บทที่ 184 มาถึงหมู่บ้านจางหนิง
หลี่เยว่หานนั่งอยู่บนรถม้า ชะโงกหน้าออกจากหน้าต่าง มองดูร่างของเมิ่งฉีฮ่วนค่อย ๆ กลืนหายไปกับความมืดมิดยามราตรี จนมองไม่เห็นเขาอีกต่อไป
นางรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ก่อนออกเดินทาง เมิ่งฉีฮ่วนบอกว่าหลังจากที่เธอไปถึงแล้ว เขาจะส่งจดหมายถึงเธอ แต่เมิ่งฉีฮ่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอไปถึงที่นั้นแล้ว?
อีกทั้งเหตุใดเขาถึงบอกว่าเวินเทียนเหล่ยจัดการทุกอย่างให้แล้ว ทั้งยังบอกว่าอย่าเข้าใกล้เวินเทียนเหล่ยมากเกินไป?
หลี่เยว่หานเต็มไปด้วยความสงสัย และตัดสินใจว่าเมื่อมีโอกาสตนจะต้องคุยกับเมิ่งฉีฮ่วนให้รู้เรื่อง
“ท่านอาหญิงทนทิ้งท่านอาไปไม่ได้หรือเจ้าคะ?” หลิงซีเห็นหลี่เยว่หานหันไปมองด้วยสีหน้าเศร้า จึงเอ่ยถามขึ้น
หลี่เยว่หานอุ้มหลิงซีมานั่งตัก แล้วถามว่า “หลิงซีทนทิ้งท่านอาไปได้หรือไม่?”
หลิงซีส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ทิ้งไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ท่านอาจะต้องลำบากเป็นแน่ หากไม่มีท่านอาหญิงอยู่เคียงข้าง”
หลังจากได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็ถอนหายใจเบา ๆ “เจ้ายังเด็กนัก แต่มีเหตุผลมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าแล้ว ดูเหมือนว่าท่านอาหญิงจะโง่เขลาไปเลย”
“ท่านอาหญิงไม่ได้โง่เขลา แค่คิดช้าเจ้าค่ะ” หลิงซีพูดขณะซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลี่เยว่หาน “จากนี้ไป พวกเราจะไปอยู่แปลกที่กันแล้ว!”
“หลิงซีกลัวหรือไม่?”
“หากมีท่านอาหญิงอยู่ด้วย หลิงซีก็ไม่กลัว!”
……
รถม้าเดินทางนานกว่าครึ่งเดือน ก่อนจะหยุดอยู่นอกประตูเมืองในที่สุด ดูเหมือนจะมีคนพูดอะไรบางอย่างกับคนขับรถม้า จากนั้นจึงมีคนมาเคาะประตูรถม้า “ฮูหยิน พวกเราเป็นคนของนายน้อยเวิน”
หลังจากได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็เปิดประตูรถม้า
คนแปลกหน้าสองคนปรากฏตัวขึ้น เมื่อพวกเขาเห็นหลี่เยว่หาน ชายหนุ่มก็หยิบภาพวาดขึ้นมาเปรียบเทียบ หลังจากยืนยันตัวตนของหลี่เยว่หานเสร็จแล้ว เขาก็โค้งคำนับนาง แล้วพูดว่า “ตัวตนใหม่ของฮูหยินและคุณหนูได้รับการยืนยันเสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าฮูหยินมีแผนจะอยู่ในเมือง หรือในหมู่บ้านหรือขอรับ?”
