บทที่ 176 เล่นละคร
จนกระทั่งมู่ชวนเลิกเรียนกลับมา หลี่เยว่หานก็ยังไม่ได้ก้าวพ้นออกจากประตูบ้านเสียด้วยซ้ำ
ทันทีที่มู่ชวนก้าวเข้าประตู หลี่เยว่หานก็บอกให้เขาเงียบเสียงแล้วรีบเข้าไปหา
“อาหญิง เกิดอะไรขึ้นหรือ?” มู่ชวนเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
ตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่ หลี่เยว่หานรู้สึกว่ามู่ชวนเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
“เจ้าแกล้งทำเป็นตื่นตระหนก แล้วนำเงินไปจ้างม้าเกวียนโดยเร็ว บอกเขาว่าให้ไปตามหมอกลับมา” เอ่ยจบ หลี่เยว่หานก็ส่งเงินจำนวนหนึ่งให้กับมู่ชวน “หากผู้ใดเอ่ยถาม ให้เจ้าบอกว่าพบหลิงซีหมดสติอยู่กลางห้องครัวในบ้าน”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น มู่ชวนก็ถึงกับตกใจ พลางมองดูหลี่เยว่หานและหลิงซีที่ยังปกติดีทั้งคู่ จึงไม่ค่อยเข้าใจนัก “พวกท่านก็ดูปกติดีมิใช่หรือ?”
“จินเสวี่ยเอ๋อร์มาที่นี่” หลี่เยว่หานกล่าว “นางวางยาลงในหม้อหมูตุ๋น นางต้องรอดูว่าพวกเรามีอาการอะไรอย่างแน่นอน จำเอาไว้ว่าอย่ามีพิรุธ แค่ทำให้จินเสวี่ยอ๋อร์คิดว่าหลิงซีหมดสติไปเท่านั้นเป็นพอ ทางที่ดีเอาให้คนทั้งหมู่บ้านรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะท่านปู่ซุน”
ถึงแม้ว่าหลี่เยว่หานจะไม่ทราบว่าเมิ่งฉีฮ่วนและท่านปู่ซุนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร แต่นางแน่ใจว่าต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกันเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านปู่ซุนจะต้องออกโรง ต่อให้คนในหมู่บ้านมารุมดูก็ไม่เกรงกลัว พวกเขาไม่กล้ามองข้ามท่านปู่ซุนที่จะลงมือค้นหาความจริงอยู่แล้ว
มู่ชวนเป็นเด็กมีไหวพริบ เขารีบรับเงินไป ก่อนจะวิ่งออกจากประตูห้องครัวแล้วโยนกระเป๋าใส่หนังสือทิ้งไป พลางเอ่ยตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับร้องห่มร้องไห้ “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ท่านปู่ซุน ท่านปู่ซุนช่วยด้วย!”
ในขณะที่กำลังร้องห่มร้องไห้ มู่ชวนก็ได้วิ่งไปทั่ว
ไม่นานนัก ที่หน้าประตูบ้านสกุลเมิ่งก็เต็มไปด้วยผู้คน หลี่เยว่หานได้วางแผนกับหลิงซีเอาไว้ ทั้งสองนอนราบอยู่บนพื้นโดยไม่ขยับตัวแต่อย่างใด จึงไม่มีผู้ใดกล้าเดินเข้ามา เพราะต่างพากันคิดว่าคนของสกุลเมิ่งได้สิ้นใจเป็นที่เรียบร้อย
ซุนไท่กงรีบมาที่นี่โดยเร็ว เมื่อสังเกตอยู่ครู่หนึ่งก็ได้เห็นสาวน้อยทั้งสองที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ภายในครัว จากนั้นจึงปรายตามองมู่ชวนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้ เจ้ารีบไปหาท่านลุงหนิวของเจ้าเสีย บอกเขาให้รีบผูกเกวียนแล้วรีบไปที่โรงหมอ!”
