บทที่ 173 คลุมเครือเล็กน้อย
เมื่อเห็นหญิงสาวกังวลมากขนาดนั้น เมิ่งฉีฮ่วนจึงดึงนางขึ้นมากอดไว้
“อ๊ะ!” หลี่เยว่หานร้องออกมาเบา ๆ กลัวว่าพวกเด็ก ๆ จะตื่น เธอมองชายหนุ่มด้วยความโกรธ “เจ้าทำอะไร! ข้าเกือบจะตะโกนเสียงดังแล้ว!”
“ข้าจะพาเจ้ากลับห้องนอน” เมิ่งฉีฮ่วนรู้ว่าจะหลี่เยว่หานจะดิ้น ดังนั้นจึงกอดหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น ทั้งไหล่และขาของนางต่างโดนรวบไว้
หลี่เยว่หานรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจากแรงของเมิ่งฉีฮ่วน แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกตลก “เจ้าคิดหรือว่าจะจับข้าเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างนี้ได้?”
หลังจากเอ่ยจบ เมิ่งฉีฮ่วนก็ดับตะเกียงลง ก่อนจะอุ้มหลี่เยว่หานออกจากห้องของเด็ก ๆ
“ไม่” แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา สะท้อนแววตาอันอ่อนโยนของเมิ่งฉีฮ่วนที่ใช้มองหลี่เยว่หาน “ลำบากเจ้าแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็อดรู้สึกเขินอายขึ้นมาไม่ได้ “แค่ด่าเองไม่ใช่หรือ ข้าจะลำบากอะไรกัน” ยังไม่สุดฝีมือเธอด้วยซ้ำ หากเมิ่งฉีฮ่วนไม่ห้ามและท่านปู่ซุนไม่ได้อยู่ตรงนั้น ตนคงเอ่ยปากด่าจนกว่าจินเสวี่ยเอ๋อร์จะร้องไห้ประหนึ่งสุนัขแน่
“สิ่งที่ข้าหมายถึงคือ เจ้าช่วยข้าจนทำให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ได้ เจ้าทำงานหนักมากจริง ๆ” เมิ่งฉีฮ่วนอธิบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป พลางผลักประตูห้องของหลี่เยว่หานออก ก่อนจะวางนางลงบนเตียงพร้อมเอ่ย “เพราะข้าไม่ไล่จินเสวี่ยเอ๋อร์ออกไป จึงทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดี”
“ข้าไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรอก” หลี่เยว่หานรู้สึกใจสลายมากจริง ๆ “ขอเพียงเจ้าไม่คุยกับคนนอก ข้าก็จะไม่รู้สึกแย่”
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่เยว่หานก็อดคิดถึงภาพตอนที่เมิ่งฉีฮ่วนปฏิบัติต่อจินเสวี่ยเอ๋อร์เมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาไม่ได้ หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย “แต่หากเจ้าปฏิบัติกับจินเสวี่ยเอ๋อร์เหมือนที่ทำเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็อย่ามาพูดว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน!”
“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนั้น” เมิ่งฉีฮ่วนจ้องมองหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังแสดงท่าทีว่าตัวเองแข็งแกร่ง และอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก “ข้าจะปฏิบัติเช่นนั้นกับเจ้าเพียงผู้เดียว”
“…” ให้ตายเถอะ! ชายที่แข็งทื่อราวกับท่อนไม้เช่นนี้ ทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคได้อย่างไร!
หลี่เยว่หานส่ายหน้าด้วยท่าทางแปลกประหลาด “ดึกแล้ว …เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“หน้าเจ้าแดงแล้ว” เมิ่งฉีฮ่วนเอ่ยพูดอย่างจริงจัง
“ข้าเปล่า!” หลี่เยว่าหานปฏิเสธ ทว่าก็รีบยกมือขึ้นปิดปังใบหน้า “เจ้าตาฝาดแล้ว!”
