– โอโตเมะ อามายะ –
ฉันกับเพื่อนๆ ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วพากันออกมานั่งรอบนอัฒจันทร์พลางพูดคุยถึงการทดสอบของพวกผู้ชายด้านล่าง
หัวข้อการพูดคุยนั้นก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่ขึ้นมานั่งรอเหมือนกัน มีทั้งเรื่องที่ว่าครั้งนี้ใครจะได้ลำดับหนึ่งหรือชมรมกีฬาไหนจะได้ลำดับสมรรถภาพสูงสุด เรื่องพวกนี้มีคนบันทึกสถิติและเก็บข้อมูลกันแบบเรียลไทม์ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นคนทำ แต่มันมีผลรายงานกันเว็บบอร์ดโรงเรียนด้วย
หรือจะเรื่องของดาวเด่นตัวเต็งเอสของชมรมต่างๆ ที่ถูกมองว่าน่าจะเป็นท็อปของการทดสอบ
เมกุมิ : “อามายะ ทำไมเจ้าของเสื้อเธอถึงได้ไปจับคู่กับเอสชมรมกรีฑาได้ล่ะ?”
[‘นั่นน่ะสิ’]
อามายะ : “ฉันก็สงสัยอยู่ นึกว่าเขาจะจับคู่กับโฮตานิซะอีก”
เซริ : “โฮตานิจับคู่กับยามาโมโต้น่ะ”
เมกุมิ : “เอ๊ะ? ไหนน่ะ เธอมองเห็นด้วยเหรอ?”
เซริ : “นั่นไง ตรงนั้นน่ะ ห่างจากพวกอาคิยามะไปหน่อย”
อาโอะ : “เซริจังตาดีจังเลยนะคะ ตอนนี้ฉันยังมองไม่เห็นเลย”
เมกุมิ : “นั่นซิ ตรงไหนน่ะ”
เซริ : “ก็นั่นไง เห็นหรือยัง?”
เซริชี้ไม้ชี้มือให้พวกเราดูโฮตานิที่ตอนนี้กำลังทดสอบแรงบีบมือโดยมียามาโมโต้คอยเชียร์อยู่ข้างๆ ซึ่งก็น่าแปลกที่ว่าพอมองเห็นแล้วกลับรู้สึกว่ามันสังเกตง่ายมาก เพราะยามาโมโต้มีรีแอคชันที่โดดเด่นจนสะดุดตา
เมกุมิ : “ก็ออกจะเด่น ทำไมตอนแรกมองไม่เห็นนะ?”
เซริ : “ค่าสายตาเธอเท่าไร?”
แล้วทั้งสองก็นั่งเกทับกันด้วยค่าสายตาและผลการตรวจสุขภาพเมื่อเช้า
อาโอะ : “อาคิยามะคุงรู้จักกับนิโนะมิยะคุงเหรอคะ?”
อาโอะจังถามขึ้นมาขณะที่ฉันหันกลับมามองดูอาคิยามะอีกครั้ง
อามายะ : “คิดว่านะ ทั้งคู่จบจาก ม.ต้น ที่เดียวกัน แต่ฉันไม่เคยถามหรอก”
อาโอะ : “งั้นเหรอคะ”
อาโอะจังเงียบเสียงไป เซริกับเมกุมิยังคงเกทับกันอยู่ แว่วๆ เหมือนจะเปลี่ยนไปเกทับเรื่องผลการเรียนแล้ว ส่วนฉันนั่งมองไปยังพื้นที่ด้านล่างเงียบๆ
ท่ามกลางเหล่านักเรียนชายเกือบๆ สองร้อยคน มีกลุ่มคนอยู่ไม่กี่คนที่ดูโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางการทดสอบในร่ม
เสียงฮือฮาดังขึ้นทุกครั้งที่มีคนสร้างสถิติใหม่ในรายการต่างๆ พวกเขาเหล่านั้นจะยิ้มแย้มราวกับผู้ชนะ บางคนหันมาโบกไม้โบกมือให้กับพวกผู้หญิงที่นั่งรอบนอัฒจันทร์ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดและเสียงโห่ร้องได้เป็นระยะ
นิโนะมิยะเองก็เช่นกัน ฉันเห็นเขาทดสอบไปเรื่อยๆ ตามรายการทดสอบ เพียงแต่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาไม่มีรอยยิ้มการค้าบนหน้าเหมือนทุกที แม้แต่ตอนที่ทำสถิติสูงสุดในการทดสอบลุก-นั่งจนเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้เขาก็ยังไม่ยิ้ม
แปลก… แต่ก็ช่างเขาเถอะ
ฉันไม่ได้สนใจนิโนะมิยะเพราะตัวเขาเองหรอก แต่สนใจเพราะเขาบังเอิญเข้ามาอยู่ในกรอบสายตาเท่านั้น
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะคนที่ฉันสนใจจริงๆ จับคู่อยู่กับเขา เจ้าของเสื้อวอร์มที่อยู่ในกระเป๋าของฉัน
อาคิยามะทำการทดสอบไปเงียบๆ ฉันไม่รู้ว่าผลการทดสอบของเขาเป็นอย่างไรเนื่องจากอยู่ไกลกัน แถมสังเกตจากหน้าตาของเขาก็ไม่ได้ อันที่จริงไม่ใช่แค่สังเกตหน้าสีหน้าไม่ได้ แค่มองให้เห็นเต็มหน้ายังยาก
[‘ถ้าบอกให้ไปตัดผมจะยอมไปตัดด้วยกันมั้ยนะ?’]
