Translator : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
https://novel.dek-d.com/EidolonPlus/profile/writer/
https://eidolon.readawrite.com
https://www.facebook.com/gazcha
บทที่ 248: ไปสิ องครักษ์รับจ้าง, ตื่นขึ้นเถอะนักผจญภัย
ถึงแม้รูดรา ชายผู้เป็นองครักษ์รับจ้าง จะดูซูบผอมราวกับคนป่วย แต่เมื่อเห็นเขาก้าวลงบันไดได้อย่างมั่นคงไม่โซเซแล้ว ก็คงจะเข้าใจได้ว่าเขายังแข็งแรงดีอยู่
เขาเดินลงบันไดอันมืดสลัวซึ่งทอดไปยังห้องใต้ดินของคฤหาสน์ที่แก๊งโจร หรือควรจะเรียกว่ากลุ่มพ่อค้าทาสใช้เป็นที่กบดาน อย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
จนกระทั่งรูดราเคาะประตูห้องใต้ดิน ก็คงจะไม่มีใครสังเกตเห็นการเข้ามาใกล้ของเขาเป็นแน่
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดัง ก๊อก ก๊อก รูดราก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายของใครบางคนที่กำลังรีบร้อนตรงมาทางนี้จากข้างในห้อง แม้จะมีประตูขวางกั้นอยู่ก็ตาม
“ท่านอาจารย์ มีธุระอันใดรึขอรับ?”
ผู้ที่ออกมาจากประตูคือโรเบิร์ต หัวหน้าผู้ควบคุมกลุ่มนี้ในภาคสนาม
เมื่อมองดูร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่าและเหงื่อท่วมตัวของเขาแล้ว ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาทำอะไรอยู่
ไม่สิ ถึงจะไม่ต้องพยายามคิด เสียงครวญครางอันสับสนของเด็กสาวกับเสียงตวาดของชายฉกรรจ์ที่ดังเล็ดลอดออกมาจากส่วนลึกของห้องนี้ ก็คงจะทำให้ผู้ที่ได้ยินอดที่จะจินตนาการถึงเรื่องลามกอนาจารไปไม่ได้อย่างช่วยไม่ได้อยู่แล้ว
กลิ่นหอมหวานที่ลอยมาแตะจมูกจางๆ นี้—ในเมื่อใช้ยาปลุกกำหนัดที่ผสมเมือกของมอลจูร่าอยู่ด้วยแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดาล่ะก็ ไม่ใช่แค่จินตนาการเท่านั้น แต่ร่างกายก็คงจะเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาด้วยเป็นแน่
แต่ทว่า สำหรับรูดราแล้วดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่น่าใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขายังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาว่างเปล่า แล้วก็เอ่ยข้อความออกมาอย่างเรียบเฉย
“มีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ เตรียมตัวหนีน่าจะดีกว่า”
ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว สีหน้าของโรเบิร์ตก็ปรากฏแววตื่นตระหนกขึ้นมา แต่เขาก็ยังคงควบคุมสติอารมณ์ไว้ได้ แล้วสอบถามรายละเอียดของเรื่องอย่างใจเย็น
“เป็นกองอัศวินของฟาห์เรนหรือสปาด้าเคลื่อนไหวหรือขอรับ?”
“ไม่ใช่ ปฏิกิริยามีสาม น่าจะเป็นนักผจญภัยกระมัง”
โรเบิร์ตที่คาดว่าคงจะเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งด้วยความโล่งอก
“ถ้าคู่ต่อสู้แค่สามคน ไม่จำเป็นต้องหนีเลยไม่ใช่หรือขอรับ?”