“เจ้าหน้าแดง” เมื่อเห็นหลี่เยว่หานมีอาการเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนจึงพูดอย่างหนักแน่นอีกครั้ง
“เจ้านี่น่ารำคาญจริง ๆ! รีบกลับไปนอนได้แล้ว ข้าง่วง! ข้าจะนอนแล้ว!” เมื่อเอ่ยจบ หลี่เยว่หานก็เตะรองเท้าเขาสองสามครั้ง ก่อนจะพลิกตัวพลางหยิบผ้าห่มเข้ามากอดพร้อมดึงผ้าห่มคลุมตัวเองจนเสร็จสรรพ
เมื่อเห็นดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเมิ่งฉีฮ่วนก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เขาดึงผ้าลงจากใบหน้าหลี่เยว่หาน
หญิงสาวเริ่มจะหงุดหงิด แต่กลับได้ยินเสียงแฝงแววขบขันของเมิ่งฉีฮ่วนเข้าเสียก่อน “เดี๋ยวจะหายใจไม่ออก ข้าไปนอนก่อนนะ”
เมื่อเอ่ยเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องของหลี่เยว่หานไป ปล่อยให้หลี่เยว่หานนอนว้าวุ่นอยู่บนเตียงเพียงลำพัง
คนผู้นี้เป็นอะไรกันแน่! นี่เป็นการแกล้งเล่นรึไง! เย้าแหย่กันอย่างนั้นหรือ!
หลี่เยว่หานรู้สึกหงุดหงิดมากจนเผลอหลับไปกลางดึก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่เยว่หานได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างนอก เธอรีบลุกจากเตียงพลางสวมรองเท้าและเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นภาพจินเสวี่ยเอ๋อร์คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเมิ่งฉีฮ่วน กำลังร่ำไห้และจับชายชุดของชายหนุ่มไว้
“น้องเมิ่ง เจ้าจะไล่ข้าไปจริง ๆ หรือ เช่นนั้นแล้วข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร!” จินเสวี่ยเอ๋อร์ร้องไห้อย่างน่าสงสาร ราวกับว่านางกำลังจะโดนเมิ่งฉีฮ่วนทอดทิ้ง
“เจ้าเป็นอะไรอีก!” หลี่เยว่หานรีบพุ่งเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะดึงมือจินเสวี่ยเอ๋อร์ออกจากชายชุดของเมิ่งฉีฮ่วนและพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าว “เมื่อวานก็พูดอย่างชัดเจนต่อหน้าท่านปุ่ซุนแล้ว วันนี้เจ้าต้องย้ายออก!”
“น้องสะใภ้! น้องสะใภ้ช่วยขอร้องน้องเมิ่งแทนข้าที!” จินเสวี่ยเอ๋อร์คว้าชายกระโปรงของหลี่เยว่หาน และพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร “ข้าเป็นสตรีตัวคนเดียว จะให้ข้าอยู่ลำพังได้อย่างไร!”
“เจ้าไม่มีมือมีเท้ารึไง! ยามนี้ฤดูใบไม้ผลิวนมาอีกครั้งแล้ว ต่อให้เจ้าจะไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง แต่หากเจ้าใช้ความคิดสักหน่อย เจ้าก็จะหาอะไรทำในหมู่บ้านได้!” หลี่เยว่หานพยายามดึงชายกระโปรงคืนด้วยความโกรธ “มันยากมากหรือ เจ้าอยากให้พวกข้าช่วยเจ้าอีกใช่หรือไม่!”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงแค่… ข้าไม่เคยทำงานในไร่นาเลย ข้าทำไม่เป็น…” จินเสวี่ยเอ๋อร์มองเมิ่งฉีฮ่วนและหลี่เยว่หานอย่างน่าสงสาร “จะเป็นไปได้หรือไม่… หากข้าจะมาช่วยทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าไม่ต้องการเงินทอง ข้าเพียงต้องการอาหารเท่านั้น!”
“เจ้ามีความคิดดีจริง ๆ!” ก่อนเมิ่งฉีฮ่วนจะเปิดปากเอ่ย หลี่เยว่หานก็ชิงปฏิเสธก่อน “เจ้าเกือบจะเอาหลิงซีไปขาย แล้วเจ้ายังคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าเข้ามาในบ้านอีกงั้นหรือ? เจ้ามาอยู่ที่นี่กี่วันแล้ว เจ้าเคยช่วยทำอะไรบ้าง?”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็เงียบลง
“ข้าเรียกท่านว่าพี่สะใภ้ เพราะเห็นแก่พี่ชายร่วมสาบานของข้า” ในที่สุดเมิ่งฉีฮ่วนก็เปิดปากเอ่ยขึ้น หลี่เยว่หานเกือบจะคิดว่าเมิ่งฉีฮ่วนเป็นใบ้ไปเสียแล้ว “หากท่านอยู่ที่บ้านหลังนี้ ทั้งข้าและเยว่หานคงไม่วางใจ แต่ถ้าท่านเต็มใจ ข้าสามารถหางานให้ท่านไว้ใช้เลี้ยงชีพได้”
ประโยคหลังของชายหนุ่มทำให้หลี่เยว่หานรู้สึกหัวร้อน “เจ้าคิดจะทำอะไร!”