ในไม่ช้าการทดสอบสุดท้ายของชุดแรกก็มาถึง มันเป็นการทดสอบดึงข้อ ฉันเห็นนิโนะมิยะเข้ารับการทดสอบก่อน ภายในเวลาที่กำหนดเขาทำไปได้ถึง 18 ครั้ง เรียกเสียงฮือฮาและเสียงจากสาวๆ ได้ดังลั่นโรงยิม
นั่นถือเป็นเรื่องปกติ คล้ายๆ ว่าปีที่แล้วก็แบบนี้ ฉันหันเหความสนใจไปที่คนที่เข้ารับการทดสอบต่อจากเขา
อาคิยามะกระโดดขึ้นไปห้อยตัวกับบาร์เดี่ยว เมื่อพร้อมเขาก็เริ่มทำการทดสอบทันที
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติเหมือนที่เคยเป็นมา ฉันนั่งนับจำนวนครั้งพลางรอดูว่าเขาจะหยุดเมื่อไร
[’ 19… 20… 21…’]
เสียงฮือฮาที่ดังกว่าครั้งของนิโนะมิยะดังขึ้นทันทีที่อาคิยามะปล่อยตัวลงมาจากบาร์ ฉันเห็นเขาหันไปขอบคุณอาจารย์ก่อนจะเดินออกจากโรงยิมไป
“ไม่เหนื่อยหรือไงล่ะนั่น?”
“ว่าไงนะคะ?”
“อ่ออ… ไม่มีอะไร พวกเราเองก็ไปเตรียมตัวกันเถอะ”
—
เรื่องราวก่อนหน้านั้นเป็นมายังไงไม่มีใครทราบ แต่ตอนที่ได้ยินว่าเด็กใหม่สายฮาร์ดคอร์ (ฉายาใหม่ของอาคิยามะ) ไปท้าดวลกับเอสของชมรมกรีฑานั้น เมกุมิรีบหันมากระตุกเสื้อฉันหงึกๆ
“อะไรๆ ศึกชิงนางเหรอ~”
“ชิงนงชิงนางอะไรมิทราบยะ”
ดีดมะกอกใส่หน้าผากเพื่อนสาวผู้ตื่นเต้นกับเรื่องแปลกๆ ไปหนึ่งทีแล้วจึงหันไปคุยกับเซริแทน
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ?”
“ปรามเมกุมิที่ตื่นเต้นเกินเหตุน่ะ”
“แล้วเรื่องที่ว่าสองคนนั้นแข่งกันล่ะ อาคิยามะบอกอะไรไว้หรือเปล่า?”
“ไม่นะ เมื่อเช้าก็ไม่ได้พูดอะไร”
“งั้นเหรอ… หรืออาจจะเป็นศึกชิงนางจริงๆ?”
“ใช่มะ? เซริก็ว่างั้นเนาะ”
ส่ายหน้าให้กับเพื่อนสาวสายมโนทั้งสองแล้วจึงชวนอาโอะจังไปหาที่นั่งหลบร้อนเพื่อรอให้พวกผู้ชายทดสอบกันเสร็จ ในตอนนั้นเองที่หันไปเห็นยูบิจังเข้าพอดี เธอกำลังนั่งดูการทดสอบวิ่ง 50 เมตรอยู่กับเพื่อนๆ ฉันเลยเดินเข้าไปหาเธอ
ยูบิ : “อ้าว อามายะจัง ทางนี้ๆ”
ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปถึงดียูบิจังก็หันมากวักมือเรียกกันซะก่อน แบบนี้ก็เข้าทางฉันเลย
อามายะ : “มากันนานแล้วเหรอ?”
