ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 291+292 สลักนกกระเรียนป่า/แบบอักษรP
บทที่ 291 สลักนกกระเรียนป่า
”ไปให้พ้น!!” พ่อเฒ่าอวิ๋นชี้ไปที่ประตูด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ฮูหยินอวิ๋นใช้มือป้องกันใบหน้าของนางไว้ และวิ่งหนีไปด้วยความคับข้องใจอย่างมาก
หลังจากฮูหยินอวิ๋นจากไป พ่อเฒ่าอวิ๋นก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้าง ๆ อย่างโกรธจัด
เขาโชคร้ายที่แต่งงานกับหญิงคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นซิ่วชิง เขาคงหย่ากับนางแล้ว
พ่อเฒ่าอวิ๋นถอนหายใจ จากนั้นจิบชาสมุนไพรเพื่อระงับโทสะ ไม่นานก็เดินออกจากห้องและล็อกประตู เขาไม่อยากพบเจอฮูหยินอวิ๋นอีกแล้วในชีวิตนี้
พ่อเฒ่าอวิ๋นนั่งอยู่หน้าเล้าไก่พลางมองดูบรรดาไก่ที่สงบลงแล้ว ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเมื่อนึกได้ว่าฮูหยินอวิ๋นเพิ่งจะปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อหาอะไรบางอย่าง
ฮูหยินอวิ๋นอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มานานกว่ายี่สิบปีแล้ว นางย่อมรู้ทุกอย่างที่อยู่ในห้องนั้น รวมถึงกลไกบนเตียงด้วย
เขาสงสัยว่าทำไมฮูหยินอวิ๋นถึงได้มาอยู่ที่ประตูห้องของเขาทุกวัน ที่แท้นางก็กำลังคิดเรื่องโฉนดที่ดินแห่งนี้
มีโฉนดใบนี้เพียงอย่างเดียวที่ซ่อนอยู่ในกลไกเตียงของเขา และมีเพียงฮูหยินอวิ๋นเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้!
น่าเสียดายที่การคาดการณ์ของฮูหยินอวิ๋นผิดพลาด เขาได้มอบโฉนดที่ดินให้อวิ๋นซิ่วชิงเพื่อความปลอดภัยแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่คิดว่าควรจะปกป้องมันไว้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเขาปกป้องมันได้ทันเวลาจริง ๆ
ฮูหยินอวิ๋นวิ่งกลับไปที่ห้องของนาง ทันทีที่ประตูปิด นางก็เริ่มสะอื้นไห้ นางไม่คิดว่าพ่อเฒ่าอวิ๋นซึ่งเป็นคนขี้ขลาดมาโดยตลอดจะกล้าทุบตีนางเพื่ออวิ๋นซิ่วชิง
หลังจากร้องห่มร้องไห้อยู่พักหนึ่ง นางก็จำได้ว่าตัวเองขโมยโฉนดที่ดินมาไม่ได้
ทำไมนางถึงจะต้องถูกตบทั้งที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
พ่อเฒ่าอวิ๋นกลับไปที่ห้องและลงมือทำโฉนดปลอม เขาคัดลอกให้ดูคล้ายกับโฉนดจริง จากนั้นก็ใส่โฉนดปลอมไว้ในกลไกเตียง
ตอนนี้เขารู้ความคิดของฮูหยินอวิ๋นแล้ว หากนางรู้ว่าเขาไม่มีโฉนดที่ดินอยู่กับตัว นางคงจะสงสัยว่าอวิ๋นซิ่วชิงได้ยึดมันไปแล้ว และจะตามหาอวิ๋นซิ่วชิงต่อไป ดังนั้นพ่อเฒ่าอวิ๋นจึงทำโฉนดปลอมขึ้นมา เพื่อที่นางจะได้ไม่ไปรบกวนอวิ๋นซิ่วชิงอีก
ผูเว่ยชางและอวิ๋นซิ่วชิงไปถึงตัวเมือง และกลับมาที่ร้านของพวกเขา
ผูเว่ยชางขับรถม้าไปที่สวนหลังบ้าน ส่วนอวิ๋นซิ่วชิงกระโดดลงจากรถและปิดประตูสวนหลังบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปที่แคร่เพื่อถือสัมภาระ
แต่เมื่อหญิงสาวยกม่านรถขึ้น นางก็พบว่าสัมภาระหายไปแล้ว ไม่นานก็เห็นผูเว่ยชางที่กำลังขนสัมภาระเหล่านั้นเข้าไปข้างใน
ทันทีที่นางเข้าไปในร้านก็เห็นว่าผูเว่ยชางได้วางสัมภาระไว้บนโต๊ะสำหรับคิดเงิน แล้ววางแผ่นป้ายเปล่าไว้บนโต๊ะอีกตัว
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นแผ่นป้ายอันว่างเปล่านั้น
แผ่นป้ายที่ผูเว่ยชางนำมาด้วยนั้นไม่ใช่กระดานธรรมดา แต่มันมีสีดำคล้ำ และยังมีลวดลายนกกระเรียนป่าสองตัวสลักอยู่ นกกระเรียนป่าสองตัวนั้นดูสมจริงและสวยงามมาก
“ผูเว่ยชาง เจ้าเอาแผ่นป้ายนี้มาจากไหน?”
