บทที่ 193 คนคิดเพ้อฝันเกินไปมักได้เงินน้อย
หลิงซีไม่ปฏิเสธ หลังจากบอกลาหลี่เยว่หานแล้ว นางก็บอกให้หลี่เยว่หานดูแลตัวเองด้วย จากนั้นก็จับมือข่งซูเจี๋ยเดินจากไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเด็กทั้งสองเดินจากไป หลี่เยว่หานก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยน
เธอเห็นตอนอยู่บนเกวียน ถึงแม้ว่ารูปแบบการปักที่ข่งซูเจี๋ยนำออกมานั้นจะงดงามมาก แต่ก็ดูไม่เหมือนว่าเพิ่งถูกทำขึ้นมา อาจเป็นไปได้ว่าข่งซูเจี๋ย ต้องการช่วยให้แม่ของเขากอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา เขาจึงไปหาตัวอย่างงานปักที่นางทำไว้ในอดีต เพียงเพื่อประกาศให้ทุกคนทราบว่าต่อไปแม่ของเขาจะหาเงินมาเลี้ยงดูเขาด้วยการปักผ้า และนางจะไม่ถูกคนอื่นตราหน้าว่าเป็น ‘โสเภณี’ อีกต่อไป!
แม้จะอายุยังน้อย แต่เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ความคิดของเขาละเอียดอ่อนพอ ๆ กับมู่ชวน หลี่เยว่หานจึงมองเด็กคนนี้ด้วยความนับถือ
เพราะเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบส่วนใหญ่มักจะทำตัวดื้อรั้นน่ารำคาญ เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะไปโรงเรียนหรือไม่ก็ไม่มีใครต้องกังวล แต่เมื่อเห็นข่งซูเจี๋ยที่คล้ายกับมู่ชวนมาก หลี่เยว่หานก็รู้สึกเอ็นดูอยู่ในใจ
ส่วนหลิงซีเองก็คิดเช่นเดียวกัน นางจึงยอมติดตามข่งซูเจี๋ยอย่างเชื่อฟัง
หลังจากเข้ามาในเมืองแล้ว หลี่เยว่หานก็มองดูเขตที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับอำเภอหย่งอันแล้ว อำเภอหวาซีมีขนาดใหญ่กว่า และเจริญพอ ๆ กับเมืองหลิวชิง
ไม่รู้ว่าเพราะกำลังจะเดินไปตลาดหรือเปล่า แต่คนตามทางเยอะมาก หลี่เยว่หานจึงเพิ่งพบโอกาสที่จะขายไส้เดือนได้ เมื่อมีคนเข้ามาสอบถามราคา
แต่เนื่องจากหลี่เยว่หานเป็นผู้หญิง เขาจึงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้า
“พี่ชาย ข้าเป็นม่าย หนีสงครามกับสามีมาจากทางใต้ สามีของข้าเป็นวัณโรคเสียชีวิตระหว่างทาง และข้ายังมีลูกติดอยู่ด้วย ข้าจึงต้องดิ้นรนหาเงินด้วยการทำของพวกนี้ขาย ซึ่งฝีมือก็นับว่าดีเลยเจ้าค่ะ!” หลี่เยว่หานถูกรายล้อมไปด้วยพวกพ่อค้า เธอได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอต้องนำไส้เดือนออกมาขาย เธอจึงต้องเปิดเผยตัวตนในฐานะแม่ม่าย
ทุกวันนี้การกลั่นแกล้งหญิงม่ายเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ
แน่นอนว่าการรังแกแม่ม่ายอย่างแม่ม่ายฉาง นับเป็นอีกกรณีหนึ่ง
“เจ้าเป็นม่ายหรือ?” ชายผู้ถามราคาเลิกคิ้วขึ้น “เจ้ามาจากหมู่บ้านใด?”
“หมู่บ้านจางหนิงเจ้าค่ะ” หลี่เยว่หานตอบ แล้วพูดเสริมอย่างรวดเร็ว “ข้าเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว!”