“แตกต่างกันอย่างไรหรือ?” สำหรับหลี่เยว่หานนั้น ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างสองที่ คือความสะดวกในการทำธุรกิจและซื้อของ ตอนนี้หลี่เยว่หานเดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขามากับหลิงซีนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว นางจึงไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของคนอื่น ด้วยการทำธุรกิจอีกต่อไป
“หากไปอยู่ในเมือง ข้าน้อยจะให้ฮูหยินเป็นสาวใช้ แล้วให้ทำงานในบ้านของคนรวย แต่ไม่ต้องทำงานกลางแจ้ง หากท่านอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ตัวตนที่พวกเราเตรียมไว้ให้ฮูหยินก็คือ ผู้ลี้ภัยจากแดนใต้ เป็นหญิงม่ายที่สามีเสียชีวิตด้วยอาการป่วย”
เด็กหนุ่มทั้งสองไม่รีบร้อน แล้วอธิบายเรื่องตัวตนใหม่ของหลี่เยว่หานอย่างละเอียด
ทันทีที่หลี่เยว่หานได้ยินว่าหากเลือกอาศัยอยู่ในเมือง จะต้องมีสถานะเป็นคนรับใช้ของคนรวย นางก็ปฏิเสธทันที “ข้าควรพาหลานไปที่ชนบทดีกว่า สถานะของหญิงม่ายนั้นไม่ต่างจากที่ข้าคาดหวังไว้มากนัก”
“ได้ขอรับ พวกข้าน้อยจะจัดการเดี๋ยวนี้!”
หลังจากที่เด็กหนุ่มทั้งสองตอบรับ พวกเขาก็โค้งคำนับ แล้วหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ขณะมองแผ่นหลังของพวกเขา หลี่เยว่หานก็ถามคนขับรถม้าว่า “เจ้ารู้จักพวกเขาหรือไม่?”
“รู้จักขอรับ พวกเขาเป็นคนของนายน้อยเวิน” คนขับรถม้าคนนี้ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษมาจากเมิ่งฉีฮ่วน เขาสามารถรับส่งนางและหลิงซีได้เป็นอย่างดี กล่าวได้ว่าเมิ่งฉีฮ่วนช่างเอาใจใส่จริง ๆ
ด้วยความช่วยเหลือของเวินเทียนเหล่ย ไม่นานหลี่เยว่หานกับหลานสาวก็ได้ย้ายเข้าไปในหมู่บ้านจางหนิงที่อยู่ไม่ไกล หลี่เยว่หานเปลี่ยนชื่อเป็นหานเยว่ ส่วนหลิงซีเปลี่ยนชื่อเป็นหลิงตัง
เด็กหนุ่มสองคนของเวินเทียนเหล่ย คนหนึ่งชื่อตวนอู่ อีกคนหนึ่งชื่อจงชิว บอกกับหลี่เยว่หานว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจะเป็นหญิงม่ายชื่อหานเยว่ สามีของนางเป็นคนสกุลฉี ชื่อของเขาคือฉีต้าจ้วง เขาป่วยเป็นไข้ทรพิษและเสียชีวิตกลางทาง
หลังจากที่หลี่เยว่หานและหลิงซีจดจำตัวตนที่เตรียมไว้ ตวนอู่และจงชิวก็เรียกเกวียนโทรม ๆ โดยใช้ประโยชน์จากเวลาที่ยังเช้าอยู่ พาหลี่เยว่หานและหลิงซีเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านจางหนิง และมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
เห็นได้ชัดว่าตวนอู่และจงชิวมีการวางแผนไว้นานแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาของเขารออยู่ที่บ้านก่อนเวลา เมื่อพวกเขาเห็นหลี่เยว่หานลงจากเกวียนวัว โดยมีหลิงซีอยู่ในอ้อมแขน ทุกคนก็ทักทายนางด้วยรอยยิ้ม “พี่ตวนอู่ นี่คือพี่สะใภ้ที่ชื่อหานของเจ้าหรือ?”
“ใช่ พี่สะใภ้ของข้า หานเยว่ หลานสาวของข้า หลิงตัง” ตวนอู่ตอบขณะผูกเกวียนวัว
หลังจากฟังคำพูดของตวนอู่ ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบหยิบสัมภาระออกจากมือหลี่เยว่หาน แล้วพูดว่า “พี่ตวนอู่ได้เล่าเรื่องของเจ้าให้พวกเราฟังหมดแล้ว แม้ว่าสองปีที่ผ่านมาจะไม่ได้ถือว่าเป็นปีแห่งหายนะ แต่ภัยสงครามทางภาคใต้ก็เกิดขึ้นหลายครั้ง เมื่อเทียบกับหมู่บ้านจางหนิงของเราแล้ว ที่นี่ก็อยู่ใกล้เมืองหลวงและปลอดภัยกว่า น้องหาน นับจากนี้ไปให้เรียกข้าว่าพี่จู้!”