“ถ้าเป็นปาร์ตี้ระดับแรงก์ 4 ขึ้นไป ข้าเองก็คงจะทำได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้นแหละ”
ที่สำคัญที่สุดคือ กลุ่มของแซ็คที่ส่งออกไปก่อนหน้านี้ก็ยังไม่กลับมา บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว
ถ้าหากว่าปาร์ตี้สามคนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เป็นผู้ที่จัดการพวกเขาซึ่งมีจำนวนคนพอสมควรได้ล่ะก็ แสดงว่าต้องมีฝีมือที่เหนือกว่าระดับธรรมดาแน่ๆ
“เพื่อความไม่ประมาทสินะขอรับ”
โรเบิร์ตเข้าใจในสิ่งที่รูดราต้องการจะสื่อในทันที อาชีพแบบนี้การหนีเอาตัวรอดนั้นสำคัญที่สุด ไอ้พวกที่ไม่รู้จักประเมินสถานการณ์แล้วก็ถอยไม่เป็นน่ะ กลายเป็นศพอยู่ใต้แท่นประหารไปนานแล้ว
“เข้าใจแล้วขอรับ จะรีบเตรียมตัวเผ่นหนี ท่านอาจารย์ทั้งหลายก็—”
“การ์ดันออกไปแล้ว ข้าเองก็จะมุ่งหน้าไปเดี๋ยวนี้เหมือนกัน ดูเหมือนศัตรูจะเข้ามาใกล้จากทางด้านหลัง ถ้าสู้กันที่หน้าสะพานแขวนล่ะก็ น่าจะถ่วงเวลาให้หนีได้มากพอสมควร”
“ถ้างั้นพวกข้าจะออกไปจากทางด้านหน้า เหะๆ ครั้งนี้ก็ขอรบกวนด้วยนะขอรับ ท่านอาจารย์”
รูดราพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร สะบัดเสื้อโค้ทสีดำที่สวมใส่อยู่ แล้วก็วิ่งขึ้นบันไดไป
แก๊งโจร—ถึงจะอ้างตัวว่าเป็นพ่อค้าทาสก็เถอะ แต่เรียกว่าแก๊งโจรไปเลยก็น่าจะดีอยู่แล้วล่ะนะ รังโจรของพวกมันคือคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่กลางภูเขาสูงชันซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านอิสเคียออกมาเล็กน้อย ว่ากันอย่างนั้น
หลังจากที่รีดข้อมูลโดยคร่าวมาจากแซ็คแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้ามายังรังโจรในทันที
ถามว่าทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ คำตอบนั้นง่ายนิดเดียว ก็แค่พวกเราจะปราบโจรที่เหลืออยู่ก็เท่านั้นเอง
จะว่าไปแล้วแซ็คน่ะปล่อยตัวไปตรงนั้นแล้ว ในเมื่อลิลี่รับประกันว่าไม่เป็นไรแล้ว โอกาสที่เขาจะกลับมาแก้แค้นก็คงจะไม่มี
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะกลับไปใช้ชีวิตนักผจญภัยที่ทำตามกฎระเบียบต่อไปจากนี้
“แล้วเรื่องกรีดกอร์จะทำอย่างไรหรือคะ?”
ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน ฟิโอน่าที่ควบม้าขนาบข้างมาเอ่ยถามขึ้น
“หลังจากจบเรื่องนี้แล้วค่อยไปหาก็แล้วกัน”
จากข้อมูลการพบเห็นแล้ว โอกาสที่มันจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แถวนี้แล้วมันสูงกว่า ตอนนี้ต่อให้รีบร้อนไปวันสองวันก็ใช่ว่าจะหาเจอได้เสมอไปเสียหน่อย เวลามันก็ไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอก
“เดิมทีแล้ว ถ้าหาไม่เจอก็แค่จะไปล่ามอนสเตอร์แถวเนินเขาอิสเคียเพื่อหาเงินทุนเพิ่มเท่านั้นเองอยู่แล้วนี่นา ค่าตอบแทนจากการปราบโจรน่าจะหาเงินได้มากกว่าเสียอีกนะ”
“นั่นสินะคะ เงินรางวัลค่าหัวของฆาตกรคนนั้นก็เป็นจำนวนเงินที่ดีพอสมควรเลยนี่คะ”
เอาเป็นว่า ในฐานะ ‘ปรมาจารย์ธาตุ’ [เอเลเมนท์มาสเตอร์] แล้ว การปราบโจรครั้งนี้ก็ไม่ได้มีใครคัดค้านอะไร ไม่ใช่ว่าผมปล่อยให้ความยุติธรรมมันพลุ่งพล่านแล้วก็ทำอะไรตามใจชอบโดยไม่ปรึกษาใครเสียหน่อยนะ ไม่ใช่เลยจริงๆ