เมื่อเอ่ยจบ ซุนไท่กงก็ขวางชาวบ้านที่กำลังมุงดูอยู่นอกประตู ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในครัวด้วยตัวเอง เพื่อเข้ามาดูอาการของหลี่เยว่หานและหลิงซี
เมื่อเห็นท่านปู่ซุนเดินเข้ามาเพียงผู้เดียว หลี่เยว่หานจึงลืมตาขึ้นพร้อมทั้งขยิบตาให้เขาหนึ่งครั้ง
ถึงแม้ว่าซุนไท่กงจะยังไม่เข้าใจว่านางต้องการทำอะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่ได้เปิดเผยความลับของนาง แต่กลับค้ำยันไม้เท้าคู่กายแล้วยืนเหยียดตัวขึ้นมาแทน ก่อนจะเอ่ยกล่าวกับผู้คนที่ยืนมองอยู่ตรงหน้าประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หลิวโหย่วฉาย เจ้ากับฮูหยินของเจ้าเข้ามานี่หน่อย ช่วยย้ายร่างของหลิงซีกับแม่หนูเยว่หานเข้าไปข้างใน ดูเหมือนทั้งคู่จะโดนวางยา”
เมื่อได้ยินว่าโดนวางยา ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนก
หลิวโหย่วฉายและฮูหยินไม่กล้าขัด ก้าวเดินผ่านพ้นหน้าประตูเข้าไปทันที หลิวโหย่วฉายอุ้มหลิงซีขึ้นมา ส่วนฮูหยินของหลิวโหย่วฉายประคองร่างหลี่เยว่หานขึ้นจากพื้น แล้วรีบพาเดินเข้าไปในลานข้างใน
ทันทีที่เข้าไปถึงลานด้านใน สายตาที่จ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นจากตรงหน้าประตูก็โดนปิดกั้นเป็นที่เรียบร้อย
หลี่เยว่หานกระโดดลงมาจากหลังของฮูหยินสกุลหลิว ก่อนจะก้มคำนับทั้งสองสามีภรรยาและซุนไท่กง “ขอบคุณท่านปู่ซุน ขอบคุณพี่หลิวและพี่สะใภ้หลิวมากเลยเจ้าค่ะ”
“เยว่หาน นี่เจ้ากำลังทำสิ่งใดกันแน่?” ฮูหยินสกุลหลิวรู้สึกงุนงง
หลี่เยว่หานอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกระชับได้ใจความ ซุนไท่กงที่ยืนอยู่กระทุ้งไม้เท้าคู่กายอย่างแรงด้วยความโกรธ “จินเสวี่ยเอ๋อร์ผู้นี้ช่างโป้ปดยิ่งนัก! แล้วยังกล้ามาวางยาพิษเช่นนี้อีก! แล้วเมิ่งฉีฮ่วนไปอยู่ที่ใดกัน!”
“สามีของข้าเข้าไปในเมืองตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ ข้าคาดเดาว่าจินเสวี่ยอ๋อร์กล้าลงมือเมื่อเห็นสามีของข้าจากไปแล้ว” หลี่เยว่หานเอ่ย นางเอ่ยเกลี้ยกล่อมท่านปู่ซุนพลางขอให้เขานั่งลงก่อน หลังจากนั้นจึงเอ่ย “พี่หลิว พี่สะใภ้ ข้าอยากให้พวกท่านทำเป็นไม่รู้เห็นเรื่องนี้ หากผู้ใดเอ่ยถามขึ้น ให้ท่านบอกเพียงแค่ว่าพิธีศพของข้ากับหลิงซีกำลังจะจัดขึ้นในไม่ช้า”
“สาปแช่งตัวเองเช่นนั้นได้อย่างไรกัน! รีบถอนคำพูดเสีย!” ฮูหยินสกุลหลิวรีบจับมือของหลี่เยว่หานขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“จินเสวี่ยเอ๋อร์ต้องเฝ้ารอดูอย่างใจจดใจจ่อหลังจากที่มาวางยาเป็นแน่ นางต้องได้รับรู้ว่าแผนของตัวเองสำเร็จลุล่วง” เมื่อหลี่เยว่หานเอ่ยจบ จึงหันมองซุนไท่กง “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงยังปล่อยให้นางอยู่ในหมู่บ้าน แต่ข้าเชื่อว่าท่านปู่ซุนคงมีเหตุผลของตนเอง”
เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น บ้านสกุลหลิวจึงไม่ได้โต้แย้งอะไร ซุนไท่กงเข้าใจเจตนาของหลี่เยว่หานในทันที ก่อนจะกวักมือขึ้น “หลิวโหย่วฉาย พวกเจ้าทำตามที่เยว่หานกล่าวเถิด”
ถึงแม้ว่าหลิวโหย่วฉายและฮูหยินของเขาจะไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไร แต่เมื่อพิจารณาจากใบหน้าของหลี่เยว่หานและซุนไท่กงแล้ว ทั้งสองต่างรับรู้ได้ทันทีว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาไม่เอ่ยสิ่งใด นอกจากนี้พวกเขาทั้งสองสามีภรรยาก็ไม่เอ่ยถามด้วย หลิวโหย่วฉายอยู่กับเมิ่งฉีฮ่วนมานาน แน่นอนว่าเมิ่งฉีฮ่วนย่อมมีความลับบางอย่าง นอกจากนี้อยู่ ๆ จินเสวี่ยเอ๋อร์ยังปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันอีก เขาไม่เอ่ยถามอะไรทั้งนั้น ก่อนจะพาฮูหยินของตนออกมาจากลานด้านในอย่างเร่งรีบ
“แม่หนูเยว่หาน เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?” เมื่อคนอื่นจากไปแล้ว ซุนไท่กงจึงหันมองไปทางหลี่เยว่หาน
