“คนรอบตัวเธอมีแต่คนรีบสร้างครอบครัวกันจังเลยนะ”
ทั้งอิชิดะ และฮายาชิที่แม้จะเลิกกันไปแล้วแต่ก็เคยอยู่ด้วยกันกับคนรัก
เราเพิ่งจะจบมัธยมปลายอายุสิบแปดสิบเก้ากันเอง แต่การที่ไปถึงขั้นแต่งงานอยู่ด้วยกันได้นั้น ทำให้ผมอดมีความรู้สึกอย่างที่พูดออกมาไม่ได้
ถึงแม้ว่าช่วงอายุที่เหมาะสมในการแต่งงานของผู้ชายกับผู้หญิงจะต่างกันบ้าง แต่ของพวกเธอก็ถือว่าเร็วอยู่ดี
“ฉะ ฉันก็ตกใจเหมือนกัน…”
ฮายาชิดูสับสนกับคำพูดของผมเล็กน้อย
เธอเองก็คงจะคิดว่าการแต่งงานตอนอายุสิบแปดสิบเก้านั้นเร็วเกินไป
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะเป็นอิ๊จจัง”
แถมคนที่ตัดสินใจแต่งงานเร็วขนาดนั้นยังเป็นอิชิดะที่ขึ้นชื่อเรื่องความเรียบร้อยสมัยเรียนอีก ยิ่งทำให้ประหลาดใจเป็นพิเศษ
สำหรับผมเองก็เคยมีเรื่องราวกับอิชิดะสมัยมัธยมปลายอยู่บ้าง เลยอดประหลาดใจไม่ได้
“แล้วพ่อแม่เธอว่าไงบ้าง”
“เอ๊ะ? …อ้อ แล้วก็ เขาบอกว่ามีการ์ดเชิญจากอิ๊จจังส่งมาที่บ้านน่ะ”
“การ์ดเชิญอะไร”
“งานแต่งงาน”
อ้อ เข้าใจแล้ว
พอจะเข้าใจเนื้อหาที่แม่ของฮายาชิโทรมาแล้ว
“ไปสิ”
“…อืม”
คำตอบที่ออกมาจากปากของฮายาชิที่ผมนึกว่าจะตอบตกลงทันทีนั้น กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
ฮายาชิที่ทำหน้าครุ่นคิดและกอดอกดูตลกนิดหน่อย ช่างเป็นท่าทางที่ไม่เข้ากับเธอเลย
“เอ๊ะ ไม่ไปเหรอ”
“…อืม”
จะว่าไปแล้ว ยัยนี่ตอนที่ไปเจอเพื่อนสมัยมัธยมปลายครั้งก่อน ท่าทีของเธอดูไม่เต็มใจอย่างมาก ตรงข้ามกับการกระทำของเธอ คนที่อยู่รอบตัวยัยนี่สมัยมัธยมปลายจากมุมมองของคนนอกแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพวกที่อยากจะยืมบารมีของเธอทั้งนั้น
บางทีในสายตาของฮายาชิ อิชิดะอาจจะดูเป็นคนประเภทนั้นก็ได้
ไม่น่าจะใช่
เพราะเมื่อกี้เธอยังบอกว่าอิชิดะใจดีพอๆ กับคาซาฮาระเลยนี่นา ยัยนี่โกหกไม่เป็น ถ้าอย่างนั้นคำพูดนั้นก็หมายความว่าการประเมินอิชิดะในใจของเธอนั้นสูงมาก
“ไปอวยพรการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเพื่อนรักสิ”
“ก็ใช่อยู่หรอกนะ”
ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะไปอวยพรอิชิดะอยู่
แล้วมันติดอะไรกันแน่…?
