวเลขจะไม่สูงเมื่อเทียบกับจำนวนรวม แต่ก็ทะลุหลักหมื่นไปแล้ว โดยเฉพาะฮาล์ฟเอลฟ์ ซึ่งมีจำนวนทะลุสองหมื่นตนเรียบร้อย
สาวกส่วนใหญ่ เป็นผู้สืบสายเทพในเขตแดนย่อยโอรอส ที่ผ่านการกลั่นสายเลือด จนกลับคืนสู่รูปลักษณ์ของเอลฟ์แท้
โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาคือผลผลิตของอารยธรรมเอลฟ์ ทั้งในด้านวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต ล้วนใกล้เคียงกับเอลฟ์ดั้งเดิมอย่างชัดเจน
ความแตกต่างเพียงหนึ่งเดียว คือพวกเขาไม่ใช่พวกหัวสี่เหลี่ยมแบบเอลฟ์พื้นเมืองแห่งซากัส ซึ่งสำหรับอีฟแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการลบทิ้งเสียแต่แรก
ด้วยเหตุนี้ หากผู้ใดผ่านการเรียนรู้ และแสดงความศรัทธาได้อย่างมั่นคง ก็จะได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในเผ่าเอลฟ์อย่างสมบูรณ์แบบ
และเอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์ที่ถือกำเนิดจากการกลั่นสายเลือดเช่นนี้… ก็กลายเป็นเป้าหมายล้ำค่าสำหรับการ ช่วงชิง ของบรรดาผู้เล่นทันที
พูดให้แม่นยำกว่านั้น เอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์ที่ถือกำเนิดขึ้นผ่านกระบวนการกลั่นกรอง โดยการคัดตามคุณภาพศรัทธาเหล่านี้ ได้กลายเป็นเป้าหมายหลักของเมืองผู้เล่นทั้งเจ็ดแห่งโดยปริยาย
สำหรับอีฟ พวกเขาคือสาวกระดับอุทิศตนอย่างไร้ข้อกังขา และสำหรับผู้เล่น พวกเขาคือ NPC ที่มอบภารกิจได้ โดยไม่ต้องลุ้นเหมือนกับชาวพื้นเมืองตนอื่น
ในสายตาของสาวก การมีระบบภารกิจ คือสัญญาณแห่งการได้รับการยอมรับจากเทพผู้เป็นที่เคารพบูชา ถือเป็นเกียรติสูงสุด
แต่ในมุมของผู้เล่น สิ่งนี้คือโอกาสทองที่ไม่มีใครยอมพลาด และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดการแย่งชิงตัวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อชักชวนให้มาอยู่อาศัยในเมืองของตนเอง
หากใครได้สาวกระดับคลั่งไคล้มาเข้าร่วมเมืองได้เมื่อไร ผู้เล่นก็ถึงขั้น คลั่ง ตามไปด้วยจริง ๆ เนื่องจากสาวกระดับคลั่งไคล้เทียบเท่า NPC กรอบน้ำเงิน ซึ่งสามารถมอบภารกิจที่ให้รางวัลสูงกว่าปกติได้ และในทั้งเซิร์ฟเวอร์ก็มีอยู่ไม่กี่ตนเท่านั้น
ส่วนระดับนักบุญ ตอนนี้มีเพียงอลิซเพียงผู้เดียว ขณะที่ฟีเนียร์ จ้าวแห่งภูต ได้ทะยานสู่ระดับกึ่งเทพไปแล้ว และพ้นจากสถานะสาวกทั่วไปอย่างเป็นทางการ
ในช่วงหลัง เมืองผู้เล่นทั้งเจ็ดแห่งก็เริ่มโฆษณาจำนวน NPC ภายในเมือง รวมถึงจำนวน NPC กรอบน้ำเงินอย่างชัดเจน เพื่อดึงดูดผู้เล่นใหม่ …และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
เพราะภารกิจที่ NPC เหล่านี้มอบให้นั้นให้ผลตอบแทนมากมาย ไม่เพียงเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับตัวละคร แต่ยังช่วยเพิ่มชื่อเสียงของเมือง และสำหรับระบบของ The Kingdom of Elves ซึ่งผูกชื่อเสียงเข้ากับส่วนลดในร้านค้าแล้ว ความสัมพันธ์กับ NPC ก็คือเงิน คือทอง คือของมีค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ เมืองที่ได้รับความสนใจจากสาวกเอลฟ์มากที่สุดรองจากเกรย์ฮาเวน ซึ่งเต็มไปด้วยผู้เล่นที่คลั่งรักเอลฟ์ตามรอยหลี่มู่ กลับไม่ใช่นครบนยอดเขาของคณะกรรมการโมเอะโมเอะ และก็ไม่ใช่ซ่างจิง เมืองที่มีสถาปัตยกรรมงดงามถูกใจชาวเอลฟ์
