– โอโตเมะ อามายะ –
สัปดาห์ที่สุดแสนวุ่นวายดำเนินผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่ฉันคิดว่าอีกครึ่งที่เหลืออยู่นี่แหละคือความวุ่นวายที่แท้จริง
ข้ามเรื่องวุ่นวายที่อาคิยามะก่อไปได้เลย ความโด่งดังของเขาทำเอาคนทั้งโรงเรียนแฮ่มาดูชมห้องเรียนของเรากันไม่เว้นแต่ละวัน ให้อารมณ์คล้ายๆ สมัยปี 1 ที่สาวๆ แห่มาดูนิโนะมิยะ แค่หนนี้หนักกว่าเพราะมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง
เซริคาดการณ์ว่าเรื่องแบบนี้จะจบลงในเวลาไม่ถึง 1 เดือน และบอกให้ฉันทนๆ เอาหน่อยเพราะเป็นคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอาคิยามะมากที่สุด ส่วนอีกคนก็คือโฮตานิที่ลำบากเพราะแบกรับชื่อเด็กใหม่ร่วมกัน ช่วงนี้จึงมักจะกลายเป็นแพะแทนอาคิยามะอยู่บ่อยๆ
– [ “ช่วงที่โดนพักการเรียนนี่ฝากเธอดูโซเฮย์ด้วยได้มั้ย หมอนั่นเป็นเพื่อนใหม่คนแรกที่ฉันหาได้ในโรงเรียนนี้เลยนะ…” ] –
เพราะคำขอของอาคิยามะ สองวันนี้ฉันจึงมานั่งกินข้าวกลางวันที่โต๊ะของเซริ เมกุมิกับอาโอะจังก็เลยต้องตามมาด้วย แม้โฮตานิจะไม่ได้เข้าร่วมกลุ่ม แต่เขาก็อยู่ในระยะสายตาที่พอจะพูดคุยกันได้ การทักทายและการพูดคุยกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเขาและพวกเราจึงเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งเท่าที่ได้สัมผัสก็ดูเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง
ทว่านั่นก็เป็นเพียงความรู้สึกของฉัน ด้านเซรินั้นมองว่าโฮตานิเป็นพวกดีเกินไป ส่วนเมกุมิยังไม่ไว้ใจและขอเวลาดูก่อน อาโอะจังซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่จึงเงอะๆ งะๆ ไม่รู้ว่าจะเอาไงดี
“ฉันไม่ได้กลัวเขาแล้วนะคะ แค่ยังไม่รู้ว่าจะรู้สึกกับเขายังไงดี แบบว่ามันยังตะขิดตะขวงใจอยู่หน่อยๆ น่ะค่ะ”
อาโอะจังบอกความรู้สึกของเธอออกมาทำให้เมกุมิที่เถียงกับเซริอยู่ร้องเฮ เพราะมีคนคิดแบบเดียวกัน คะแนนจึงกลายเป็น 2 ต่อ 1
“อามายะก็คิดแบบเดียวกับฉันนะ ใช่มั้ยอามายะ”
“อะ… อื้ม…”
“อามายะไม่นับ เพราะโดนอาคิยามะฝากมา ย่อมต้องเข้าข้างหมอนั่นอยู่แล้ว”
“แบบนี้ไม่แฟร์เลย”
เซริบ่นอุบอิบพลางปิดปากหาวทำให้เสียงที่พูดออกมาแปลกจนเกือบฟังไม่รู้เรื่อง
ฉันหันหน้าละสายตาจากเมกุมิและอาโอะจังกลับมามองต้นเสียงหาวที่อยู่ข้างๆ กัน จึงทันเห็นเซริที่ใช้นิ้วปากหยดน้ำตาออกจากหางตา
“ช่วงนี้เธอได้พักดีๆ บ้างหรือเปล่า?”