เหตุผลที่ตัดสินใจจะปราบโจรนั้นมีอยู่หลายข้อ ทั้งประเด็นที่ว่ากำลังรบของศัตรูนั้นพวกเราเพียงอย่างเดียวก็สามารถจะจัดการได้อย่างสบายๆ ทั้งประเด็นที่ว่านักเรียนเทพสปาด้าถูกจับตัวไป นี่ก็อย่างที่เพิ่งจะพูดไปเมื่อกี้นี้เลย แต่ประเด็นที่ว่ามันน่าจะหาเงินได้มากกว่าการไปล่ามอนสเตอร์อย่างอิสระนั้นก็ด้วย
ก่อนอื่นเลยสำหรับเหตุผลข้อแรก จากคำพูดของแซ็คแล้ว คนที่ถูกจ้างมาเป็นองครักษ์รับจ้างนั้นมีสามคนรวมทั้งตัวเขาด้วย ที่เหลืออีกสองคนนั้นคนหนึ่งได้ยินมาว่าเป็นนักดาบที่ฝีมือร้ายกาจพอสมควร แต่อีกคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นโกเลมที่ฝีมืออย่างมากก็แค่แรงก์ 3 หรืออาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ
สมาชิกแก๊งโจรคนอื่นๆ ก็มีฝีมือพอๆ กับไอ้พวกที่เพิ่งจะโดนพวกเราสับเป็นชิ้นๆ ไปเมื่อกี้นี้เอง หรือก็คือเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีทั้งเวทมนตร์ทั้งเพลงดาบนั่นเอง
ถ้าคอยระวังแค่นักดาบที่เป็นองครักษ์รับจ้างคนนั้นล่ะก็ การที่จะทลายแก๊งโจรให้พินาศย่อยยับมันก็เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างสบายๆ
เหตุผลข้อที่สอง เรื่องที่นักเรียนเทพสปาด้าถูกจับตัวไปนั้น นี่มันเป็นข้อมูลที่ทำเป็นมองข้ามไปไม่ได้จริงๆ
น้องสาวที่วิลเป็นห่วง ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปปราบโจรแห่งฟาห์เรน หรือก็คือเจ้าหญิงชาร์ล็อต ทริสตัน สปาด้า ลำดับที่สามแห่งสปาด้านั้น โอกาสที่เธอจะถูกโจรจับตัวไปนั้น จะเรียกว่าโชคดีหรือไม่อย่างไรก็ไม่ทราบ แต่มันเป็นศูนย์
ลักษณะของนักเรียนหญิงแห่งสปาด้าที่ได้ยินมาจากแซ็คนั้น ไม่มีอันไหนที่ผมคุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย ไม่ผิดแน่ว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักหน้าตาสำหรับผม
แต่ว่า ในเมื่อรู้แล้วว่านักเรียนเทพเหมือนกันถูกจับตัวไป จะให้ทำเป็นนิ่งเฉยเมินเฉยต่อไปมันก็คงจะทำไม่ได้แล้วล่ะนะ
เหตุผลข้อที่สามก็อย่างที่เล่าให้ฟิโอน่าฟังไปแล้วนั่นแหละ คือเพื่อเงิน และในเมื่อดูท่าทางจะไม่สามารถจะไปเผชิญหน้ากับกรีดกอร์ตามแผนที่วางไว้แต่แรกได้แล้ว การจะเปลี่ยนแผนมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักก็เท่านั้นเอง
ระดับความอันตรายของ ‘เนินเขาอิสเคีย’ คือแรงก์ 3 ถึงจะไปล่ามอนสเตอร์อย่างพวกเซนทอร์หรือแกะเงียบ [ไซเลนท์ชีพ] อะไรทำนองนั้นที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากแถวนั้น ค่าตอบแทนจากการปราบอย่างอิสระมันก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าคงจะได้ไม่มากเท่าไหร่
แล้วก็ ถึงจะไม่ได้พูดออกมาก็จริง แต่ก็ยังมีเหตุผลข้อที่สี่อยู่อีกนะ
“ไอ้พวกที่คิดจะมาแตะต้องลิลี่กับฟิโอน่าน่ะ จะทำให้มันเสียใจจนอยากจะตายไปเลยคอยดู”
“คุณคุโรโนะคะ เสียงมันดังออกมาแล้วนะคะ”
อืม อะไรกันล่ะ ก็ ประมาณว่ามันก็มีความแค้นส่วนตัวอยู่บ้างเหมือนกันนั่นแหละนะ
พอโดนเจ้าตัวทักขึ้นมาแบบนี้ มันก็แอบจะเขินอยู่เหมือนกันนะ
“คุณคุโรโนะคะ”
“อะไรเหรอ?”
