ห้องพักส่วนตัวของดยุกคลาร์กนั้นแม้จะเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรามีระดับ บนผนังมีเหรียญตราและหัวกวางมูสประดับไว้ ส่วนผนังหัวเตียงก็มีหอกสองเล่มไขว้กันแขวนอยู่ ใกล้หน้าต่างมีโต๊ะตัวเล็กกับเก้าอี้สองตัว บนโต๊ะมีกระดานหมากรุกที่ทำจากหินอ่อนและหยก ส่วนชั้นหนังสือมีเพียงหนังสือไม่กี่เล่มเกี่ยวกับการบริหาร ประวัติศาสตร์ และยุทธศาสตร์เท่านั้น ซึ่งสำหรับลิเลียน่าที่เคยชินกับสภาพแวดล้อมที่มีหนังสืออุดมสมบูรณ์แล้ว ก็รู้สึกว่ายังขาดอะไรบางอย่าง
อาจเป็นเพราะข้าวของส่วนตัวส่วนใหญ่ถูกย้ายไปยังคฤหาสน์ในเมืองหลวงแล้ว ภายในห้องที่ถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อยจึงไม่ให้ความรู้สึกของการอยู่อาศัยเลย
(สมกับเป็นท่านพ่อจริงๆ แต่หนังสือเกี่ยวกับการรบนี่ค่อนข้างน่าแปลกใจอยู่นิดหน่อย)
หนังสือด้านการบริหารและประวัติศาสตร์ที่อยู่บนชั้น ส่วนใหญ่ลิเลียน่าก็เคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว สำหรับด้านการบริหาร แม้จะอ่านผ่านๆไปบ้่าง แต่ก็ยังพอจำได้ว่ามีเนื้อหาได้อยู่ ส่วนหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์การรบ เธอก็เคยหยิบมาอ่านเหมือนกัน แต่ที่มันอยู่ในห้องของดยุกนั้นกลับน่าประหลาดใจ เพราะเขาเป็นขุนนางฝ่ายปกครอง ไม่ใช่ทหาร และสำหรับประเทศนี้ความคิดที่ว่าเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้เป็นหน้าที่ของชนชั้นล่างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก
(―เอ๊ะ?)
ลิเลียน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
หนังสือประวัติศาสตร์บนชั้นของดยุกคลาร์กนั้น เป็นชุดที่รวบรวมตั้งแต่ยุคโบราณถึงยุคใกล้ปัจจุบัน แบ่งตามยุคสมัยอย่างละเอียด และเล่มล่าสุดในตอนนี้คือเล่มที่ 56 เนื้อหามีความละเอียด และได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ว่า “เข้าใจยากแต่ซื่อตรง” จุดเด่นคือมีการนำเสนอทั้งประวัติศาสตร์ที่เป็นทางการ ตำนาน และทฤษฎีส่วนน้อย แต่บนชั้นมีเพียง 53 เล่มเท่านั้น
(เล่มที่ขาดไปเป็นช่วงปลายยุคกลางสินะ)
ช่วงปลายยุคกลาง หรือที่เรียกกันว่า 300ปีแห่งความมืด เป็นยุคที่โลกตกอยู่ภายใต้การปกครองของจอมมาร เกิดสงครามไม่สิ้นสุดจากการแย่งชิงอำนาจของรัฐเล็กๆ ความวุ่นวายและการสู้รบไม่รู้จบ แม้จะฟังดูดีเพราะว่าเป็นยุคแห่งวีรบุรุษ แต่ในตอนท้าย หนึ่งในอาณาจักรได้ผงาดขึ้นและปราบประเทศอื่นๆ จนอยู่ภายใต้การปกครองอย่างเข้มงวด ซึ่งก็โหดร้ายและรุนแรงตามแบบฉบับยุคมืด แต่แล้วก็มีสามวีรบุรุษจากสามประเทศที่ลุกขึ้นต่อต้าน ปราบจอมมาร ทำลายระบอบเผด็จการ และสร้างชาติใหม่ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คืออาณาจักรสลิเวอร์เกรดที่ลิเลียน่าอาศัยอยู่ทุกวันนี้
โดยที่วีรบุรุษทั้งสามนั้นก็เป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์และสองในสามตระกูลใหญ่ของดยุก ยกเว้นดยุคคลาร์ก ที่แม้จะไม่มีวีรบุรุษเป็นบรรพบุรุษ แต่ก็มีผู้ที่มีบทบาทรองจากวีรบุรุษ ซึ่งทำให้ตระกูลนี้ยังคงได้รับความเคารพและมีอิทธิพลไม่แพ้กัน ทั้งยังส่งเสริมวัฒนธรรมเฉพาะตัวของอาณาจักร ที่หากมีฝีมือในการรบก็จะได้รับการยอมรับ ซึ่งก็มีที่มาโดยตรงจากประวัติศาสตร์ที่พูดถึงไป