ฉันมองหน้าเพื่อนสาวที่ตอนนี้หมองลงจนสังเกตได้ ท่าทางของเธอตั้งแต่เปิดเรียนมานี่ดูเหมือนคนที่นอนไม่พอ ซึ่งเทอมที่แล้วไม่เป็นแบบนี้
เซริ : “ก็ได้พักนะ”
เมกุมิ : “แต่อาการของเธอเนี่ยมันอาการของคนพักผ่อนไม่เพียงพอชัดๆ”
อาโอะ : “นั่นซิคะ”
เซริ : “อืมม… ช่วงนี้ฉันทำงานพิเศษเยอะขึ้นน่ะ หงหัยห้างฮายฮะหังไห้ฮิน (สงสัยร่างกายจะยังไม่ชิน) ”
เซริหาวอีกครั้งพร้อมกับตอบไปด้วย คราวนี้เธอพูดภาษาอะไรไม่รู้
อามายะ : “แม่เธอยังไม่หายดีเหรอ?”
ฉันถามเธอเพราะเป็นห่วง แต่เซริกลับสลดลงแวบหนึ่งก่อนจะตอบคำถาม
เซริ : “หายดีแล้ว… แต่เพราะไม่ไปทำงานบ่อยๆ เลยถูกเลิกจ้างแล้วน่ะ ตอนนี้ก็น่าจะกำลังหางานใหม่อยู่มั้ง…”
อาโอะ : “แบบนี้ก็แย่ซิคะ”
เมกุมิ : “เธอจะไหวเหรอแบบนี้ ทั้งเรียน ทั้งทำงาน?”
เซริ : “ก็ยังไหวแหละ เงินที่เก็บไว้ก็ยังพอมี ค่าใช้จ่ายก็มีแค่ค่ากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ส่วนค่าเทอมถ้ายังทำคะแนนได้ตามเป้าก็ยังได้ทุนอยู่”
เมกุมิ : “มีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกมาได้เลยนะ”
อาโอะจัง : “ใช่ค่ะ บอกมาได้ทุกเรื่องเลย”
อามายะ : “ถ้าต้องการความช่วยเหลือต้องบอกฉันทันทีนะ ห้ามเกรงใจเด็ดขาด”
เซริ : “อื้มม… ขอบคุณนะทุกคน ฮ้าววว…”
เห็นเพื่อนสาวยังคงหาวซ้ำแบบนี้แล้วก็ได้แต่สงสัยว่าเพื่อนทำงานพิเศษอะไรกันแน่ ยิ่งเมื่อนึกถึงตอนที่เธอโทรมาเมื่อคืนก่อน นั่นไม่ใช่เวลาการทำงานพาร์ทไทม์ของเด็ก ม.ปลายชัดๆ
เมกุมิ : “แต่ว่าก็ว่าเถอะ พ่อคนที่เธอต้องดูแลนี่ไม่ไปซื้อน้ำนานไปหน่อยเหรอ? ไม่ใช่ว่าโดนใครดักตีไปแล้วหรอกนะ”
เมกุมิทักขึ้นเมื่อเห็นว่าโฮตานิที่อาสาไปซื้อน้ำให้พวกเราหายไปนานจนผิดสังเกต
อามายะ : “อาจจะรอคิวล่ะมั้ง?”
เซริ : “จะว่าไปนะอามายะ ไอ้ข่าวลือเกี่ยวกับโฮตานิเนี่ย ไม่ใช่ว่าจริงๆ แล้วมันควรจะเป็นของอาคิยามะคุงหรอกเหรอ?”
อามายะ : “เฮะ?”