“ถ้าพูดว่าอยากจะให้เสียใจจนอยากจะตายแล้วล่ะก็ มันก็ต้องตายอย่างแน่นอนเลยไม่ใช่เหรอคะ”
ไม่สิ ตรงนั้นมันก็ เผื่อว่าอาจจะจับเป็นได้สักสองสามคนไม่ใช่รึไง
“การก่อเหตุเป็นโจรนั้น โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ต้องโทษประหารทั้งนั้นแหละค่ะ ถ้าฆ่าทิ้งไปเสียก่อนมันก็ช่วยประหยัดแรงของอัศวินไปได้ด้วยนะคะ”
ฟิโอน่าพูดออกมาหน้าตาเฉยจนน่ากลัวอยู่หน่อยๆ แฮะ แต่ว่านี่มันก็คงจะเป็นสามัญสำนึกของโลกนี้สินะ
สมัยเอโดะก็เหมือนกัน แค่ขโมยเงินเล็กน้อยก็โดนตัดหัวแล้วนี่นา ความหนักเบาของบทลงโทษมันก็เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละประเทศแต่ละยุคสมัยอยู่แล้วล่ะนะ
“นั่นสินะ ถ้าจับเป็นทั้งหมดแล้วดันมาโดนกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรเสียเองล่ะก็ คงจะไปสู้กับพวกโจรไม่ได้แล้วล่ะนะ”
“เอ๊ะ หรือว่าที่ต่างโลกที่คุณคุโรโนะเคยอยู่น่ะ ถ้าฆ่าโจรแล้วจะถูกเอาผิดงั้นเหรอคะ?”
พวกที่ถูกเรียกว่าโจรอย่างถูกต้องตามกฎหมายน่ะมันไม่มีอยู่หรอกนะ… ก็ ถ้าโต้กลับพวกที่มาปล้นแล้วล่ะก็ ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการป้องกันตัวโดยชอบธรรม ก็อาจจะถูกเอาผิดได้เหมือนกันกระมัง
“อา ก็ประมาณนั้นแหละ”
“อย่างนั้นเหรอคะ… ช่างเป็นโลกที่ลำบากยากเย็นเสียจริงนะคะ”
ฟิโอน่าทำสีหน้าตกใจอย่างสุดซึ้ง อะไรกัน มาเจอเรื่องวัฒนธรรมช็อกในจุดที่ไม่คาดคิดเลยแฮะ
ถึงจะมีการเข้าใจผิดอยู่หลายอย่างก็จริง แต่เรื่องความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับญี่ปุ่นนั้นเอาไว้ค่อยเล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกันนะ
“อีกไม่นานแล้วสินะ สะพานแขวนที่อยู่ด้านหลังน่ะ”
ความได้เปรียบจากการจู่โจมแบบไม่ให้รู้ตัวนั้นอยู่ทางนี้แล้ว การที่จะเสียโอกาสนั้นไปแล้วบุกเข้าไปจากด้านหน้าอย่างเปิดเผยมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แต่ว่า ทางนี้เองก็เป็นการจู่โจมแบบกะทันหันเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้มีการเตรียมการหลอกล่อศัตรูอะไรไว้พร้อมสรรพเสียหน่อยหรอกนะ
“ตื่นได้แล้วลิลลี่ ลงจากม้าได้แล้วนะ”
จากตรงนี้ไปข้างหน้ามันแคบเสียจนม้าไม่สามารถจะผ่านไปได้แล้ว ถ้าเผลอพลาดท่าก้าวผิดไปล่ะก็ คงจะได้ร่วงลงไปก้นเหวแน่ๆ
ก็ ในเมื่อมันเป็นทางลับนี่นา มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วล่ะนะ
“อืม อู—?”
ผมเขย่าตัวลิลี่ที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ข้างหน้าผมปลุกให้ตื่น
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเที่ยงคืนแล้ว ลิลลี่ที่กลับไปอยู่ในสภาพเด็กอีกครั้งก็น่าจะกำลังอยู่ในช่วงเวลาพักผ่อนนอนหลับของเธอ
แต่ว่า ต่อจากนี้ไปจะต้องบุกเข้าไปในรังโจรแล้วนี่นา ต่อให้เป็นลิลี่ก็คงจะต้องทำใจแข็งแล้วปลุกให้ตื่นจนได้สินะ
“เอาล่ะ ตื่นได้แล้วน่า”
“ฟ่าา~”
ผมอุ้มลิลี่ที่ยังคงทำตาปรือๆ เหมือนยังไม่ตื่นดีลงจากหลังม้า
ถึงจะยืนอยู่บนพื้นด้วยขาสองข้างของตัวเองได้ก็จริง แต่ก็ยังคงทำท่าทางเหมือนคนละเมอพันแข้งพันขาผมอยู่เลย ดูแล้วมันน่าเป็นห่วงสุดๆ
“จะให้ดื่มยาโพชั่นปลุกสติหน่อยไหมคะ?”