หลิงซีเอนกายอยู่ในอ้อมแขนของหลี่เยว่หาน พลางคล้องคอนางเอาไว้ รอให้หลี่เยว่หานเอ่ยพูดเช่นกัน
“ท่านปู่ซุน ข้าคาดเดาเอาไว้ว่าสาเหตุที่พวกท่านยังเก็บจินเสวี่ยเอ๋อร์เอาไว้ เป็นเพราะคาดเดาจุดประสงค์ของจินเสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เจ้าค่ะ” หลี่เยว่หานเอ่ยอธิบายยาวเหยียด “แผนการณ์ของข้าคืออยากทำให้จินเสวี่ยเอ๋อร์หลงคิดว่าตนลงมือสำเร็จแล้ว และออกจากมู่บ้านไปอย่างพึงพอใจ”
“เจ้าเพียงแค่อยากขับไล่นางไปอย่างนั้นหรือ?” ซุนไท่กงรู้สึกสงสัย
“ไม่ใช่แน่นอน” หลี่เยว่หานกล่าว “หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง ท่านปู่ซุนเองก็น่าจะทราบเกี่ยวกับเมิ่งหลางและคนอื่น ๆ ดังนั้นหากจินเสวี่ยเอ๋อร์ออกจากหมู่บ้านไป ท่านก็สามารถแอบส่งคนสะกดรอบตามนางไปได้ เพื่อดูว่านางแอบติดต่อกับผู้ใด”
เมื่อได้ฟังคำพูดของหลี่เยว่หาน ท่าทีการแสดงออกของซุนไท่กงก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที “เจ้า…เมิ่งฉีฮ่วนบอกเจ้าหมดทุกอย่างแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“เปล่าเจ้าค่ะ แค่บอกเล่าให้ฟังเพียงเล็กน้อย” หลี่เยว่หานรีบเอ่ยเพื่อให้ซุนไท่กงสงบลง “แต่ข้าไม่ใช่คนโง่เขลา จึงสามารถคาดเดาได้เพียงในไม่กี่นาที จึงเป็นสาเหตุที่ข้าอยากจะขอความช่วยเหลือจากท่านปู่ซุน”
เมื่อได้ฟังคำพูดของนาง ซุนไท่กงจึงคิดหนัก เมื่อเห็นว่าความคิดของหลี่เยว่หานค่อนข้างสมเหตุสมผลจึงยอมตกลงในที่สุด
หมู่บ้านไปอวิ๋นอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่ไกลมาก หากไปกลับ ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น หากไปตามหมอและรอมู่ชวนกลับมารวมเวลาแล้วก็ประมาณหนึ่งชั่วยามเท่านั้น มู่ชวนก็กลับมาเป็นที่เรียบร้อย
ทุกคนต่างทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าหลี่เยว่หานและหลิงซีโดนวางยา ฮูหยินสกุลหลิวถึงกับร่ำไห้ทั้งน้ำตาแล้วบอกว่าพวกนางใกล้สิ้นใจ ในเวลานี้ คนทั้งหมูบ้านเกือบครึ่งต่างมารวมตัวอยู่บริเวณหน้าประตูบ้านสกุลเมิ่ง
มู่ชวนพาหมอเดินเข้าประตูไป หลังจากนั้นก็ได้รับการตอบรับจากซุนไท่กงที่อยู่ด้านใน เมื่อเห็นทั้งสองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ผู้อาวุโสซุน” เมื่อเจ้าไปถึงลานด้านใน หมอคนนั้นก็เอ่ยทักทายซุนไท่กงด้วยความนอบน้อม
หลี่เยว่หานอดสงสัยไม่ได้
“ไม่ต้องสุภาพหรอก” ซุนไท่กงโบกมือ เมื่อเห็นว่าหลี่เยว่หานงุนงง จึงเริ่มอธิบาย “ท่านหมอเฉินเป็นหมอประจำตระกูล”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หลี่เยว่หานจึงอดที่จะปรายตามองมู่ชวนไม่ได้
เด็กคนนี้เป็นงานเสียจริง รู้ว่าต้องไปตามหมอแต่ถึงอย่างนั้นก็เลือกตามหมอประจำตระกูลของตัวเอง เพียงแต่หลี่เยว่หานไม่เคยพบท่านหมอเฉินมาก่อน เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฉีฮ่วนอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋นมาเป็นเวลาเพียงแค่สองสามปีเท่านั้น
“ท่านหมอเฉิน ข้าอยากขอความร่วมมือจากท่านเสียหน่อยเจ้าค่ะ” หลี่เยว่หานไม่ได้เอ่ยถามมู่ชวน แต่กลับจ้องมองไปยังท่านหมอเฉินแล้วเอ่ยพูดด้วยความสุภาพ “การแสดงในครั้งนี้ต้องขอแรงจากท่านหมอเฉินมาร่วมด้วยช่วยกันเสียหน่อย จึงจะสามารถดำเนินการต่อได้เจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหลี่เยว่หานแล้ว ท่านหมอเฉินก็ได้พยักหน้า “ข้าจะไปนำอาหารพวกนั้นออกมาจากหม้อ แล้วดูเสียว่าเป็นพิษชนิดใด”
“ต้องรบกวนท่านหมอเฉินด้วยเจ้าค่ะ” หลี่เยว่หานเอ่ย พลางก้มโค้งคำนับท่านหมอเฉินด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อม
“ด้วยความยินดีขอรับ มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” ท่านหมอเฉินเอ่ยจบ ก็รีบเดินตามมู่ชวนออกจากประตูตรงห้องโถงด้านในไป
MANGA DISCUSSION