ยูบิ : “พักนึงแล้ว… สวัสดีคุณอาโออิ คุณซากุระ แล้วก็คุณอาซาคุระ”
หลังการทักทายกันง่ายๆ ฉันตัดสินใจพักหลบร้อนอยู่กับยูบิจังเพราะคุ้นเคยกันดี เพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีปัญหาอะไร
พอนั่งได้ที่ ยูบิจังที่เขยิบมานั่งข้างกันก็หันมากระซิบเบาๆ กับฉัน เรื่องที่ว่าอาคิยามะไปท้าดวลนิโนะมิยะแข่งทดสอบสมรรถภาพ
[‘ยูบิจังก็เอากับเขาด้วย?’]
อามายะ : “ไม่รู้ซิ เพิ่งได้ยินจากเมกุมิเมื่อกี้เอง”
ยูบิ : “คิดว่าใครจะชนะเหรอ?”
อามายะ : “เอ๊ะ? แข่งกันจริงอ่ะ?”
ยูบิจังพยักหน้า แล้วถามย้ำฉันอีกรอบ ท่าทางแม่คนนี้ก็ดูจะสนุกสนานไปกับเขาด้วย
อามายะ : “งั้นก็อาคิยามะ”
ยูบิ : “เอ๋? คิดเหมือนกันแบบนี้แล้วจะพนันกันได้ยังไงล่ะทีนี้”
อามายะ : “อ้าว? ยูบิจังก็คิดว่าอาคิยามะจะชนะเหรอ? ทำไมคิดงั้นล่ะ?”
ยูบิ : “ก็เพราะนิโนะมิยะไม่เคยชนะเลยยังไงล่ะ”
อามายะ : “หมายความว่ายังไง?”
คำถามของฉันไร้ซึ่งคนตอบ เพราะโดนคุณทาคิซาว่าแซวเรื่องเสื้อแฟนเมื่อเช้าเสียก่อน ดูจากท่าทางแล้วคงเป็นเซริ ไม่ก็เมกุมินี่แหละที่ไปเล่าอะไรให้พวกเธอฟัง
ทาคิซาว่า : “ว่าไงโอโตเมะจัง ตกลงเสื้อแฟนจริงหรือเปล่าเอ่ย~~”
อามายะ : “มันจะไปจริงได้ยังไงล่ะ ยืมเสื้อเพื่อนมาปกตินั่นแหละ”
ซาซากิ : “เอ๋… ยืมได้เป็นปกติเลยเหรอ? เพื่อนแน่เหรอแบบนี้”
เมกุมิ : “เนาะๆ แค่ทักไปขอยืมเขาก็เอามาให้ถึงที่แบบนี้ มันอะไรยังไงกันน้า~”
เซริ : “เพื่อนจริงรึเปล่า~~”
อาโอะ : “หุๆๆ”
เถียงกันไปไม่จบไม่สิ้น ฉันเลยทำใจยอมรับเรื่องราวมันแต่โดยดี รู้ตัวอีกทียูบิจังก็สะกิดให้ดูในสนาม
รอบของอาคิยามะกับนิโนะมิยะมาถึงแล้ว
แม้ปากจะบอกว่าไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ใช่จะไม่สนใจเอาซะเลย อืมมม… เอาจริงๆ ก็สนใจแหละ สนใจมากด้วย อยากรู้มันเสียตอนนี้เลยว่าที่คนเขาพูดกันเนี่ยมันจริงมั้ย นึกยังไงถึงได้ไปท้าแข่งกับเอสของชมรมแบบนั้น
แต่ก็นั่นแหละ ฉันในตอนนี้ทำได้แค่นั่งมองอยู่กับเพื่อนๆ ที่เริ่มเจี๊ยวจ๊าวเสียงดังขึ้นมาอีก บวกกับบรรยากาศการเชียร์นิโนะมิยะของบรรดาแฟนคลับด้วยแล้ว เลยดูครึกครื้นเหมือนมานั่งเชียร์กีฬาสีอยู่นิดหน่อย
แต่นี่ไม่ใช่กีฬาสี แล้วความจริงตรงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องสวยงามอย่างในโชโจมังงะของเซริ การทดสอบสมรรถภาพร่างกายกลางแจ้ง 4 รายการ อาคิยามะแพ้ราบไป 3 รายการ
จะเรียกว่าแพ้ราบก็ดูไม่ให้เกียรติกันไปสักนิด เพราะแต่ละรายการเขาแพ้นิโนะมิยะไปแบบฉิวเฉียดชนิดที่ว่าไม่ถึง 1 วินาที อย่างการวิ่ง 50 เมตรนี่ฉันถึงกับมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าใครเข้าเส้นชัยก่อน
แต่ก็นะ แพ้ก็คือแพ้ ฉันรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่เขาไม่ชนะการแข่ง ทว่ายูบิจังกลับทำหน้าแปลกใจที่ฉันบอกแบบนั้น
“ก่อนหน้านี้อาคิยามะคุงชนะการทดสอบในร่มมาแล้ว 3 อย่าง รวมกับอันนี้ด้วยก็ต่างฝ่ายต่างชนะคนละ 4 แบบนี้เท่ากับเสมอกัน”
“งั้นเหรอ… ฉันไม่เห็นรู้เลย”
[‘ทำไมยูบิจังถึงรู้ล่ะ?’]