เมกุมิ : “นั่นซิ ฉันว่ามันดูเหมือนเป็นเขามากกว่าเหมือนกัน”
อาโอะ : “นั่น… ซิคะ”
เจอสามเสียงเป็นเอกฉันท์ตรงหน้าฉันเองก็พูดอะไรไม่ออก อันที่จริงแม้แต่ตัวฉันเองก็คิดว่าข่าวลือเกี่ยวกับเด็กใหม่พวกนั้น มองยังไงมันก็น่าจะมีอาคิยามะเป็นต้นแบบ
หรือก็คือคนในข่าวลือนั่นคืออาคิยามะนั่นเอง…
อามายะ : “ก็… น่าจะเป็นงั้นแหละ”
อาโอะ : “เอ๊ะ! งั้นหมายความว่าอาคิยามะคุงเป็นเด็กเกเรเหรอคะ?”
อามายะ : “ใจเย็นก่อนอาโอะจัง อาคิยามะเป็นคนดีแน่นอนฉันรับประกัน แค่ข่าวลือมันเกินจริงไปหน่อยเท่านั้น”
อยากจะอธิบายยืนยันกับเพื่อนๆ ว่าอาคิยามะเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นคนดี ไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก โชคดีเหลือเกินที่โฮตานิกลับมาพร้อมบรรดาน้ำในอ้อมแขน หัวข้อสนทนานี้จึงได้ถูกบรรดาชาต่างๆ ชำระล้างไป
—
คาบสุดท้ายของวันนี้เป็นคาบการเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างที่หาได้ยากยิ่ง อาจารย์สึบุซึกิเข้ามาแจกเอกสารรายวิชาเลือกต่างๆ ที่เด็กปีสองต้องเลือกเรียนพร้อมกับกำชับว่าต้องส่งเอกสารเหล่านี้คืนภายในวันศุกร์เท่านั้น
“หากมันผู้ใดช้าเกรงว่ามันผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไปในทางที่ไม่ใช่เรื่องดี”
อาจารย์ทิ้งคำพูดไว้แค่นี้แล้วจึงเดินลงจากลังไม้ที่ซ่อนไว้ในโพเดียมไปนั่งมองเหล่าบรรดานักเรียนที่มุมห้องเงียบๆ
“เมื่อกี้มันภาษาของยุคสมัยไหนน่ะ?”
เมกุมิที่ลุกเดินมารวมตัวกับฉันพร้อมอาโอะจังถามออกมาเบาๆ เป็นเหตุให้โดนอาโอะจังหยิกเอวไปหนึ่งทีฐานนินทาอาจารย์
ฉันเลิกสนใจทั้งคู่ที่ยังเถียงกันเบาๆ และเลือกที่จะไปปรึกษาเซริแทน ตั้งใจว่าจะเลือกลงวิชาเลือกที่เหมือนๆ กันเพื่อที่จะได้ช่วยเหลือกันได้ แต่มันก็มีบางวิชาที่ความสนใจของเราทั้งคู่ไม่ตรงกัน
“ไหน เธอสนใจอยากลงวิชาอะไรบ้าง?”
“มีคหกรรม ดาราศาสตร์ คอมพิวเตอร์ประยุกต์ ภาษาที่สามเพื่อการสื่อสาร แล้วก็จัดสวน”
“ไหงมันกระจัดกระจายแบบนั้นล่ะ?”
เซริมองฉันแบบคนไม่เข้าใจโจทย์คณิตศาสตร์ที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะบอกความสนใจของตัวเองออกมาบ้าง
“คอมพิวเตอร์ประยุกต์ ภาษาที่สามเพื่อการสื่อสารนี่น่าสนใจ คหกรรมฉันไม่ถนัดเลย ดาราศาสตร์เฉยๆ แต่ถ้าเป็นการเงินและการบัญชีอันนี้น่าสน จัดสวนเนี่ย… เรียนไปทำไมกันนะ?”
