“ชุดต้องแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้อ ไม่งั้นจะเสียหายหรือยับได้ง่ายๆนะคะ เพราะมันเป็นของไว้อ้างอิง ถ้าคิดว่าเสียดายก็น่าจะอยากเก็บมันให้เรียบร้อยขึ้นมาบ้างใช่มั้ยล่ะคะ?”
หลังมื้อเย็น งานเก็บกวาดที่ถูกจัดขึ้นอย่างกะทันหันก็เริ่มต้นด้วยบทบรรยายของอาสุมิ
อาสุมิที่ปกติจะปล่อยผมยาว ตอนนี้มัดผมดูอยู่ในโหมดแม่บ้าน ใบหน้าของเธอบ่งบอกว่ากำลังจะจัดการกับเสื้อผ้าและบริเวณห้องน้ำอย่างจริงจัง
โดยมีการสั่งสอนจากอาสุมิคอยกำกับ ก่อนอื่นก็ต้องเอาเสื้อผ้าที่หมักหมมใส่เครื่องซักผ้า แล้วจัดการกับชุดคอสเพลยที่กระจัดกระจายอยู่ การหยิบแต่ละชุดขึ้นมาแขวนทีละชุดยังกลายเป็นงานใหญ่
“ก็จริงนะ ถึงจะใช้เงินที่ได้มาก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากให้กลายเป็นขยะ ชุดบันนี่เกิร์ลหรือชุดว่ายน้ำวันพีซก็คงได้ใช้สักวันล่ะมั้ง”
“เห~ หมายความว่าจะได้ใช้สินะคะ?”
“ปะ เปล่า! แค่พูดไปเพราะนิสัยขี้เสียดายเฉยๆ!”
พออิโอริเผลอพูดพลาด ดวงตาของนักบุญผู้แสนใจดีก็หรี่ลงพร้อมปล่อยสายตาดูถูกกระแทกใส่ทันที ก็แน่ล่ะ เพราะชุดบันนี่เกิร์ลกับชุดว่ายน้ำวันพีซน่ะไม่ใช่ของที่อิโอริจะใส่แน่นอน ซึ่งหมายความว่า…มันต้องสำหรับผู้หญิง
สำหรับอาสุมิที่ต้องมาได้ยินเรื่องประหลาดแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมองอย่างน่าสงสัย สายตานั้นเย็นเยียบเหมือนที่เคยใช้มองมาก่อนหน้านี้
“ถ้าเป็นชุดอื่นล่ะก็…ให้ฉันใส่ให้ก็ได้นะคะ”
“จริงเหรอ!?”
“แต่ห้ามเป็นชุดที่โป๊นะคะ! อืม… แต่ชุดนักเรียนหญิงแบบเซเลอร์นี่ก็น่าสนใจอยู่ล่ะนะ”
พออาสุมิเบือนสายตาเล็กน้อยขณะพูดแบบนั้น อิโอริก็รีบพูดขึ้นทันที
สำหรับนักวาดภาพแล้ว การได้เห็นคนใส่จริงๆ แล้วโพสท่าหรือดูองค์ประกอบภาพนั้นมีประโยชน์มากกว่าการแค่นั่งดูชุดเฉยๆอยู่แล้ว
และในฐานะชายหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง การพลาดโอกาสเห็นท่านนักบุญในชุดคอสเพลย์ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายแย่
“ม.ต้นไม่ได้ใส่เซเลอร์เหรอ?”