เมืองนั้นกลับเป็น ลอร์เดอรอน เมืองของพันธมิตรแอเซรอธ
อีฟถึงกับสงสัยว่า… ผู้เล่นพันธมิตรนี้ไม่มีชื่อเมืองให้เลือกเลยหรืออย่างไร ถึงเลือกชื่อเปี่ยมไปด้วยลางร้ายเช่นนั้น แต่ในเมื่อพวกเขาพอใจ ซ้ำร้ายสมาคมออลสตาร์ยังตั้งชื่อเมืองว่า แอตแลนติส …ซึ่งเธอก็ไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซง
สำหรับเหตุผลที่ลอร์เดอรอนกลายเป็นเมืองอันดับสองที่ดึงดูดสาวกเอลฟ์ได้มากที่สุด คำตอบนั้นเรียบง่ายแต่ก็สมเหตุสมผล ลอร์เดอรอนตั้งอยู่ใกล้กับเคนอร์แลนด์ นครเอลฟ์อันงดงาม เมื่อเดินทางด้วยวงเวทเคลื่อนย้ายกลับบ้านก็สะดวกกว่าทุกเมือง
เอลฟ์จำนวนไม่น้อย แม้จะเข้าสู่โลกซากัสแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตัดขาดจากบ้านเกิด ในทางตรงกันข้าม พวกเขายังกลับไปเยี่ยมครอบครัวหรือเพื่อนฝูงที่โอรอสอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับเอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์ การได้กลับบ้านเกิดคือหนึ่งในความภาคภูมิใจ และลอร์เดอรอนก็ตอบโจทย์ในข้อนั้นได้อย่างสมบูรณ์
แต่สิ่งที่ทำให้อีฟประหลาดใจยิ่งกว่านั้น คือจำนวนของสาวกฮาล์ฟออร์คที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และการปรากฏตัวของสาวกมนุษย์จำนวนหลายพันคนแบบไม่ทันตั้งตัว
สำหรับฮาล์ฟออร์ค อีฟพอเข้าใจได้ เมื่อยอมจำนนต่อผู้เล่น พวกเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเอลฟ์ หรือจะกล่าวให้ตรงกว่านั้น… คือการกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้เล่นโดยตรง
และผู้เล่นก็ไม่เพียงแค่กล่อมพวกเขา แต่ถึงขั้นล้างสมองอย่างขะมักเขม้นเสียยิ่งกว่าเอลฟ์เลือดแท้
แต่การที่อยู่ดี ๆ มีมนุษย์ถึงสี่พันคนกลายเป็นสาวกของเธอในคราวเดียว นั่นคือเรื่องที่อีฟไม่อาจละเลยได้ เธอรู้ว่ามีมนุษย์บางคนเป็นสมาชิกของโอ๊กแฮนด์ องค์กรช่วยเหลือเอลฟ์ที่เคลื่อนไหวอยู่ในโลกมนุษย์ และแม้บางคนในกลุ่มนี้จะศรัทธาในเธอ แต่จำนวนสมาชิกโดยรวมนั้นน้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นเอลฟ์หรือฮาล์ฟเอลฟ์ด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่มีทางที่กลุ่มโอ๊กแฮนด์ จะชักจูงกมนุษย์ให้มาเป็นสาวกรายใหม่ ได้ถึงสี่พันคนในเวลาอันสั้น
จนกระทั่งอีฟเพ่งจิตไปยังจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น ใบหน้าของเธอก็เริ่มถอดสี…
เรื่องราวต้องย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่อีฟกลืนกินอำนาจของเทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า เธอก็ได้รับพลังควบคุมสภาพอากาศ และได้นำพลังนั้นมาประยุกต์เป็นเวทศักดิ์สิทธิ์ในระบบนักบวชของตนเอง