”นี่คือไม้ชิงชันอายุร้อยปี ข้าตัดมาจากที่ภูเขา ที่จริงมันควรจะแขวนไว้ที่ประตูบ้านข้า แต่เจ้าก็เห็นบ้านมุงจากของข้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าแผ่นป้ายที่หายากเช่นนี้ไม่คู่ควรกับบ้านมุงจากของข้า ข้าจึงแกะสลักนกกระเรียนป่าลงบนป้ายนี้ด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ฟังชายหนุ่มกล่าวเช่นนั้นแล้ว ในฐานะที่อวิ๋นซิ่วชิงเป็นคนยุคสมัยใหม่ จึงไม่รู้ว่าไม้อะไรดีหรือไม่ดี นางคิดเพียงแค่ว่าไม้ที่สวยงามก็คือไม้ที่ดี
”มันเป็นป้ายแกะสลักที่ดูดี”
เมื่อผูเว่ยชางได้ยินคำชมของอวิ๋นซิ่วชิง เขาก็ยิ้มอย่างภูมิใจ
เขาได้ขอให้ลูกน้องตามหาแผ่นป้ายนี้บนภูเขา ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานในการค้นหาไม้ชิ้นนี้
แม้ว่าผูเว่ยชางจะไม่ได้เป็นคนตัดไม้นี้มา แต่นกกระเรียนป่าที่ถูกสลักอยู่บนป้ายนั้นเป็นฝีมือของเขาเอง ดังนั้นเมื่อหญิงสาวชื่นชมมัน เขาจึงรู้สึกยินดี
…
บทที่ 292 แบบอักษร
”ผูเว่ยชาง ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าจะเตรียมได้ตัวรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าเอาไม้ชิงชันมาเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งมันมีประโยชน์มากในตอนนี้” อวิ๋นซิ่วชิงถือพู่กันและหมึกไว้ในมือขณะที่กำลังหยอกล้อชายหนุ่ม
นางได้กลิ่นหอมจากแผ่นไม้เมื่อขยับเข้าไปใกล้ ไม้ที่เพิ่งตัดมาไม่นานจะสามารถมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ได้
น่าเสียดายที่อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้มากนัก ยกเว้นทักษะทางการแพทย์
ผูเว่ยชางหัวเราะและถามว่า “ชิงเหนียง ทำไมเจ้าไม่เขียนล่ะ?” เขามองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงที่กำลังบดหมึกอย่างหนัก ราวกับว่านางต้องการวาดภาพ
อวิ๋นซิ่วชิงส่ายหัว “เจ้าควรจะเขียนมัน ข้าเขียนอักษรไม่เก่ง ถ้าเขียนบนแผ่นป้ายและแขวนไว้ ผู้คนจะหัวเราะเอาได้”
”โปรดเขียนให้ข้าดูก่อน” จากนั้นผูเว่ยชางก็ยื่นพู่กันให้อวิ๋นซิ่วชิง
อวิ๋นซิ่วชิงไม่สามารถเอาชนะการรบเร้าจากผูเว่ยชางได้ จึงหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วจุ่มลงในหมึก
อวิ๋นซิ่วชิงเคยอ้วนและน่าเกลียด แต่โชคดีที่นางเกิดในครอบครัวอวิ๋นที่ร่ำรวย พ่อเฒ่าอวิ๋นชอบอ่านหนังสือ จึงฝึกอวิ๋นซิ่วชิงและอวิ๋นหมิงเซียวให้อ่านเขียนได้
อวิ๋นซิ่วชิงรู้ว่านางเป็นคนอัปลักษณ์ นางจึงศึกษาอย่างหนักและเรียนรู้เรื่องพวกนี้