“ตั้งแต่ม.ต้นก็เป็นชุดเบลเซอร์แล้วค่ะ”
“หืม แปลกดีแฮะ”
“ก็เลยน่ะค่ะ… เลยคิดว่าอยากลองใส่ชุดเซเลอร์สักครั้งนึงดู”
อาสุมิหยิบชุดนักเรียนเซเลอร์ที่วางทิ้งไว้บนเครื่องซักผ้าแล้วลองยกขึ้นมาเทียบกับตัว
แค่นั้นก็ดูเข้ากับเธออย่างเหลือเชื่อ
แค่ลองเทียบเฉยๆ ยังดูสนุกขนาดนี้ ดูเหมือนว่าอาสุมิจะมีความฝันอยากลองใส่ชุดนักเรียนแบบเซเลอร์จริงๆ
ถ้าแค่คอสเพลย์ล่ะก็อยากให้เธอลองใส่ดูเลยด้วยซ้ำหรือพูดให้ถูกคือ อยากเห็นมาก
อิโอริจึงตบมือเป๊าะแล้วเสนอขึ้นมาอย่างหนึ่ง
“โอเค ถ้าเธอยอมให้ถ่ายภาพตอนใส่ชุดพวกนี้ไว้เป็นข้อมูลวาดรูป ฉันจะเตรียมชุดที่อยากใส่ให้เท่าที่ต้องกา่รเลย”
“ตกลงค่ะ มาเป็นแบบ win-win สินะ แต่เฉพาะชุดที่ไม่โป๊เท่านั้นนะคะ”
“ขอบคุณมาก”
แม้จะเป็นชุดเลียนแบบสำหรับคอสเพลย์ แต่ถ้าเธออยากใส่จริง ๆ อิโอริก็เต็มใจให้ยืมได้ไม่อั้น
อิโอริได้ข้อมูลอ้างอิง อาสุมิได้เติมเต็มความฝัน เป็นข้อเสนอที่มีประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ข้อตกลงจึงเกิดขึ้นโดยไร้ข้อขัดแย้ง อิโอริพนมมือด้วยความดีใจ
“อยากเห็นขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ก็แน่นอนสิ สำหรับนักวาดแล้ว มันสุดยอดเลยนะที่จะได้ภาพที่จัดท่าทางหรือองค์ประกอบได้เองตามใจน่ะ”
“แค่นั้นจริงเหรอคะ? ยังมีอีกใช่ไหม?”
“จะให้ฉันพูดอะไรอีกล่ะเนี่ย…”
อาสุมิยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะไขว้มือไว้ข้างหลังแล้วเงยหน้ามองอย่างกดดัน
อิโอริโดนจับได้เรื่องเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับงานแบบเต็มๆ
ทั้งในฐานะข้อมูลอ้างอิง และในฐานะชายคนหนึ่งที่อยากเห็นคอสเพลย์ของสาวสวย ความรู้สึกนั้นถูกจับได้หมดจด
“ทั้งหมดเลยค่ะ”
“เฮ้อ… ก็อยากเห็นสาวสวยอย่างมินาเสะคอสเพลย์น่ะ ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนี่”
“ฮะฮะ ตรงไปตรงมาดีจังนะคะ”
“อย่าล้อกันสิ พูดมาขนาดนี้แล้ว ก็ฝากด้วยล่ะ”
อิโอริยอมรับออกไปตามตรง อาสุมิก็ยิ้มบางอย่างพึงพอใจ
ดูเหมือนว่าตอนนี้อาสุมิจะคุมเกมได้อย่างสมบูรณ์ ช่วงนี้เธอเริ่มเป็นฝ่ายชวนคุย เสนอตัวช่วยเหลือ กลายเป็นว่าบทบาทของทั้งสองคนสลับกันไปหมดแล้ว
“ตกลงตามสัญญาค่ะ ว่าแต่ ฉันเคยนึกว่าโทกิซากะซังไม่คิดอะไรกับฉันเลยด้วยซ้ำล่ะค่ะ น่าแปลกใจจัง”
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
ดูเหมือนว่าอาสุมิเคยคิดว่าอิโอริไม่ได้สนใจตัวเธอเลย
ปกติแล้วก็มีคนพยายามเข้าหาเธอในฐานะคนรักบ้าง หรือพยายามสร้างความสัมพันธ์ด้วยสารพัดวิธี
แต่สำหรับอิโอริ แม้จะรู้ตัวตนของกันและกัน นั่งกินข้าวด้วยกัน จัดห้องด้วยกัน แต่เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีจะรุกล้ำเลย
นั่นแหละคงเป็นสิ่งที่ทำให้อาสุมิรู้สึกประหลาดใจ
แต่แน่นอน อิโอริก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นความสวยของเธอ หรือไม่รู้สึกอะไรเลย โดยเฉพาะตอนที่ใกล้ชิดกันแบบเมื่อกี้ มันก็ต้องรู้สึกเป็นธรรมดา
แค่เขาควบคุมมันเก่งกว่าผู้ชายวัยเดียวกันเท่านั้นเอง และเขาก็พยายามไม่แสดงมันออกมา
“ที่จริงเพราะนายดูไม่สนใจอะไรฉันเลย เลยเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมานิดหน่อยเลยนะคะ”
“ไม่มั่นใจงั้นเหรอ พูดถึงเรื่องนี้ เธอก็ไม่ค่อยจะรังเกียจฉายาอย่าง ‘ท่านนักบุญ’ เลยนี่นะ”
“ก็ถือว่าเป็นคำชมไงคะ ฉันไม่ได้เกลียดมันหรอก”
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง อาสุมิก็ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองอยู่ไม่น้อย เดิมทีนึกว่าเธอเป็นคนเย็นชา แต่นี่ก็แค่คนธรรมดาเหมือนกัน
คิดดูดีๆแล้ว ปกติฉายาแบบนั้นใครได้ก็คงรำคาญแต่นี่เธอกลับรับไว้หน้าตาเฉย
“จริงๆ แล้วฉันมีความต้องการการยอมรับกับอยากแสดงออกมากกว่าคนทั่วไปอีกนะคะ?”