“เจ้าใจเย็นลงก่อนเถิด” เมิ่งฉีฮ่วนรู้ว่าหลี่เยว่หานอารมณ์ไม่ดี จึงรีบพูดปลอบใจ “ข้าเพียงกำลังคิดว่าในหมู่บ้านมีสตรีอยู่ไม่น้อยที่ทำงานเย็บปักถักร้อย แล้วเอาผลงานไปแลกรับเงินไม่ใช่หรือ ฝีมือการเย็บปักของจินเสวี่ยเอ๋อร์ดีมาก ข้าจึงคิดว่านางสามารถทำงานนี้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานจึงตอบรับโดยที่ยังไม่ได้หันกลับไปมองเมิ่งฉีฮ่วน “ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ เจ้าไม่ต้องไปทำไร่ทำนา เจ้าสามารถเย็บปักถักร้อยได้!”
“ข้ารู้แล้ว…” จินเสวี่ยเอ๋อร์กัดฟันพูดอย่างอดกลั้น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นครั้งหนึ่ง ก่อนจะคลายมือที่จับชายกระโปรงของหลี่เยว่หานไว้และลุกขึ้น “ในเมื่อน้องเมิ่งช่วยคิดให้ข้าแล้ว ข้าก็ไม่ควรที่จะพูดอะไรต่อ …ข้าจะทำตามสิ่งที่เจ้าบอก”
เมื่อเอ่ยเสร็จ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่ลืมที่จะเช็ดตรงมุมตาของตัวเอง ราวกับเป็นผู้ถูกกระทำ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็ไม่พูดอะไรเช่นกันและหันไปมองทางเมิ่งฉีฮ่วน
เมิ่งฉีฮ่วนเห็นหลี่เยว่หานจ้องมองตนจึงรีบเอ่ย “ข้าพูดคุยกับซุนไท่กงเรียบร้อยแล้วว่ามีบ้านดี ๆ ในหมู่บ้านว่างอยู่ ข้าจะจ่ายค่าเช่าให้กับท่านก่อน ท่านจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยสบายใจ เงินนี้ข้า… ให้ท่านยืม!” เมิ่งฉีฮ่วนอยากจะเอ่ยว่าให้ท่าน แต่เมื่อเห็นหลี่เยว่หานจ้อง เขาจึงไม่กล้าพูดเช่นนั้น
“ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปหรอก เดี๋ยวค่อยจ่ายคืนก็ได้” น้ำเสียงของหลี่เยว่หานอ่อนลงเมื่อเห็นว่าเมิ่งฉีฮ่วนพูดอย่างตรงไปตรงมา “สตรีใช้ชีวิตตัวคนเดียวคงลำบาก ไว้รอเจ้ามีเงินแล้วค่อยจ่ายคืนก็ได้”
“เสวี่ยเอ๋อร์ขอบคุณน้องเมิ่งและน้องสะใภ้” จินเสวี่ยเอ๋อร์ท่าทางดูผิดหวัง นางหยิบสัมภาระของตนขึ้นมาทีละใบ ก่อนจะเดินออกจากลานกว้างไป ตอนนี้ภายในบ้านกลับมามันเงียบสงบแล้ว
หลังจินเสวี่ยเอ๋อร์จากไปได้ไม่นาน ยังไม่ทันที่หลี่เยว่หานกับเมิ่งฉีฮ่วนจะพูดจากัน ต้นขาของหญิงสาวก็โดนหลิงซีสวมกอดเอาไว้ “อาหญิงเก่งมาก!”
เมื่อหันกลับไปมอง มู่ชวนเองก็ตื่นแล้วเช่นกัน หลี่เยว่หานจึงอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
ต่อหน้าพวกเด็ก ๆ เธอพยายามรักษาท่าทางให้ดูอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่เพราะเหตุการณ์ตรงหน้า จึงลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น
“หลิงซีอย่าทำตามอาหญิงนะ” หลี่เยว่หานย่อตัวลงแล้วอุ้มหลิงซีขึ้นมา “หลิงซีเป็นสตรี จะมาตวาดเสียงดังเหมือนอาหญิงไม่ได้”
“ไม่เจ้าค่ะ โตขึ้นหลิงซีจะเป็นเหมือนอาหญิง! แข็งแกร่งและน่าเกรงขาม!” หลิงซีเอ่ย “จุ๊บ!” พลางหอมแก้มหลี่เยว่หาน
MANGA DISCUSSION