“เจ้าไม่มีญาติในอำเภอหวาซีหรือ?” ชายคนนั้นถามอีกครั้ง
“มีน้องชายสองคนเจ้าค่ะ” หลี่เยว่หานตอบตามตรง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดชายคนนี้ ถึงถามคำถามมากมายถึงเพียงนี้ แต่เธอก็ตอบไปตามความจริง เพราะสุดท้ายตนก็ต้องมาขายของที่อำเภอนี้อีกในอนาคต และจะต้องถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเลือกบอกตั้งแต่ต้นเลยเสียดีกว่า “ข้าเพิ่งเป็นม่ายไม่นาน น้องชายทั้งสองของข้ายังไม่ได้แต่งงาน พวกเขายังคงทำงานอยู่ที่โรงเตี๊ยมเยวี่ยไหล ข้าไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ครอบครัว จึงพาลูกสาวไปขอให้หัวหน้าหมู่บ้านจางหนิงช่วยให้พวกเราได้ลงหลักปักฐานเจ้าค่ะ”
หลังจากได้ฟังเช่นนั้น ชายคนนั้นก็พยักหน้า แล้วนั่งยอง ๆ ตรวจสอบไส้เดือนของหลี่เยว่หานอย่างระมัดระวัง
ไส้เดือนนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยาก ดังนั้นหลี่เยว่หานจึงหามาได้เพียงสองกระบุง แต่เนื่องจากวิธีการนั้นเป็นความลับ เธอจึงเสนอราคากระบุงละยี่สิบห้าอีแปะ หลังจากที่ชายคนนั้นตรวจสอบคุณภาพแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรขัดข้อง แล้วจ่ายเงินเป็นห้าสิบอีแปะ แล้วจากไป
“หากต่อไปยังมีของเช่นนี้อยู่ก็นำมาขายให้ข้าได้เลย ข้าสกุลกวน เรียกข้าว่าพี่กวนก็ได้ ข้าทำกิจการที่ท่าเรือ เจ้าสามารถไปที่ท่าเรือแล้วบอกว่ามาหาข้าได้เลย”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!” หลี่เยว่หานพยักหน้าซ้ำ ๆ “ขอบคุณพี่กวนที่มาอุดหนุนข้า ต่อไปถ้าข้ามีไส้เดือนอีก ข้าจะนำไปให้ท่านแน่นอน!”
หลังจากฟังคำพูดของหลี่เยว่หานแล้ว ชายสกุลกวนก็พยักหน้า แล้วถือไส้เดือนไว้ในมือทั้งสองข้าง แล้วจากไป
หลังจากที่เขาเดินจากไปแล้ว แม่ค้าขายขนมแป้งทอดที่อยู่ถัดจากหลี่เยว่หานก็เข้ามาพูดว่า “สาวน้อย เจ้าช่างโชคดีเสียจริง ท่านกวนคนนี้เป็นเจ้าถิ่นแถวท่าเรือ ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของเขากับพวกผู้มีอิทธิพลลึกซึ้งมาก!”
หลังจากได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็ชะงัก “หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“โอ้ เจ้าเป็นม่ายไม่ใช่หรือ หากเจ้าสามารถชนะใจท่านกวนได้ เจ้ายังกังวลว่าจะไม่ได้อยู่สุขสบายในอนาคตอีกหรือ?” แม่ค้าหัวเราะ
หลี่เยว่หานโกรธมากเมื่อได้ยินดังนั้น “ข้าตั้งใจขายของ แต่ท่านยังมีเวลาคิดเพ้อฝันได้ เหตุใดท่านไม่ไปเป็นนักเล่านิทานเสียเลยเล่า” เมื่อพูดจบ หลี่เยว่หานก็เหลือบมองแผงขายขนมแป้งทอดของนางแล้วเย้ยหยัน “ท่านเอาแต่คิดเพ้อฝันเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ท่านหาเงินได้น้อยมาก! ข้าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็หาเงินได้ห้าสิบอีแปะแล้ว ส่วนท่าน นั่งขายมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ได้เงินแค่สิบกว่าอีแปะเท่านั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านหาเงินได้น้อย”
หลังจากพูดจบ หลี่เยว่หานก็หันหลังเดินจากไป
เพราะมีพี่กวนมาอุดหนุน หลี่เยว่หานจึงค่อนข้างมีความสุขในตอนแรก แต่เมื่อคนขายขนมแป้งทอดพูดเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ไม่พอใจ หลังจากด่าคนขายขนมแป้งทอดไปแล้ว หลี่เยว่หานก็รู้สึกดีขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อนึกได้ว่าตนได้เงินมาถึงห้าสิบอีแปะ มากพอที่จะซื้อเสื้อผ้าสองชุดให้หลิงซีได้ และมากพอที่จะซื้อผ้าอีกครึ่งผืนด้วย
ที่นี่มีร้านขายผ้าเพียงไม่กี่ร้านที่รวบรวมตัวอย่างงานปักในอำเภอหวาซี หลี่เยว่หานใช้เงินหนึ่งอีแปะเพื่อถามทาง แล้วเดินไปยังร้านขายผ้าอวี้เยว่ที่ใหญ่ที่สุด
ร้านขายผ้าอวี้เยว่ในเมืองหลิวชิงเป็นกิจกาจของตระกูลเวิน แต่ร้านขายผ้าอวี้เยว่ในอำเภอหวาซีน่าจะเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุด
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ หลี่เยว่หานก็หันไปเห็นเด็กทั้งสองนั่งอยู่บนขั้นบันไดของร้านขายผ้าอวี้เยว่จึงรีบเดินไปหา
“ขอบคุณนะซูเจี๋ยที่ช่วยดูแลเสี่ยวหลิงตังให้” หลี่เยว่หานพูด พร้อมกับหยิบขนมโก๋สองชิ้นออกจากแขนเสื้อ แล้วยื่นให้เด็กทั้งสองคนละหนึ่งชิ้น
แต่ข่งซูเจี๋ยไม่รับ “ได้ค่าตอบแทนโดยที่ยังไม่ได้ทำอันใดเลย ต้องขอบคุณท่านน้าขอรับ”
“ไม่ได้ทำอันใดได้อย่างไร เจ้าช่วยดูแลเสี่ยวหลิงตังให้ข้ามาตั้งนานแล้ว แต่ยังปฏิเสธค่าตอบแทนอีก ขนมโก๋นี้ราคาเพียงชิ้นละสามอีแปะเท่านั้น รับไปเถิด ไม่อย่างนั้นข้าจะรู้สึกเหมือนว่าข้าเอาเปรียบเจ้านะ!” หลี่เยว่หานกล่าว แล้วลูบหัวข่งซูเจี๋ยอย่างอ่อนโยน “เจ้าขายตัวอย่างงานปักของแม่เจ้าไปแล้วหรือ?”