หรืออาจจะเป็นเพราะทนดูสภาพของลิลี่ไม่ไหว ฟิโอน่าจึงล้วงมือเข้าไปในหมวกแล้วหยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่ง
“ไอ้ที่ให้ไซม่อนดื่มนั่นรึเปล่า…”
“ค่ะ”
การปรุงยาเนี่ยมันช่างสมกับที่เป็นแม่มดจริงๆ แฮะ แต่ว่า การที่เห็นฟิโอน่าทำท่าทางมั่นใจสุดๆ ขนาดนั้นมันกลับทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยแฮะ มันเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ
“เชิญเลยค่ะคุณลิลี่ ดื่มอันนี้เข้าไปรับรองว่าตื่นเต็มตาแน่นอนค่ะ”
“อืม ฟ่าา~ย”
ผมที่กำลังเป็นห่วงอยู่นั้น ลิลลี่ก็รับยาโพชั่นที่ดูน่าสงสัยซึ่งเป็นผลงานของฟิโอน่ามา แล้วก็ดื่มเข้าไปด้วยปากเล็กๆ นั่น—
“อ๊ากกกกกกกกกก แหวะะะะะะะะะะะะะะ!!”
“ลิ…ลิลลี่!?”
ลิลี่น้ำตาคลอหน่วยพ่นยาโพชั่นออกมา ดูเหมือนว่าความกังวลของผมมันจะถูกเผงเลยแฮะ
“ฟิโอน่า! คิดจะฆ่าฉันรึไง!!”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณลิลี่”
ฟิโอน่าพูดออกมาหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกถึงความมุ่งร้ายอะไรเลยแม้แต่น้อย
“มีอะไรจะพูดกับฉันบ้างไหมยะ?”
ลิลี่เช็ดปากพลางจ้องเขม็งมาทางนี้ น่ากลัวสุดๆ เลยแฮะ
“เห็นว่าคุณคุโรโนะกำลังลำบากอยู่ ก็เลยคิดว่ารีบปลุกให้ตื่นจะดีกว่าน่ะค่ะ”
เอ๊ะ ตรงนั้นจะมาโทษผมงั้นเรอะ
“อึ้ก…ช่วยไม่ได้สินะ”
แถมลิลี่ก็ยังยอมรับอีกต่างหาก
“อา อะไรกันล่ะ ก็ ดูเหมือนจะตื่นเต็มตาแล้วสินะลิลลี่”
“ค่ะ ต้องขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
ไม่จำเป็นต้องปลุกให้ตื่นจนกลับมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเลยก็ได้นี่นา ผมไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ
“แต่ว่า มันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยรึไงกันนะเจ้านั่นน่ะ?”
“หยุดนะคุโรโนะ ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ตายแน่ๆ”
ไม่สิ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะดื่มสักหน่อยนี่นา
“เสียมารยาทนะคะ ปรับส่วนผสมไม่ให้ถึงตายแล้วอย่างดีต่างหากค่ะ”
ไอ้โพชั่นนี่มันถ้าไม่ปรับส่วนผสมแล้วจะถึงตายเลยงั้นเรอะ
ของเหลวสีแดงข้นคลั่กที่ดูเหมือนกับเลือดสดๆ นั้น ต่อให้เยินยอแค่ไหนก็ไม่สามารถจะพูดได้ว่ามันเป็นสีสันที่น่าอร่อยเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า มันก็น่าสนใจมากๆ เลยนะ ถ้าแค่คำเดียวล่ะก็…ไม่เป็นไรหรอกมั้ง?
“คุโรโนะ…”
ผมรับยาโพชั่นปลุกสติขวดใหม่มาจากฟิโอน่าด้วยความสนใจใคร่รู้ แต่ลิลี่กลับมองมาที่ผมด้วยสายตาเหมือนกับแม่ที่กำลังมองส่งลูกชายคนเดียวที่ถูกเกณฑ์ทหารแล้วต้องจากบ้านไปอย่างไรอย่างนั้น
ทะ…ทำไมถึงต้องทำท่าทางเตรียมใจขนาดนั้นด้วยล่ะเนี่ยเจ้านี่…ไม่สิ อย่าไปกลัวสิ แค่คำเดียวมันต้องไม่เป็นไรแน่ๆ เอ้อ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
แล้วผมก็กระดกขวดยาโพชั่นเข้าไปรวดเดียว—
MANGA DISCUSSION