“ฉันไม่มีชุดไปงานเลี้ยง แล้วค่าซองก็ต้องจ่ายเยอะอยู่… เรื่องเงินในกระเป๋ามัน…”
จะว่าไปแล้ว ยัยนี่ฐานะยากจนเพราะมีเรื่องหลายอย่างนี่นา
“ถ้างั้นฉันให้ยืมเงินก็ได้”
“ไม่เป็นไร ถ้างั้นขอยืมจากพ่อแม่ดีกว่า”
“อ๊ะ อื้ม”
“…แล้วก็ เหตุผลที่ไม่อยากไปที่สุดคือต้องไปเจอคนอื่นสมัยมัธยมปลายนอกจากอิ๊จจังนี่แหละ”
“อ้อ เข้าใจแล้ว”
นั่นสินะ
อย่างที่คิดเมื่อกี้เลย คนที่อยู่รอบตัวยัยนี่สมัยมัธยมปลายส่วนใหญ่เป็นพวกที่แค่อยากจะยืมบารมีของเธอเท่านั้น
การที่จะต้องกลับไปเจอคนพวกนั้นอีกครั้ง หรือเล่าเรื่องราวในปัจจุบันให้ฟัง ฮายาชิคงจะไม่อยากทำ
“…ให้คาซาฮาระช่วยสิ”
“นั่นสินะ อาคาริจะได้รับการ์ดเชิญด้วยรึเปล่านะ”
“ต้องได้อยู่แล้ว ตอนปีสามพวกเธอสามคนก็อยู่ด้วยกันตลอดไม่ใช่เหรอ”
ฮายาชิหรี่ตามองผม
“อะไร”
“ช่างสังเกตดีนะ ก็เพราะมีแฟนอยู่นี่เอง”
ผมหันหน้าไปทางอื่น
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโดนพูดจาประชดประชันเลย
ผมคิดแบบนั้นในใจ
“เดี๋ยวลองโทรหาอาคาริดู”
“ทำเลยๆ”
เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมรู้สึกว่าฮายาชิพยายามจะหลบหน้าคาซาฮาระอยู่ฝ่ายเดียว แต่ช่วงนี้สถานการณ์นั้นดูเหมือนจะคลี่คลายลงแล้ว
เป็นเรื่องที่ดีมาก ผมอยากให้พวกเธอช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการใช้ชีวิตต่อไป
ฮายาชิยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
“อ๊ะ ฮัลโหลอาคาริ? อื้ม จริงๆ แล้วนะ อาจจะรู้แล้วก็ได้ แต่ว่าอิ๊จจังแต่งงานแล้วล่ะ”
ผมหันความสนใจกลับไปที่ทีวี
เสียงเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ที่แนบหูของฮายาชิ เป็นเสียงประหลาดใจของคาซาฮาระ
“เนอะ ตกใจจริงๆ เนอะ… เนอะ… อ่า ไม่รู้ว่าจดทะเบียนสมรสกันเมื่อไหร่นะ แม่ฉันก็ไม่ได้บอกไว้ เดี๋ยวจะลองถามดู… อะไรนะ? อาคาริก็มีคนแบบนั้นแล้วเหรอ? …อ๊ะ เรื่องของฉันไม่ต้องมายุ่งเลย”
ยุคาซาฮาระแล้วก็โดนยุกลับซะเอง
“…โธ่ หยุดนะ หยุดเลย เกลียดอาคาริ… ว้า โกหกน่า อย่าร้องไห้สิ!”
“พวกเธอทำอะไรกันอยู่เนี่ย”
ผมอดที่จะพูดแทรกไม่ได้
เมื่อหันกลับไปก็สบตากับฮายาชิที่แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม
“ขอโทษนะ เพื่อนร่วมห้องของฉันชอบรังแกฉันน่ะ บอกว่าโทรศัพท์ได้แค่วันละหนึ่งชั่วโมง ทั้งๆ ที่ตัวเองน่ะ ต่อให้ฉันจำกัดเวลาทำความสะอาดแค่ไหนก็ไม่ยอมหยุดทำความสะอาดเลยนะ แย่จริงๆ เลย สงสัยต้องไปแจ้งความเรื่องความรุนแรงในครอบครัวกับตำรวจอีกรอบแล้วล่ะมั้ง ชักจะลังเลแล้วสิ”
ยัยนี่ไปพึ่งพาอำนาจรัฐตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