หลังจากได้ยินดังนั้น ข่งซูเจี๋ยก็ก้มหน้าลง “ยังขอรับ พวกเขาบอกว่ารูปแบบงานปักของแม่ข้าล้าสมัย”
“ถ้าเจ้าไว้ใจน้าก็เอาตัวอย่างงานปักนั่นมาให้น้าสิ แล้วน้าจะขายให้เจ้าได้แน่นอน” หลี่เยว่หานพูด แล้วยกมือออกจากศีรษะของข่งซูเจี๋ย
หลังจากฟังคำพูดของหลี่เยว่หานแล้ว ข่งซูเจี๋ยก็มองหลี่เยว่หานด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “ท่านน้าหาน แม่ของข้า… แม่ของข้าทำกับท่านเช่นนั้น แต่ท่านก็ยังเต็มใจจะช่วยพวกเราอีกหรือขอรับ?”
“เฮ้อ มันง่ายมาก เจ้าอย่าได้เก็บมาคิดเลย!” สิ่งที่หลี่เยว่หานกลัวมากที่สุดก็คือข่งซูเจี๋ยชอบเกรงใจเหมือนกับมู่ชวน ตนจึงต้องการทำให้คำขอบคุณที่เขากำลังจะพูดออกมากลับเข้าไปในท้องของข่งซูเจี๋ย
เมื่อเห็นหลี่เยว่หานพูดเช่นนี้ ข่งซูเจี๋ยก็ไม่ลังเลเลย เขาหยิบตัวอย่างงานปักออกมาส่งให้หลี่เยว่หาน “ตราบใดที่มันสามารถขายได้ เงินจะน้อยลงก็ไม่สำคัญขอรับ!”
“หากเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าต้องขายให้เจ้าในราคาที่ดีเสียแล้ว” พูดจบ หลี่เยว่หานก็บอกให้ข่งซูเจี๋ยดูแลหลิงซีให้ แล้วเดินเข้าไปในร้านขายผ้า
ร้านขายผ้าอวี้เยว่ในอำเภอหวาซี มีขนาดใหญ่กว่าร้านในเมืองหลิวชิง และมีลูกค้ามากกว่าด้วย หลี่เยว่หานเดินเตร่อยู่ด้านในเป็นเวลานาน ก่อนที่จะพบเจ้าของร้าน
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินว่านางมาที่นี่เพื่อขายตัวอย่างงานปักก็ชวนนางไปที่โต๊ะใกล้ ๆ
หลังจากพิจารณารูปแบบการปักของหลี่เยว่หานแล้ว เจ้าของร้านก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “เจ้าน่าจะไปอยู่กับเด็กชายตัวเล็กที่เพิ่งมาไม่นานนี้ ข้าได้บอกเขาไปแล้วว่าลายปักเช่นนี้ล้าสมัย เรารับไว้ไม่ได้”
“ท่านลองดูตะเข็บเหล่านี้ให้ดี” หลี่เยว่หานพูดด้วยรอยยิ้ม “ร้านขายผ้าอวี้เยว่ของท่านเป็นร้านใหญ่ ท่านน่าจะมีช่างปักจำนวนมาก ข้ามาวันนี้ไม่เพียงแต่เพื่อขายตัวอย่างงานปักนี้ให้ท่านเท่านั้น แต่ยังอยากแนะนำให้ท่านได้รู้จักช่างปักฝีมือดีด้วย”
หลังจากได้ยินดังนั้น เจ้าของร้านก็พิจารณาตะเข็บบนตัวอย่างงานปักอย่างละเอียด จากนั้นพยักหน้าและชมเชย “ทักษะการปักของช่างปักคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ดีกว่าช่างปักระดับสองของร้านเรา ว่าแต่เจ้าเป็นคนปักหรือเปล่า?”
MANGA DISCUSSION