“ไม่แปลกหรอก ฉันก็เหมือนกัน”
อาสุมิแตะปลายนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากแล้วเผยรอยยิ้ม บอกความจริงที่คนทั่วไปอาจไม่กล้ายอมรับออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ก็แน่นอนว่าคนที่ชอบอยู่หน้ากล้อง ย่อมมีความต้องการพวกนั้นอยู่บ้าง
อิโอริในฐานะนักวาดก็เข้าใจได้อยู่
“ได้ยินแบบนี้ก็โล่งใจดีนะคะ”
“ก็จริงล่ะ ปกติใครจะปล่อยให้สาวสวยแบบมินาเสะอยู่นิ่งๆ กันล่ะ”
“พูดชมกันจังเลยนะคะ”
“ก็แค่ผมเธอปลิวตามลม ฉันก็อดมองไม่ได้แล้ว แถมรูปร่างก็ดี บางครั้งฉันยังไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหนเลย คิดมาตลอดว่าเธอเป็นคนที่สวยมากเลยนะ”
“…ห-เหรอคะ…”
“แล้วก็ ฉันคิดว่าเธอเท่มากเลยนะ เรียนก็เก่ง ทำงานบ้านก็เก่ง ยังเป็นสตรีมเมอร์อีก ทั้งหมดนี้มันต้องใช้ความพยายามมากแน่ๆ ฉันนับถือจริงๆ นะ”
คงเป็นเพราะอารมณ์พาไป
คำชมมากมายหลุดออกมาจากปากอิโอริเหมือนกับไหลตามกระแสของบทสนทนา
แม้ว่าเธอจะชินกับการถูกชม แต่คำพูดจากอิโอริที่ปกติไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนก็ทำให้เธอประหลาดใจไม่น้อย
และแก้มของเธอก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ
“จู่ๆมาชมกันขนาดนี้ อะไรกันคะเนี่ย…”
อาสุมิถามเสียงอ้อมแอ้มด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“เปล่าหรอก ก็แค่ความรู้สึกจากใจเฉยๆ น่ะ”
“งั้นเหรอคะ…”
เพราะเป็นคำพูดที่หลุดออกมาเองอย่างเป็นธรรมชาติ มันเลยไม่ได้มีความหมายมากไปกว่านั้น
อิโอริแกล้งทำเป็นนิ่งแล้วเบือนหน้าหนี ก่อนจะหันไปจัดการพับชุดที่ใช้สำหรับข้อมูลอ้างอิง
ส่วนอาสุมิก็กลับไปรีดผ้าและจัดเก็บชุดต่างๆ ด้วยท่าทีปกติ
“โจมตีมาแบบไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้มันโกงกันนะคะ…”
แล้วอาสุมิก็พึมพำออกมาเบาๆ พร้อมกับใบหน้าที่แดงกล่ำ
ในห้องซักล้างที่มีแค่เสียงเครื่องซักผ้ากลั่นกึก…บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหวาน ๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม และอะไรบางอย่างที่หวานกว่านั้นอีกนิด
MANGA DISCUSSION