จริงๆ แล้ว ผมไม่เคยห้ามเธอเลยไม่ว่าเธอจะคุยโทรศัพท์นานแค่ไหน และช่วงนี้ก็พยายามจะทำความสะอาดให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงด้วย… มะ แม้ว่าจะมีช่วงต่อเวลาพิเศษบ้างก็เถอะ
“แล้วๆ อิ๊จจังไม่ได้ส่งการ์ดเชิญไปให้อาคาริเหรอ? ไปด้วยกันสิ”
ในที่สุดก็เข้าเรื่องสักที
เมื่อถูกปลดปล่อยจากบรรยากาศที่น่าอึดอัด ผมก็แอบโล่งใจ
“…อื้ม นั่นสินะ ลองถามพ่อแม่ดูนะ งั้นจะรอนะ แล้วเจอกัน”
ในที่สุดฮายาชิก็วางสายจากคาซาฮาระ
ให้ตายสิ พวกผู้หญิงพอรวมตัวกันแล้วน่ารำคาญจริงๆ
ยัยนี่ชอบมาว่าผมเรื่องไม่มีเพื่อนสมัยมัธยมปลายอยู่บ่อยๆ แต่พอคิดดูดีๆ แล้ว สาเหตุทางอ้อมก็คือ… ยัยนี่ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งค์เกลียดผมนี่เอง
คนที่ทำตามผู้นำส่วนใหญ่ก็คงจะประเมินผมในแง่ลบไปด้วย
พอคิดแบบนั้นแล้ว คาซาฮาระกับอิชิดะ… ที่อยู่ข้างๆ ยัยนี่แต่ก็ยังรักษาระยะห่างกับผมได้ในระดับหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นคนแปลกดี
โทรศัพท์ของฮายาชิดังขึ้น
“อ๊ะ อาคาริ? เป็นไงบ้าง? อ๊ะ งั้นเหรอ? แล้วไงต่อ? …งั้นเหรอ ในที่สุดก็โดนชวนสินะ”
ดูเหมือนว่าคาซาฮาระจะได้รับการ์ดเชิญงานแต่งงานด้วย… แค่นี้ฮายาชิก็สามารถไปร่วมอวยพรการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเพื่อนรักได้อย่างสบายใจแล้ว
“…เอ๊ะ?”
พอคิดแบบนั้น ฮายาชิก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เป็นอะไรไป
พอหันกลับไปก็โดนฮายาชิจ้องเขม็ง น่ากลัว
“…อื้ม เข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะลองสอบสวนดู”
…ว้าว
นี่มันเรื่องที่ผมทำพลาดแน่นอนเลย
จากเสียงเย็นชาและท่าทีของฮายาชิ ผมก็รู้ได้ทันที
ขอโทษนะ แต่ผมไม่มีความทรงจำว่าทำอะไรที่ต้องโดนสอบสวนเลยนะ
ฮายาชิวางสายแล้วก็ลงจากเตียงมายืนอยู่ข้างๆ ผม
“อะไร”
“…อาคาริบอกว่าพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน เลยลองโทรหาอิ๊จจังโดยตรง”
“เหรอ”
“แล้วก็โดนชวนว่าให้มานะ”
“ดีแล้วนี่ แค่นี้ก็ให้คาซาฮาระช่วยได้แล้ว คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
ฮายาชิไม่ตอบ
“งั้น ระหว่างที่เธอไม่อยู่บ้านไปงานแต่งงาน ฉันก็จะใช้ชีวิตตามปกติไปนะ ไม่ต้องห่วงเกินไปล่ะ ฉันไม่เป็นไรหรอก สนุกให้เต็มที่นะ”
“…อิ๊จจังบอกกับอาคาริว่า”
“…ว่าอะไร”
“ให้พานายไปงานแต่งงานด้วย”
ผมเบิกตากว้าง
…ทำไม?
เป็นการกลั่นแกล้งงั้นเหรอ?
เหมือนกับคณะกรรมการทำอัลบั้มจบการศึกษา เป็นการกลั่นแกล้งผมงั้นเหรอ?
“เพราะไม่รู้ที่อยู่บ้านนาย เลยบอกที่อยู่นี่ไปแล้วล่ะ น่าจะส่งผ่านอาคาริมาแล้วอีกประมาณสองวันการ์ดเชิญคงจะถึง”
“…เอ๋”
“นายไม่มีอะไรกับอิ๊จจังจริงๆ เหรอ”
สายตาของฮายาชิคมกริบกว่าที่เคยเป็น
ร้ายกาจ
MANGA DISCUSSION