คุยไปคุยมาเมกุมิกับอาโอะจังก็เข้ามาร่วมวงด้วย สุดท้ายก็สรุปออกมาได้เป็นดังนี้
ฉันเลือกคหกรรม คอมพิวเตอร์ประยุกต์ ภาษาที่สามเพื่อการสื่อสาร
เซริเลือกคหกรรม ภาษาที่สามเพื่อการสื่อสาร การเงินและการบัญชี
เมกุมิเลือกคหกรรม คอมพิวเตอร์ประยุกต์ นันทนาการ
ส่วนอาโอะจังเลือกคหกรรม ภาษาที่สามเพื่อการสื่อสาร และวรรณกรรมและภาษา
กลายเป็นว่ามีทั้งวิชาที่เรียนด้วยกันทุกคน และวิชาที่แยกกันไปเรียน เราปรึกษากันอีกครู่หนึ่งก่อนที่ฉันจะเป็นคนรวบรวมไปส่งอาจารย์
“ทำงานได้รวดเร็วดีมากคุณโอโตเมะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันขอบคุณอาจารย์สึบุซึกิผู้ซึ่งมีบุคลิกขัดกับภาพลักษณ์ภายนอก และยืนรอให้เธอตรวจความเรียบร้อยของเอกสาร ทันทีที่เธอพยักหน้าฉันก็เตรียมจะกลับมานั่งที่ ทว่าอยู่ดีๆ อาจารย์ก็บอกให้รอก่อน
“เธอสนิทกับอาคิยามะคุงใช่มั้ย?”
เป็นคำถามที่ไม่คิดว่าจะถูกถามจากผู้เป็นอาจารย์ แต่ก็เป็นคำถามที่เข้าใจได้อีกนั่นแหละ
[‘โดนถามรอบที่เท่าไรแล้วเนี่ย?’]
ฉันตอบไปตามความเป็นจริงว่าเราเป็นเพื่อนกัน จากนั้นอาจารย์ก็หยิบเอกสารขึ้นมาสองใบ
“รู้จักบ้านเขามั้ย? ครูฝากไปให้เขาด้วยได้หรือเปล่า?”
ราวกับรู้คำตอบ อาจารย์ยื่นกระดาษสำรวจรายวิชาเพิ่มเติมนั้นมาให้ฉันทันทีที่ถามจบ แน่นอนว่าฉันไม่มีปัญหาอะไรเพราะตั้งใจว่าวันนี้จะไปหาอาคิยามะอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจกลับเกิดขึ้นหลังจากฉันเดินกลับมาที่ที่นั่งอันมีเมกุมิกับอาโอะจังที่กำลังมองเซริให้คำแนะนำโฮตานิเกี่ยวกับการเลือกวิชาเรียน พอนั่งลงข้างๆ เมกุมิก็กระซิบทันที
เมกุมิ : “สองคนนี้ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”
อาโอะ : “นั่นซิคะ”
อามายะ : “ไม่รู้ซิ”
เซริ : “พูดอะไรฉันได้ยินนะยะ”
โฮตานิ : “อ๊ะ! ขอโทษครับ”
อืมมม… แปลกตาดี
—
5 โมงเย็น คือเวลามาตรฐานในการกลับบ้านของฉัน แต่วันนี้ต้องเตรียมการสำหรับวันศุกร์มากกว่าปกติ เวลาจึงล่วงเลยมาจนถึง 6 โมงครึ่ง ถึงกระนั้นแสงสว่างของวันนี้ก็ยังไม่ได้หมดไป ดวงอาทิตย์ยังอยู่ที่ชายขอบฟ้า ผลุบๆ โผล่ๆ ให้เห็นเป็นระยะอยู่หลังหมู่เมฆ
อาคิยามะออกมาเปิดประตูให้ทันทีที่ฉันกับยูบิจังมาถึงราวกับว่าเขากำลังรอพวกเราอยู่
ก็แหงล่ะ ฉันส่งข้อความบอกตอนที่ออกจากโรงเรียนนินา…
แต่ลืมบอกไปว่าไม่ได้มาคนเดียว ดังนั้นตอนที่อาคิยามะเห็นยูบิจังมาด้วย ดวงตาที่ปกติจะหรี่ปรือนิดๆ จึงเบิกกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ตามสบายนะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำ…”
“ขออนุญาตค่ะ มีแต่น้ำชานะคะรุ่นพี่ เพราะพี่ชายยังไม่ยอมซื้อน้ำอย่างอื่นมาสักที”
“ไม่ใช่ว่าพวกเธอเป็นคนกินกันหมดหรือไง?”