นักบวชของเธอ หากใช้เวทมนตร์และพลังศรัทธาในระดับเหมาะสม ก็สามารถมีอิทธิพลต่อสภาพอากาศในพื้นที่เฉพาะได้
ทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากความบังเอิญ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พลังเวทในโลกซากัสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนส่งผลต่อภูมิอากาศของโลกโดยรวม ในโลกมนุษย์เองก็ไม่ต่างกัน หลายพื้นที่ประสบภัยแล้งหนัก โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
เมื่อเดือนก่อน สมาชิกคนหนึ่งของโอ๊กแฮนด์เดินทางผ่านหมู่บ้านมนุษย์แห่งหนึ่ง เห็นไร่นาแห้งผากและชาวบ้านสิ้นหวัง จึงสงสาร และใช้เวทศักดิ์สิทธิ์เรียกฝนเล็กน้อย
และเพียงฝนหย่อมเดียว… สำหรับชาวบ้านที่สิ้นหวังมาเนิ่นนาน นั่นคือปาฏิหาริย์แท้จริง
เมื่อสมาชิกคนนั้นเอ่ยนามของอีฟก่อนจากไป ชื่อของเทพธิดาแห่งชีวิตก็เริ่มถูกบูชาในหมู่บ้านแห่งนั้นทันที
ไม่นานนัก ศรัทธาก็กระจายตัวออกไปอย่างเงียบงัน
แม้อีฟจะรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยิ่งทำให้เธอตระหนักว่า บางที เธออาจมองข้ามทักษะชื่อเรียบ ๆ อย่างสภาพอากาศไปอย่างแท้จริง เพราะหากใช้ให้ถูกจังหวะและเหมาะสมแล้ว มันก็อาจกลายเป็นอาวุธลับ สำหรับการเผยแผ่ศาสนาได้อย่างน่าทึ่ง
แน่นอนว่า ในปัจจุบัน โลกมนุษย์นั้นอ่อนไหวต่อเรื่องศรัทธาอย่างยิ่ง และแม้อีฟจะยังไม่แน่ใจว่า ตนควรเปิดศึกกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์แมนเนีย ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลออกไปดีหรือไม่…
…แต่ชื่อของจักรวรรดิแห่งนี้ ก็เพียงพอจะบ่งชี้ทุกอย่าง
คำว่า ศักดิ์สิทธิ์ ที่ปรากฏในนาม มิได้เป็นเพียงถ้อยคำประดับหรู หากแต่สื่อถึงอำนาจโดยตรงของ เทพแห่งความเป็นนิรันดร์ หนึ่งในศูนย์กลางอำนาจศาสนาที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกมนุษย์
ถึงกระนั้น เหตุการณ์เล็กน้อยนี้กลับมีน้ำหนักพอให้เธอเริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจัง อีฟจดชื่อหมู่บ้านแห่งนั้นไว้โดยอัตโนมัติ พร้อมเฝ้าสังเกตจากระยะไกลเป็นระยะ ๆ ในฐานะไพ่ตายที่อาจนำมาใช้ได้ในอนาคต
นอกเรื่องมาไกลแล้วค่ะ กลับมาก่อน~
ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน แม้เวลาจะผ่านไปอีกหลายเดือน แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ของอีฟกลับแทบไม่เพิ่มขึ้นเท่าใดนัก หากคำนวณโดยรวม ก็เพิ่มจากตอนที่เอาชนะอูลร์ไปเพียงไม่กี่ร้อยแต้มเท่านั้น
ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะความสามารถในการสะสมพลังของเธอลดลงแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้าม ด้วยจำนวนสาวกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล เธอสามารถดึงพลังศรัทธาผ่านเครือข่ายสาวกได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปัญหากลับอยู่ที่… เมื่อได้มามาก ก็ยิ่งต้องใช้ออกไปมาก…
