บทที่ 247: แผนกับดักล่อโจร!
เมื่อเปลี่ยนเดือนใหม่ วันที่ 3 เดือนแพลทินัม พวกเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านอิสเคีย ซึ่งจะเป็นฐานที่มั่นสำหรับการปราบกรีดกอร์
“…โดนตามอยู่สินะ”
นั่นเป็นตอนที่กำลังเดินทางไปยังกิลด์นักผจญภัยของหมู่บ้าน
ท่ามกลางฝูงชน ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจส่งมาเป็นระยะๆ
“ค่ะ นี่มันโดนตามอยู่ชัดๆ เลยนะคะ”
“มู่ววว รู้สึกไม่ดีเลยยย”
น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ผมที่คิดไปเอง
“อู้ว ดูยังไงก็พวกนักเลงชัดๆ เลยนี่หว่า”
ขณะที่เดินอยู่บนถนนสายหลักของหมู่บ้านซึ่งทอดยาวไปยังกิลด์นักผจญภัย ผมก็ลองมองไปรอบๆ อย่างไม่ให้เป็นที่สังเกต แล้วก็ตรวจสอบบุคคลที่กำลังตามพวกเรามา
หมู่บ้านอิสเคียนี้เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่พอสมควรเหมือนกับหมู่บ้านคูอัล บนถนนหนทางนั้นนอกจากชาวบ้านแล้ว ก็ยังมองเห็นร่างของนักผจญภัยที่สวมใส่อาวุธยุทโธปกรณ์อยู่บ่อยครั้ง
เจ้าพวกนั้นคงจะคิดว่าตัวเองกลมกลืนไปกับนักผจญภัยพวกนั้นกระมัง ก็ ถ้าเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสวมเกราะหนังอะไรทำนองนั้นมันก็มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้อยู่แล้วก็จริง แต่ถ้ามาส่งสายตาที่แผ่กลิ่นอายออกมาอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวล่ะก็ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ
เอาเป็นว่าในตอนนี้ ก็เป็นแค่การถูกส่งสายตาที่ไร้มารยาทมาให้เท่านั้น เพราะฉะนั้นการที่จะเดินเข้าไปหาเรื่องว่า “มองอะไรวะเฮ้ย!” มันก็คงจะทำไม่ได้
คงจะโดนความงามของลิลลี่สาวน้อย กับฟิโอน่าสาวสวยดึงดูดเข้าแล้วก็เลยกำลังคิดอะไรไม่ดีไม่งามอยู่สินะ
ให้ตายสิ สมัยที่ยังอยู่ที่หมู่บ้านไอร์สน่ะไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลยแท้ๆ แต่พอมาอยู่ที่สปาด้าซึ่งมีประชากรหนาแน่น และส่วนใหญ่ก็เป็นมนุษย์แล้วล่ะก็ การที่ทั้งสองคนซึ่งมีรูปร่างหน้าตาที่น่าดึงดูดอย่างมากในสายตาของผู้ชายเผ่ามนุษย์ จะต้องมาโดนสายตาแบบนี้จับจ้องมันก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยจริงๆ
แต่ว่า ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ตามตราบใดที่ยังเป็นแค่ความคิดมันก็เป็นอิสระของจิตใจคน ถึงจะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ถ้ายังไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไรก็คงจะต้องทำเป็นไม่สนใจต่อไปเท่านั้นแหละ สำหรับกลุ่มที่กำลังตามตื๊ออยู่ในปัจจุบันนี้มันก็เหมือนกัน
แล้วก็ ขณะที่ยังคงระแวดระวังด้านหลังอยู่ พวกเราก็ดำเนินการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกรีดกอร์อย่างละเอียดมากขึ้นที่กิลด์นักผจญภัยตามแผนที่วางไว้
ผลลัพธ์ก็คือ ได้รับข่าวที่น่าผิดหวังว่าข้อมูลการพบเห็นนั้นหยุดชะงักลงอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่วันหนึ่งเป็นต้นมา และตอนนี้ก็ไม่รู้ร่องรอยโดยสมบูรณ์แล้ว
คาดการณ์กันว่ามันน่าจะเข้าไปในส่วนลึกของดันเจี้ยนซึ่งมีเพียงนักผจญภัยบางส่วนเท่านั้นที่เข้าไปถึง หรือบางทีก็อาจจะเคลื่อนที่ใต้ดินแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่อื่นโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้
เอาเป็นว่า ในเมื่ออุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว พวกเราก็เลยตัดสินใจว่าจะลองไปสำรวจดันเจี้ยนแรงก์ 3 ‘เนินเขาอิสเคีย’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีข้อมูลการพบเห็นครั้งสุดท้ายดูก่อน
เมื่อตัดสินใจแนวทางเบื้องต้นได้แล้ว พอออกมาจากกิลด์นักผจญภัยก็เป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ใกล้จะเริ่มลับขอบฟ้าแล้ว
แต่ว่า เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสในการเผชิญหน้ากับกรีดกอร์ให้ได้แม้เพียงเล็กน้อย พวกเราก็ตัดสินใจที่จะรีบเดินทางต่อ โดยเตรียมใจที่จะต้องตั้งค่ายพักแรมระหว่างทางบนถนนหลวง แล้วก็ออกจากหมู่บ้านอิสเคียไป
“โดนตามมาติดๆ เลยแฮะ”
หลังจากขี่เมอรี่กับมารีควบมาได้หลายนาที ก็สังเกตเห็นว่ากลุ่มที่คอยตามพวกเราอยู่ในหมู่บ้านนั้น ถึงแม้จะออกมาจากหมู่บ้านแล้วก็ยังคงตามมาอยู่
“ค่ะ โดนตามมาอย่างชัดเจนเลยนะคะ”
“มู่ววว รู้สึกแย่มากๆ เลยค่ะ”
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่ผมที่คิดไปเองจริงๆ ด้วยสินะ
“นี่มัน หรือว่าจะเป็นพวกที่เรียกว่าโจรนั่นรึเปล่านะ?”
“น่าจะอย่างนั้นแหละค่ะ ถ้าเป็นคนที่มีสายตาแหลมคมหน่อยล่ะก็ แค่มองปราดเดียวก็คงจะรู้ถึงคุณค่าของอุปกรณ์ของพวกเราแล้วล่ะค่ะ”
จะว่าไปแล้ว คุณป้าพนักงานร้านขายเสื้อคลุมเฉพาะทางเคยบอกไว้ว่าเสื้อคลุมแม่มดของฟิโอน่าน่ะใช้วัตถุดิบชั้นสูงราคาแพงอยู่หลายอย่างเลยนี่นา
ชุดเดรสวันพีซของลิลี่ก็เป็นผ้ากำมะหยี่โบราณชั้นดี ส่วนชุดเกราะของผมนั้น ก็… ในเมื่อเสริมพลังด้วยการกลายเป็นสีดำแล้ว จะเรียกว่าเป็นเกราะเวทมนตร์ก็คงจะไม่ผิดนักกระมัง
“อย่างนั้นเองเหรอ แต่ผมนึกว่าพวกมันเล็งลิลี่กับฟิโอน่าเสียอีกนะ สวยขนาดนี้แล้วผู้ชายจะไม่เล็งมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก”
“จริงเหรอคะ?”
“จะโกหกไปทำไมกันล่ะ”
“จริงๆ เหรอคะ? ลิลลี่สวยเหรอคะ?”
ลิลี่ที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“อา ลิลลี่สวยสิ น่ารักสุดๆ เลยนะ”
“มุฟุฟุ—”
ผมลูบหัวลิลี่ที่อยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอดีพลางควบคุมบังเหียนด้วยมือเดียว
เมื่อคิดดูแล้ว ผมเองก็ขี่ม้าเก่งขึ้นเยอะเลยนะ ถึงขนาดที่สามารถพูดคุยได้อย่างสบายๆ ขณะที่กำลังควบม้าอยู่ได้แล้วนี่นา
หรือบางที อาจจะเป็นเพราะเมอรี่มันยอมรับผมเป็นเจ้านายแล้วก็ได้นะ ตั้งแต่ตอนที่ไปเดทกับฟิโอน่าแล้ว ผมก็คอยส่งพลังเวทมนตร์สีดำเข้าไปในตัวมันทุกครั้งที่ขี่เพื่อเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่เสมอเลยนี่นา
“เอ่อ… แล้วก็ คุณคุโรโนะคะ จะเอายังไงต่อดีคะ?”
“นั่นสินะ การที่จะโดนตามอยู่เรื่อยๆ แบบนี้มันก็น่ารำคาญเหมือนกัน ถ้าจะลงมือก็อยากจะให้รีบๆ ลงมือเสียที คืนนี้ลองเปิดช่องว่างแล้วก็ล่อพวกมันดูดีไหมล่ะ?”
แล้วนี่ก็คือสภาพอันน่าสังเวชในตอนนี้
“โดนกวาดล้างจนหมดเลยนี่หว่า…”
กลิ่นเลือดกับเนื้อไหม้มันคลุ้งจนติดจมูก ถึงจะเริ่มชินแล้วก็จริง แต่ก็ไม่อยากจะมานั่งพักผ่อนอยู่ท่ามกลางสภาพแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะ
การที่จะสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจท่ามกลางสถานที่สังหารหมู่ที่แขนขาหรือหัวกุดกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดแบบนี้ สภาพจิตใจของผมมันยังไม่ได้เพี้ยนไปขนาดนั้นเสียหน่อย ไม่สิ แค่ชินชากับการตายของคนอื่นได้แล้วนี่มันก็ไม่ปกติแล้วล่ะนะ
“ขอโทษค่ะ เผลอตัวไปหน่อยน่ะค่ะ ใช่ไหมคะคุณลิลี่?”
“เนอะ—”
คู่หูแฟรี่กับแม่มดที่ไม่แสดงสีหน้าสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่ว่า ผมเองก็ยิงกระสุนเวทแบบฟูลเบิร์สต์ไปเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็คงจะไปว่าอะไรพวกเธอไม่ได้หรอกนะ
“อีกอย่าง ก็จับเชลยมาได้คนหนึ่งแล้วนี่คะ ไม่ดีแล้วเหรอคะ”
“เชลย งั้นเหรอ…”
ผมมองไปยังชายหัวล้านร่างใหญ่กำยำที่กำลังตัวสั่นงันงกหน้าซีดเผือดด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
ถึงแม้จะสูญเสียกำลังใจในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิงแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาท ผมก็ยังคงใช้ ‘มือหนวดเงา’ [แองเคอร์แฮนด์] ที่สร้างขึ้นจาก ‘พันธนาการผมดำ [โลงศพ]’ พันธนาการเขาเอาไว้อยู่
“นายท่าน—อื้มมมม!” เมดผู้ซึ่งระแวดระวังตัวขั้นสูงสุดนั้น หากอีกฝ่ายแสดงท่าทีไม่ชอบมาพากลแม้เพียงเล็กน้อย ก็คงจะใช้ลวดผมดำอันเป็นความภาคภูมิใจของตนรัดจนร่างขาดเป็นท่อนๆ ในทันทีเป็นแน่
แต่ว่า เมื่อมองดูสภาพแบบนี้แล้วก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกกระมัง
ไม่สิ ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ผมคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้อยู่นะ
“นี่คุณ ผมน่ะจำได้รึเปล่า?”
“อึ…คะ…ครับ…”
ถึงกับใช้คำสุภาพเลยแฮะ คงจะกลัวสุดๆ ไปเลยสินะ
ตอนที่เจอกันที่ตรอกซอยในสลัมของสปาด้านั้น ถึงแม้ดาบจะพังไปแล้วก็ยังอุตส่าห์ทำเป็นอวดดีอยู่เลยแท้ๆ แต่ว่า พอพวกพ้องโดนฆ่าทิ้งไปอย่างอลังการขนาดนี้แล้ว การที่จะหมดกำลังใจจะต่อต้านมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วล่ะนะ
“น่าเสียดายนะ ที่มาทำงานเป็นพวกโจรแบบนี้”
ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ผมก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะนะว่าแค่คำพูดว่า “ช่วยกลับไปเป็นนักผจญภัยที่ทำตามกฎระเบียบด้วยเถอะนะ” มันก็ไม่มีทางที่จะทำให้เขาทำตามได้หรอก
แต่ถึงกระนั้น การที่ยังคงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างมันก็เป็นความรู้สึกที่แท้จริงเช่นกัน
“ร…รอเดี๋ยวก่อน ข้าไม่ใช่พวกโจรนะ หลังจากนั้นข้าก็กลับไปเป็นนักผจญภัยจริงๆ นะ! อย่างที่เจ้าพูดนั่นแหละ ข้ากลับไปเป็นนักผจญภัยที่ทำตามกฎระเบียบแล้วนะ!”
“หยุดเถอะน่า ไม่ได้อยากจะฟังคำขอชีวิตเสียหน่อย”
ผมไม่ได้เป็นคนดีขนาดที่จะเชื่อคำพูดนี้ได้อย่างสนิทใจหรอกนะ
แต่ว่า ผมก็ไม่ได้มีงานอดิเรกที่จะไปทรมานชีวิตคนอื่นเล่นเหมือนพวกอัครสาวกเสียหน่อย ตั้งใจว่าจะเอาตัวไปส่งมอบให้กิลด์หรือกองกำลังรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านอิสเคียในเช้าวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว
ก่อนหน้านั้น ก็คิดว่าจะรีดข้อมูลเกี่ยวกับพวกโจรออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดูจากสภาพแบบนี้แล้วคงจะไม่ได้เรื่องสินะ รีบๆ ทำให้สลบไปเสียดีกว่า—
“เดี๋ยวก่อนคุโรโนะ สิ่งที่คนคนนี้พูดเป็นความจริงนะ”
“ลิลี่?”
แต่ทว่า กลับมีคนมาช่วยพูดแทนผู้ชายคนนั้นอย่างไม่คาดคิด ลิลลี่ที่เมื่อครู่ยังอยู่ในสภาพเด็กน้อยอยู่เลย กลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนพลางเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับผู้ชายคนนั้น
“คุ…คุณแฟรี่! ได้โปรดเถอะครับ ช่วยชีวิตข้าด้วย! ข้าตั้งแต่ที่ท่านช่วยชีวิตไว้แล้ว ก็สวดภาวนาถึงเทพเจ้าแฟรี่ทุกคืนเลยนะครับ! ไม่ได้ไปแตะต้องเด็กเลยแม้แต่น้อย ได้โปรดเถอะครับ ขอร้องล่ะครับ ช่วยด้วย ช่วยชีวิตข้าด้วยเถอะครับ!!”
“คนรู้จักงั้นเหรอ?”
ผมมองข้ามผู้ชายที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญอ้อนวอนอย่างสุดกำลังไป แล้วลองถามลิลี่ดู
“ตอนที่ฉันไปปราบสไลม์คนเดียว ระหว่างทางเคยช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งหนึ่งน่ะ”
“อย่างนั้นเองเหรอ”
นี่มันก็เป็นความบังเอิญที่น่าทึ่งอยู่เหมือนกันนะ โลกนี้มันแคบจริงๆ ช่วงนี้รู้สึกแบบนั้นบ่อยมากเลย
“นี่คุณ ช่วยใจเย็นลงหน่อยสิคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่ได้จะฆ่าเสียหน่อยนี่นา”
“อึ…อือ…ขะ…ขะ…ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับคุณแฟรี่…”
ผู้ชายตัวโตๆ ร้องไห้พลางก้มหัวให้เด็กผู้หญิง หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ภาพที่เขาก้มกราบอยู่กับพื้นแล้วคืบคลานเข้าไปนั้นมันดูพิลึกพิลั่นน่าดูเลยทีเดียว
“ถ้างั้น ช่วยตอบคำถามของทางนี้หน่อยนะคะ ค่อยๆ พูดก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไรนะคะ?”
“อุ…คะ…ครับผม”
การที่เปลี่ยนไปเป็นการสอบสวนแบบนี้เลยนี่นา สมกับที่เป็นลิลี่ในร่างผู้ใหญ่จริงๆ ประมาทไม่ได้เลยแฮะ
ลิลี่หันมามองทางนี้แวบหนึ่ง แล้วก็ขยิบตาส่งมาให้ราวกับจะบอกว่า “เชิญเลยค่ะ” น่ารักเหมือนเดิมเลยแฮะ…เอ๊ย ไม่ใช่สิ เท่านี้ก็คงจะรวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็วแล้วล่ะนะ
“ก่อนอื่นก็แนะนำตัวมาหน่อยสิ แล้วก็ ถ้านักผจญภัยล่ะก็เอากิลด์การ์ดออกมาด้วย”
“ขะ…ข้าชื่อแซ็ค เป็นแค่นักผจญภัยต่ำต้อยที่มาจากบ้านนอกของสปาด้าเท่านั้นเองครับ กิลด์การ์ดก็ห้อยอยู่ที่คอครับ”
ที่คอของเขามีโซ่ห้อยอยู่จริงๆ ด้วย ปลายของมันเข้าไปอยู่ด้านในของเกราะหนังที่สวมใส่อยู่ก็เลยมองไม่เห็น
ผมใช้ลวดผมดำ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ‘มือหนวดเงา’ [แองเคอร์แฮนด์] เส้นเล็กๆ ดึงกิลด์การ์ดออกมาจากอกเสื้อของแซ็คที่ยังคงถูกพันธนาการอยู่
ในตอนนั้น สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความหวาดกลัวแต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ อะไรกันเล่า เกลียดหนวดสัมผัสขนาดนั้นเลยรึไงกันนะ
“ป้ายทองแดงงั้นเหรอ”
“เหะ…เหะๆ สำหรับข้าแล้ว แรงก์นี้มันก็สุดความสามารถแล้วล่ะครับ”
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาเคยอวดอ้างว่าสามารถใช้ทั้งเวทมนตร์เสริมพลังทั้งเพลงดาบได้แล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าการที่เขาไม่ได้เรียนรู้ทั้งสองอย่างนั้นเลยมันก็เป็นความจริงสินะ
ถ้าใช้ทั้งสองอย่างนั้นไม่ได้เลยล่ะก็ การที่จะเลื่อนขึ้นไปถึงแรงก์ 3 มันก็คงจะยากจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ผมชื่อคุโรโนะ ตั้งปาร์ตี้ที่ชื่อว่า ‘ปรมาจารย์ธาตุ’ [เอเลเมนท์มาสเตอร์] แรงก์ 3 อยู่ รู้จักพวกผมแล้วก็เลยมาเล็งเป้าอย่างนั้นสินะ?”
“ถ้ารู้ว่าเป็นพวกท่านล่ะก็ ข้าไม่ว่าจะทำยังไงก็จะหยุดไอ้พวกนั้นให้ได้เลยล่ะครับ”
“หมายความว่ายังไงกันล่ะ? ไม่สิ ถามไปทีละอย่างดีกว่า ก่อนอื่น พวกแกเป็นใครกันแน่?”
“ไอ้พวกนั้นมันเป็นพ่อค้าทาสครับ”
การมีอยู่ของทาสในต่างโลกนี้นั้น ผมก็รู้ดีอยู่แล้วในฐานะความรู้ทั่วไป
แต่ว่า ผมก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกชนชั้นสูงที่ครอบครองทาสอยู่แล้วนี่นา แล้วก็ไม่เคยเข้าไปในย่านคนรวยที่พวกนั้นอาศัยอยู่ด้วยซ้ำไป แถมยังไม่เคยไปตลาดค้าทาสของสปาด้าอีกต่างหาก สภาพความเป็นจริงมันเป็นอย่างไรนั้นผมก็ไม่รู้แน่ชัดหรอกนะ
แต่ว่า การปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณเหมือนกับการเปลือยกายแล้วโบยตีบังคับใช้แรงงานอะไรทำนองนั้น ได้ยินมาว่ามันถูกห้ามโดยกฎหมายแล้ว เพราะฉะนั้นเบื้องหน้าแล้วสภาพความเป็นอยู่ก็คงจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นกระมัง
“จะว่าไปแล้ว อย่างที่รู้กันนั่นแหละครับ ไอ้พวกที่ทำตัวเหมือนโจรนั่นน่ะ มันเล็งเป้าไปที่คุณแฟรี่กับคุณหนูแม่มดคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ”
ดูเหมือนว่าการคาดเดาของผมจะถูกเผงเลยแฮะ ช่างเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงจริงๆ
“ไอ้โจรที่กำลังอาละวาดอยู่ในฟาห์เรนนั่นมัน พวกแกเองสินะ?”
“โจรแห่งฟาห์เรน? ฮึ่ย หรือว่าพวกเราจะมีชื่อเสียแบบนั้นแพร่ไปแล้วจริงๆ สินะ ให้ตายสิ…ก็น่าจะใช่แล้วล่ะครับ ไอ้พวกนั้นมันเพิ่งจะ ‘ไปหาซื้อสินค้า’ มาจากฟาห์เรนเมื่อไม่นานมานี้เอง ข้าน่ะถูกไอ้พวกที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อค้าทาสพวกนั้นจ้างมาเป็นองครักษ์รับจ้างน่ะครับ”
“องครักษ์รับจ้าง?”
“มันเป็นเควสต์ส่วนตัวน่ะครับ พอดีคนรู้จักแนะนำมา เห็นว่าเป็นเควสต์ที่จ่ายเงินดีสุดๆ ก็เลยรับมา เพราะฉะนั้นข้าก็แค่ทำงานในฐานะนักผจญภัยอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างการบุกเข้าโจมตีหมู่บ้านแล้วลักพาตัวลูกสาวชาวบ้านอะไรทำนองนั้นเลยนะครับ”
ผมเหลือบสายตาไปยังลิลี่ เธอก็เปิดปากเล็กๆ นั้นราวกับรู้ใจผมเป็นอย่างดี
“เป็นความจริงค่ะ”
“คุณแฟรี่…ขอบคุณมากครับ…”
ถ้าลิลี่รับประกันแล้วล่ะก็ไม่ผิดแน่ ผู้ชายคนนี้คงจะไม่ได้มีเวทมนตร์ชั้นสูงที่สามารถหลอกกระแสจิต [เทเลพาธี] ได้อะไรทำนองนั้นหรอกนะ
ถ้าแซ็คทำงานเป็นนักผจญภัยตามเควสต์ส่วนตัวจริงๆ และไม่ได้ไปทำอะไรที่เป็นการก่ออาชญากรรมอย่างชัดเจนแล้วล่ะก็ การที่จะไปกล่าวโทษเขาอย่างรุนแรงมันก็คงจะทำไม่ได้
จะว่าไปแล้ว การที่ถูกโจมตีแบบนี้ มันก็เป็น ‘เรื่องทะเลาะวิวาทกันระหว่างนักผจญภัย’ ในฐานะคู่กรณีแล้วผมจะตัดสินชะตากรรมของเขาก็ได้ พูดกันตามตรงแล้วต่อให้ฆ่าทิ้งไปก็คงจะไม่ถูกเอาผิดอะไรหรอกนะ
แต่ว่า ผมก็ไม่ได้เกลียดชังผู้ชายคนนี้ขนาดนั้นเสียหน่อย การที่จะต้องมาหลั่งเลือดโดยไม่จำเป็นมันก็ไม่ดีหรอกนะ
ที่กิลด์การ์ดของแซ็คนั้นมีเครื่องประดับที่ทำเลียนแบบปีกของแฟรี่ห้อยอยู่ บางทีอาจจะเป็นเพราะลิลี่เคยช่วยชีวิตไว้ ก็เลยเกิดความรู้สึกเหมือนกับศรัทธาในพระเจ้าขึ้นมาก็ได้กระมัง
การที่บอกว่าสวดภาวนาถึงเทพเจ้าแฟรี่อยู่นั้น ก็อาจจะไม่ได้โกหกไปเสียทั้งหมดก็ได้นะ
“แต่ว่า ถ้าไอ้พวกนั้นมันเป็นโจรแห่งฟาห์เรนจริงๆ แล้วล่ะก็ การที่แกไปทำงานเป็นองครักษ์รับจ้างให้พวกมันมันก็เท่ากับว่าแกไปมีส่วนร่วมกับองค์กรอาชญากรรมนะ ความผิดนั้นมันจะหนักหนาแค่ไหนผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ถึงกระนั้นถ้ายังจะร่วมมือกับไอ้พวกนั้นต่อไปอีกล่ะก็…เข้าใจใช่ไหม?”
“อะ…อา เควสต์ส่วนตัวนั้น ขอยกเลิก ณ ที่นี้เลยครับ! จะให้ข้อมูลเพื่อปราบแก๊งโจรก็ไม่เสียดายเลยครับ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ผมก็ปลดพันธนาการของแซ็คออก
เท่านี้ แซ็คก็ไม่ได้เป็นองครักษ์รับจ้างของพ่อค้าทาสอีกต่อไปแล้ว กลับไปเป็นนักผจญภัยอิสระที่ยกเลิกเควสต์แล้วสินะ
สำหรับกิลด์นักผจญภัยแล้ว ถ้าเขายืนกรานในจุดยืนว่าตัวเองถูกหลอกให้มารับเควสต์เท่านั้น ตราบใดที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมอย่างชัดเจนจริงๆ ก็คงจะไม่ถูกลงโทษอะไรหนักหนานักหรอกกระมัง
แต่ว่า ถ้าแสดงท่าทีไม่ชอบมาพากลแม้เพียงเล็กน้อย ผมก็จะยิงกระสุนเวทใส่ในทันทีเลยนะ
“ทะ…ท่านช่วยไว้…”
แซ็คที่ถูกปลดปล่อยจากลวดที่พันธนาการร่างกายอยู่ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดูเหมือนว่าการที่ความเป็นความตายถูกกุมไว้ในมือคนอื่นมันจะทำให้ตึงเครียดอย่างไม่ธรรมดาเลยสินะ
ถ้านักผจญภัยแล้วล่ะก็ เรื่องแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้วนี่นา ผมก็เลยไม่ได้แสดงความเห็นใจอะไรเป็นพิเศษออกไปหรอกนะ
“ถ้างั้น ในเมื่อสถานะของแต่ละฝ่ายมันชัดเจนแล้ว ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับโจรแห่งฟาห์เรน หรือก็คือพวกพ่อค้าทาสที่จ้างแกมาให้ฟังโดยละเอียดหน่อยสิ”
Translator : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
https://novel.dek-d.com/EidolonPlus/profile/writer/
https://eidolon.readawrite.com
https://www.facebook.com/gazcha
MANGA DISCUSSION