ลิเลียน่าเดินเข้าไปใกล้เตียง จากตรงนั้นสามารถมองเห็นระเบียง และจากระเบียงก็เห็นสวนที่งดงามทอดยาว แล้วสายตาของเธอสะดุดเข้ากับบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
(เอ๊ะ สิ่งนี้มัน…)
ทั้งที่ส่วนอื่นในห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่กลับมีหนังสือสามเล่มที่ควรอยู่บนชั้นถูกวางไว้ตรงนี้ และต่างจากเล่มอื่นๆ ที่ยังดูใหม่ หนังสือสามเล่มนี้มีร่องรอยว่าเคยถูกอ่านมาแล้ว
(เรื่องเล่าของวีรบุรุษ ท่านพ่อชอบเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ)
ภาพของพ่อที่ชื่นชมเรื่องเล่าเกี่ยวกับวีรบุรุษในตำนานมันดูไม่เข้ากันนักจนลิเลียน่าขมวดคิ้วด้วยความสับสน อย่างไรก็ตาม แม้จะคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเธอก็ไม่พบจดหมายลับที่หวังไว้ ลิเลียน่าจึงตัดสินใจไปห้องถัดไป
*****
ห้องถัดไปที่ลิเลียน่าเข้าไปคือห้องของท่านปู่ท่านย่า อดีตดยุกและภรรยาของเขา ทั้งคู่อยู่ที่คฤหาสน์อีกหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้สุดของดินแดน และแทบไม่มาเยือนที่อื่นเลย ลิเลียน่าเองก็แทบไม่เคยเจอหน้าทั้งสองบ่อยนัก แม้แต่ท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายของเธอก็ยังไม่ค่อยได้พบด้วยซ้ำ เป็นเหตุให้ลิเลียน่าแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับทั้งสองเลย อย่างมากก็เพียงแค่เคยได้ยินจากคนรับใช้ว่าทั้งคู่มีนิสัยเข้มงวด และแม้จะมีข่าวลือว่าฟุ่มเฟือยใช้เงินไม่บันยะบันยัง แต่ความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่แน่ชัด
เธอคิดไว้ว่าเพราะพวกเขาแทบไม่มาเยือนคฤหาสน์นี้ จึงไม่น่าจะมีข้าวของส่วนตัวมากนัก ทว่าความคาดหวังก็ถูกหักล้างทันที
(―ของเยอะกว่าห้องของท่านพ่ออีก)
คงเพราะใช้ห้องร่วมกัน ห้องจึงกว้างมากจนดูเหมือนสามารถจัดงานเต้นรำได้เลย สิ่งที่กินพื้นที่มากที่สุดคือหนังสือโบราณซึ่งเป็นของสะสมของท่านปู่ ตามด้วยอัญมณีของท่านย่า เป็นอัญมณีที่ยังไม่ได้ถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับ เพิ่งถูกเจียระไนและขัดเงาเท่านั้น ลิเลียน่าถึงกับรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา
(ที่นี่ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์สักหน่อย ให้ตายสิ)
เพียงแค่ลองจินตนาการถึงมูลค่ารวมของสมบัติเหล่านี้ก็ทำเอาเวียนหัวแล้ว และเพชรที่โดดเด่นที่สุดซึ่งวางอยู่ในจุดที่สะดุดตานั้น ก็เป็นเพชรใสไร้สีไร้ตำหนิที่มีความบริสุทธิ์สูง ขนาดคิดว่าอยู่ที่ประมาณ60กะรัต ระดับสมบัติประจำชาติเลยก็ว่าได้
ถึงแม้จะงดงามและน่าชื่นชม แต่ลิเลียน่าก็ไม่ได้สนใจพวกอัญมณีมากนัก สิ่งที่สะดุดตาเธอกลับเป็นหนังสือโบราณของคุณปู่มากกว่า หนังสือแต่ละเล่มถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ แยกตามยุคและภูมิภาค
(มีข้อมูลประวัติศาสตร์มากมายเลยสินะ ที่เยอะที่สุดก็คือเรื่องเวทมนตร์จากต่างแดน แล้วก็—)
เมื่อเธอไล่ดูหมวดหมู่ไปทีละหัวข้อ ลิเลียน่าก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
(สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆสินะ)
หมวดหมู่ที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดาหนังสือโบราณที่ปู่สะสมไว้ ก็คือเวทมนตร์จากต่างแดน กับประวัติศาสตร์ช่วงปลายยุคกลางนั่นเอง
MANGA DISCUSSION