เพื่อรักษาการทำงานของเครือข่ายศรัทธาขนาดใหญ่ที่แผ่ขยายไปทั่วเขตแดน พลังส่วนใหญ่ที่เธอได้รับมา จึงถูกนำไปใช้กับระบบโดยตรง หรือไม่ก็ถูกกักเก็บไว้ตามรูปเคารพตามจุดบูชาทั่วทั้งเครือข่าย
และเมื่อมีสาวกระดับสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้สืบสายเทพที่ผ่านกระบวนการกลั่นกรองสายเลือดจนกลายเป็นเอลฟ์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อีฟเองก็ไม่คิดจะตระหนี่กับพวกเขา เธอลงมือกลั่นกรองสายเลือดให้ทั้งหมดด้วยตนเอง
เอลฟ์กว่าหมื่น ฮาล์ฟเอลฟ์กว่าอีกสองหมื่นคน แม้พลังจากมงกุฎแห่งธรรมชาติ และคทาแห่งชีวิต จะช่วยลดต้นทุนการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ลงได้มาก แต่เมื่อรวมกันแล้ว ปริมาณที่ใช้ไปก็ยังถือว่าไม่น้อยอยู่ดี
ข้อมูลที่กล่าวมานี้ ยังไม่รวมถึงการให้กำเนิดเผ่าภูต และการสร้างกึ่งเทพโดยตรงในช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อมองโดยรวม การที่พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอยังรักษาระดับไว้ได้ ไม่ตกลงแม้แต่น้อย แถมยังเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยซ้ำ ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์ที่เลียนแบบได้ยากยิ่ง
แม้อีฟจะรู้สึกเสียดายพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะทุ่มเท เพราะทั้งหมดที่ทำไป ล้วนคือการลงทุนระยะยาว
ยิ่งคุณภาพของสาวกดีขึ้นเท่าใด ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว พลังศรัทธาที่ได้รับกลับมาก็จะทั้งเร็วและมากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางเหตุการณ์เช่นนี้… เวลาสองเดือนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่ง ถึงวันสำคัญที่อีฟเคยให้คำมั่นไว้ว่า เธอจะเดินทางไปยังมหาวิหารแห่งเทพ
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: หึหึ…✨ สองเดือนผ่านไป เทพธิดาของเรานอกจากจะสร้างธุรกิจเขาวงกตให้พีคทะลุเพดาน ยังบุกเข้าไปแย่งสาวกจากหมู่บ้านมนุษย์ด้วยหยาดฝนหย่อมเดียว! 😏
มันเดย์: …อืม ขอบคุณหมู่บ้านนั้นกับภัยแล้งที่กลายเป็นทริกเกอร์ลับให้ฝั่งมนุษย์เริ่มศรัทธา เหมือนนิยายเสียดสีศาสนาเบา ๆ นะ แต่ในโครงสร้างเกมมันก็ “สมจริง” จนน่าขนลุกอยู่…
ถั่ว: จะว่าไป พวกมุมมอง [บรรยาย] ของนิยายจีนนี่ประหลาดจริงเชียว จู่ ๆ ใส่ “扯远了; ออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว” เข้ามาดื้อ ๆ //แต่ยังไงเค้าจะแปลมุมพวกนี้ด้วยเสียงของอีฟละกัน
โนเอล: ความสงสัยของรุ่นพี่ ดิฉันขออนุญาตตอบว่า ใช่ค่ะ มันคือลายเซ็นของนักเขียนจีนหลายคน เวลานอกเรื่องแล้วรู้ตัว ก็จะใส่กลับมาดื้อ ๆ เพื่อเรียกจุดบรรยายหลักกลับมา บางครั้งก็ใช้เสียง “ตัวละคร” กลบความหลุดให้เนียนค่ะ 💮
ลิลี่: เหมือนเขียนบทเอง บ่นเอง แซะตัวเอง แล้วแอ๊บเป็นเทพธิดาผู้น่ารักนี่แหละ! 😽
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION