วันสุดท้ายของค่ายฤดูหนาวไม่มีอีเวนต์ใหญ่เป็นพิเศษ อาจมีก็แค่การถ่ายรูปรวมกับชั้นปีหรือห้องเรียนเท่านั้นเอง
เดิมทีแล้ววันนี้ตั้งใจจะเล่นสกีกันต่อทั้งวัน แต่กลับเกิดหิมะตกหนักอย่างไม่คาดคิดจนกระเช้าต้องหยุดทำงาน กลายเป็นช่วงเวลาว่างที่ไม่ได้อยู่ในแผน
เพราะแบบนั้นเอง จึงมีการอนุญาตให้เข้าออกห้องพักชายหญิงได้อย่างจำกัดในชั้นที่มีอาจารย์อยู่ และอิโอริกับพวกอีกสามคนก็มารวมตัวพูดคุยเล่นกันในห้องเดียว
“วันสุดท้ายแท้ๆ ดันมาหิมะตกซะได้”
“ได้ยินว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอารถบัสออกได้ไหม”
“ก็ว่างั้นนะ งั้นก็ต้องพักอีกคืนล่ะสิ แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ”
“เข้าใจเลยล่ะ แบบนี้มันน่าตื่นเต้นดีออก”
“ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอกเฟ้ย ทางนี้น่ะ…”
“ทางนี้ อะไรเหรอ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
อาสุมิกับคุรุมินั่งอยู่บนเตียงของอิโอริ ส่วนอีกสองหนุ่มก็นั่งอยู่บนเตียงของคานาตะแล้วพูดคุยกันแบบนั้น
หิมะตกหนักจนถึงขนาดที่ว่าอาจไม่ได้กลับด้วยรถบัสเลย คุรุมิและคานาตะที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นกันเล็กน้อย
น่าจะคล้ายๆ กับเด็กที่อารมณ์ดีตอนพายุเข้าจนมีการประกาศเตือนภัย
อิโอริไม่ได้ทำงานวาดภาพเลยตลอดสามวันที่ผ่านมา แม้จะจัดตารางไว้แล้วว่าไม่มีปัญหา แต่ในเชิงจิตใจก็อดคิดไม่ได้ว่าอยากรีบกลับให้เร็วที่สุด จนเกือบจะเผลอพูดออกไปแล้ว
“อาสุมิก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?”
“ฉันมีธุระเหมือนกับโทกิซากะซัง ถ้าได้กลับเร็วหน่อยก็คงจะดีค่ะ”
คุรุมิดันไปเรียกชื่ออาสุมิเฉยๆ แล้วตอบพร้อมพยายามขอความเห็น
ดูเหมือนจะสนิทกันขึ้นในช่วงที่อิโอริไม่รู้ตัว อาสุมิก็ไม่ได้ใส่ใจและเห็นด้วยตามความคิดของเขา
การได้กลับเร็วขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับไปสตรีมก็แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
เธอพูดพร้อมยิ้มเจื่อนๆ พลางเหลือบมองไปทางอิโอริ
“งั้นในเมื่อว่างอยู่ เรามาเดิมพันกันไหมว่าจะได้กลับหรือไม่ได้กลับน่ะ”
“เดิมพัน?”
“ใช่ คนที่ทายถูกจะได้สั่งให้อีกฝ่ายทำอะไรสักอย่างหนึ่ง…อะไรประมาณนั้นน่ะ”
คุรุมิพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหมือนกับคิดว่าการแบ่งเป็นสองฝ่ายแบบนี้กำลังเหมาะพอดี
อาสุมิถามกลับสั้นๆ แล้วคุรุมิก็ตอบกลับว่าเรียบง่ายดีนะ พร้อมแสดงท่าทางสนุกสนาน แต่ในจังหวะนั้นเอง ไฟในห้องก็ดับลงทันที
“กรี๊ด! ไม่ไหวๆๆ! แย่แล้ว! คานาตะ คานาตะ!?”
“แย่ละ เปิดม่านให้ทีสิ”
“อะ-อืม!”
ทันทีที่ไฟดับ คุรุมิก็แสดงท่าทีหวาดกลัวจนออกอาการเกินเหตุ
เธอตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด คานาตะจึงเข้าไปอยู่ข้างๆ และออกคำสั่งกับอิโอริ
อิโอริเองก็กำลังจะเปิดม่านอยู่พอดี พอเปิดออกก็พอมีแสงสว่างลอดเข้ามาในห้อง
อาสุมิที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติก็เปิดไฟจากมือถือเพื่อส่องสว่างให้ห้อง
“กะ-เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“เธอน่ะ กลัวที่มืดน่ะสิ”
“แย่เลยนะคะ แบบนั้น…”
ไฟดับทำให้ห้องมืด และยิ่งมีพายุข้างนอก มันก็ยิ่งมืดขึ้นไปอีก
ถึงแม้จะไม่ถึงกับมองอะไรไม่เห็น แต่สำหรับคนที่กลัวความมืดอย่างคุรุมิ มันก็เพียงพอให้เธอตื่นตระหนก
อาสุมิที่เห็นเธอตื่นตระหนกก็ดูจะตกใจไปด้วย
อิโอริที่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วจึงอธิบาย และดูเหมือนอาสุมิจะเข้าใจแล้วพยายามตั้งสติกลับมา
“ขอโทษนะ ฉันขอออกไปข้างนอกแป๊บนึงนะ”
“โอเค”
“ระวังตัวด้วยนะคะ”
พอห้องสว่างขึ้นมาระดับหนึ่ง และคานาตะก็อยู่ข้างๆทำให้เธอเริ่มสงบลง
จากนั้นคานาตะก็พาเธอออกไปที่ข้างนอกที่น่าจะสว่างกว่ามาก
“คุรุมิซังกลัวที่มืดสินะคะ เธอจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
“เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นในอดีตล่ะมั้ง บางทีตอนนอนก็คงเปิดไฟหรี่ๆไว้ละมั้งนะ?”
“พอพูดแบบนั้นก็ใช่ค่ะ เหมือนจะเปิดไฟไว้ตอนนอนจริงๆ ด้วย”
ในห้องที่ยังมืดอยู่เล็กน้อย อิโอริกับอาสุมิก็คุยกันแบบนั้น
อิโอริเอาขวดน้ำขนาด 2 ลิตรไปวางไว้บนไฟฉายของมือถือ ทำให้เกิดเป็นแสงสว่างแบบง่ายๆ ขึ้นมา ห้องก็ดูสว่างพอใช้ได้
ความจริงแล้วแม้อิโอริกับอาสุมิจะไม่กลัวความมืดขนาดนั้น แต่พอได้เห็นแสงแบบนี้ก็รู้เลยว่าแสงสว่างสำคัญแค่ไหน
ถึงจะไม่ถึงขั้นกลัวความสูง แต่อาสุมิก็รู้สึกกลัวกระเช้าอยู่บ้าง เลยเข้าใจความรู้สึกของคุรุมิได้
เธอดูจะเป็นห่วงคุรุมิไม่น้อย
“แต่ฉันก็เข้าใจความรู้สึกแบบนั้นนะ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่นิดหน่อยเลย”
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“ค่ะ อิโอริคุงช่วยทำให้สว่าง แถมพอได้พูดคุยกันแบบนี้ก็ใจเย็นลงแล้วค่ะ”
“อืม งั้นก็ดี ลองห่มผ้าดูสิ ฮีตเตอร์ดับไปแล้วเดี๋ยวหนาวเอาน่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ดูเหมือนว่าความกลัวในที่มืดจะเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์
อาสุมิพูดขึ้นมาเบาๆ ขณะเป็นห่วงคุรุมิ
ด้านอิโอริเองก็ยังคงใจเย็นเป็นปกติ และห่วงใยอาสุมิได้
ไฟฟ้าน่าจะกลับมาเร็วๆนี้จากเครื่องปั่นไฟ แต่ฮีตเตอร์ก็ดับไปได้สักพักแล้ว อากาศเลยเริ่มหนาว
อิโอริส่งผ้าห่มที่พับไว้ให้กับอาสุมิ
“ถ้าไม่ไหวก็บอกได้นะ”
“ถ้าอย่างนั้น ขอเห็นหน้าคุณสักหน่อยได้ไหมคะ?”
“หน้า?”
“ค่ะ แค่เห็นสีหน้าของใครสักคน ก็สามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ค่ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ได้”
อาสุมิพูดขึ้นมาช้าๆ ด้วยความลังเล และอิโอริก็ยอมทำตามเพราะคิดว่าถ้ามันช่วยได้ก็ดี
เขาเข้าไปใกล้แสงเพื่อให้เธอมองเห็นหน้าได้ชัดเจน
แล้วทันใดนั้นเอง มือเย็นเฉียบของอาสุมิก็แตะลงบนแก้มของอิโอริ
(หา!?)
คาดไม่ถึงจนตกใจ แต่ถ้าเผลอร้องหรือทำอะไรเกินไป อาจทำให้เธอตกใจหรือรู้สึกผิดได้ อิโอริจึงพยายามอดกลั้น
ความเย็นนี้เป็นเพราะแก้มของเขาอุ่นขึ้นหรือเป็นเพราะมือของอาสุมิเย็นกันแน่นะ
แต่ก็ไม่มีเวลาจะคิด เขาจึงปล่อยให้เป็นไปตามนั้น
“ว่าแล้ว นุ่มจริงๆด้วยนะคะ”
“เหรอ?”
“ค่ะ ฉันคิดว่าผู้ชายหน้าจะหยาบกว่านี้สักหน่อย… อิโอริคุงอาจจะพิเศษก็ได้ค่ะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอก”
อาสุมิพูดความรู้สึกออกมาพลางลูบแก้มอิโอริเหมือนเล่น
แต่ตัวอิโอริเองไม่เคยไปลูบหน้าใครเลย ก็เลยเปรียบเทียบไม่ได้
แต่ถ้าอาสุมิพูดแบบนั้นก็คงใช่แหละ
เขาเองก็คิดจะลองลูบแก้มอาสุมิดูบ้าง แต่ก็หยุดไว้
แทนที่จะใช้มือ เขากลับพูดถึงบางสิ่งที่สังเกตได้แทน
“ว่าแต่ เมื่อวานนี้เธอแอบมาลูบหน้าฉันตอนฉันนอนใช่ไหม?”
“เอ๊ะ? เอ่อ ทำไมถึงรู้ล่ะคะ?”
อิโอริตัดสินใจถามในสิ่งที่คาใจเมื่อวานนี
อาสุมิแสดงสีหน้าตกใจและพูดออกมาด้วยเสียงเบา
“ก็เมื่อกี้เธอบอกว่า ‘ว่าแล้ว’ ไง แล้วเมื่อวานฉันตื่นขึ้นมานิดหน่อยน่ะ ถึงจำไม่ค่อยได้ แต่พอเมื่อกี้ยิ่งมั่นใจเลย”
“อะ…”
ตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าฝันหรือความจริง แต่พอได้ยินคำพูดของอาสุมิก็ทำให้แน่ใจ
พูดได้เลยว่า ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
พอถูกพูดแบบนั้น ใบหน้าของอาสุมิก็แดงก่ำ แล้วเธอก็รีบชักมือกลับจากแก้มอิโอริ
เธอเอาผ้าห่มที่คลุมไหล่ไว้มาคลุมหัว แล้วสั่นไปทั้งตัว
“อะ เอ่อ ไม่ใช่ว่าฉันตั้งใจจะทำอะไรไม่ดีนะคะ…”
“เข้าใจแล้ว แค่อยากรู้ใช่มั้ย? แต่เธอก็อย่าไปทำแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นล่ะ”
“ค่ะ ขอโทษค่ะ…”
อาสุมิตอบออกมาจากช่องเล็กๆ ในผ้าห่มด้วยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ที่น่ารักจนอยากแกล้งขึ้นมาเลย
อิโอริคิดแบบนั้นและรู้สึกอยากแกล้งเธอแบบขำๆ แต่ก็หยุดไว้ เพราะสงสารเธอ
เขามองดูอาสุมิที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่สักพัก แล้วไฟก็กลับมา
“อาสุมิ ไฟติดแล้วนะ”
“รู้ค่ะ”
“ไม่ออกมาหน่อยเหรอ?”
“ไม่ได้ค่ะ”
“เฮ้”
“ไม่ได้ค่ะ”
อิโอริพยายามเรียกให้เธอออกมาหลังไฟกลับมาแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมออกมาเลย
ถึงจะเรียกอยู่หลายครั้ง เธอก็แค่ตอบแบบเดิม แล้วซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม
จนผ่านไปไม่กี่นาที อาสุมิก็โผล่ออกมาจากผ้าห่ม
ใบหูของเธอแดงระเรื่อ เธอดูน่ารักน่าลูบจนอดใจแทบไม่ไหวเลยทีเดียว
MANGA DISCUSSION