นางเขียนอักษรตัวเล็ก ๆ แม้ว่าตอนนี้อวิ๋นซิ่วชิงจะเปลี่ยนวิญญาณไปแล้ว แต่ความทรงจำนั้นยังคงอยู่ในร่างเดิม จึงเขียนชื่อของนางบนกระดาษได้อย่างง่ายดาย
”ลายมือของเจ้าสวยงามเช่นเดียวกับเจ้า” ผูเว่ยชางพูดตามความจริง ลายมือของอวิ๋นซิ่วชิงนั้นสวยงามมาก
”แน่นอน” อวิ๋นซิ่วชิงยิ้ม ร่างเดิมนี้ได้ฝึกฝนการเขียนอักษรขนาดเล็กมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว
”ผูเว่ยชางเขียนแล้วให้ข้าดูที” อวิ๋นซิ่วชิงยังไม่เคยเห็นฝีมือการเขียนตัวอักษรของผูเว่ยชาง และนางก็อยากรู้ว่าเขามีลายมือที่สวยเพียงใด
ผูเว่ยชางยกพู่กันขึ้น และเขียนชื่อของเขาใต้ตัวอักษรของอวิ๋นซิ่วชิง
”อุ๊ย ข้าจำได้ แบบอักษรที่เจ้าใช้คือหญ้าป่า!” อวิ๋นซิ่วชิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
”แล้วมันเป็นอะไรหรือไม่?” ผูเว่ยชางฟังน้ำเสียงของอวิ๋นซิ่วชิงแล้วได้แต่ฉงน
”มีผู้คนบอกว่า เราสามารถบอกนิสัยของบุคคลได้โดยดูที่แบบอักษรของเขา คนส่วนใหญ่ที่ใช้แบบอักษรหญ้าป่านั้นรักอิสระ และไม่ถูกบงการจากใคร แต่เจ้าในตอนนี้ดูไม่เหมือนอักษรนั้นเลย”
ในความคิดของนาง ผูเว่ยชางเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาโดยตลอด และดูไม่เหมือนคนรักอิสระ
แท้จริงแล้วผูเว่ยชางชื่นชอบการไปตามทางของเขาเอง และรักอิสระ ทว่าหลังจากพบกับอวิ๋นซิ่วชิง เขากลายเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อหน้านาง
ผูเว่ยชางหัวเราะ “ถ้าเจ้าพูดอย่างนั้น ลายมือของเจ้าก็ไม่เหมือนเจ้า ตัวอักษรนี้ส่วนใหญ่เขียนโดยผู้หญิงที่ชอบเก็บตัว
มือของอวิ๋นซิ่วชิงถึงกับชะงัก ก่อนที่นางจะพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “เช่นนั้นเราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ แหะๆ”
ผูเว่ยชางพูดถูก อวิ๋นซิ่วชิงคนเดิมเป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บตัวอยู่ในห้องของนาง ดังนั้นอักษรที่นางเขียนจึงเป็นอักษรเสี่ยวจวน
การเขียนสามารถแสดงลักษณะของบุคคล อวิ๋นซิ่วชิงจึงตัดสินใจว่านางจะไม่เปิดเผยลายมือของนางต่อบุคคลภายนอกอีก
ผูเว่ยชางกำลังคิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงชอบนิสัยซื่อสัตย์ของเขาหรือไม่?
หลังจากที่นางฝนหมึก เขาก็ได้เขียนชื่อร้านขายผัก ‘อวิ๋นผู’ บนแผ่นป้ายด้วยแบบอักษรหญ้าป่าของเขา
อวิ๋นซิ่วชิงมองดูมันและพยักหน้าด้วยความพอใจ
”ใช่แล้ว เจ้าเป็นเหมือนหญ้าป่า”