ความรู้สึกอิจฉา และไม่พอใจแปลกๆ เกิดขึ้นมาในอก ทิฐิบางอย่างบอกฉันว่าไม่อยากจะแพ้ยูบิจังในเรื่องของอาคิยามะเลย แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายอันแรงกล้า ฉันมองยูบิจังที่ยืนยิ้มให้กัน ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะแสง หรืออาจจะเป็นเพราะเงาของร่มไม้จึงทำให้รอยยิ้มของเธอดูแปลกไป เหมือนดีใจ คล้ายยิ้มเยาะ ให้อารมณ์เหมือนว่าตัวเองอยู่สูงกว่า และแฝงความท้าทาย
…หรือไม่บางทีฉันอาจจะมองผิดไปเอง
“งั้นเราลองมาแข่งกันบ้างมั้ย? เอาแค่ 4 รายการด้านนอกนี่ก็ได้”
[‘แข่งกันงั้นเหรอ?’]
“คนชนะขออะไรคนแพ้ก็ได้ 1 อย่าง แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่อีกฝ่ายทำได้นะ”
รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้างดงามของเพื่อนสาว เป็นรอยยิ้มขี้เล่นที่มักจะเห็นได้บ่อยครั้งยามเมื่อเธอและฉันทำเรื่องไร้สาระด้วยกัน
[‘ไม่อยากจะแพ้เธอเลย’]
ความรู้สึกอยากเอาชนะผลักดันให้ฉันเอ่ยปากรับคำท้าของยูบิจังแม้จะรู้ว่าโอกาสชนะเธอได้นั้นมีน้อยขนาดไหน
อามายะ : “เอาซิ มาแข่งกัน หึๆๆ อย่าคิดว่าฉันจะยอมอ่อนให้ล่ะ”
ยูบิ : “ไม่ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว”
ท่ามกลางแสงแดดแผดกล้าท้องฟ้าโล่งไร้เมฆ ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านฉันและยูบิ
ผมยาวสลวยของเธอที่มัดรวบไว้เป็นหางม้าด้านหลังขยับส่ายไปมาเล็กน้อย เห็นแล้วให้ความรู้สึกถึงความเย็นสบายจากสายลม แต่ทว่าในดวงตาที่จ้องมองกันอยู่นั้นกลับเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้
ทาคิซาว่า : “อะไรๆๆ พวกเธอจะแข่งอะไรกัน ให้พวกเราแข่งด้วยซิ”
ซาซากิ : “เอ๋… แบบนี้มันต้องมีเกมลงโทษด้วยถึงจะสนุก เอาเป็นคนแพ้เลี้ยงเครปข้างสถานีเป็นไง”
เซริ : “เลี้ยงทุกคนคงจะไม่ไหว เอาเป็นมีคนแพ้สักสองคนเป็นไง?”
อาโอะ : “เอ่ออ… ฉันไม่แข่งได้มั้ยคะ คือ… ขอเลี้ยงเครปเลยได้มั้ย?”
ทาคิซะว่า : “อะไรกันน่ะ คุณซากุระจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
เมกุมิ : “นั่นซิอาโอะจัง ของแบบนี้มันต้องลองทุ่มให้สุดตัวก่อนซิ”
อาโอะ : “ไม่ไหวหรอกค่ะ เดี๋ยวได้เป็นลมล้มพับลำบากคนอื่นเปล่าๆ”
สุดท้ายอาโอะจังก็ต้องจำใจลงสนามพร้อมๆ กับพวกเรา
ตรงหน้าเป็นการแข่งขันที่มีเครปแสนหวานข้างสถานีเป็นเดิมพัน ทุกคนตรงนั้นต่างตื่นเต้นกับการแข่งขันที่ดูเหมือนจะเอาจริงเอาจังซะยิ่งกว่างานกีฬาสี
ฉันเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นๆ หรือบางทีอาจจะมากกว่าคนอื่นเล็กน้อย ด้วยเหตุผลอื่นที่แตกต่างออกไป…
…คนชนะขออะไรคนแพ้ก็ได้ 1 อย่าง
MANGA DISCUSSION