อันนะเอาน้ำมาให้พวกเราและเถียงกับอาคิยามะนิดหน่อย ฉันมองเธอกลับออกไปจากห้องพร้อมกับบ่นว่าอาคิยามะขี้งก ส่วนอาคิยามะก็บอกให้เธอกับเพื่อนๆ ข้างล่างอยู่กันสงบๆ ทั้งคู่ให้บรรยากาศเหมือนคนที่เป็นครอบครัวกันจริงๆ
ดูแล้วเหมือนพี่น้อง… ไม่ก็คู่แต่งงานใหม่
“โทษทีนะ พอดีพวกนั้นชอบมาให้ฉันสอนการบ้านบ่อยๆ น่ะ”
อาคิยามะหันมาขอโทษพวกเรา และถามเข้าเรื่องธุระทันที ฉันเข้าใจดีว่าเขาไม่ได้มีเจตนาจะเร่งให้จบเรื่องเพื่อไล่พวกเราทางอ้อม หากแต่นี่เป็นนิสัยอย่างหนึ่งของเขา
ยูบิจังที่หยุดสอดส่องมองไปมองมาขยับท่านั่งเล็กน้อยเตรียมจะพูดธุระของเราแต่ฉันขอเธอพูดก่อน
ฉันเปิดกระเป๋าแล้วยื่นเอกสารสองใบที่ได้มาจากอาจารย์ให้อาคิยามะ อธิบายว่าเขาจำเป็นต้องเลือกวิชาเรียนเพิ่มเติมให้เรียบร้อยและส่งเอกสารก่อนวันศุกร์
“เธอลงวิชาอะไรไป? เอาเหมือนเธอก็ได้”
“แบบนั้นมันจะมักง่ายไปนะ อย่างน้อยๆ ก็ดูรายวิชาที่แจกมาให้หน่อยเถอะ”
“งั้นเหรอ อืมมม… โซเฮย์เลือกอะไรบ้างล่ะ?”
“นี่นายกะจะลอกเพื่อนอย่างเดียวหรือไง?”
“ฉันเป็นเด็กใหม่นะ ก็ต้องเลือกลอกเพื่อนไปก่อนอยู่แล้วมั้ย?”
“เหตุผลอะไรของนายเนี่ย?”
บ่นไปก็เท่านั้น อาคิยามะดูท่าแล้วไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย สุดท้ายเขาก็เลือกลงวิชาเดียวกันฉันทั้งหมดด้วยเหตุผลที่ว่ามีเพื่อนเรียนย่อมดีกว่าไปเรียนคนเดียว
[‘แต่แบบนี้ก็ไม่ได้แย่ละนะ’]
จบเรื่องวิชาเรียนแล้วก็แจ้งเรื่องการทดสอบสมรรถภาพและการตรวจสุขภาพในสัปดาห์หน้า แล้วก็เรื่องสอบกลางภาคในสัปดาห์หลังหยุดยาวโกลเด้นวีค
อาคิยามะทำหน้ามุ่ยบ่นว่าทำไมมันดูมีกิจกรรมเยอะจัง ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน รู้สึกพวกรุ่นพี่จะเตือนไว้แล้วว่าปี 2 นี้เป็นปีที่กิจกรรมเยอะที่สุด
“เอาล่ะ ต่อไปก็เป็นเรื่องที่ฉันกับยูบิจังอยากขอให้นายช่วย เรื่องเข้าทำงานในทีมสภานักเรียนน่ะ”
MANGA DISCUSSION