“เช่นนั้นหานเยว่ขอบคุณพี่จู้นะเจ้าคะ!” เมื่อพูดจบ หลี่เยว่หานก็เอ่ยขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านด้วยสีหน้าจริงใจ
เมื่อเห็นมารยาทที่ดีของนาง พี่จู้ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไม่มีปัญหา แม้ว่าจะมีลูก แต่ตราบใดที่เจ้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจางหนิงของเรา พี่จู้สัญญาว่าจะหาครอบครัวที่ดีให้เจ้าได้แต่งงานด้วย! สำหรับสตรีนั้น หากไม่มีบุรุษอยู่ในบ้านย่อมลำบาก”
หลังจากได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็หน้าเสีย “พี่สาวโปรดหยุดล้อเล่นเถิด สามีของข้าเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานนี้ ข้ายังอยากไว้อาลัยเขาไปอีกสามปีเจ้าค่ะ”
“ได้ ได้ ได้ ต่อไปพี่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว”
หลังจากที่พี่จู้ดึงหลี่เยว่หานมาพูดคุยด้วยสักพัก นางก็แนะนำหัวหน้าหมู่บ้าน ที่เป็นชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าจริงจัง “นี่สามีของข้า แซ่อวี๋ เขาได้รับการเคารพนับถือจากชาวบ้านมาก ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านจางหนิง ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดร้ายอันใด ดังนั้นเจ้าอย่าได้ถือสาเลย”
ขณะที่พูดจบ พี่จู้ก็ดึงเสื้อของหัวหน้าหมู่บ้านอวี๋ ในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านอวี๋ก็รู้สึกตัว และลูบท้ายทอยตัวเองด้วยสีหน้าใสซื่อ “พี่ตวนอู่ น้องหาน วันนี้ข้าได้จัดเตรียมบ้านที่ว่างไว้ให้สองแม่ลูกอาศัยอยู่แล้ว อยู่ในลานฝั่งตะวันออกของหมู่บ้านน่ะ”
“ข้าคิดว่าน้องหานเป็นสตรีมีลูกติด มันจะดีกว่าหากได้อาศัยอยู่ในบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดมากกว่านี้ แต่ราคาก็…” ขณะที่เขาพูด หัวหน้าหมู่บ้านอวี๋ก็หน้าแดง
ได้ยินดังนั้น ตวนอู่ก็โบกมือก่อนที่หลี่เยว่หานจะทันได้พูด “ข้าคิดว่าต้องหาบ้านที่ดีกว่านี้ให้พี่สะใภ้ของข้า นางเป็นผู้หญิงและมีหลานสาวของข้าอยู่ด้วย ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกนาง เงินไม่ใช่ปัญหา ข้าจะมอบให้พี่ใหญ่อวี๋ทันที”
หลังจากชีวิตพลิกผันมาหลายครั้ง หลี่เยว่หานก็ได้มาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจางหนิง และเป็นเจ้าของบ้านหลังเล็ก โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่ากับบ้านสกุลเมิ่งในหมูู่บ้านไป๋อวิ๋น แต่ก็ยังเป็นที่พักที่ดี เห็นได้ชัดว่าบ้านได้รับการทำความสะอาดแล้ว เครื่องนอนและของใช้ประจำวันอื่น ๆ ในบ้านก็เป็นของใหม่ทั้งหมด ซึ่งช่วยหลี่เยว่หานได้มาก
“ได้ยินมาว่าเจ้าเคยเป็นคุณหนูจากครอบครัวที่ร่ำรวย ไม่รู้ว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่นี่ได้หรือไม่” หลังจากที่พี่จู้พาหลี่เยว่หานไปส่งถึงบ้านแล้ว สีหน้านางก็ประหม่าเล็กน้อย “ความจริงแล้วที่นี่ไม่มีบ้านหรูหราหรอก นี่เป็นหลังเดียวที่มีกำแพงสูงที่สุด”
หลังจากได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็รีบตอบด้วยรอยยิ้ม “แค่มีบ้านให้อยู่ก็ถือว่าข้าโชคดีแล้วเจ้าค่ะ!”
MANGA DISCUSSION